วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน จัดกิจกรรมทัศนศึกษาดูงานศูนย์ภูฟ้าพัฒนา


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่านจัดกิจกรรมทัศนศึกษาดูงานศูนย์ภูฟ้าพัฒนาตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ ในวันที่ 28 เมษายน 2557เพื่อนำความรู้ตามเเนวพระราชดำริมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเเละเผยเเพร่เเก่บุคคลอื่น ให้รับรู้รับทราบคุณประโยชน์จากโครงการพระราชดำริฯในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่มีเเก่ประชาชนจังหวัดน่าน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน นำโดย ว่าที่ร้อยตรีหญิง นิสารัตต์ นิลสว่าง ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน จัดกิจกรรมทัศนศึกษาดูงาน ตามโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ณ ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต. ภูฟ้า อ.บ่อเกลือ จ.น่าน การเดินทางมาทัศนะศึกษาดูงานในครั้งนี้มี นายธีรวุธ ปัทมาศ นักจัดการงานในพระองค์ ซึ่งเป็นผู้จัดการศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ ได้ให้ความรู้เรื่องประวัติการจัดตั้งศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ เรื่องการปลูกเเละการเเปรรูปชาอูหลง อีกทั้งยังได้ให้ความรู้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อต้นไม้ รวมทั้งการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมพระตำหนักทรงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ศูนย์วัฒนธรรมภูฟ้า ร่วมทั้งชมโรงแปรรูปผลผลิตภัณฑ์อาหารเเละร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของศูนย์ภูฟ้าฯ การกิจกรรมทัศนศึกษาดูงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับความรู้ตามเเนวพระราชดำริ มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเเละเผยเเพร่เเก่บุคคลอื่นให้รับรู้รับทราบคุณประโยชน์จากโครงการพระราชดำริฯ อีกทั้งสร้างจิตสำนึกของประชาชนในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยให้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันมหากษัตริย์ที่พรราชทานความช่วยเหลือเเก่ประชาชนจังหวัดน่าน

ทั้งนี้ คณะศึกษาดูงานได้มอบทุนให้แก่ผู้แทนชาวมลาบรีเพื่อใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพต่อไป




บุษรินทร์ /ข่าว

ผวจ.น่าน มอบรางวัลการประกวดธนาคารต้นไม้ ระดับภาคเหนือตอนบน ในวาระการประชุมประจำเดือนเมษายน 2557

วันนี้ (29 เมษายน 2557) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดน่าน นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานการประชุมประจำเดือนเมษายน 2557 และมอบรางวัลการประกวดธนาคารต้นไม้ ระดับภาคเหนือตอนบน รับรางวัลเทพารักษ์ชนะเลิศ ประเภทชุมชน ได้แก่ ธนาคารต้นไม้บ้านนาเหลืองใน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน และรางวัลชนะเลิศ ประเภทบุคคล ได้แก่ อาจารย์ประดิษฐ์ เพชรแสนอนันต์ พร้อมกล่าวถึงกิจกรรมการปลูกต้นไม้และการอนุรักษ์ต้นไม้ว่า เป็นกิจกรรมที่ดีสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในหมู่บ้าน ที่ได้ช่วยกันดำเนินงานด้านการกระจายพันธุ์ไม้สู่ป่าชุมชน และต้นน้ำ และยังเป็นการช่วยกันคุ้มครองป่าและเพิ่มปริมาณต้นไม้ ตามวาระจังหวัดน่าน "สร้างเมืองน่านน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ” อีกด้วย

จากนั้น ในที่ประชุมได้แนะนำหัวหน้าส่วนราชการที่ย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ในจังหวัดน่าน ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อุดมวัฒนานันท์ อัยการจังหวัดน่าน นายอาคม นวพิพัฒนา อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดน่าน นายธนาธร ใหม่คำ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดน่าน และนายพัฒนพงษ์ สร้อยอินทรากุล นายอำเภอนาหมื่น

ส่วนทางด้านการดำเนินงานกิจกรรม โครงการหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ประจำปี 2557 ผวจ.น่าน ได้กล่าวว่า จังหวัดน่านได้มีโครงการออกเคลื่อนที่ไปตามอำเภอต่างๆ ทั่วทั้งจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ โดยมีหน่วยงานราชการ องค์กร รัฐวิสาหกิจ และเอกชนต่างๆ ร่วมออกหน่วยเคลื่อนที่เพื่อให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดน่านทุกอำเภอ และจังหวัดน่าน พร้อมให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งในแต่ละเดือนการจัดกิจกรรมโครงการ "หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ได้สร้างร้อยยิ้มและความพึงพอใจให้กับประชาชนที่มารับบริการเป็นจำนวนมาก





รดา บุญยะกาญจน์/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

เชียงใหม่เน้น กระจายผลผลิตหอมแดงออกนอกแหล่งผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง


จังหวัดเชียงใหม่ วางแผนดำเนินการกระจายผลผลิตหอมแดงออกนอกแหล่งผลิต ในการจัดกิจกรรมของจังหวัดต่าง ๆ ประสานผู้ผลิตสินค้าแปรรูปที่ใช้ผลผลิตหอมแดง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการทำตลาดในต่างประเทศ เพื่อส่งผลผลิตถึงผู้บริโภคโดยตรง

นายไพโรจน์ กุลละวณิชย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) เปิดเผยว่า ในปี 2557 จังหวัดเชียงใหม่มีแหล่งผลิตหอมแดงที่สำคัญ ได้แก่ อำเภอแม่แจ่ม ดอยเต่า ไชยปราการ การปลูกหอมแดงมี 2 ฤดู คือฤดูแล้งและฤดูฝน ขณะนี้เป็นช่วงการผลิตหอมแดงฤดูแล้ง ซึ่งเริ่มปลูกช่วงปลายเดือนตุลาคม 2556 ถึงกุมภาพันธ์ 2557 โดยเกษตรกรจะปลูกมากช่วงเดือนธันวาคม หลังจากเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงทั้งหมด 1,818 ราย พื้นที่รวม 9,440 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 8,354 ไร่ ผลผลิตรวม 33,331.75 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 3,555 กิโลกรัม/ไร่ ขณะนี้เก็บเกี่ยวไปแล้ว จำนวน 29,510.75 ตัน คิดเป็น 88 % ซึ่งเป็นผลผลิตของอำเภอแม่แจ่ม 80% ที่เหลืออีก 20 % เป็นหอมดอย

ซึ่งมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด จังหวัดเชียงใหม่ได้วางแผนการกระจายผลผลิตหอมแดงออกนอกแหล่งผลิต โดยได้ประสานไปยังจังหวัดที่ไม่ใช่แหล่งผลิตเพื่อขอพื้นที่วางจำหน่าย ประสานจังหวัดที่มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อขอพื้นที่ในการวางจำหน่ายภายในงาน ประสานผู้บริโภครายใหญ่ อาทิ ผู้ผลิตน้ำพริกรายใหญ่ในจังหวัดนครสวรรค์ ประสานผ่านศูนย์การกระจายสินค้าของกระทรวงมหาดไทย สหกรณ์ และผู้รวบรวมในแต่ละจังหวัด โดยเริ่มที่ตลาดหัวอิฐ จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากนั้นยังผลักดัน การส่งออกไปยังต่างประเทศ ทั้งหอมแดงแห้งและหอมแดงดอง โดยมอบหมายสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศภาคเหนือ (เชียงใหม่) ประสานทูตพาณิชย์ไทยประจำประเทศบังคลาเทศและอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการบริโภคหอมดองมาก ศึกษาหาลู่ทางตลาด และสำนักงานการค้าต่างประเทศเขต 1 เชียงใหม่ ให้ผลักดันตลาดต่างประเทศเพิ่มนอกจากประเทศอินโดนีเซีย

พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเชียงใหม่ ได้วางแผนการกระจายหอมแดง โดยการหาตลาดนอกพื้นที่แหล่งผลิตภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยเน้นให้เกษตรกรทำเรื่องคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและทำตลาดอย่างยั่งยืน



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

กกพ.จัดเวทีประชาสัมพันธ์การรับสมัคร คพข.ที่เชียงใหม่เป็นเขตแรก


สำนักงาน กกพ.จัดเวทีประชาสัมพันธ์การรับสมัครคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข.) แทน คพข.ชุดแรกซึ่งจะหมดวาระลงในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 โดยครั้งแรกจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทารา ดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 โดยมี คพข.เขต 1 พลังงานจังหวัด และตัวแทนผู้ใช้พลังงานในพื้นที่สำนักงาน กกพ.ประจำเขต 1 (เชียงใหม่) ใน 6 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ร่วม 200 คนเข้าร่วมเวทีประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้

วานนี้ (28 เม.ย.57) เวลา 13.00 น. ณ โรงแรมเซนทารา ดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ นายพิสิษฐ์ สุนทรีรัตน์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน เป็นประธานพิธีเปิดเวทีประชาสัมพันธ์การสรรหาคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต แทนคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต หรือ คพข. ชุดแรกซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในวันที่ 31 กรกฏาคม 2557 โดยมีนายนาวิน สินธุสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะตัวแทนประชาชนจังหวัดเชียงใหม่กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมเวที ซึ่งประกอบด้วย คพข.เขต 1 พลังงานจังหวัด และตัวแทนผู้ใช้พลังงานในพื้นที่สำนักงาน กกพ.ประจำเขต 1 (เชียงใหม่) ใน 6 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ร่วม 200 คน รวมทั้งได้ขอบคุณคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตชุดแรกซึ่งกำลังจะหมดวาระลงและได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันด้วยจิตอาสาที่ไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน รวมทั้งได้เชิญชวนประชาชนผู้ใช้พลังงานได้เสียสละและอุทิศตนเพื่อร่วมกันเข้าร่วมการคุ้มครองสิทธิ และทำหน้าที่ของประชาชนผู้ใช้พลังงานอย่างเต็มความสามารถ โดยสมัครเข้าไปเป็น คพข.ประจำเขต 1 ต่อไป

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของเมืองหลักแห่งหนึ่งจากหลาย ๆ จังหวัดในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับมหภาคของประเทศ การขยายตัวอย่างรวดเร็วย่อมนำมาซึ่งปริมาณความต้องการการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยปริมาณความต้องการการใช้พลังงาน นอกจากเพื่อสนับสนุนการขยายตัวในภาคเศรษฐกิจของประเทศแล้ว สิ่งที่ต้องตระหนักและต้องให้ความสำคัญสูงสุดคือ การพัฒนาภาคพลังงานอย่างเป็นธรรม เพื่อการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดี ความผาสุกของประชาชนนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนเป็นสำคัญควบคู่กันไปอย่างสมดุลด้วย

ด้านนายพิสิษฐ์ สุนทรีรัตน์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 กำหนดให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มีภารกิจหน้าที่หลายประการ อาทิ การกำกับดูแลหลักเกณฑ์การกำหนดราคาพลังงาน การอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน การให้ความเห็นชอบในมาตรฐานการให้บริการของการไฟฟ้า การกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า การกำกับดูแลหลักเกณฑ์การจ่ายค่าทดแทนตามแนวเขตของโครงข่ายสายส่งพลังงานและที่สำคัญคือ การกำหนดมาตรการในการคุ้มครองผุ้ใช้พลังงานให้เกิดความเป็นธรรมในหลายมิติ โดยมาตรการด้านการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานนั้นได้กำหนดให้มีคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต หรือ คพข.ทำหน้าที่เพื่อเป็นกลไกให้แก่ กกพ. ในด้านการคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน โดย คพข. จะมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องรอ้งเรียนของผู้ใช้พลังงาน ให้คำปรึกษาในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน รวมทั้งเสนอมาตรการในการแก้ไขปรับปรุงการให้บริการพลังงาน เป็นต้น ซึ่งจากเจตนารมณ์และหลักการของกฎหมายดังกล่าว กกพ.ได้ดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยประกาศเขตพื้นที่ผู้ใช้พลังงานทั่วประเทศรวม 13 เขต ดังนั้น เมื่อผนวกกับกฎหมายที่กำหน้ดให้มี คพข.จำนวนเขตละ 11 คน ภายใต้เขตพื้นที่ผู้ใช้พลังงาน รวม 13 เขตทั่วประเทศ โดยจะมี คพข.ทั้งสิ้น 143 คน และมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี โดยเมื่อ คพข.ได้รับการแต่งตั้งจาก กกพ.แล้วก็จะปฏิบัติหน้าที่ในเขต โดยมีสำนักงาน กกพ.ประจำเขต เป็นฝ่ายเลขานุการในการกลั่นกรองการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ได้กำหนดประเภทของเรื่องร้องเรียนที่สามารถเสนอต่อ คพข.ไว้ตามมาตรา 100 และมาตรา 103 คือ การที่ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการประกอบกิจการพลังงานของผู้รับใบอนุญาต และเรื่องที่ผู้ใช้ไฟฟ้ามีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจถูกเรียกเก็บค่าบริการที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ซึ่งข้อร้องเรียนดังกล่าวจะนำมาสู่การไกล่เกลี่ยเพื่อพิจารณาหาข้อยุติต่อไป

สำหรับความคืบหน้าการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่เกิดขึ้นทั่วประเทศภายใต้บทบาทการทำหน้าที่ของ คพข. ได้แก่ การแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์ทการขยายระยะเวลาการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าจากเดิมที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าภายในกำหนดระยะเวลา 10 วัน โดยมีการขยายออกไปเป็น 15 วัน นอกจากนั้นยังมีกรณีของการเรียกเก็บอัตราค่าธรรมเนียมตัดต่อกระแสไฟฟ้าในอัตรา 107 บาท นอกจากนั้นยังได้สร้างหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีหนี้ค้างชำระและเป็นกรณีที่อาจต้องถูกตัดไฟฟ้าได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น โดยผู้ประกอบการจะสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้ก็ต่อเมื่อถูกงดจ่ายไฟฟ้าแล้วเท่านั้น โดยประเด็นปัญหาเหล่านี้ก็จะพัฒนาไปสู่การยกระดับเป็นสัญญาบริการที่จะเกิดความเป็นธรรมกับผู้ใช้พลังงานทั้ง 20 ล้านรายมากขึ้น

สำหรับการรับสมัครและการสรรหา คพข. ชุดที่ 2 ได้กำหนดเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 9 – 30 พฤษภาคม 2557 โดยส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สมัคร คพข.) 319 อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 19 ถนนพญาไท เขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 โดยสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ทาง www.erc.or.th



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ จัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่จัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่า เพื่อให้การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักในปัญหาที่เกิดจากไฟป่า หมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำ และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยมีผู้รับผิดชอบเสียงตามสาย หอกระจายข่าว และผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนในพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีจุดความร้อนจำนวนมาก จำนวน 60 คนเข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้

นางอุบลรัตน์ คงกระพันธ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสภาพพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้อากาศในแอ่งเมืองเชียงใหม่แห้งและเคลื่อนไหวน้อยมาก เมื่อเกิดการเผาป่าไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ส่งผลให้เกิดหมอกควันปกคลุมอยู่เป็นบริเวณกว้าง โดยจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม – พฤษภาคมของทุกปี หมอกควันดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจของประชาชนที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งปัญหาวิกฤติหมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง มีสาเหตุหลายประกาณ บางสาเหตุเป็นสิ่งที่สุดวิสัยที่จะป้องกันได้ โดยเป็นปัจจัยภายนอกและเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น หมอกควันอันเกิดจากความกดอาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือของไทย จึงทำให้หมอกควันไม่สามารถลอยตัวขึ้นสูงได้ แต่สาเหตุสำคัญ ๆ ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมหรือการกระทำของมนุษย์ เช่น การเผาป่า จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินโครงการต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนในการแก้ปัญหาวิกฤตหมอกควัน

ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้พยายามแก้ไขปัญหากันมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานแก้ไขปัญหา โดยยึดกรอบแผนจัดการหมอกควันจากการเผาในที่โล่ง ปี 2555 – 2559 ของกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน การควบคุมการผาในพื้นที่เกษตรกรรม การควบคุมไฟป่า การณรงค์ประชาสัมพันธ์ และเสริมสร้างการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการวิจัยและขยายองค์ความรู้ ดังนั้นเพื่อให้การรณรงค์ ประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมตามยุทธศาสตร์ที่ 4 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนเกิดความตระหนักในปัญหาที่เกิดจากไฟป่าหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำ และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง จังหวัดเชียงใหม่จึงได้มอบหมายให้ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการจัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าขึ้นในพุธที่ 30 เมษายน 2557 ณ โรงแรมราชพฤกษ์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นผู้ทำหน้าที่ด้านการประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย หอกระจายข่าว และผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชน ในพื้นที่ซึ่งมีสถิติจุดความร้อนสูงในปี 2557 รวม 5 อำเภอ จำนวน 60 คน ประกอบด้วย อำเภอจอมทอง 20 คน อำเภอดอยหล่อ ฮอด อมก๋อย และ แม่แจ่ม อำเภอละ 10 คน โดยมี คณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจาก สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ผศ.ดร.ศุทธินี ดนตรี อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ทีมวิทยากร ซึ่งเป็น ซีอีโอ บจก. JukeBox sound good (Sattellite + FM 30 Station) มาบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา เพื่อนำไปขยายผลด้านการประชาสัมพันธ์ทางสื่อในความรับผิดชอบ



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

กรมประชาสัมพันธ์ เตรียมจัดงานวันคล้ายวันก่อตั้ง ปีที่ 81


กรมประชาสัมพันธ์ เตรียมจัดงานวันคล้ายวันก่อตั้งกรมประชาสัมพันธ์ ครบ 81 ปี กรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐบาลกับประชาชน ตลอดจนระหว่างประชาชนด้วยกัน

กรมประชาสัมพันธ์ เตรียมจัดงานวันคล้ายวันก่อตั้ง ปีที่ ระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม 2557 โดยจัดให้มีกิจกรรม การร่วมงานลีลาศ , การแข่งขันกีฬาภายในประเภทต่างๆ , การร่วมแสดงความยินดีของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ , พิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกรมประชาสัมพันธ์ , การมอบเกียรติบัตรแก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และเจ้าหน้าที่ดีเด่น , การมอบรางวัลแก่สถานีวิทยุกระจายเสียง และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดดีเด่น โดยอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ณ ห้องประชุม หอประชุม กรมประชาสัมพันธ์ ชั้น 1

นอกจากนี้ยังมีการเสวนา เรื่อง “นโยบายจากผู้บริหารสู่ผู้ปฏิบัติ” โดย อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งดำเนินรายการโดย นางสาวประวีณา ธาดาพรม , ในภาคกลางคืนจัดให้มีงานเลี้ยงสังสรรค์ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ กรมประชาสัมพันธ์ “กปส. 81 ปี สีสันสดใส” , พิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการแข่งขันกีฬาภายใน และในวันที่ 3 พฤษภาคม จะมีพิธีบวงสรวงสักการะพระพรหม พระอินทร์ และพระภูมิเจ้าที่ พระสงฆ์จำนวน 9 รูป , การเจริญชัยมงคลคาถา ณ ห้องประชุม หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ชั้น 1

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เป็นวันคล้ายวันก่อตั้งกรมประชาสัมพันธ์ ครบ 81 ปี กรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐบาลกับประชาชน ตลอดจนระหว่างประชาชนด้วยกัน โดยการให้ข่าวสาร ความรู้ข้อเท็จจริง และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อเสนอรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านสื่ออย่างหลากหลาย

นับตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2476 ถึงปัจจุบัน บทบาทหน้าที่และโครงสร้างปรับเปลี่ยนไปตามสภาพบ้านเมือง ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ กรมประชาสัมพันธ์มีภารกิจทั้งเชิงนโยบายและปฏิบัติการ เพื่อให้การดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของชาติเป็นไปอย่างมีระบบ ด้วยการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความเข้าใจ และภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประชาชน และประชาคมโลก ในยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในฐานะองค์กรสื่อสารมวลชน กรมประชาสัมพันธ์ใช้เครือข่ายสถานีวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ทั่วไประเทศ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พัฒนาศักยภาพประชาชนในทุกมิติของชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยการกระจายข้อมูลสารสนเทศที่มีคุณภาพให้ผู้บริโภคสื่อมีทางเลือก รู้เท่าทัน และสามารถใช้สื่อหรือข้อมูลข่าวสารเพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหาพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

จังหวัดพะเยา ขอเชิญชมศึกยอดมวยโลกกระทิงแดง-วันแรงงานแห่งชาติจังหวัดพะเยา ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ณ เวทีมวยชั่วคราว สนามกลางเวียงพะเยา

ที่หอประชุมสมาคมพะเยา (ศาลเจ้าพะเยา) นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยนายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา และนายหัสนัย แก้วกุล ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยา ร่วมกันแถลงข่าวศึกยอดมวยโลกกระทิงแดง- วันแรงงานแห่งชาติจังหวัดพะเยา ซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2557 ณ เวทีมวยชั่วคราว สนามกลางเวียงพะเยา อำเภอเมืองพะเยา ถ่ายทอดสดทางไทยทีวีสีช่อง 3 ตั้งแต่เวลา 13.55-15.55 น. โดยคู่เอกเป็นการชกป้องกันตำแหน่งแชมป์มวยโลก รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวต 122 ปอนด์ PABA ระหว่าง ณพ กระทิงแดงยิม ในฐานะเจ้าของเข็มขัด จะเจอกับ เรน เรน ปาซิกนาฮิน รองแชมป์ชาวฟิลิปปินส์

นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวว่า การจัดการแข่งขันในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดพะเยา พร้อมประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจทราบว่าพะเยานั้น มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายและเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนห่างไกลจากยาเสพติดและผลักดันให้นักมวยไทยได้พัฒนาฝีมือขึ้นมาเป็นนักมวยในระดับแนวหน้าของโลกด้วย

อย่างไรก็ตามยังมีคู่มวยประกอบรายการที่น่าสนใจ อาทิ ขวัญไทย ศิษย์หมอเส็ง พบกับ แซมมี่ แฮคเลอร์ (อินโดนีเซีย) พิกัด 107 ปอนด์ , แสตมป์ กระทิงแดงยิม พบกับ ซาฟวัน ลอมบุ๊ค (อินโดนีเซีย) พิกัด 110 ปอนด์, อินทะนนท์ ศิษย์ชะมวง พบกับ น้องเดียร์ ส.บางครุ พิกัด116 ปอนด์ และ อามิน ส.หวังมุ๊ พบกับ ลายเสือ ส.บางครุ พิกัด 130 ปอนด์ และยังมีการแข่งขันมวยไทยดาวรุ่งภาคเหนือให้ชมอีก 7 คู่อีกด้วย



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

อบจ.พะเยา เตรียมฝึกอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี "ติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศ" เพื่อการบริหารจัดการน้ำจังหวัดพะเยา ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้

นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า จังหวัดพะเยาได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของจังหวัด พบว่า ศักยภาพทางกายภาพเป็นสิ่งสำคัญและมีส่วนช่วยให้สามารถพัฒนาขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดไปได้ เพราะมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างอาชีพทั้งภาคเกษตรและครัวเรือน ซึ่งสถานการณ์น้ำในช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝน และประสบปัญหาน้ำการเกษตรไม่เพียงพอในช่วงของฤดูแล้ง รวมทั้งปัญหาความเสื่อมโทรมของคุณภาพน้ำ มีแนวโน้มความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้น ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบจึงเป็นเรื่องสำคัญต่อจังหวัดพะเยาอย่างมาก และต้องอาศัยภาคีเครือข่ายแบบบูรณาการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา จึงเตรียมจัดฝึกอบรมสัมมนา เชิงปฏิบัติการถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “ติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศ” เพื่อการบริหารจัดการน้ำจังหวัดพะเยา โดยมี ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและเกษตร (องค์กรมหาชน) เป็นวิทยากรร่วมบรรยายให้ความรู้ด้านบริหารจัดการน้ำ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2557 เวลา 08.00 – 16.40 น. ณ ห้องประชุมภูกามยาว ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดพะเยา

ทั้งนี้ การฝึกอบรมสัมมนาดังกล่าว จะเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตัวอย่างการดำเนินงานของศูนย์บริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด ตลอดจนการใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดพะเยาเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศ มีการสาธิตการใช้งานอุปกรณ์ติดตามสถานการณ์น้ำอัตโนมัติ (media box) ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณ 1,500,000 บาท(หนึ่งล้านห้าแสนบาท) เพื่อจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดพะเยา ที่อาคารด้านหน้า ชั้น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานเรื่องข้อมูลน้ำ โดยจะมีการติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์และมีเจ้าหน้าที่ประจำ



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

สวท. แม่ฮ่องสอน สนับสนุนนโยบายเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558


นางสาววาสนา ไข่แก้ว ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สวท.แม่ฮ่องสอน สนับสนุนนโยบายของนายสุทธา สายวาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ในการเตรียมความพร้อม ด้านการส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศ และนโยบายของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ต้องการส่งเสริมการค้าขายชายแดน กับสาธารณรัฐแห่งเมียนมาร์ โดยเพิ่มช่วงภาษาอังกฤษ วันละคำ ในรายการแม่ฮ่องสอนข่าวบ้านเฮา ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.30-17.00 น./ รายการเปิดประตูสู่อาเซียน ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ เวลา 16.30-17.00 น./ และรายการบ้า นนี้มีสุข ออกอากาศทุกวัน เวลา 21.10-22.00 น. โดยอาจารย์อัมพวรรณ อิ่มเอมทรัพย์ อาจารย์ประจำสาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน นอกจากนั้น สวท. แม่ฮ่องสอนเตรียมขยายผลนำเสนอภาษาพม่าผ่านรายการต่างๆ โดยจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558

จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกาศวาระ แห่งการเตรียมความพร้อมอย่างเข้มข้น เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 โดยขอให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ตลอดจนภาคประชาชน ได้ตระหนักรู้ และ ให้ความสำคัญต่อการรวมตัวดังกล่าว เร่งรัดพัฒนาองค์กร และปรับปรุงกระบวนการทำงาน ปรับเปลี่ยนทัศนคติ และวัฒนธรรมการทำงานเข้าสู่มาตรฐานสากล ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้มีสมรรถนะ โดยเรียนรู้ และพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการติดต่อสื่อสาร



ข่าวโดย : ชญานิศ/ชลนารถ/ศุภณัฐ นิสิตฝึกงาน จุฬาฯ
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

แผนงานสังคมวัฒนธรรม โครงการแม่ฮ่องสอนเมืองสุขภาวะ ร่วมกับ สสส. จัดประชุม"เครือข่ายชาติพันธุ์แม่ฮ่องสอนสู่การจัดการตนเอง"

เมื่อวานนี้ (28 เมษายน 2557) แผนงานสังคมวัฒนธรรม โครงการแม่ฮ่องสอนเมืองสุขภาวะ ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จัดประชุมเครือข่ายชาติพันธุ์แม่ฮ่องสอนสู่การจัดการตนเอง ระดับอำเภอแม่ลาน้อย ที่ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอแม่ลาน้อย โดยมีเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ละว้า, ปกาเกอะญอ , ไทใหญ่ , คนเมือง , ม้ง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น วัฒนธรรมอำเภอ , วิทยาลัยชุมชน , ตลอดจนผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง เข้าร่วม กว่าสามสิบคน ที่ประชุมได้ร่วมกันสำรวจข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆในระดับอำเภอแม่ลาน้อย และคัดเลือกคณะทำงานจิตอาสา เพื่อเตรียมพัฒนางานสภาชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในระยะต่อไป


ข่าวโดย : ศิริวรรณี ศรีทัพ
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดกิจกรรม โครงการเปิดศูนย์อาเซียนศึกษา เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียน


นายพิช จิตต์มาลา ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน หรือ กศน.เปิดเผยว่า กศน.อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดกิจกรรม โครงการเปิดศูนย์อาเซียนศึกษา ในค่ำวันนี้ (29 เมษายน 2557) พิธีเปิดโดยนายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นประธาน ที่ กศน.อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียน ให้กับประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558

ในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย การสอนทำอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียน สอนทำศิลปะ /ฝึกทักษะการระบายสี/กิจกรรมสอนภาษาจีน /การแสดงละครหุ่นมือ/ การแสดงดนตรี /สื่อการเรียนรู้ข้อมูลอาเซียน และการจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ


ข่าวโดย : ศิริวรรณี ศรีทัพ
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดพิธีกั่นตอ หรือรดน้ำขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพระเถระชั้นผู้ใหญ่


เช้าวันนี้ (29 เมษายน 2557) นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำหัวหน้าส่วนราชการ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วย พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน จากนั้นเดินทางไปยังศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก ศาลเจ้าพ่อเมืองแข่ และอนุสาวรีย์พญาสิงหนาทราชา ตามลำดับ หลังจากนั้นเดินทางไปรดน้ำขอพรเจ้าคณะจังหวัด และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่วัดหัวเวียง และวัดป่าบ้านใหม่

นอกจากนั้นยังมีพิธีรดน้ำขอพรนายสุทธา สายวานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่บ้านพักหลังจวนผู้ว่าฯ พร้อมกับรดน้ำขอพร นายบุญเสริม จิตเจนสุวรรณ ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน

และในเวลา 14.00 น.รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน ร่วมรดน้ำขอพร นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนางหทัยชนก พนัสอำพล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่จวนผู้ว่าฯ โดยมีชนเผ่าต่างๆมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

สำหรับพิธีรดน้ำขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ หรือ กั่นตอ ในภาษาไทยใหญ่ เป็นประเพณีที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดขึ้นทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

มอดไม้ลำปางเหิมหนัก แอบลักลอบโค่นไม้เนื้อแข็ง ในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติฯ นำส่งขายนายทุนทดแทนไม้พยุงที่หายาก


เจ้าหน้าที่สังกัดอุทยานแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดลำปาง 5 แห่ง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อุทยานแห่งชาติแม่วะ อุทยานแห่งชาติดอยจง อุทยานแห่งชาติขุนตาล และอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 สาขาลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งส่วนกลาง และภาค 5 รวมจำนวนกว่า 60 นาย โดยการสั่งการของ นายภาณุเทพ วงศ์วาน ผู้อำนวยการส่วนสำนักพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 สาขาลำปาง ซึ่งได้สั่งการให้ นายสันทัด บันลือ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกัน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฯ หน่วยงานทั้งหมด เพื่อช่วยกันลำเลียงไม้ท่อนขนาดใหญ่ อายุไม้กว่า 100 ปี จำนวนกว่า 60 ท่อน โดยไม้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 20-40 เซนติเมตร มีความยาวตั้งแต่ 2.50 เมตร ขึ้นไป ออกจากพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติในอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เพื่อจะนำไปเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานของกลาง สำหรับสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

การปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฯ ได้เข้าดำเนินการ หลังจากตรวจพบกลุ่มมอดไม้ ได้ทำการแอบลักลอบเข้ามาตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ และกำลังจะทำการชักลากไม้ดังกล่าวออกนอกพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฯ ได้เข้าสกัดการตัดไม้ทำลายป่าของกลุ่มคนดังกล่าว ทำการตรวจยึด ได้ไม้ของกลางจำนวนมาก จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าไม้ทั้งหมดเป็น ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้สัก และไม้เนื้อแข็งอื่นๆ โดยไม้แต่ละท่อนล้วนมีขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ฯ ต้องออกแรงช่วยกันชักลากท่อนละไม่ต่ำกว่า 10 คน ซึ่งการทำงานเป็นไปค่อนข้างลำบาก เจ้าหน้าที่ฯ ต้องใช้เวลาตลอดทั้งวัน เพื่อจะนำไม้ออกจากพื้นที่ป่า เนื่องจากพื้นที่เป็นภูเขาสูง และมีความลาดชันมาก

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านหนึ่ง ได้รับการเปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทางสำนักพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 สาขาลำปาง ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เปิดยุทธการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ในพื้นที่อุยานแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ฯ ได้เข้าทลายแหล่งลักลอบตัดไม้ และแปรรูปไม้ในพื้นที อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ได้ทั้งตัวผู้ต้องหา พร้อมไม้ของกลางจำนวนมาก ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดสารภาพว่า มีกลุ่มนายทุนได้ว่าจ้างให้พวกตนทำการลักลอบตัดไม้เนื้อแข็ง และให้ทยอยขนย้ายออกมาจากป่า เพื่อที่จะนำไม้ส่งไปยังท่าเรือแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงราย ก่อนจะส่งไปขายต่อยังประเทศจีน เนื่องจากไม้เนื้อแข็งเหล่านี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก รองจากไม้พยุงในแทบภาคอีสาน ที่ปัจจุบันเริ่มหาได้ยากแล้ว ทั้งนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฯ ได้ออกตรวจตราพื้นที่พบการกระทำผิดบ่อยครั้ง แต่ผู้ต้องหามักไหวตัวหลบหนีไปได้เกือบทุกครั้ง ล่าสุดสำนักพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 สาขาลำปาง ได้กำชับเจ้าหน้าที่ฯ ในสังกัด ให้มีการตรวจตราเข้มงวดกวดขันดูแลพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะสกัดการเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า พร้อมกับให้นำมาตรการที่เด็ดขาด มาดำเนินการกับผู้กระทำผิดต่อไป


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

สถานธนานุบาลเทศบาลนครลำปาง สำรองเงิน 40 ล้านบาท พร้อมให้บริการประชาชนในช่วงเปิดภาคเรียน


นางอรวรรณ แขวงโสภา ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลนครลำปาง เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงใกล้เปิดภาคเรียน ทางสถานธนานุบาลเทศบาลนครลำปาง จึงได้สำรองเงินสด 40 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการให้บริการ ประชาชนที่มีความต้องการใช้เงิน โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำ หากประชาชนมีความต้องการใช้เงินด่วนฉุกเฉิน สามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ ของมีค่า อาทิ สร้อยทองคำ แหวน หรือ นาฬิกา ไปจำนำไว้กับสถานธนานุบาลเทศบาลนครลำปางเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายได้

ทั้งนี้ เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 05.0 บาท ต่อเดือน เงินต้นเกินกว่า 5,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1 บาท ต่อดือน และ เงินต้นเกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1.25 บาท ต่อ เดือน และหากจำนำ ไม่เกิน 15 วัน คิดดอกเบี้ยครึ่งเดือน

นางอรวรรณ แขวงโสภา ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลนครลำปาง กล่าวว่า สถานธนานุบาลเทศบาลนครลำปาง เป็นหน่วยงานของภาครัฐ ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่มีความต้องการใช้เงินในกรณีฉุกเฉิน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า โรงรับจำนำทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีการประมูลสินค้าที่หลุดจำนำ ทุกวันเสาร์ สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดอีกด้วย



ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟผ./PEA) ขอความร่วมมือไม่ติดตั้งป้ายโฆษณษใกล้แนวเสาไฟฟ้า


นายอดุลย์ อุทธโยธา ผู้จัดการการไฟฟ้า จ.ลำปาง เปิดเผยว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีความห่วงใยความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ที่อาจได้รับความเดือดร้อน ความเสียหาย จากพายุฤดูร้อน ในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม เป็นประจำทุกปี มักจะเกิดพายุ ลมแรง และฝนตกหนัก มีผลทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าตก ไฟดับ ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากป้ายโฆษณาติดตั้งใกล้แนวสายระบบจำหน่ายแรงสูงและแรงต่ำ โดยใช้อุปกรณ์ในการติดตั้งไม่ได้มาตราฐาน อาทิเช่น เสาหรือโครงเหล็กชำรุด เป็นสนิม ขนาดไม่ตามมาตราฐานหรือเหล็กบางเกินไป บางแห่งติดตั้งโดยใช้ไม้ไผ่ เป็นต้น เมื่อเกิดลมพายุแรง มีพายุฝนในบางช่วง อาจทำให้ป้ายโฆษณาปลิว หรือล้มพาดสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ส่งผลทำให้กระแสไฟฟ้าขัดข้อง อุปกรณ์ชำรุดเสียหาย ทำให้เกิดผลกระทบโดยเกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง และอาจเป็นอันตรายได้ นายกมลชนก วิชัยสืบ ผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1 (ภาคเหนือ) จ.เชียงใหม่ ขอความร่วมมือมายังผู้ประกอบการ และเจ้าของป้ายโฆษณาที่ติดตั้งใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ดำเนินการตรวจสอบความแข็งแรงของป้ายโฆษณา หากพบว่าป้ายโฆษณาโครงสร้างไม่แข็งแรง มั่นคงเพียงพอ ขอให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข และหากจะติดตั้งป้ายโฆษณาใหม่ ให้หลีกเลี่ยงการติดตั้งในพื้นที่ใกล้แนวเสาไฟฟ้า หรือติดตั้งห่างจากแนวเสาไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกืดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

หากท่าผู้ใช้ไฟฟ้ามีข้อสงสัยประการใด ขอคำแนะนำและปรึกษาได้จากเจ้าหน้าที่ PEA ใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า PEA CALL CENTER หมายเลขโทรศัพท์ 1129 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลำปาง จัดกิจกรรมฝึกอบรม ให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับช้าง แก่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ป้องกันความสูญเสีย สร้างความเข้าใจ และลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง


สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จังหวัดลำปาง จัดกิจกรรมฝึกอบรม สร้างความรู้ ความเข้าใจ หลักสูตร "ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับช้าง" ให้แก่หัวหน้า และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมกันลงพื้นที่ฝึกปฏิบัติ ศึกษาพฤติกรรมธรรมชาติของช้าง ที่ บริเวณภายในพื้นที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มีนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการฝึกอบรม โดยมี หัวหน้าอุทยาน และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ต่างๆ ที่มีช้างป่าอยู่ในพื้นที่ จำนวน 30 แห่ง ร่วมเข้ารับการฝึกอบรม

สำหรับการฝึกอบรมดังกล่าว ถือเป็นโยบายของ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ได้มีความรู้ ความเข้าใจที่เกี่ยวกับช้างเป็นความรู้พื้นฐาน เนื่องจากที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ ได้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างช้างป่าซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่อุทยาน กับชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ติดเขตอุทยาน สาเหตุหนึ่งเกิดจากช้างป่า ได้มีการย้ายออกจากพื้นที่อาศัย มาอยู่ใกล้ชิดกับคนมากขึ้น ด้วยสาเหตุต่างๆ ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาคนรุกพื้นที่ป่า ทำให้พื้นที่ป่าน้อยลง รวมถึงเรื่องสภาพอากาศที่ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้สภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นที่อยู่อาศัยแก่ช้าง เนื่องเพราะอาหารของช้างหายากขึ้น โดยเมื่อเกิดปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับช้างดีพอ จึงทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสียชีวิต ของทั้งเจ้าหน้าที่ ประชาชน และช้างป่า เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ จำเป็นต้องมีความรู้ ในการที่จะเข้าไปดูแลช้าง

โดยการฝึกอบรมตามโครงการที่จัดขึ้น มุ่งหวังที่จะให้เจ้าหน้าที่ของอุทยาน มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ที่มีความสำคัญในการบริหารจัดการช้าง และสามารถที่จะนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการเตรียมจัดตั้งหน่วยคชสาร เพื่อทำงานเกี่ยวกับ การลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า การผลักดันช้างป่ากลับสู่ป่าใหญ่ การควบคุมดูแลช้างดื้อ และช้างอาละวาด ซึ่งในการฝึกอบรม ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้ศึกษาเรียนรู้ ถึงหลักการเบื้องต้นที่เกี่ยวกับช้าง ผ่านกระบวนการฝึกปฏิบัติจริง ซึ่งผู้ฝึกอบรมจะได้เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ อาทิเช่น การศึกษาพฤติกรรมช้าง ธรรมชาติวิทยาของช้าง การดูแลช้างและข้อควรระวังต่างๆ การขี่ช้างเพื่อความคุ้นเคย การออกคำสั่งเบื้องต้นเพื่อควบคุมช้าง การจัดการพื้นที่เลี้ยงช้าง การดูแลลูกช้าง และการดูแลช้างในธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับช้าง และการจัดการกับช้างอาระวาด เป็นต้น


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

เชิญร่วมสมัครแข่งขันฟุตซอลและบาสเกตบอล ฉลอง 50 ปี การกีฬาแห่งประเทศไทย


ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 5 เชียงใหม่ เปิดรับสมัครทีมเข้าแข่งขันฟุตซอลและบาสเกตบอล 1 – 23 พฤษภาคม นี้

ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 5 เชียงใหม่ กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การกีฬาแห่งประทศไทย ในปี พ.ศ. 2557 โดยกำหนดจัดกิจกรรมแข่งขันฟุตซอลและการแข่งขันบาสเกตบอล ระหว่างวันที่ 11-14 กรกฎาคม 2557 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ประเภทการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ ประเภททีมเยาวชนชายอายุ 18 ปี ทีมเยาวชนหญิง อายุ 18 ปี ทีมประชาชนทั่วไปชาย และประเภททีมประชาชนทั่วไปหญิง ทีมกีฬาที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 23 พฤษภาคม 2557 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 5 เชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 053-112299


ข่าวโดย : กมลรัตน์ เพ็ชรแสนงาม
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

อุตุนิยมวิทยาลำพูน เตือนประชาชน 11 จังหวัดภาคเหนือ ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ช่วงวันที่ 29-30 เมษายน 2557


อุตุนิยมวิทยาลำพูน เตือนประชาชน 11 จังหวัดภาคเหนือ ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ช่วงวันที่ 29-30 เมษายน 2557 ย้ำหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงขณะลมแรง

นายวิชัย ตินโนเวช ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาลำพูน เปิดเผยว่า สภาวะอากาศทั่วไป ประจำวันที่ 29 เมษายน 2557 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจะยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนต่อเนื่องจนถึงวันพรุ่งนี้ (30 เมษายน 2557) ทำให้บริเวณภาคเหนือจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย จากนั้นช่วงวันที่ 1- 4 พฤษภาคม 2557 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อไปอีก โดยการกระจายและความรุนแรงของสภาพอากาศลดน้อยลงกว่าช่วงที่ผ่านมา สำหรับช่วงวันที่ 29-30 เมษายน 2557 ภาคเหนือมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2557 ภาคเหนือจะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส จังหวัดลำพูน อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-40 องศาเซลเซียส

ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาลำพูน กล่าวด้วยว่า ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงขณะลมแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง ส่วนชาวสวนผลไม้ควรสำรวจวัสดุที่ผูกยึด และอุปกรณ์ที่ค้ำยันกิ่งและลำต้นของพืชที่รับน้ำหนักมากให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันการฉีกหักและโค่นล้มของกิ่งและลำต้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนในระยะนี้ เกษตรกรควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525565
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

เตือนภัย พายุฤดูร้อน ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ


วันนี้ (29 เม.ย. 2557) กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจะยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนต่อเนื่องจนถึงวันพรุ่งนี้( 30 เมษายน 2557) ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่

สำหรับพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย



ข่าวโดย : น.ส. อุไรวรรณ ปิงแก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าจังหวัดลำพูน เข้าสู่ภาวะปกติค่าฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา


จังหวัดลำพูนจัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด นายอำเภอ และหัวหน้าหน่วยงาน ประจำเดือน เมษายน 2557 เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน

เช้าวันนี้ ( 29 เมษายน 2557 ) ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน มีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ โดยมีนายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธาน โดยมีเรื่องที่สำคัญเกี่ยวกับ การเฝ้าระวังภัยจากพายุฤดูร้อน สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตร การป้องกันและแก้ปัญหาภัยแล้ง สถานการณ์หมอกควันและไฟป่า

สำหรับเรื่อง การดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่จังหวัดลำพูน ปี 2557 ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม – 25 เมษายน 2557 ซึ่งกำหนดแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าทั้งระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล มุ่งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้าร่วมดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยกำหนดเป้าหมาย 100 วันไม่เผา ไม่มีควัน ซึ่งทุกฝ่ายได้ระดมความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทำให้สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในปีนี้เบาบางลงมาก

จากสถิติการวัดปริมาณฝุ่นละอองในจังหวัดลำพูนในช่วง 100 วัน พบว่า จำนวนวันที่มีค่าฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐานรวม 8 วัน โดยวันที่มีค่าฝุ่นละออง(PM10) สูงมากที่สุดวัดได้ 176 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ( พ.ศ.2556 ) ซึ่งมีจำนวนวันที่มีค่าฝุ่นละออง เกินมาตรฐาน 13 วัน ขณะนี้ค่าฝุ่นละออง PM10 ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา นับว่าเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว



ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

สมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด(ประเทศไทย) ให้อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นอำเภอต้นแบบการป้องกันและดูแลรักษาความพิการแต่กำเนิด


เครือข่ายด้านสุขภาพของอำเภอป่าซาง และจังหวัดลำพูน ร่วมกับสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด(ประเทศไทย) วางแผนดำเนินงาน ให้อำเภอป่าซาง เป็น อำเภอต้นแบบ ในการป้องกันและดูแลรักษาความพิการแต่กำเนิดในประเทศไทย

วันนี้ ( 29 เมษายน 2557 ) ที่ โรงพยาบาลป่าซาง จังหวัดลำพูน คณะแพทย์ พยาบาลและ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานด้านสาธารณสุขในอำเภอป่าซาง ร่วมประชุมระดมความคิดเห็นและหาแนวทางในการดำเนินงานเครือข่ายสุขภาพ เพื่อให้ อำเภอป่าซาง เป็น อำเภอต้นแบบ ในโครงการ ปฏิบัติการระดับชาติ เพื่อ วางแผนป้องกัน และ ดูแลรักษาความพิการแต่กำเนิด โดยมี นาย นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เป็นประธาน มี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พรสวรรค์ วสันต์ นายกสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด (ประเทศไทย) และ รศ.นพ.ชเนนทร์ วนาภิรักษ์ หัวหน้าภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมประชุมให้ความรู้ และ แนวทางการดำเนินงานด้วย

ทั้งนี้สืบเนื่องจากสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด(ประเทศไทย) ได้ตระหนักถึงปัญหาของความพิการแต่กำเนิด จึงได้หาวิธีการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำหรับที่จังหวัดลำพูนจะเริ่มดำเนินการ ที่อำเภอป่าซางเป็นแห่งแรก โดยจะให้การดูแลรักษาและป้องกันความพิการในเด็กอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินงานจะเริ่มจากการจัดทำระบบข้อมูล ความพิการของ เด็กที่มี ความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ภาวะแขนขาพิการแต่กำเนิด โรคกล้ามเนื้อเสื่อมพันธุกรรม โรคหลอดประสาทไม่ปิด กลุ่มเด็ก ที่มีภาวะดาวน์ซินโดรม , การพัฒนาระบบประเมิน เพื่อการวินิจฉัย พร้อมกับส่งข้อมูลของผู้ป่วย ให้แก่ แพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษา อย่างถูกต้อง หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการรักษา แล้ว กุมารแพทย์ และ นักกิจกรรมบำบัด จะดำเนินการฟื้นฟู สุขภาพ ให้แก่เด็กพิการ และ ติดตาม พัฒนาการ ของเด็ก อย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของ การป้องกัน ภาวะพิการแต่กำเนิดในเด็ก ซึ่งถือเป็น เป้าหมายหลัก ของการดำเนินโครงการ จะมีการให้ความรู้แก่คู่สมรสก่อนการตั้งครรภ์ , การตรวจเลือด บิดา มารดา ก่อนตั้งครรภ์ , การตรวจอัลตราซาวน์เพื่อวินิจฉัยความพิการของทารก และ การส่งเสริมสารโฟเลต ในอาหาร ประเภทซีเรียล ให้แก่หญิงวัย เจริญพันธุ์ ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อลด ความเสี่ยง ของโรคหลอดประสาทไม่ปิด และ ให้ความรู้ แก่ประชาชน เกี่ยวกับความพิการแต่กำเนิด เพื่อ ลด ความเสี่ยง ที่จะก่อให้เกิด ความพิการ แต่กำเนิด ในทารก


ข่าวโดย : อรณิชา อินทา
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

สภาพอากาศที่จังหวัดลำพูน วันนี้พบว่าสถานการณ์หมอกควันยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ มีฝุ่นละอองเพียงเล็กน้อย


วันนี้ (29 เม.ย. 2557 ) กรมควบคุมมลพิษได้รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 18 - 66 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรคุณภาพอากาศโดยรวม อยู่ในระดับดี ถึง ปานกลาง ปริมาณฝุ่นละอองไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้ามากนัก

โดยที่จังหวัดลำพูน ตรวจวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM10) ที่ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนได้ 41 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งน้อยกว่าวันก่อนหน้านี้

จากการตรวจการเผาไหม้หรือจุดความร้อน (Hot spot) ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเมื่อวานนี้ (22 เมษายน 2557) ไม่พบจุดความร้อน อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังต้องระวังพายุฤดูร้อนและมีฝนฟ้าคะนองในบางพื้นที่

จังหวัดยังคงจึงเน้นย้ำมาตรการลดและควบคุมการเผาในที่โล่งอย่างต่อเนื่อง และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสอดส่องและเฝ้าระวังในพื้นที่อาศัยอยู่หรือใกล้เคียงอย่างใกล้ชิด ไม่ให้มีการกระทำที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ


ข่าวโดย : น.ส. อุไรวรรณ ปิงแก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำพูน ปราบร้านจำหน่ายสลากชิงโชคสุรา


คณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดลำพูน จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งรับทราบปัญหาระหว่างการดำเนินงาน โดยมีนายจำลอง เณรแย้ม ปลัดจังหวัดลำพูนเป็นประธาน

บ่ายวันนี้ ( 29 เมษายน 2557 ) ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน คณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดลำพูน จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานในด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม การบุกรุกทำลายป่า การกระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว

สำหรับเรื่องการกระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในห้วงวันที่ 1-25 เมษายน 2557 พบว่า มีร้านค้าจำหน่ายสุรา จำนวน 147 ร้าน จับกุมคดีสุราได้ทั้งสิ้น 19 ราย พบเป็นสุราเถื่อน 23 ราย ยาดอง 49 ราย และสุราอื่นๆ 75 ร้าน นอกจากนี้ ร้านค้าที่ไม่มีใบอนุญาต ทางคณะกรรมการฯได้แจ้งให้เลิกจำหน่ายทันที และร้านค้าที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรูปแบบชิงโชค หรือสลากสุรา พบจำนวน 3 ร้านขณะนี้ได้ดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว



ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

พายุฤดูร้อนพัดบ้านเรือนราษฎรอำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์บ้านเรือนเสียหาย 84 หลังคาเรือน

เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 26 เมษายน 57 ที่ผ่านมาเกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มอำเภอฟากท่า เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างที่ตำบลสองคอน ตำบลสองห้องและตำบลฟากท่า บ้านเรือนเสียหาย 84 หลังคาเรือน เสียหายทั้งหลัง 20 หลังคาเรือน รวมไปถึงโรงเรียนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลก็ได้รับความเสียหาย ในเบื้องต้นตำรวจตระเวนชายแดนที่ 314 ได้เข้าให้การช่วยเหลือแก่ราษฎรในการซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎรในเบื้องต้น และในวันนี้ 28 เมษายน นายสุชาติ ธีระวงษ์พิทักษ์ ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย นางพรทิพย์ ภู่เพียงใจ รองนายกพร้อมด้วยคณะเหล่ากาชาดจังหวัดและป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำสิ่งของอุปโภค - บริโภค แจกจ่ายให้กับราษฎรที่ประสบภัย ที่ศาลาการเปรียญวัดสองห้อง ตำบลสองคอน อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนการช่วยเหลือเรื่องวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยขณะนี้อยู่ในระหว่างสำรวจความเสียหายเพื่อที่จะอนุมัติงบประมาณบรรเทาสาธารณภัยให้ความช่วยเหลือต่อไป

จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนราษฎรผู้ประสบวาตภัย พื้นที่อำเภอน้ำปาด บ้านเรือนเสียหาย ๒๐ หลังคาเรือน

โดยเมื่อช่วงเย็นของวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๗ เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มอำเภอพื้นที่อำเภอน้ำปาด เกิดความเสียหายในพื้นที่ตำบลเด่นเหล็ก ทำให้บ้านเรือนราษฎรใน ๓ หมู่บ้านได้รับความเสียหาย ได้แก่ บ้านนาน้ำพาย หมู่ที่ ๒ เสียหาย ๑๓ หลังคาเรือน (โดยมี ๒ หลังคาเรือนที่ได้รับความเสียหายหนัก) ที่บ้านต้นม่วง หมู่ที่ ๔ เสียหาย ๗ หลังคาเรือน และบ้านนากวาง หมู่ที่ ๓ ต.บ้านฝาย เสียหาย ๑ หลัง รวมไปถึงโรงเรือนเก็บพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายไปด้วย ในเบื้องต้นราษฎรและหน่วยงานในพื้นที่ได้ช่วยกันซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายเพื่อสามารถอยู่อาศัยได้ไปก่อน และในช่วงเย็นของวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗ นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย นางพรทิพย์ ภู่เพียงใจ รองนายกพร้อมด้วยคณะเหล่ากาชาดจังหวัด และหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจพร้อมนำสิ่งของอุปโภค - บริโภค แจกจ่ายให้กับราษฎรที่ประสบภัย ที่ศาลาการเปรียญวัดนาน้ำพาย ตำบลเด่นเหล็ก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งมอบเงินช่วยเหลือสำหรับบ้านที่เสียหายหนักรายละ ๑,๐๐๐ บาท ส่วนการช่วยเหลือเรื่องวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยขณะนี้อยู่ในระหว่างสำรวจความเสียหายเพื่อที่จะอนุมัติงบประมาณบรรเทาสาธารณภัยให้ความช่วยเหลือต่อไป

กาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ยังคงออกช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ราษฎรผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์หลังเกิดพายุฤดูร้อนถล่มอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในเขตตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์

ในระยะนี้ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจะยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนต่อเนื่องจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ทั้งนี้เมื่อช่วงเวลา ประมาณ ๒๒.๐๐ น. ของวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมาเกิดมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในพื้นที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่นจำนวนมาก รวมถึงบ้านเรือนราษฎรในตำบลคุ้งตะเภา ๕ หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านป่าขนุน หมู่ที่ ๓, บ้านหัวหาด หมู่ที่ ๕,บ้านบ่อพระ หมู่ที่ ๗ และบ้านหาดเสือเต้น หมู่ที่ ๖ และ หมู่ที่ ๘ รวมได้รับความเสียหาย แยกเป็น ศาลาธรรมสังเวชวัดบ่อพระ ๑ แห่ง โรงเรือนเก็บหอม ๑ แห่ง บ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวน ๑๓ หลัง โดยมีบ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ในหมู่ ๗ ตำบลคุ้งตะเภา จำนวน ๒ หลัง คือ บ้านของนางนฤมล รื่นเกสร (ยังไม่มีบ้านเลขที่) และบ้านของนางละมาย อินทรสอน บ้านเลขที่ ๑๐๖ โดยหลังคาเปิดปลิวไปกับลมไม่สามารถใช้การได้ สำหรับการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น นางพรทิพย์ ภู่เพียงใจ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมคณะเหล่ากาชาดจังหวัด นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้นำหมู่บ้าน ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจพร้อมนำสิ่งของอุปโภค - บริโภค แจกจ่ายให้กับราษฎรที่ประสบภัย รวมทั้งมอบเงินช่วยเหลือสำหรับบ้านที่เสียหายทั้งหลัง เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (๒๙ เมษายน ๒๕๕๗)ส่วนการช่วยเหลือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจะดำเนินการสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

จังหวัดอุตรดิตถ์ สรุปการประกาศพื้นที่การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งครบทั้ง ๙ อำเภอ ราษฎรประสบภัย ๕๓ ตำบล ๔๓๑ หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๓๑ ของหมู่บ้านทั้งหมด

นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดอุตรดิตถ์ว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ได้ประสบปัญหาภัยแล้งตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๗ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทั้งด้านน้ำอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อการเกษตรและน้ำเพื่อการปศุสัตว์ ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศเขตพื้นที่การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ครบทั้ง ๙ อำเภอ ราษฎรประสบภัย ๕๓ ตำบล ๔๓๑ หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๓๑ ของหมู่บ้านทั้งหมด ราษฎรประสบภัย ๖๑,๘๕๐ ครัวเรือน ๑๕๖,๓๓๐ คน แยกเป็นพื้นที่อำเภอฟากท่า จำนวน ๔ ตำบล ๒๓ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยร้อยละ ๗๔.๑๙ ราษฎรประสบภัย ๑,๒๓๐ ครัวเรือน ๑,๙๔๔ คน,อำเภอตรอน ๓ ตำบล ๒๒ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยร้อยละ ๔๖.๘๑ ราษฎรประสบภัย ๔,๔๐๐ ครัวเรือน ๑๒,๑๙๖,อำเภอทองแสนขัน ๔ ตำบล ๓๙ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยร้อยละ ๗๙.๕๙ ราษฎรประสบภัย ๖,๕๘๑ ครัวเรือน ๒๐,๗๒๖ คน,อำเภอท่าปลา ๘ ตำบล ๘๕ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ราษฎรประสบภัย ๑๔,๖๑๙ ครัวเรือน ๔๗,๕๐๓ คน, อำเภอพิชัย ๗ ตำบล ๒๒ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยร้อยละ ๒๒.๔๕ ราษฎรประสบภัย ๑,๘๐๘ ครัวเรือน ๖,๐๖๓ คน,อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ๑๐ ตำบล ๑๐๐ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยร้อยละ ๖๓.๒๙ ราษฎรประสบภัย ๑๙,๒๖๗ ครัวเรือน ๓๖,๘๖๙ คน,อำเภอลับแล ๗ ตำบล ๖๕ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ราษฎรประสบภัย ๕,๗๓๒ ครัวเรือน ๑๖,๗๒๐ คน,อำเภอบ้านโคก ๔ ตำบล ๒๘ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยร้อยละ ๙๐.๓๒ ราษฎรประสบภัย ๔,๑๒๕ ครัวเรือน ๙,๖๒๔ คน และอำเภอน้ำปาด ๖ ตำบล ๔๗ หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยร้อยละ ๙๕.๙๑ ราษฎรประสบภัย ๔,๐๘๘ ครัวเรือน ๔,๕๘๕ คน

สำหรับมาตรการในการดำเนินการช่วยเหลือของจังหวัด ซึ่งได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๗ ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่ออำนวยการการประสานบูรณาการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง พร้อมประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ แผนการจัดสรรน้ำ รวมทั้งรณรงค์ขอความร่วมมือเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรม และบุคคลทั่วไปที่เกี่ยวข้องวางแผนกิจกรรมการใช้น้ำอย่างประหยัด และเหมาะสม และยังได้มอบหมายให้ส่วนราชการ สนับสนุนเครื่องจักรกลและรถยนต์บรรทุกน้ำแก่อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งโดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ได้อย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ ให้การช่วยเหลือเป็นรายอำเภอ สรุปทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ช่วยเหลือในเบื้องต้นด้วยการแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค รวมจำนวน ๙,๒๕๐,๐๐๐ ลิตร

อัฐมีบูชารำลึกที่วัดพระบรมธาตุลับแล งานบุญที่ยิ่งใหญ่ หนึ่งเดียวในโลก

การจัดงานอัฐมีบูชาของชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่วัดพระบรมธาตุ(ทุ่งยั้ง) เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องยาวนานถึง 55 ปี คือความผูกพันของผู้คนเมืองนี้ ที่มีศรัทธาต่อพุทธศาสนาอย่างมั่นคงไม่เสื่อมคลาย ทั้งนี้ไม่รวมการจัดบ้างหยุดบ้างในอดีตอีกนับร้อยปี จึงเป็นประเพณีเก่าแก่ที่ควรค่ากับการอนุรักษ์ และส่งเสริมให้ยั่งยืนตลอดไป เพื่อให้พุทธศาสนิกชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติและมีส่วนร่วมในกิจกรรม หรือขยายผลไปในท้องถิ่นต่างๆ ได้เรียนรู้พุทธประวัติตอนปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ศาสดาของพุทธศาสนิกชน

วันอัฐมีบูชาคือวันสำคัญทางศาสนาอีกวันหนึ่งที่มิได้กล่าวถึงกันมากนัก อาจเป็นเพราะว่า มีวันวิสาขบูชาอยู่ก่อนหน้านี้เพียงห้วงวันพระเดียว หมายถึงวันวิสาขบูชาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 แต่ถัดมาอีกหนึ่งวันพระ คือแรม 8 ค่ำเดือน 6 จึงเป็นวันอัฐมีบูชา ความสำคัญของวันนี้ก็คือ เป็นวันถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า ที่พุทธศาสนิกชน ในพุทธกาลเมื่อ 2,557 ปีล่วงมาแล้ว ต่างมีความโศกเศร้าอาลัย ที่ต้องสูญเสียพระบรมศาสดาอันเป็นที่รักเคารพยิ่งของตนนั่นเอง ตามพุทธประวัติกล่าวไว้ว่าเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ที่เรียกว่าวันวิสาขบูชาแล้ว พระเจ้ามัลละเจ้าเมืองกุสินารา พร้อมด้วยคณะสงฆ์ อันมีพระมหากัสสปะเถระเป็นประธาน ได้พร้อมใจกันกระทำพิธีถวายพระเพลิง พระพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ แห่งกรุงกุสินารานั่นเอง ซึ่งวันนั้นก็ตรงกับวันแรม 8 ค่ำเดือน 6 ดังนั้น เมื่อวันอัฐมีบูชาเวียนมาถึงในแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางแห่ง ก็มีการจัดงานรำลึกถึงพระพุทธองค์ แม้ระยะเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม สำหรับที่วัดพระบรมธาตุ(ทุ่งยั้ง) จะมีการจัดงานนี้เป็นประจำทุกปี โดยใช้ชื่องานว่า "ประเพณีถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าจำลอง”

ในปีนี้คณะศรัทธาอันประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นายชัช กิตตินภดล เป็นประธาน รวมทั้งคณะสงฆ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้พร้อมใจกันจัดงานย้อนอดีต ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ ครั้งพุทธกาล เพื่อรำลึกถึงพระองค์ท่านอีกครั้ง โดยจำลองเหตุการณ์ในครั้งนั้นตามขั้นตอนที่กล่าวไว้ใน พุทธประวัติและปรินิพพานสูตร อย่างละเอียด ตั้งแต่เสด็จปรินิพพาน จะมีช่างฝีมือช่วยกันใช้ไม้ไผ่สานเป็นองค์พระพุทธเจ้าปางปรินิพพานความยาว 9 ศอก ตกแต่งอย่างเหมาะสม บรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งไว้บนศาลาการเปรียญซึ่งจัดให้เป็นมณฑลพิธี ทุกคืนจะมีคณะสงฆ์สวดพระอภิธรรม การแสดงพระธรรมเทศนา จากพระนักเทศน์มีชื่อ พร้อมเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนราชการต่างๆนำคณะ มาร่วมกันเป็นเจ้าภาพทำบุญตักบาตร ปฎิบัติธรรม ตั้งแต่วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา ปีนี้ตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 ไปจนถึงวันแรม 7 ค่ำ เดือน 6 หรือวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 และเมื่อถึงวันแรม 8 ค่ำซึ่งเป็นวันอัฐมีบูชา หรือวันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า ก็จัดการแสดงสมมุติ การถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า ประกอบ แสง เสียง อย่างยิ่งใหญ่ ตระการตาจำลองทุกขั้นตอนในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเสมือนครั้งพุทธกาล

กำหนดการจัดงานอัฐมีบูชาที่วัดพระบรมธาตุ(ทุ่งยั้ง)ในปีนี้ มีองค์ประกอบของงาน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา ด้วยพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุพระราชทาน พิธีเวียนเทียน รอบพระบรมธาตุ เจดีย์ ในแต่ละวันจะมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานเช่น การถวายภัตตาหารเช้า เพล กิจกรรมการทอผ้าห่มพระบรมธาตุโดยเชิญชวนผู้ที่ไปร่วมงานบูชาด้ายทอผ้าห่ม หรือทำบุญตามศรัทธา แล้วทอผ้าด้วยกี่กระตุก ซึ่งเทศบาลตำบลพระเสด็จที่จัดกลุ่มแม่บ้านมาอำนวยความสะดวก และดำเนินการทุกปี หรือผู้ที่มีศรัทธาต้องการเป็นเจ้าภาพในกิจกรรมลานเทศน์ลานธรรม เวลา 19.30 น.ทุกคืน ก็ทำได้เช่นกัน ส่วนวันที่ 21 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เป็นไฮไลท์ของงาน และเป็นวันอัฐมีบูชา จะมีพิธีถวายสลากภัตทาน จะมีชาวบ้านนำอาหารหวานคาว มาถวายแด่พระสงฆ์กว่า 200 รูปช่วงเวลาเพล ในตอนบ่ายจะมีขบวนแห่ผ้าห่มพระบรมธาตุ ไปทำพิธี ที่บริเวณพระบรมธาตุเจดีย์ของวัด การประกอบพิธีห่มผ้าพระบรมธาตุ ปีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน ร่วมพิธีที่ถือว่าเป็นศิริมงคลอย่างยิ่ง ส่วนตั้งแต่เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป จะเริ่มพิธีอัฐมีบูชา ด้วยการอัญเชิญพระบรมศพจำลองจากศาลาการเปรียญ ลงสู่พระเมรุมาศ ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม โดยกลุ่มผู้แสดงเป็นพราหมณ์ เทวดา นางฟ้า พระเจ้ามัลละ ฤาษีอาชีวก ซึ่งเกิดเหตุอัศจรรย์หลายอย่างในครั้งนั้น แสดงให้เห็นถึงความสำคัญขององค์พระศาสดา พร้อม ๆไปกับการแสดงแสง เสียง ประกอบอย่างยิ่งใหญ่ สมกับความตั้งใจของพุทธศาสนิกชน ที่รอคอยมาเป็นเวลา 1 ปี จึงถือโอกาสนี้ขอเชิญชวนผู้สนใจจะเดินทางมาร่วมงาน หรือทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ขอให้ติดต่อมาที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ทุกวัน

สำหรับการจัดงานในปีนี้ ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานแพร่ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ เทศบาลตำบลทุ่งยั้ง-ไผ่ล้อม เทศบาลตำบลพระเสด็จ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ สภาวัฒนธรรมอำเภอลับแลและตำบลทุ่งยั้ง ตลอดจนหน่วยงาน องค์กรภาครัฐและเอกชน ประชาชนในพื้นที่ต่างๆของ อำเภอลับแล ต่างให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ สมกับที่ว่าเป็นเพียงแห่งเดียวในโลกที่มีการจัดต่อเนื่องตลอดมา ซึ่งปีนี้นับได้ว่าเป็นปีที่ 55 ของการจัดงานแล้ว จึงขอเชิญชวนท่านที่ยังไม่เคยสัมผัสบรรยากาศ การจัดงานแบบพุทธธรรมนี้ มาเยี่ยมชมได้ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ดังรายละเอียดที่กล่าวแล้วข้างต้น

เป็นที่น่าสังเกตว่าการจัดงานในแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชน ผู้มีศรัทธาในพระพุทธเจ้า เดินทางมาจากต่างจังหวัด เพื่อร่วมงานนี้เป็นจำนวนมาก แต่มีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งไม่สามารถเดินทางมาในช่วงระยะเวลาการจัดงานได้ พระครูบวรธรรมทิน เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ(ทุ่งยั้ง)กล่าวว่า วัดต้องการสร้างพิพิธภัณฑ์ อัฐมีบูชา ที่สามารถถ่ายทอดในลักษณะสื่อผสม ให้แก่ผู้ที่ต้องการมาเที่ยวชมในโอกาสอื่นได้ โดยไม่ต้องรอชมเฉพาะวันอัฐมีบูชา อีกทั้งนักเรียนนักศึกษา ที่เดินทางไปศึกษาดูงานยังสถานที่ต่างๆ ก็มีโอกาสแวะเข้าชมได้เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งแต่ไม่มากนัก เนื่องจากขณะนี้มีอาคารอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับปรุง จัดทำสื่อผสมจำลองขั้นตอนต่างๆ เหมือนงานวันอัฐมีบูชาจริง ๆ ก็สามารถสร้างความเข้าใจ และศรัทธาแก่ พุทธศาสนิกชนได้ จึงขอเสนอความคิดนี้ไปยังผู้มีจิตศรัทธาได้สนับสนุนในโอกาสต่อไป



ชวลิต คำเพ็ง เรียบเรียง/ สุรีย์ แสงทอง รายงาน

พายุกระหน่ำ จ.กำแพงเพชร มีบ้านพังหลังคาหาย 4 อำเภอ บ้านพังกว่า 100 หลัง และ เสาไฟฟ้าโค่น


เมื่อวันที่ 29 เมษายน 57 เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา มีลมพายุฝนตก ลมแรง นานกว่า 1ชั่วโมง จากรายงานสรุปความเสียหายจากพายุพัดบ้านพังเสียหายใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ที่ ต.ไตรตรึงษ์ หมู่ 3 ,หมู่ 11 บ้านพังเสียหาย 4 หลัง อ.โกสัมพีนคร ที่ ต.โกสัมพี ม.2 ม.5 ม.22 บ้านพังเสียหายรวม 19 หลัง สวนลำไยเสียหายจำนวน 1ไร่ และที่ อ.ขาณุวรลักษบุรี ต.บ่อถ้ำ ม.10 ม.14 และ ต.ปางมะค่า ม.4 ม.5 ม.9 บ้านพังเสียหายจำนวนมากรวม 81 หลังคา

ส่วนที่อำเภอไทรงาม พบว่าที่หมู่ 1 ต.หนองคล้า และ ที่หมู่1 ตำบลมหาชัย บ้านพังเสียหายกว่า 10 หลัง มีต้นไม้หักล้มทับเสาไฟฟ้าหักโค่นจำนวน 6 ต้น ทำให้คืนที่ผ่านมาไฟฟ้าดับจนถึงเช้า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าดำเนินการแก้ไขให้แล้ว

ด้านนายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชรให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานกับองค์ปกปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สำรวจและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน



นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว

จ.กำแพงเพชร จัดงาน คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ เพื่อเทิดพระเกียรติ ระดับประเทศ

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองกำแพงเพชร สำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ เพื่อเทิดพระเกียรติ ระดับประเทศ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน 2557 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองกำแพงเพชร โดยมี นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน และมี นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร และรองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงาน ให้การต้อนรับ

ภายในงานมีการเปิดให้บริการคลินิกเกษตร การให้ความรู้เรื่องการลดต้นทุน การเพิ่มผลผลิตคุณภาพข้าว การปรับเปลี่ยนระบบการปลูกพืชตามศักยภาพพื้นที่ , การฝึกอาชีพทางการเกษตรที่เหมาะสม เช่น การขยายพันธุ์พืช การผลิตพืชจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ระบบการให้น้ำพืชแบบประหยัด การเลี้ยงผึ้งและแมลงเศรษฐกิจ , บริการด้านอื่น ๆ จากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่จัดกิจกรรมมาร่วมให้บริการภายในงาน , การฝึกอบรมอาชีพด้วยหลักสูตรระยะสั้นเพียงวันเดียว ผู้เข้ารับการอบรมก็จะสามารถนำไปประกอบอาชีพต่อไปได้ เช่น การเพาะถั่วงอก การเพาะเห็ดฟางในตะกร้า การสานตะกร้าพลาสติก การทำสบู่เหลว น้ำยาล้างจาน เป็นต้น อีกทั้งยังจัดประกวด ผลผลิตทางการเกษตร เช่น มันสำปะหลังหัวใหญ่ มะละกอ มะม่วง กล้วยไข่ และผลผลิตทางการเกษตรอีกหลายชนิด ทั้งยังมีกลุ่มแม่บ้านโครงการสายใยรักและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มาร่วมการออกร้านจำนวนกว่า 50 ร้านค้า พร้อมผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตร ที่มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันกว่า 200 รายการ นอกจากนี้

ภายในงานยังมีการเปิดให้ร่วมลงนามถวายพระพร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ



นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว

เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ต้นมะกอกป่าขนาดใหญ่ โค่นล้มทับบ้านเรือนราษฎรพังยับเยิน มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 7 คน

เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มหลายหมู่บ้านในตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้บ้านเรือนราษฎรพังเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน โดยเฉพาะที่หมู่ 3 บ้านห้วยไร่ ต้นมะกอกป่าขนาดใหญ่ อายุกว่า 50 ปี ขนาดเส้นรอบวงเกือบ 2 เมตร สูงประมาณ 14 เมตร ได้ถูกลมพายุพัดจนหักโค่นล้มทับบ้านเลขที่ 34/1 หมู่ที่ 3 บ้านห้วยไร่ ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก ซึ่งเป็นบ้านของนายขาม มิ่งขวัญ อายุ 50 ปี จนได้รับความเสียหายพังทั้งหลัง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหล่มสัก และมี 1 คน ที่มีอาการสาหัส คือ นายประสิทธิ์ หาหล้า อายุ 42 ปี ถูกส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์

นายขจรศักดิ์ มารอด อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 3 บ้านห้วยไร่ ซึ่งอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ในช่วงกลางวันตนและเพื่อนบ้านรวม 9 คน ได้ไปทำการเก็บใบยาสูบที่ไร่ท้ายหมู่บ้าน และพอตกตอนเย็น ก็ได้นัดกันมาทำลาบเป็ดกินเลี้ยงสังสรรค์กัน ที่บ้านของนายขาม มิ่งขวัญ และในขณะที่ตั้งวงกินข้าวกับลาบเป็ดกันอยู่นั้น ก็ได้เกิดฝนตก และมีลมพายุพัดมาอย่างแรง จนทำให้ต้นมะกอกป่าขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ข้างบ้านนายขาม ได้ล้มโค่นลงทับบ้านของนายขาม ที่พวกตนกำลังนั่งกินลาบเป็ดกันอยู่ จนทำให้บ้านพังยับเยิน และพวกตนทั้ง 9 คน ก็ติดอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ต่อมาชาวบ้านได้มาช่วยกันใช้มีดฟันต้นไม้ออก เพื่อช่วยให้พวกตนออกมา พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล


ขอบคุณภาพข่าว/การันต์  ธนศิริพงศ์

ชาวบ้านป่าแดงจัดพิธีงานประเพณีหามพระดำน้ำ ประจำปี 2557

เมื่อวานนี้ 28 เมษายน 2557 ชาวบ้านป่าแดง ต.ป่าเลา อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ทั้ง6หมู่บ้านได้สืบสานประเพณีหามพระดำน้ำ ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมานานหลายร้อยปี ด้วยเชื่อกันว่า เมื่อได้นำพระพุทธรูปที่ชื่อว่า หลวงพ่อพระทอง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อห้ามญาติ ไปดำน้ำแล้ว จะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เชื่อว่าจะปกปักรักษาให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน พิธีดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันแรม 14 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ชาวบ้านทุกเพศทุกวัย จะพร้อมใจกันแห่หลวงพ่อห้ามญาติ จากวัดโพธิ์กลางไปรอบหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้สรงน้ำพระและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่หมู่บ้าน จากนั้นจะนำไปดำน้ำที่บริเวณวังศาลพ่อปู่ บริเวณนั้นจะเป็นต้นน้ำที่จะไหลลงไปตามลำคลองไปสู่หมู่บ้าน แต่หลังจากที่ได้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำป่าแดงจเปลี่ยนไปประกอบพิธีภายในบริเวณอ่างเก็บน้ำแทนจนถึงปัจจุบัน สำหรับ "หลวงพ่อพระทอง” หรือ "หลวงพ่อห้ามญาติ” เป็นพระพุทธรูป มีลักษณะปางห้ามญาติ ลักษณะยืน สูงประมาณ 3 ฟุต พระพักตร์อิ่มเอิบ พระกรรณยาว เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ แต่ชาวบ้านได้นำปูนมาโบกไว้และทาสีทอง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกโจรลักขโมยไป กลายเป็นชื่อที่เรียกพระพุทธรูปองค์นี้อีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อพระทอง ซึ่งประเพณีหามพระดำน้ำนี้ชาวบ้านป่าแดงได้ปฏิบัติสืบต่อกันประมาณหลายร้อยปี



ขอบคุณภาพ/ข่าว /อาจารย์เมฆินทร์  เกตุแก้ว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนประชาชน

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๗ (เมื่อ ๒๙ เมย.๕๗) ที่ห้องประชุม ๑ ชั้น ๕ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของจังหวัดเพชรบูรณ์

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมปฏิบัติการณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2557 อย่างเข้มแข็ง ทำให้มีสถิติอุบัติเหตุลดลง แม้มีผู้เสียชีวิตเท่าปี 2556 และได้สั่งการให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ด้านปัญหาความยากจนเป้าหมาย 616 ครัวเรือน ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยตกเกณฑ์ จปฐ. ขณะนี้ได้บูรณาการหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ ให้การสงเคราะห์และพัฒนาอาชีพ คงเหลือ 47 ครัวเรือน ส่วนปัญหาสาธารณภัย วาตภัย อัคคีภัย ให้เร่งเข้าช่วยเหลือทันที ด้านปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม จังหวัดได้ให้นโยบายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสรรงบประมาณร้อยละ 5 แก้ไขเรื่องน้ำอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง 3 ปี คาดว่าจะทำให้ปัญหาหมดไปได้ สำหรับปัญหาเกษตรกรตามโครงการรับจำนำข้าว ขณะนี้ยังมีใบประทวนค้างจ่าย 18,305 ราย เป็นเงิน 2,158 ล้านบาท รวมทั้งปัญหาเกษตรกรยังไม่ได้รับเงินชดเชยข้าวโพด ทางจังหวัดไม่นิ่งนอนใจ ได้เร่งประสานงานกับส่วนกลางอย่างต่อเนื่องด้วยแล้ว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าวอีกว่า ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดซึ่งในที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคน คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในปี 2557/58 จังหวัดได้ตั้งคณะทำงานและจัดทำแผนงาน/โครงการรองรับ โดยจะดำเนินการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ตลอดจนปรับปรุงภูมิทัศน์ ปลูกไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เขาค้อ ภูทับเบิก น้ำหนาว พุทธอุทยานเพชะบุระซึ่งประดิษฐานพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา และสถานที่ราชการต่างที่อยู่ติดถนน ให้ดอกไม้สวยงามเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นไปต้นเพื่อสร้างความประทับแก่นักท่องเที่ยว

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน

นายวิศิษฎ์ชัย นุใหม่ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ผู้ทรงภูมิปัญญาด้านการเกษตรสาขาต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ สมควรเป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดินให้ได้รับการดูแลด้านสวัสดิการ และสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถสู่สังคม และให้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการส่งเสริมและจัดสวัสดิการสำหรับปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน นั้น

คณะกรรมการส่งเสริมปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ได้มีประกาศแต่งตั้งปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ประจำปี 2557 จำนวน 3 สาขา ดังนี้ นายอเนก จีวะรัตน์ เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง นายสุพงษ์ วรวงษ์ เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น นายสมพงษ์ พรผล เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนเครือข่ายเกษตรไทย โดยผู้ได้รับแต่งตั้งจะเข้าเฝ้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 และรับเงินทุนเกียรติยศ

 นายอเนก จีวะรัตน์ เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง อายุ 59 ปี อาชีพเกษตรกร อยู่บ้านเลขที่ 98/4 หมู่ 2 ถนนสายตะกั่วป่า-กะปง ตำบลท่านา อำเภอกะปง จังหวัดพังงา นายสุพงษ์ วรวงษ์ เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 12 บ้านหนองม่วง ตำบลกุดเค้า อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น นายสมพงษ์ พรผล เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนเครือข่ายเกษตรไทย อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 2 บ้านท่าอยู่ ตำบลท่าอยู่ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา

จังหวัดเพชรบูรณ์มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ จังหวัดเพชรบูรณ์ได้ประกาศเขจการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

เนื่องจากที่ผ่านมา จังหวัดเพชรบูรณ์มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ จังหวัดเพชรบูรณ์ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ไปแล้ว 9 อำเภอ ได้แก่ ศรีเทพ ชนแดน วิเชียรบุรี บึงสามพัน หล่มสัก เมืองเพชรบูรณ์ เขาค้อ หล่มเก่า และน้ำหนาว รวมพื้นที่ 58 ตำบล 136 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ 1,939 คน 653 ครัวเรือน บ้านพังเสียหาย 401 หลัง ยุ้งฉางเสียหาย 89 แห่ง พืชผลทางการเกษตรเสียหาย 312 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ส่วนราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนร่วมกันให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้ อปท. ร่วมกับอำเภอที่ประสบภัย สำรวจความเสียหาย และให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นตามอำนาจหน้าที่ หากเกินขีดความสามารถของ อปท. อำเภอ จัดประชุมก.ช.ภ.อ.พิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม พร้อมรายงานให้ ก.ช.ภ.จ.ช่วยเหลือต่อไป และทางจังหวัดอนุมัติเงินทดรองราชการฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย เกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2557 ในพื้นที่ หมู่ 3,5,10 ตำบลศาลาลาย จำนวน 15 ราย เป็นเงิน 114,892 บาท