วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พิษณุโลก ฮ.กระทรวงทรัพย์ ขึ้นบินตรวจสภาพป่า ที่ อ.นครไทย ผงะ เจอมอดไม้ คัดเฉพาะ”ไม้ชิงชัน”ล้วนๆ ล้มและแปรรูปไม้เพียบบนยอดเขาบ้านน้ำเลา เชื่อลักษณะเด่น ไม่แพ้”ไม้พยุง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 10 มิถุนายน 57) นายสำรวย ชมบุญ หัวหน้าสายตรวจสายที่1สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลกสนธิกำลังหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ 3  (หนองกระท้าว)  ชักลากไม้ชิงชันลงมาจากยอดเขา หลังจากวานนี้ จนท.ป่าไม้ขึ้นบินตรวจสภาพป่า ด้วยเครื่องบิน กระทรวงทรัพย์(สีแดง) ซึ่งถือเป็นแผนบินปกติในการตรวจสภาพป่า ประจำเดือน มิ.ย.2557 แต่หลายครั้ง ม๊อดไม้ รู้ตัว กระทั่งล่าสุด 

สายตรวจฯกรมป่าไม้ขึ้นบินพบ ไม้ล้มพร้อมกับเห็นไม้ทอนถูกแปรรูปเป็นแผ่นๆ จึงส่งสัญญาณให้นำกำลังจนท.ป่าไม้ภาคพื้นดิน(หน่วยฯหนองกะท้าว)เข้าตรวจยึด  ยึดไม้ชิงชันจำนวน 33แผ่น และไม้ท่อนจำนวน 4 ท่อนขนาดใหญ่ ยาวไม่ต่ำกว่า 20 เมตรล้มอยู่ในป่า และยังมีไม้ชิงชันรอการแปรรูปชนิดเหลี่ยมจำนวน 2 ท่อน( ผ่ากลางต้น) แต่ไม้ท่อนที่ยังไม่ได้แปรรูป ไม่สามารถชัดลากลงมาจากเขาได้ เนื่องจากอยู่กลางป่ายอดเขา โดยมีทางขึ้นหลังวัดบ้านน้ำเลา หมู่2 ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

จนท.ชักลากทำได้เพียงชักลากไม้ชิงชันแปรรูปจำนวน 33แผ่นขึ้นรถกระบะมา นำส่งหน่วยฯพล3(หนองกะท้าว)   และต้องทิ้งไม้ท่อนไว้ที่เกิดเหตุบริเวณในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเนินเพิ่ม ส่วนผู้ต้องหาไม่พบ

นายสำรวย ชมบุญ หัวหน้าสายตรวจสายที่1สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กล่าวว่า การขึ้นบินตรวจป่าครั้งนี้ เพื่อดูป่าไม้ คงอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ โดยเฉพาะป่าชิงชันและ ป่าประดู่ ถือว่า ควรอนุรักษ์ไว้ ขณะที่ภาคอีสาน ไม้พยุงถือว่า มีค่า และมีราคาสูง ส่วนภาคเหนือ ไม้ชิงชันถือว่า ราคาสูงเช่นกัน เนื่องจากเนื้อไม้เหมือนไม้พยุง สีและสด คล้ายๆกัน อีกทั้งเนื้อไม้ชิงชันมีความแข็ง และเหนียวเป็นที่ต้องการของตลาด 

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 ย้ำโรงเรียนในสังกัด หากิจกรรมสร้างสรรค์ให้เด็กร่วมทำพร้อมให้ครูและผู้ปกครองเฝ้าระวังสอดส่องพฤติกรรมช่วงฟุตบอลโลก

 นายแดง วรศักด์วุฒิพงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 เปิดเผยว่า ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้มีการเฝ้าระวังการพนันของนักเรียนในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน ถึง 13 กรกฎาคม 2557 ที่ประเทศบราซิล นั้น เพื่อป้องกันนักเรียน ไม่ให้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนันฟุตบอล

ในส่วนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์) มีโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดถึง 58 โรงเรียนใน 2 จังหวัด ซึ่งเป็นนักเรียนที่อยู่วัยรุ่นและเป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาการศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 ได้ทำหนังสือแจ้งโรงเรียนในสังกัด เพื่อย้ำถึงมาตรการการป้องกันนักเรียน เล่นพนันฟุตบอลโลก 2014 ตาม 3 ประเด็นสำคัญของ สพฐ. คือ 1. สร้างภูมิคุ้มกันเด็ก โดยเน้นสร้างการป้องกันนักเรียนจากการพนัน โดยหากิจกรรมอื่นๆ ที่เหมาะสมในช่วงการแข่งขัน การรณรงค์ผ่านผู้ปกครอง การคัดกรองเด็ก ว่า เด็กกลุ่มไหนที่เสี่ยงจะเล่นพนันบอล 2. การป้องกันและร่วมมือไม่ให้เด็กเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน โดยเฉพาะช่วงระหว่างการแข่งขันเป็นเวลา 1 เดือน โดย สพท. จัดให้มีชุดเฝ้าระวังคอยสอดส่อง กรณีที่รู้ว่าเด็กจะเล่นพนันก็จะมีสายสืบเข้าไปห้ามปราม และ 3. โรงเรียนจะต้องรณรงค์ให้เด็กชมฟุตบอลโดยปลอดการพนัน อาทิ กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เด็กชมการแข่งขันฟุตบอล นำเทปการแข่งขันในคู่ดึกมาเปิดให้ชมในช่วงพักกลางวัน เสนอข่าวสารผลฟุตบอลในโรงเรียน เป็นต้น ทั้งนี้ ได้ย้ำผู้บริหารและครูในโรงเรียนให้ดูถึงการพนันในรูปแบบออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือ และผ่านระบบเอสเอ็มเอส ด้วย นายแดง กล่าวท้ายสุด

ขนส่งจังหวัดเพชรบูรณ์ประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย หมวดอักษร กฉ 301 หมายเลข

นายสุพจน์ เครือนพคุณ ขนส่งจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า จะนำหมายเลขทะเบียนรถสวย หมวดอักษร กฉ หมายความว่า "กิจการดี โชคดี ป้ายดี ถูกโฉลก เพิ่มศักดิ์ศรี” ที่ออกให้แก่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน เช่น รถเก๋ง รถแวน รถกระบะ 4 ประตู ออกประมูลเป็นการทั่วไป จำนวน 301 หมายเลข ในวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2557 และวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2557 ณ ห้องประชุมประกายเพชร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ เพื่อนำเงินรายได้เข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน การนำไปใช้ในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน กิจกรรมปลูกจิตสำนึกด้านการขับขี่ปลอดภัย จัดซื้ออุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการจากอุบัติเหตุทางรถ เป็นต้น

สำหรับหมายเลข ที่นำออกให้ประมูล ประกอบด้วย เลขตัวเดียว 1 – 9 เลขสองตัวเหมือนกัน 11 – 99 เลขสามตัวเหมือนกัน 111 – 999 เลขสี่ตัวเหมือนกัน 1111 – 9999 เลขหลักพัน 1000 – 9000 เลขเรียงสามตัว 123 – 789 เลขเรียงสี่ตัว 1234 – 6789 เลขคู่เหมือน 1122 -9988 เป็นต้น รูปแบบป้ายจะเป็นภาพสีกราฟฟิก ประกอบด้วยรูปมะขามหวาน ภูทับเบิก และวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เมื่อประมูลแล้วสามารถจดทะเบียนได้ทันที เป็นกรรมสิทธฺของผู้ประมูลได้ตลอดไป นำไปขายต่อหรือมอบเป็นของขวัญ มรดกตกทอดได้ จึงขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมประมูลในวันดังกล่าว ต่อไป

ประชุมเตรียมการตรวจสอบข้าวคงเหลือของรัฐทั้งปริมาณและคุณภาพ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี2556/57

วันนี้ (10 มิ.ย.56) เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุม กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง พันเอกสมพงษ์ แจ่มจำรัส รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 พร้อมด้วย นายสุชาติ ราษฎร์ดุษดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมเป็นประธานประชุมเตรียมการตรวจสอบข้าวคงเหลือของรัฐทั้งปริมาณและคุณภาพ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี2556/57 ทั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 177/2557 ลงวันที่ 6 มิ.ย.57 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดเพชรบูรณ์ รายงานข้อมูลมียอดข้าวสารคงคลัง ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ณ วันที่ 5 มิ.ย.57 รวม 5,798,380 กระสอบ 424,553 ตัน ขณะที่ อตก.เพชรบูรณ์ ได้รายงานข้อมูลมียอดอนุมัติให้ซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งจะต้องตัดยอดออกไปจากจำนวนนี้

รองผบ.กกล.พล.ม.1 ได้กำชับให้ อกต. และ อคส. ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ห้ามไม่มีไฟไหม้โรงสีที่เป็นคลังกลาง และห้ามเคลื่อนย้ายข้าวสารโดยเด็ดขาด ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดำเนินการด้วยความถูกต้อง ฉับไว เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของผู้นำฯ เป็นภาพรวมที่ดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ และจะออกตรวจสอบข้าวในคลัง จุดแรกในวันที่12 มิถุนายน 2557 ที่คลังสมบัติพาณิชย์ ต.บ้านกล้วย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุมคณะทำงานศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.กอ.รมน.จังหวัด อ.ต.) พร้อมกำหนดจัดกิจกรรมคืนความสุขแก่ประชาชน สลายสีเลื้อ เสริมสร้างความรักสามัคคีของคนในชาติ

นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานประชุมคณะทำงานของศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.กอ.รมน.จังหวัด อ.ต.) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของการนำไปสู่นำไปสู่ความสงบสุข เสริมสร้างความรักสามัคคีของคนในชาติ โดยมีนายวีระชัย ภู่เพียงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อม พันเอง บุญประสิทธิ์ มีสอาด รอง ผอ.รมน.จังหวัดอุตรดิตถ์,พันเอก สุรพงษ์ ดอกไม้ รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับแต่งตั้งในคำสั่งจังหวัดเป็นคณะทำงานศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปฯแต่ละฝ่าย ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอการจัดทำแผนการดำเนินงาน แผนการประชาสัมพันธ์ และแผนการปฏิบัติข่าวสาร ของแต่ละฝ่าย เพื่อเตรียมรายงานให้ ศปป.กอ.รมน.ภาค ๓ โดยพร้อมแถลงแผนการปฏิบัติในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่กองทัพภาคที่ ๓ และหลังจากนั้นแล้วทางจังหวัดอุตรดิตถ์ จะเร่งดำเนินกิจกรรมตามแผนงานที่กำหนดไว้ ในการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ เป้าหมายคือลดความขัดแย้งในสังคม สลายสี ให้กลับมาร่วมมือกัน โดยยึดถือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

จังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้านสังคม และวัฒนธรรมอาเซียน

นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้านสังคม และวัฒนธรรมอาเซียน จังหวัดอุตรดิตถ์ ณ ห้องประชุมสวางคบุรี ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อหารือกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนงาน และการจัดทำแผน/กิจกรรม/การประชาสัมพันธ์ด้านสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน จังหวัดอุตรดิตถ์ เตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งจังหวัดอุตรดิตถ์ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานกลางอาเซียน มีหน่วยงานราชการที่มีการเสนอโครงการมาให้จังหวัดพิจารณา จำนวน ๔๒ หน่วยงาน รวม ๘๖ โครงการ โดยแยกเป็นด้านการเองและความมั่นคง จำนวน ๑๖ หน่วยงาน ๓๗ โครงการ,ด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๑๑ หน่วยงาน ๒๔ โครงการ และด้านสังคมและวัฒนธรรม จำนวน ๑๕ หน่วยงาน ๒๕ โครงการ โดยที่โครงการต่าง ๆ จะสอดรับกับวิสัยทัศน์ คือ "เมืองแห่งคุณภาพชีวิต ผลผลิตปลอดภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ก้าวไกลสัมพันธ์เพื่อนบ้านยั่งยืน” รวมทั้งพันธกิจจังหวัด คือ ส่งเสริมพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ มีศักยภาพการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและความสัมพันธ์อันดีทั้งภายในและระหว่างประเทศ ซึ่งมีเป้าประสงค์ของจังหวัดคือ "จุดผ่านแดนถาวรภูดู่มีศักยภาพการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์อันดี ทั้งภายในและระหว่างประเทศสูงขึ้น”

จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดอบรมเพิ่มศักยภาพทางการค้า การลงทุน การคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยวเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

วันนี้ (๑๐ มิ.ย.๕๗) ณ โรงแรมฟรายเดย์ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ นายวีระชัย ภู่เพียงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมเพิ่มศักยภาพทางการค้า การลงทุน การคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยว เพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและศึกษาดูงานประเทศในยุโรป (ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน) ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วยผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๗ คน ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้เข้าร่วมอบรมในการสร้างศักยภาพเศรษฐกิจเมืองชายแดนภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทางหรือปลายทางเป็นประเทศไทยกับประเทศที่สามที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจุบันไทยสามารถทำการค้าผ่านแดนกับ จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ เป็นต้น จังหวัดอุตรดิตถ์จึงมีความจำเป็นต้องสนับสนุนให้มีเรื่องของการเปิดด่านชายแดนเพื่อการค้าเพิ่มเติมในบริเวณด้านที่มีศักยภาพ เช่น ที่ด่านภูดู่ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ด้วยต่อไป

ตำรวจสันติบาลจังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แก่ผู้นำชุมชน ตำบลหาดกรวด อำเภอเมือง

วันนี้ (๑๐ มิ.ย.๕๗) นายวีระชัย ภู่เพียงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานใจพิธีเปิดการอบรมตามโครงการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งตำรวจสันติบาลจังหวัดอุตรดิตถ์ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลหาดกรวด อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดขึ้นเป็นรุ่นที่ ๒ มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน ๑๐๐ คน เพื่อรณรงค์สร้างจิตสำนึก ค่านิยมให้กับประชาชนให้ความเข้าใจ รวมทั้งร่วมกันแสดงออกด้วยความ เคารพรัก เทิดทูน ตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ผู้เข้ารับการอบรมยังจะได้เป็นเครือข่ายภาคประชาชนด้านการข่าวแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำไปสู่การดำเนินการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะประเทศไทย เป็นประเทศเดียวในโลกที่เยกระบอบการปรกครอง "ประชาธิปไตย” โดยต่อด้วย "อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข” ด้วยเหตุผลพื้นฐานของสังคมไทยที่เคารพรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรือง แม้ในยามเกิดวิกฤต พระมหากษัตริย์ก็ทรงช่วยให้ชาติรอดพ้นวิกฤติมาทุกครั้ง ได้ทรงเสียสละทุ่มเทพระวารกาย ปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อพสกนิกรอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา