วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ประมงจังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดพิธีปล่อยพันธ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติฯ

สำนักงานประมงจังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดพิธีปล่อยพันธ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๗

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานในพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องใน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ๘๒ พรรษา ๑๒ สิงหามหาราชินี ณ บริเวณสะพานแม่น้ำยวม (บ้านใหม่พัฒนา – บ้านท่าผาปุ้ม) ตำบลท่าผาปุ้ม อำเภอแม่ลาน้อยจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๔00,000 ตัว โดยมี ปลาตะเพียนขาว จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัว ปลายี่สกเทศ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ตัว ปลาโพงหรือปลาบ้า จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ตัว และในวันนี้ยัง ได้สนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำให้กับหน่วยงานต่าง ๆ นำไปปล่อยในแหล่งน้ำอีกจำนวน ๖ อำเภอๆ ละ ๑๐๐,๐๐๐ ตัว รวมทั้งสิ้นทั้งจังหวัดรวม ๑,๐๐๐,๐๐๐ ตัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กรมประมงประสงค์ให้สำนักงานประมงจังหวัด จัดพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี และถวายเป็นพระราชกุศล ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงสู่แหล่งน้ำ ภายในจังหวัดจำนวนหนึ่งล้านตัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำในแหล่น้ำ ให้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารโปรตีนจากสัตว์น้ำ แก่ประชาชนในท้องถิ่น อันเป็นการสนองพระราชปณิธาน ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และการรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ฟื้นฟูพันธุ์สัตว์น้ำของไทยให้มีความอุดมสมบูรณ์ และความยั่งยืนต่อราษฎรชาวไทย



ข่าวโดย : ศุภวัฒน์ สมบูรณ์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

ศูนย์ติดตามสถานการณ์ กอ.รมน.ตรวจเยี่ยมจังหวัดแพร่เน้นเจ้าหน้าที่ทำงานให้ประชาชนเกิดความสุข

นายชเนรินทร์  สมินทรปัญญา ประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ หัวหน้ากลุ่มงานกิจการมวลชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดแพร่ หรือ กอ.รมน.จังหวัด แจ้งว่า เมื่อเร็วๆนี้ที่ศาลากลางจังหวัดแพร่ คณะศูนย์ติดตามสถานการณ์ กอ.รมน.นำโดย  พ.อ. สมศักดิ์ แทนศิริ รองผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้เดินทางมาตรวจติดตามสถานการณ์แก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่เพื่อรับทราบสถานการณ์ปัจจุบันพร้อมแนะนำแนวทางแก้ไขปัญหาของจังหวัดตลอดจนให้ขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

การตรวจติดตามสถานการณ์ครั้งนี้ พ.อ.ชินทัศ หมวกละมัย รอง ผอ.รมน.จังหวดแพร่ ได้บรรยายสรุปแก่คณะว่า ในจังหวัดแพร่ถึงแม้จะมี ปัญหาด้านการเมือง สิ่งแวดล้อม อาชญากรรม อาวุธสงครามบ้าง แต่เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นหรือข้างเคียงนับว่ายังไม่รุนแรง โดยเฉพาะ ปัญหายาเสพติดทาง กอ.รมน.จังหวัดได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับฝ่ายตำรวจและปกครองตั้งด่านสกัด จู่โจมจับกุม ป้องกันทุกครั้งและสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้  พร้อมทั้งให้มีการเฝ้าระวังทุกเรื่องที่กล่าวไปตลอดเวลา  ส่วนในเรื่องกิจการมวลชนนั้นได้พยายามฟื้นฟู และสานสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับทุกกลุ่ม อาทิ กลุ่มอาสาสมัครพัฒนาและป้องกันตนเอง กลุ่มไทยอาสาสมัครป้องกันชาติ และ กลุ่มกองหนุนแห่งชาติ

ส่วน พ.อ.สมศักดิ์ แทนศิริ รองผู้อำนวยการศูนย์ติดตามสถานการณ์ กอ.รมน.ได้กล่าวแก่เจ้าหน้าที่ของจังหวัดแพร่ว่า ขณะนี้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้มีการปรับปรุงสถานที่ให้ทันสมัยสามารถรองรับสถานการณ์ได้ 24 ชม.  มีเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครือข่าย ระบบการรายงานที่มี ประสิทธิภาพ จัดชุดให้เข้าถึงที่เกิดเหตุ สามารถรายงานสด  ติดตาม ตรวจสอบ เพื่อนำข้อมูลมาประเมินแนวโน้มของสถานการณ์  อันจะนำไปสู่การ ป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง แก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้ทันท่วงที ทั้งนี้ให้สนองต่ออำนาจหน้าที่ตาม พรบ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  พ.ศ. 2551

รองผู้อำนวยการศูนย์ฯ กล่าวอีกว่า ทาง กอ.รมน.ไม่อยากให้ประเทศไทยเกิดวิกฤติในด้านต่างๆ อาทิ ไม่สามารถรักษาความมั่นคงภายใน  เกิดความขัดแย้งทางการเมือง สังคม เชื้อชาติ ศาสนา อย่างรุนแรง หลักกฎหมายใช้บังคับไม่ได้ มีคอรัปชั่นทุกวงการ  สิ่งเหล่านี้จะนำพาชาติไปสู่ความล้มเหลว ทั้งๆที่ประทศไทยขณะนี้มีความแข็งแกร่งในด้านต่าง ๆ เช่น มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 31 ของโลก เป็นตลาดที่มีกำลังซื้ออันดับที่ 24 เป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับที่ 28 กล่าวคือส่งออกดิสค์อันดับ 1 ส่งออกยางและน้ำตาลอันดับ 2  ส่งข้าวออกเป็นที่ 6  ส่งรถยนต์อันดับที่ 15 เป็นแหล่งผลิตอาหารสัตว์คือ ปลายข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปลาป่น จึงเป็นผู้ผลิตส่งออกหมู ไก่ ไข่ เป็ด ผัก ผลไม้ ชั้นนำ ต่อไปคาดว่าคงจะส่งดอกไม้ตีตลาดโลก เป็นประเทศที่การลงทุนทำได้ง่ายเป็นอันดับที่ 17 ของโลก เช่น กู้เงินได้เร็ว หาคนทำงานและก่อสร้างได้เร็ว จดทะเบียนบริษัทได้เร็ว นักท่องเที่ยวเข้ามาอันดับที่ 19 ของโลก ผลการสำรวจคนในโลกจะเกษียณอายุ บอกว่าเมืองไทยเหมาะมากอยู่ในอันดับ 9 ต่างชาติชอบมาอยู่เมืองไทย มาทำงานเมืองไทย เพราะที่พักระดับดีถูกสุดในเอเชีย อาหารดี โรงพยาบาลดี มีโรงแรมชั้นนำ เที่ยวกินได้ทั้งคืน  มีทะเล ภูเขา ป่าไม้ มีอาหารทุกชาติ ต้อนรับคนทุกศาสนา คนนิสัยดี มีกาลเทศะ ไม่วุ่นวาย  บางประเทศจึงกระตือรือร้นที่จะมาขอทำเขตการค้าเสรีด้วย  ฉะนั้นหากประเทศไทยไม่เกิดวิกฤติความขัดแย้งจนไปสู่ความล้มเหลว สถิติอันดับต้น ๆ ของโลกที่เรามีจะส่งผลให้ประเทศเจริญ ประชาชนเกิดความผาสุกต่อไป



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่

จังหวัดแพร่ เปิดโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ชาวประชาเป็นสุข

จังหวัดแพร่เปิดโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ชาวประชาเป็นสุข ในพระดำริสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ตามที่กรมการศาสนาได้จัดโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ชาวประชาเป็นสุข ในพระดำริสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เพื่อความสามัคคีและประโยชน์สุขของประชาชน ตลอดจนเพื่อความมั่นคงและสันติสุขของประเทศชาติ และเพื่อสืบสานงานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล โดยมีเป้าหมายคือการสร้างชุมชนที่นำหลักศีล 5 ซึ่งเป็นหลักธรรมพื้นฐานทางพระพุทธศาสนาส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนรักษาศีล 5 เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เป็นหลักประกันความมั่นคงของชีวิต ไม่คิดมุ่งร้าย ทำลายคนอื่น ไม่ทุจริต คดโกงเกิดความมั่นคงในสถาบันครอบครัว ซึ่งจังหวัดแพร่ได้รับการคัดเลือกจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นจังหวัดต้นแบบดำเนินงานโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ชาวประชาเป็นสุข จาก 10 จังหวัด ซึ่งจังหวัดแพร่ได้นำเสนอบ้านหมู่ 11 บ้านพระธาตุช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ และวัดพระธาตุช่อแฮ เป็นหมู่บ้านต้นแบบ

และวันนี้ (7ส.ค.57) ที่วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง พระธรรมมังคลาจารย์  เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 เป็นประธานเปิดโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ชาวประชาเป็นสุข ในพระดำริสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งจะเป็นหมู่ต้นแบบโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ชาวประชาเป็นสุข โดยมีพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีเป็นจำนวนมากทั้งนี้เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ อันจะนำพาความสงบสุขสู่ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

ชาวอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ร่วมใจปลูกป่าตามโครงการประชาอาสา 800 ล้านกล้าถวายราชินี วันที่ 7 ส.ค. 2557 (จำนวนคนอ่าน 9 คน)

ชาวตำบลห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ร่วมกับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ จัดกิจกรรมปลูกป่าตามโครงการประชาอาสา 800 ล้านกล้าถวายราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหามหาราชินี

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ตามที่จังหวัดแพร่ได้ดำเนินงานตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800  ล้านกล้า 80  พรรษาราชินี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ รวมทั้งร่วมฟื้นฟูสภาพป่าให้มีความสมบูรณ์ และปลูกจิตสำนึกของคนในชาติให้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ซึ่งได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555

และเช้าวันนี้(7ส.ค.57) ที่วัดห้วยลากปืน บ้านห้วยลากปืน ตำบลห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ นายเฉลิมวุฒิ รักขติวงศ์ นายอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่เป็นปรานนำคณะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทุกหมู่เหล่าปลูกต้นสัก จำนวน 800 ต้นในพื้นที่ 4 ไร่ ตามโครงการประชาอาสา 800 ล้านกล้าถวายราชินี และเพื่อร่วมใจถวายเป็นพระราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2557 และเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับผืนแผ่นดินของจังหวัดแพร่อีกด้วย



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

จังหวัดแพร่ จัดเลี้ยงอาหารพรพะราชทานแก่ผู้ด้อยโอกาส เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

จังหวัดแพร่ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดแพร่จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนแพร่ปัญญานุกูล อำเภอเมืองแพร่ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2557

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ตามที่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ได้ร่วมกับจังหวัดแพร่ดำเนินโครงการน้ำพระทัยพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ ผู้ตกงาน และผู้ประสบความทุกข์ยาก เดือนร้อน ในช่วงเดือนสิงหาคม 2557 เพื่อน้อมเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถนั้น โดยเช้าวันนี้(7 ส.ค.57)ที่โรงเรียนแพร่ปัญญานุกูล อำเภอเมืองแพร่ นายธนากร อึ้งจิตรไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน สู่ภูมิภาค ซึ่งจังหวัดแพร่ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดแพร่ และชมรมแม่ดีเด่นประจำจังหวัดแพร่จัดขึ้น โดยได้มอบเงินสงเคราะห์จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และเลี้ยงอาหารกลางวันพระราชทานแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนแพร่ปัญญานุกูล จำนวน 396 คน

สำหรับโรงเรียนแพร่ปัญญานุกูล จัดตั้งขึ้นตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2539 เดิมเรียกโรงเรียนพิเศษแพร่ และเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนแพร่ปัญญานุกูล เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 เป็นโรงเรียนที่เปิดรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และทางการได้ยิน ระดับปฐมวัย และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประเภทอยู่ประจำ และไป-กลับในเขตพื้นที่จังหวัดแพร่ ลำปาง และอุตรดิตถ์ ปัจจุบันมีนักเรียนรวมทั้งสิ้น 396 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ และบุคลากรในโรงเรียนรวม 109 คน



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

ผู้แทนพระองค์มอบส่งของพระราชทานตามโครงการ “หนึ่งใจ...เดียวกัน” ที่จังหวัดแพร่

มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มอบสิ่งของพระราชทานตามโครงการ "หนึ่งใจ...เดียวกัน” ที่จังหวัดแพร่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันนี้ (7ส.ค.57) เวลา 12.30 น. ที่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ยางร้อง อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดให้นายมนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ เป็นประธานในพิธีมอบสิ่งของพระราชทานตามโครงการ "หนึ่งใจ...เดียวกัน” โดยมีนายธนากร อึ้งจิตรไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่กล่าวต้อนรับ โดยถวายสิ่งของพระราชทานแด่พระสงฆ์จำนวน 10 รูป และมอบแก่ประชาชนจำนวน 490 ชุด พสกนิกรชาวอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่รู้สึกซาบซึ้ง และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงห่วงใย และทรงมีพระเมตตานำสิ่งของพระราชทานความช่วยเหลือ มามอบแก่ประชาชนผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน ในพื้นที่จังหวัดแพร่ในครั้งนี้

อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่นั้น อยู่ห่างจากตัวจังหวัดแพร่ประมาณ 30 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 11 ตำบล  93 หมู่บ้าน 2 เทศบาล 8 องค์การบริหารส่วนตำบล มีเนื้อที่ 642 ตารางกิโลเมตร ประชากรมีอาชีพหลักประกอบด้วย ทำนา ทำไร่ ยาสูบ ข้าวโพดทำสวน เลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันมี นายสหวิช อภิชัยวิศรุตกุล เป็นนายอำเภอ



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

สภาสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ประจำจังหวัดพะเยา ร่วมกับองค์การสมาชิกสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ประจำ จังหวัดพะเยา และเหล่ากาชาดจังหวัดพะเยา จัดเลี้ยงอาหารกลางวันพระราชทานให้แก่ผู้ต้องขังหญิงเรือนจำพะเยา ภายในเรือนจำจังหวัดพะเยา เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2557

วันนี้ (7 ส.ค.57) ที่เรือนจำจังหวัดพะเยา นายสรธร สันทัด ปลัดจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยนางวราภรณ์ กีฬาแปง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพะเยา และคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดพะเยา จัดเลี้ยงอาหารกลางวันพระราชทานให้แก่ผู้ต้องขังหญิงของเรือนจำพะเยา ตามโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน ที่สภาสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ประจำจังหวัดพะเยา ร่วมกับองค์การสมาชิกสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ประจำจังหวัดพะเยา และเหล่ากาชาดจังหวัดพะเยาจัดขึ้น พร้อมทั้งแจกสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นแก่ผู้ต้องขังหญิง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ต้องขังหญิง ซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคม ที่จะประพฤติตนเป็นพลเมืองดี ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกเหล่ากาชาดพะเยา เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เนื่องในโอกาสที่โครงการน้ำพระทัยพระราชทานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศ ตามพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทางสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมกับสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัด เหล่ากาชาดจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด จัดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ตกงาน และผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน และกิจกรรมอื่นๆ ตามความเหมาะสมในช่วงเดือนสิงหาคม และธันวาคม 2557 เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

สำนักงานเกษตรพะเยาจังหวัดพะเยา พร้อมจัดงานคืนความสุขให้ชาวนาในวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.57) ณ ข่วงวัฒนธรรมริมกว๊านพะเยา

นายราเชนทร์ สุวรรณหิตาทร เกษตรจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันต้นทุนการทำนามีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากน้ำมัน ปุ๋ย และสารเคมี มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลดต้นทุนการผลิตข้าว เป็นแนวทางหนึ่งที่เกษตรกรจะพึ่งพาตนเองได้ โดยการใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้องและเหมาะสมประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการช่วยเหลือชาวนาโดยการลดราคาปัจจัยการผลิตให้แก่ชาวนาและสนับสนุนองค์ความรู้เรื่องการใช้ปัจจัยการผลิตข้าวที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวที่เหมาะสมและลดต้นทุนการผลิตต่อไร่ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว สำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา จึงได้จัดโครงการรณรงค์และถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าวเพื่อคืนความสุขให้ชาวนาในวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2557 ณ ข่วงวัฒนธรรมริมกว๊านพะเยา เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีเรื่องการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ชาวนาได้นำองค์ความรู้ในการผลิตข้าวที่ถูกต้องและเหมาะสมไปปฏิบัติ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและสนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพทำนา อีกทั้งประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาได้รับทราบแนวทางการช่วยเหลือในการลดราคาปัจจัยการผลิตในระยะเร่งด่วนของ คสช. รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาได้เข้าถึงปัจจัยการผลิตราคาถูกอีกด้วย

สำหรับกิจกรรมภายในงานจะมีการออกร้านนิทรรศการ การสาธิตให้ความรู้และรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเขตอำเภอเมืองพะเยาจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ได้ร่วมให้ความรู้แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ โครงการประกันภัยข้าว และสินเชื่อเกษตรกรเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือก



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

จังหวัดพะเยา ร่วมกับจังหวัดทหารบกพะเยา กำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดินสร้างความสุขให้ประชาชน ระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคมนี้ ณ ลานข่วงวัฒนธรรมริมกว๊านพะเยา

เรืออากาศตรีสุวิชา แก้วมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า จังหวัดพะเยาร่วมกับจังหวัดทหารบกพะเยา กำหนดจัดงาน “เฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดินสร้างความสุขให้ประชาชน เพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันจังหวัดพะเยา” ระหว่างวันที 11-13 สิงหาคม 2557 ณ ลานข่วงวัฒนธรรมริมกว๊านพะเยา เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และบูรณาการกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดการค้าเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ภายใต้โครงการส่งเสริมความสัมพันธ์และการขยายตลาดการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศ GMS อาเซียน และจีน ซึ่งเป็นโครงการตามแผนบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ การจำหน่ายผลไม้สดจากเกษตรกรโดยตรง อาทิ มังคุด ลองกอง ทุเรียน สับปะรด และลำไยของจังหวัดพะเยา รวมถึงสินค้า OTOP และการแสดงศิลปวัฒนธรรมบนเวทีตลอดงาน ทั้งนี้จะมีพิธีเปิดงานในวันที่ 11 สิงหาคม เวลา 17.00 น. ณ ลานข่วงวัฒนธรรมริมกว๊านพะเยา จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงานเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดินสร้างความสุขให้ประชาชนฯ ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

จังหวัดน่าน จัดแถลงข่าวประมูลทะเบียนรถเลขสวย หมวด กง “เกียรติยศก้าวหน้า การค้ามั่นคง การเงินมั่งคั่ง”

สำนักงานขนส่งจังหวัดน่าน จัดแถลงข่าวการประมูลทะเบียนรถเลขสวย หมวด กง รายได้นำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) และนำไปช่วยเหลือคนพิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน

วันนี้ (7 ส.ค.57) ที่ห้องมรกต โรงแรมเทวราช อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ร่วมกับนายโกวิท สฤษดิ์อภิรักษ์ ขนส่งจังหวัดน่าน และนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองน่าน เปิดการแถลงข่าวการประมูลทะเบียนรถเลขสวย ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หมวด กง "เกียรติยศก้าวหน้า การค้ามั่นคง การเงินมั่งคั่ง” จำนวน 301 หมายเลข ในระหว่างวันที่ 6 – 7 กันยายน 2557 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเทวราช จังหวัดน่าน ซึ่งถือว่าเป็นการประมูลครั้งที่ 2 ของจังหวัดน่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสนับสนุน และส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เช่น โครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โครงการสนามจราจรเยาวชนเสริมสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยในโรงเรียน โครงการนักขับรถมืออาชีพ และอีกหลายโครงการที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังนำรายได้ไปให้ความช่วยเหลือคนพิการ อันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน เช่น แขนขาเทียม รถนั่งคนพิการ ที่นอนลมป้องกันแผลกดทับ เตียงนอน รถสามล้อโยก คอมพิวเตอร์สำหรับคนพิการทางสายตา เป็นต้น

สำหรับการประมูลทะเบียนรถเลขสวย นายโกวิท สฤษดิ์อภิรักษ์ ขนส่งจังหวัดน่าน ได้กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ในหมวด กง ซึ่งผู้ที่ประมูลได้ หมายเลขจะเป็นของผู้ประมูลและเป็นมรดกให้กับบุคคลในครอบครัวได้ หรือสามารถโอนหรือมอบเป็นของขวัญให้กับคนใกล้ชิด หรือบุคคลที่เคารพนับถือ หรือขายต่อให้กับบุคคลอื่นได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการโอน และสามารถนำหมายเลขที่ได้จากการประมูลมาจดทะเบียนรถได้ทันที ไม่ต้องรอจดทะเบียนตามลำดับหมายเลขทะเบียน

ส่วนทางด้าน นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หมวด กง "เกียรติยศก้าวหน้า การค้ามั่นคง การเงินมั่งคั่ง” จำนวน 301 หมายเลข โดยแผ่นป่ายทะเบียนรถเป็นรูปเรือแข่ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองน่าน และรูปส้มสีทอง ผลไม้ที่มีชื่อของจังหวัดน่าน และแผ่นป้ายทะเบียนทุกแผ่นได้มีการปลุกเสกเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ในโอกาสนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้สนใจได้เข้าร่วมประมูลทะเบียนรถเลขสวย และยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุน และส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนอีกด้วย

สำหรับประชาชนผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย หมวด อักษร กง. " เกียรติยศก้าวหน้า การค้ามั่นคง การเงินมั่งคั่ง” สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดน่าน หมายเลขโทรศัพท์ 054-716047 ,716048 สำนักงานขนส่งสาขาอำเภอปัว โทร. 054- 791251 และ สาขาอำเภอเวียงสา โทร. 054- 691571







รดา บุญยะกาญจน์/ภาพ ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มอบสิ่งของพระราชทานตามโครงการ “หนึ่งใจ..เดียวกัน”

มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มอบสิ่งของพระราชทานตามโครงการ "หนึ่งใจ..เดียวกัน” ในวันที่ 13 สิงหาคม 2557 ณ ที่ว่าการอำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ทรงพระกรุณาโปรดให้ นายมนัส โนนุช กรรมการผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ เป็นประธานในพิธีมอบสิ่งของพระราชทาน ตามโครงการ "หนึ่งใจ...เดียวกัน" ของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2557 เวลา 13.00 น. ณ ที่ว่าการอำเภอทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน

สำหรับกำหนดการมอบสิ่งของพระราชทาน ตามโครงการ "หนึ่งใจ...เดียวกัน” ของมูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ ณ ที่ว่าการอำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น. ประธานในพิธีเดินทางมาถึง จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กราบพระสงฆ์ และถวายความเคารพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ที่โต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประธานเข้านั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน/ผู้แทน กล่าวต้อนรับ นายอำเภอทุ่งช้าง กล่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ ประธานในพิธีถวายสิ่งของพระราชทานแด่พระสงฆ์ 10 รูป จากนั้นประธานในพิธีพร้อมหัวหน้าส่วนราชการ มอบสิ่งของพระราชทาน จำนวน 490 ชุด แก่ประชาชน ประธานกล่าวและเดินเยี่ยมประชาชนที่มามาร่วมงาน สมควรแก่เวลาจึงเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานจังหวัดเชียงราย
              
พระราชทาน ตามโครงการ "หนึ่งใจ...เดียวกัน" ของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2557 เวลา 13.00 น. ณ ที่ว่าการอำเภอ ทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน โดยพร้อมเพรียงกัน




รดา บุญยะกาญจน์/ภาพ ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

ผู้ว่า”น่าน แนะวิธีแก้ไขปัญหาลำไยตกต่ำ เน้นให้ทุกฝ่ายร่วมมือและเป็นหุ้นส่วน สร้างความเข้มแข็ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน แนะวิธีการแก้ไขปัญหาผลผลิตลำไยมีราคาตกต่ำ เนื่องจากปีการผลิต 2557 มีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เน้นให้ทุกฝ่ายร่วมมือและเป็นหุ้นส่วน สร้างความเข้มแข็งของคนน่าน โดยผู้ประกอบการและเกษตรกรอยู่ได้อย่างสบายใจทั้งสองฝ่าย และขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามประกาศของจังหวัดน่าน

ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็น ประธานการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาลำไย ปี 2557 หลังจังหวัดน่าน ได้รับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกลำไยอำเภอเชียงกลาง และตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไยบ้านห้วยแขม หมู่ที่ 10 ตำบลตาลชุม อำเภอเท่าวังผา จังหวัดน่าน ขอให้ช่วยพยุงราคาลำไย เนื่องจากผู้รับซื้อผลผลิตลำไยกำหนดราคารับซื้อไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะลำไยสดร่วง ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน และขอให้ผู้เกี่ยวข้องดูแลให้ความเป็นธรรมแก่เกษตรกร โดยเฉพาะมาตรฐานเครื่องร่อนของสถานที่รับซื้อลำไย และพ่อค้าคนกลางซื้อส่วนใหญ่เป็นตัวแทนของพ่อค้าจีน ได้กดราคารับซื้อผลผลิตลำไย จากการที่ขณะนี้มีผลผลิตลำไย ปีการผลิต 2557 ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้รับซื้อผลผลิตลำไย (ล้ง) จากเกษตรกรผู้ปลูกลำไย กำหนดราคารับซื้อไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะลำไยสดร่วง อันเป็นการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร และสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศฯ กำหนดราคารับซื้อลำไย ตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ คือ เกรด AA ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 21 บาท เกรด A ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14 บาท เกรดB ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 7 บาท และเกรด C ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2 บาท ซึ่งทำให้ล้งหลายพื้นที่ปิดการรับซื้อ ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน และทางจังหวัดน่าน ได้มีการเรียกประชุมและได้พบปะกับกลุ่มผู้ประกอบการ และกลุ่มพ่อค้าที่รับซื้อผลผลิตลำไย เพื่อที่ปรึกษาหารือในการให้ความช่วยเหลือชาวเกษตรกรชาวสวนลำไย เพื่อหาทางออกให้กับทุกภาคส่วน ซึ่งในพื้นที่จังหวัดน่าน มีเกษตรกรปลูกลำไย จำนวนกว่า 3 หมื่นไร่ ในปีนี้มีปริมาณผลผลิตลำไยเพิ่มขึ้นและมีผลผลิตมากที่สุด มากกว่าปี 2556 ประมาณ 18,767 ตัน และปริมาณผลผลิตลำไยสูงเกือบเท่าตัว ประมาณ 25,000 ตัน ซึ่งจังหวัดได้มีการดำเนินโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาลำไยปี 2557 และได้มีประกาศผู้มีสิทธิเข้าร่วมดำเนินงานตามโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาลำไย ปี 2557 จังหวัดน่าน

นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เนื่องจากปีการผลิต 2557 มีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ตนในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้หาแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ ทั้งทางด้านการรณรงค์ให้มีการบริโภคลำไยเพิ่มขึ้น และการเร่งรัดการกระจายผลผลิตลำไยออกสู่ผู้บริโภคตามช่องทางต่างๆ ดังนั้น จึงอยากจะให้ทุกฝ่ายได้ช่วยกันและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน และขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้คนน่าน โดยที่ผู้ประกอบการและเกษตรกรอยู่ได้อย่างสบายใจกันทั้งสองฝ่าย



รดา บุญยะกาญจน์/ภาพ ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ร่วมพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ

วันนี้ 6 สิงหาคม 2557 เวลา 10.00 น. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ ริมฝั่งแม่น้ำปิง บริเวณหน้าวัดท่าหลุก หมู่ที่ 7 ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกรมประมงของจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำบลสันผีเสื้อ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจัดพิธีขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนปลาหลายสายพันธุ์ให้มีการเติบโตและแพร่พันธุ์ให้มีจำนวนมากขึ้น และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและทรงคิดค้นโครงการต่างๆเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ทั้งด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรสัตว์น้ำ ทางสำนักงานประมงจังหวัดเชียงใหม่จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อสนองพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการ ประชาชน และสถานศึกษาหลายแห่ง ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลา จำนวน 50,000 ตัว ลงสู่แม่น้ำปิง เพื่อให้พันธุ์ปลาเหล่านี้ได้แพร่พันธุ์มากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อลูกหลานในอนาคตต่อไป



ข่าวโดย : อนันต์ ชุ่มใจ/สมัชญา หน่อหล้า/วิมลฉัตร สุดวิลัย
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับบริษัทแอ๊บโซลูทท์ฯ จัดโครงการ "อปท.อุตสาหกรรมสัญจร 2014" เพื่อเตรียมพร้อม AEC ของบุคลากรในท้องถิ่น

กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับบริษัทแอ๊บโซลูทท์ฯ จัดโครงการ "อปท.อุตสาหกรรมสัญจร 2014" ที่เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 7 – 8 สิงหาคม 2557 เพื่อเตรียมพร้อม AEC ของบุคลากรในท้องถิ่น โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และ อปท.เข้าร่วมโครงการกว่า 300 คน

วันนี้ (7 ส.ค.57) เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนต์วิว จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโครงการ “อปท.อุตสาหกรรมสัญจร 2014” ซึ่งบริษัท แอ๊บโซลูทท์ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “วิสัยทัศน์ก้าวไกล ท้องถิ่นไทยเจริญ” โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีสัมมนาวิชาการทางด้านอุตสาหกรรมให้เกิดวิสัยทัศน์ในการวางแผนและการพัฒนาท้องถิ่น ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ระดมสมอง ระหว่างหน่วยงานในภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา ตัวแทนผู้ประกอบการภาคเอกชนด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และ อปท.เข้าร่วมโครงการกว่า 300 คน

โครงการ อปท.อุตสาหกรรมสัญจร 2014 นับเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมท้องถิ่น เพื่อเตรียมพร้อมรับ AEC ซึ่งเป็นการรวมตัวของคนในชาติในอาเซียน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย พม่า ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และ บรูไน เพื่อที่จะให้มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน และสามารถมีอำนาจต่อรองต่าง ๆ กับคู่ค้าได้มากขึ้น ซึ่งในอนาคตการนำเข้า ส่งออกของชาติในอาเซียนจะเกิดความเสรีมากขึ้น ดังนั้น การมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจ และยกระดับสภาพความเป็นอยู่ของคนในประเทศในดียิ่งขึ้น โดยประเทศไทยยังคงต้องปรับปรุงในเรื่องการพัฒนาองค์ความรู้ ซึ่งเป็นกระบวนการพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้น การพัฒนาท้องถิ่นให้พร้อมรับมือกับ AEC โดยการปรับปรุงสาธารณูปโภค สร้างและปรับปรุงถนนสายหลักและสายรองให้มีความสะดวกในการสัญจรไปมา ขยายเขตไฟฟ้า แสดงสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชน สร้างขยายเขตประปาให้ครอบคลุมทั่วถึงและมีคุณภาพ เพื่อเตรียมพร้อมทั้งด้านการท่องเที่ยว และการลงทุน การพัฒนาบุคลากร โดยการอบรม การศึกษาดูงาน เพื่อนำองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาบูรณาการให้เหมาะสมและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในท้องถิ่นของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ต้องมีการส่งเสริมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่