วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตาก-จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ และเปิดงานรณรงค์การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าว คืนความสุขให้ชาวนา

ตาก-จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ และเปิดงานรณรงค์การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าว คืนความสุขให้ชาวนา

วันนี้ (๓๐ ก.ค.๕๗) เวลา ๑๑.๐๐ น นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และงานรณรงค์การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าว คืนความสุขให้ชาวนา ณ โรงเรียนวังหินกิตติวิทยาคม ตำบลวังหิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกร และประชาชน เข้าร่วมงาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ อันเป็นโครงการฯที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โปรดเกล้าฯ รับโครงการไว้ในพระราชานุเคราะห์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในการแก้ไขปัญหาด้านการผลิตทางการเกษตรได้อย่างรวดเร็ว และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนโดยมีเกษตรกรจากพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอใกล้เคียงมารับบริการ

จากนั้น เวลา ๑๑.๓๐ น. นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นประธานเปิดงานรณรงค์การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าว คืนความสุขให้ชาวนา ซึ่งมีเกษตรกรเข้าร่วมงาน จำนวน ๑,๐๐๐ คน วัตถุประสงค์ เพื่อให้ชาวนาและประชาชนที่สนใจทราบถึงมาตรการการช่วยเหลือของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เปลี่ยนแปลงนโยบายการช่วยเหลือชาวนาจากการรับจำนำข้าว เป็นการช่วยเหลือโดยการลดราคาปัจจัยการผลิตและสนับสนุนองค์ความรู้การลดต้นทุนการผลิตข้าว และเร่งรัดให้ชาวนาเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ และนอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การจำหน่ายปัจจัยการผลิตและสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูก การประกวดเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี การตอบปัญหาด้านการเกษตร รวมทั้งการแสดงดนตรี สร้างความสุขให้ประชาชนโดยวงดนตรีจากจังหวัดทหารบกตาก

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมฝึกซ้อมแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมฝึกซ้อมแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพื่อป้องกันความเสียหาย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม 772 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นาย ประทีป ศิลปเทศ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานการประชุมการเตรียมการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ของจังหวัดพิษณุโลก โดยในที่ประชุม ได้มีการชี้แจงความพร้อมและหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ การพิจารณา วิเคราะห์สภาพพื้นที่ กำหนดสถานที่ฝึกซ้อม พิจารณาจัดทำร่างสถานการณ์สมมุติ ร่วมทั้งขั้นตอนในการปฏิบัติ และได้รับมอบหมายภารกิจหน้าที่ในการฝึกซ้อมแผน นาย บุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการซักซ้อมพูดคุยทำความเข้าใจ ในการร่างกำหนดการซ้อมแผน อุทกภัย น้ำล้นตลิ่ง โดยจะมีการซ้อมจริงในเดือนสิงหาคมนี้ ที่วัดวังพิกุล หมู่ที่ 2 ตำบลวังพิกุล อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ส่วนการซ้อมแผน อัคคีภัย กำหนดการซ้อมแผนที่ โรงเรียนอนุบาลนครพิษณุโลก หรือโรงเรียนเทศบาล 1 (วัดน้อย ) เดิม ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 -12.00 น. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทุกระดับ บูรณาการร่วมกัน มีความคุ้นเคยและชำนาญในการปฏิบัติงาน และพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติงานเพิ่มมากขึ้น

จังหวัดพิษณุโลกประชุมเตรียมความพร้อมรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ฯ ในโอกาสที่จะเสด็จมาทรงเปิดศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว

จังหวัดพิษณุโลกประชุมเตรียมความพร้อมรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ฯ ในโอกาสที่จะเสด็จมาทรงเปิดศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ศรีภิรมย์ ตำบลศรีภิรมย์ อำเภอพรหมพิราม

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมาที่ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก นายวิทูรัช ศรีนาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อมรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ในโอกาสที่จะเสด็จมาทรงเปิดศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ศรีภิรมย์ จังหวัดพิษณุโลก ในพระอุปถัมภ์ ตำบลศรีภิรมย์ อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ในวันที่ 8 กันยายน 2557 นี้ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ เพื่อมอบหมายงานให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการเตรียมการรับเสด็จให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ จังหวัดพิษณุโลกจึงขอเชิญประชาชนชาวจังหวัดพิษณุโลก ร่วมรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร โดยพร้อมเพรียงกัน

สุดรันทด พบเด็กหญิง ม.1 อาศัยอยู่กับน้องชายตามลำพัง ที่ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สภาพบ้านผุพังวอนช่วยเหลือ

สุดรันทด พบเด็กหญิง ม.1 อาศัยอยู่กับน้องชายตามลำพัง ที่ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สภาพบ้านผุพังวอนช่วยเหลือ ล่าสุด พระนักบุญเมืองสองแคว พร้อมคณะผู้ใจบุญ และชมรมสื่อมวลชนพิษณุโลก เดินทางไปให้กำลังใจ พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเด็กหญิงวัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก มีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ใช้ชีวิตอยู่กับน้อยชาย เพียงลำพัง พ่อแม่แยกทาง โดยเด็กหญิงรายนี้ คือ เด็กหญิงสายบัว ดุงสูงเนิน อายุ 13 ปี อาศัยอยู่ในบ้านสภาพผุพัง ไม่คุ้มแดด คุ้มฝน โดยเฉพาะห้องน้ำ ที่มีเพียงผ้าเก่า ๆ มาขึงกั้นไว้ อยู่ห่างออกไปจากตัวบ้าน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า น้องสายบัว อาศัยอยู่กับน้องชายคือเด็กชายนันทยศ พาสีดา วัย 8 ขวบ เพียงลำพัง เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน และแม่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร โดยจะส่งเงินมาให้น้องสายบัว กับน้องชาย ไว้เป็นค่าใช้จ่ายเพียงเดือนละ 500 บาทเท่านั้น คุณครูประจำชั้นของ น้องสายบัว เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่มาเยี่ยมบ้าน ตามโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียนของ สพฐ. ทำให้ทราบปัญหา และมีความเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของ น้องสายบัว ที่ต้องอาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล เนื่องจากน้องสายบัวเริ่มโตเป็นสาว อีกทั้งฐานะก็ยากจน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะประสานไปยังหน่วยงานต้นสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป เบื้องต้น ได้ประสานไปยังมารดาของเด็กทั้ง 2 คนให้กลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแล เด็ก ๆ แล้ว โดยล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 29 กรกฎาคม 2557 พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ พร้อมคณะผู้ใจบุญ และชมรมสื่อมวลชนพิษณุโลก ได้เดินทางไปมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็น เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวหลายสำนัก ได้เห็นสภาพบ้านที่น้องบัวกับน้องชายอาศัยอยู่ จึงสอบถามว่าน้องบัวกับน้องอาศัยอยู่ยังไง น้องบัวเล่าให้ฟังว่า ตนเองต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ลุกขึ้นมาหุงข้าว และทำกับข้าวให้น้อง ก่อนที่จะอาบน้ำและพากันไปโรงเรียน หากวันไหนอยู่บ้านแล้วถ้าฝนตก ก็ต้องคอยหลบฝนตามมุมบ้านเอา เพราะหลังคาบ้าน รั่ว ไม่คุ้มแดดคุ้มฝน ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า อยากให้ใครมาช่วยอะไรเป็นพิเศษไหม น้องบัวกล่าวว่า อยากได้บ้าน เพื่อไว้ให้แม่กับน้องชายได้พักอาศัย ที่ดีกว่านี้ จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนอย่างที่เป็น ส่วนตนเองอยากมีโอกาสเรียนให้สูง และอยากเลือกอาชีพเป็นหมอ ถ้าหากได้เรียนจริง ก็จะนำวิชาชีพที่ได้เรียน นำไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป สำหรับผู้ใจบุญท่านใดต้องการช่วยเหลือ เด็กหญิงสายบัว ดุงสูงเนิน สามารถบริจาคเงินได้ที่บัญชีธนาคารออมสิน เลขที่ 02 0103 8693 09 ชื่อบัญชี เด็กหญิงสายบัว ดุงสูงเนิน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 089- 856 6625

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะกรรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ ประจำเดือนกรกฎาคม 2557

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะกรรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ ประจำเดือนกรกฎาคม 2557

เช้าวันนี้ (30 ก.ค.57) ที่ห้องประชุมพระพุทธชินราช ชั้น 7 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพิษณุโลก ก่อนวาระการประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เป็นประธานในการมอบรางวัลและเกียรติบัตร ให้กับ น้องไนซ์ อายุ 5 ปี เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนโรจนวิทย์มาลาเบี่ยง พร้อมนางพัชรมัย เนียมสุภาพ มารดา หลังจากเก็บถุงใส่เงินจำนวน 30000 บาทได้ และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่ สถานประกอบการดีเด่นในจังหวัด ตามโครงการเพิ่มศักยภาพและการสร้างแรงจูงใจในการติดตามเร่งรัดหนี้ จำนวน 6 รางวัล และมอบเครื่องวัดแอกอฮอล์ทางลมหายใจ ให้แก่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก สำหรับวาระการประชุมในวันนี้ ได้มีการติดตามผลการเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนารถ เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม 2557 บริเวณเวทีกลาง หน้าศาลากลางจังหวัด แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ตามนโยบายของ คสช. การจัดงานรณรงค์และถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าวเพื่อคืนความสุขให้ชาวนา ในวันที่ 5 สิงหาคม 2557 ณ หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี คุณย่าประสาท รักเลี้ยง มหาวิทยาลัยพิษณุโลก เป็นต้น

ตำรวจเมืองสองแคว แถลงข่าวรวบหนุ่ม ซ่อมมอเตอร์ไซค์ขายอะไหล่ซิ่ง ย่านโคกมะตูม หลังเดินทางผิด คิดรวยทางลัด ขายยาบ้าให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่

ตำรวจเมืองสองแคว แถลงข่าวรวบหนุ่ม ซ่อมมอเตอร์ไซค์ขายอะไหล่ซิ่ง ย่านโคกมะตูม หลังเดินทางผิด คิดรวยทางลัด ขายยาบ้าให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ทัน จัดการล่อซื้อ สารภาพสิ้นว่างานนี้ทำคนเดียว

เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา พ.ต.ท.นนทวร สีอินทร์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก พร้อมด้วยชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา ในความผิดฐานจำหน่ายและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย สืบเนื่องจากชุดปฏิบัติการพิเศษ นำโดย พ.ต.ท.ไชยวิญญ์ อินทรทรัพย์ สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ได้ทำการล่อซื้อยาบ้านจากนายนราศักดิ์ หรือบรีส ดำคุ้ม อายุ 23 ปี ที่บริเวณหน้าร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์บรีสอะไหล่ซิ่ง เลขที่ 132/515 ถ.พระองค์ดำ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก โดยได้ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 200 เม็ด จากนั้นได้ทำการขยายผลไปทำการตรวจค้นยาบ้าได้เพิ่มอีกจำนวน 1 พันเม็ด ที่บริเวณใต้บานเกล็ดหลังตู้ใส่รองเท้า ภายในบ้านเลขที่ 88/255 ม.7 ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งนายนราศักดิ์ หรือบรีสฯ ได้ให้การรับสารภาพว่า ปกติตนได้ประกอบอาชีพเปิดร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์แต่งซิ่ง ชื่อร้านบรีสอะไหล่ซิ่ง ต่อมาช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการสึก ประกอบกับหลายหน่วยงาน ได้รณรงค์กวาดล้าง แก๊งค์เด็กซิ่งในพื้นที่อำเภอเมืองพิษณุโลกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร้านของตนรายได้เริ่มลดลงเนื่องจากกลุ่มเด็กแวนซ์ ไม่ค่อยนำรถมาแต่งซิ่ง เพราะกลัวโดนยึดรถ จึงได้เริ่มนำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับกลุ่มผู้เสพในเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกจริง

โดยได้ติดต่อขอซื้อยาบ้ามาจากนายนัท ไม่ทราบนามสกุลที่แท้จริง ซึ่งเป็นนักโทษชาย อยู่ในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก และได้ทำการขยายผลยึดทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติมาตรการยาเสพติด ตรวจยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่นดีแม๊ค สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 5447 พิษณุโลก จำนวน 1 คัน โครงรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน 2 คัน สร้อยคอทองคำจำนวน 1 เส้น สร้อยข้อมือ 1 เส้น และแหวนทองคำจำนวน 1 วง รวมทรัพย์สินที่ทำการตรวจยึดมูลค่า 8 แสนบาท ด้าน พ.ต.ท.นนทวร สีอินทร์ รองผู้กับการป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก กล่าวว่า ขณะนี้จากการสอบสวนขยายผลพบกว่าเกี่ยวข้องกับผู้ค้ายาเครือข่ายเรือนจำ ซึ่งทราบเพียงว่าชื่อนายนัทฯ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง โดยใช้การติดต่อทางโทรศัพท์ออกมาจากเรือนจำ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนเบอร์ติดต่อตลอดเวลา ซึ่งนายบรีส ผู้ต้องหาเองก็ไม่เคยเห็นหน้าแต่อย่างใด ประกอบกับการโอนเงินก็จะใช้การหมุนเวียนบัญชีไปเรื่อย ไม่ซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวน อย่างละเอียดและค้นหาผู้ค้ายาเครือข่ายเรือนจำ หากมีตัวตนจริงก็จะดำเนินคดีตามกฏหมายจนถึงที่สุดต่อไป