วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

สำนักงานประชาสัมพันธ์น่าน จัดเวทีเรียนรู้และศึกษาดูงานศูนย์พัฒนาภูฟ้าฯ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน จัดกิจกรรมทัศนศึกษาดูงานศูนย์พัฒนาภูฟ้าพัฒนาตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อสร้างจิตสำนึกของประชาชนให้ตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่มีเเก่ประชาชนจังหวัดน่าน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน กำหนดจะจัดเวทีเรียนรู้และศึกษาดูงาน ณ ศูนย์พัฒนาภูฟ้าตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อำเภอบ่อเกลือ ในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2557 ตามเเผนงานโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ประจำปี 2557 ในการจัดเวทีเรียนรู้และศึกษาดูงานศูนย์พัฒนาภูฟ้าฯ ในครั้งนี้ ได้กำหนดพากลุ่มเป้าหมายคือ อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน วิทยุชุมชน ผู้สื่อข่าวในพื่นที่จังหวัดน่าน เเละประชาชนผู้สนใจ เข้าศึกษาดูงานตามเเหล่งเรียนรู้ภายในโครงการศูนย์พัฒนาภูฟ้าตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับความรู้สามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้ในชีวิตประจำวันเเละประโยชน์จากโครงการพระราชดำริฯ อีกทั้งสร้างจิตสำนึกของประชาชนในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยให้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่มีเเก่ประชาชนชาวจังหวัดน่าน

โครงการภูฟ้าพัฒนาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีแนวทางการพัฒนา 4 ด้านด้วยกันด้านแรก คือ การพัฒนาเด็กและเยาวชนในโรงเรียนและศูนย์การเรียนรู้ชุมชนไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวงโดยทรงต้องการส่งเสริมให้เด็กมีการเจริญเติบโตและพัฒนาศักยภาพมีสุขภาพแข็งแรงสามารถอ่านออกเขียนได้มีความรู้พื้นฐานอย่างเพียงพอสามารถพึ่งตนเองได้และยังสามารถเรียนต่อในชั้นสูงต่อไปตามศักยภาพของแต่ละคนการพัฒนาอาชีพเสริมให้กับราษฎร ด้านที่สอง คือ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม"ภูฟ้า" ขึ้น ที่ ต.ภูฟ้า อ.บ่อเกลือ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2542 เพื่อให้เป็นห้องเรียนและพิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก สามารถศึกษาค้นคว้า ทำโครงงานต่าง ๆ รวมทั้งเป็นที่เรียนวิทยาศาสตร์ รวมทั้งเป็นศูนย์ถ่ายทอดความรู้สำหรับประชาชน สอดคล้องกับการพัฒนาด้านที่สาม คือ การส่งเสริมอาชีพภาคเกษตรและอาชีพนอกภาคเกษตร ที่สอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนพึ่งตนเองได้ และส่วนด้านที่สี่ คือ ทรงเน้นให้มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น



บุษรินทร์ / ข่าว

จังหวัดแพร่ จัดกิจกรรม “ร้อยดวงใจ 202 กองทุนแม่ของแผ่นดินสู่ความเข้มแข็ง

จังหวัดแพร่จัดกิจกรรม  "ร้อยดวงใจ 202 กองทุนแม่ของแผ่นดินสู่ความเข็มแข็ง”  เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดิน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันนี้(28เม.ย.57) ที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานเปิดกิจกรรม "ร้อยดวงใจ 202 กองทุนแม่ของแผ่นดินสู่ความเข็มแข็ง”  โดยนำผู้แทนคณะกรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดินในเขตพื้นที่ 8 อำเภอ ของจังหวัดแพร่ จำนวน 202 กองทุนๆ ละ 1 คน รวม 202 คน และภาคีการพัฒนา/วิทยากรกระบวนการ/ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 48 คน รวมทั้งสิ้น 250 คน ทั้งนี้เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจการขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดินให้กับชุมชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างกระบวนการเรียนรู้การขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดินจากสถานการณ์จำลอง และกองทุนแม่ของแผ่นดินมีแนวทางการพัฒนาเพื่อก้าวสู่ความเข้มแข็ง

จังหวัดแพร่นั้นดำเนินการดำเนินการกองทุนแม่ของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2547–2556 จำนวน 202 หมู่บ้าน/ชุมชน โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกับวิทยากรกระบวนการกองทุนแม่ของแผ่นดินในระดับจังหวัดและอำเภอ ได้สนับสนุนแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชน ในการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน กองทุนแม่ของแผ่นดิน ในการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยปัญหาการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของ ยาเสพติด มีผลกระทบทำให้ในบางพื้นที่ ยังคงมีปัญหาในการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งหากหากไม่มีการสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ประกอบกับรัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดโดยกำหนดแนวทางให้มีการเสริมสร้างความเข็มแข็งหมู่บ้าน/ชุมชน  กองทุนแม่ฯ และการสร้างศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้การจัดกิจกรรมป้องกันและแก้ไข/เฝ้าระวังปัญหายาเสพติดโดยกองทุนแม่ของแผ่นดิน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมหมู่บ้านที่จะพัฒนาเป็นกองทุนแม่ของแผ่นดิน ในปี 2557



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์  

ตำรวจภูธรด่านแม่คำมัน จังหวัดอุตรดิตถ์ เสริมกำลังให้ประชาชนร่วมป้องกันอาชญากรรมในท้องถิ่นตนเอง เผยแพร่ข่าวสารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยการจัดอบรมสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม (เหยี่ยวเวหา) ทางวิทยุสื่อสาร

นายสุชาติ ธีระวงษ์พิทักษ์ ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรโครงการสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม (เหยี่ยวเวหา) ทางวิทยุสื่อสาร ๒๔๕ MHZ สถานีตำรวจภูธรด่านแม่คำมัน อำเภอ ลับแล ให้กับประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลทุ่งยั้ง และตำบลด่านแม่คำมัน จัดขึ้น ณ ศาลาการเปรียญ ๖๐ ปี วัดพระยืน เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมในท้องถิ่นของตนเอง เผยแพร่ข่าวสารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสู่ประชาชนและให้ประชาชน ได้แจ้งข่าวสารให้กับตำรวจอีกช่องทางหนึ่ง พบพฤติกรรมหรือเบาะแสรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันเหตุได้ทันเวลา เพราะยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ภัยอาชญากรรมนับวันยิ่งมากขึ้น สังคมจะสงบสุขได้นั้นจะอาศัยกำลังตำรวจเพียงอย่างเดียวไม่พอ สายตาแต่ละคู่ของประชาชนจึงเป็นกำลังสำคัญในการช่วยสกัดเหตุร้ายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในพื้นที่รับผิดชอบ และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศในเขตรับผิดชอบมีลักษณะเป็นที่ราบสูง การใช้สัญญาณโทรศัพท์ ในการแจ้งเหตุในบางพื้นที่ไม่มีสัญญาณ ทำให้เกิดความล่าช้าในการแจ้งเหตุหรือไม่ได้รับการช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน สำหรับการจัดอบรมหลักสูตรดังกล่าวครั้งนี้เป็นการให้ความรู้ทางวิชาการและแนวทางปฎิบัติ โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรมจำนวนกว่าร้อยคน

โครงการเข้าวัดอิ่มบุญ อำเภอเก้าเลี้ยว นครสวรรค์

วันจันทร์ที่ 28 เม.ย.57 เวลา 09.00 น. ผวจ.นว.เป็นประธานโครงการ "เข้าวัดอิ่มบุญ ชุมชนรักษาศีล 5" จังหวัดนครสวรรค์ ณ วัดเขาดินใต้ วัดมหาโพธิ์ใต้ และ วัดเก้าเลี้ยว อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์โดยโครงการนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายของ เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในการที่จะให้หมู่บ้าน/ชุมชน ได้รักษาศีล 5 และเป็นหมู่บ้านต้นแบบในการรักษาศีล 5 ได้น้อมนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปใช้ในการปฏิบัติงาน และการดำรงชีวิตให้มีคุณภาพ ซึ่งกิจกรรมประกอบด้วย การนำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ลูกจ้างหน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา ผู้นำชุมชน เยาวชน และประชาชน เข้าร่วมทำบุญ รับศีล ฟังธรรมเทศนา เรื่อง "การปฏิบัติและรักษาศีล 5 ข้อ" และเยี่ยมชมโบราณสถาน โบราณวัตถุ แหล่งเรียนรู้ต่างๆ รวม 15 ครั้ง 15 อำเภอ

จังหวัดกำแพงเพชร จัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ประจำเดือน เมษายน 2557

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 ณ ห้องประชุมซุ้มกอ ชั้น 4 อาคารศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดกำแพงเพชร มีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ ผู้กำกับการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดกำแพงเพชร เข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนเริ่มการประชุม มีพิธีประดับเครื่องหมายอินทรธนูให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จำนวน 2 ราย , มอบโล่เชิดชูเกียรติ จำนวน 5 ครอบครัว และใบประกาศเกียรติคุณแก่ครอบครัวร่มเย็น จำนวน 4 ครอบครัว มอบเงินรางวัลให้นักกีฬา และผู้ฝึกสอน ที่ได้รับเหรียญรางวัล ในการแข่งขัน กีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 สุพรรณบุรีเกมส์ มอบเงินรางวัลให้นักกีฬา และผู้ฝึกสอน ที่ได้รับเหรียญรางวัล ในการแข่งขัน กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ศรีสะเกษเกมส์

จากนั้น ได้เริ่มประชุมตามวาระของจังหวัด คือ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจและสังคม การติดตามการแก้ปัญหาการป้องกันปราบปรามยาเสพติด พร้อมทั้งปรึกษาหารือ กับหัวหน้าหน่วยงานต่างในจังหัดกำแพงเพชรถึงอุปสรรคต่างๆในการปฏิบัติงาน รวมถึงรับฟังและติดตามปัญหาต่างๆของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อนำไปพิจารณาแก้ไขตามความเหมาะสมต่อไป เช่น การเร่งรัดดำเนินงานโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณตาม พ.ร.บ. รายจ่ายงบประมาณ ประจำปี 2556 , สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2557,รายงานโครงการจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/2557 , สถานการณ์โรคไข้เลือดออก โรคมือ เท้า ปาก โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำ



นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว

ศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดเพชรบูรณ์จัดค่ายบำบัดฟื้นฟูและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ต้องขังยาเสพติดเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์

ศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดเพชรบูรณ์ โดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกับ เรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดโครงการค่ายบำบัดฟื้นฟูและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ต้องขังยาเสพติดของเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ สนองยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาล พร้อมจัดการแสดงดนตรีจากนักร้องค่ายเพลงดัง สร้างความสุขแก่ผู้ต้องขังกว่า 200 คน ที่เข้าร่วมโครงการ โดยนายคณีธิป บุณยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการฯ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 เวลา 09.30 น. ที่เรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ นายวรโชติ สุคนธ์ขจร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าวรายงานวัตถุประสงค์โครงการ เพื่อให้ผู้เสพผู้ติดยาเสพติดสามารถเลิกได้อย่างเด็ดขาด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็ง มีจิตสำนึกที่ดีต่อตนเองและสังคม ตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดของจังหวัดเพชรบูรณ์ แผนงานแก้ไขปัญหาผู้เสพติด/ผู้ติด โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่ติดยาเสพติด ต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูเพื่อให้กลับตนเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม มีผู้ต้องขังเข้าร่วมโครงการ จำนวน 225 คน อบรมระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2557 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์สนับสนุนงบประมาณการจัดอบรม และยังได้สนับสนุนงบประมาณอีก 600,000บาทเศษ เพื่อสร้างโรงอาหารแก่เรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ด้วย

ทั้งนี้ ในการอบรมฯ ได้จัดการแสดงดนตรีของนักร้องจากค่ายเพลงดัง และตลก เต้อ เชิญยิ้มและคณะ มาสร้างความสุข สนุกสนานแก่ผู้ต้องขังเรืองจำจังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย

จังหวัดพิษณุโลก จัดประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานแผนชุมชนและคณะทำงานประเมินมาตรฐานแผนชุมชนจังหวัดพิษณุโลก ปี 2557

ที่โรงแรมเมย์ฟลาวเวอร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานแผนชุมชนและคณะทำงานประเมินมาตรฐานแผนชุมชนจังหวัดพิษณุโลก ครั้งที่ 1 /2557 ซึ่งการประชุมดังกล่าวสำนักงานพัฒนาชุมชนจัดขึ้น เพื่อให้คณะทำงานได้ร่วมประเมินมาตรฐานแผนชุมชนตามเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2557 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานการบูรณาการขับเคลื่อนแผนพัฒนาหมู่บ้านตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยโดยการส่งเสริม สนับสนุนการจัดทำแผนชุมชน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมขีดความสามารถของชุมชน และกำหนดทิศทางการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชน บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพและส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพแผนชุมชน เข้าสู่ระบบมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดต่อไป โดยคณะกรรมการได้ดำเนินการประเมินตามหลักเกณฑ์ตัวชี้วัด 5 ตัวคือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การมีส่วนร่วม กระบวนการเรียนรู้ การใช้ประโยชน์ และรูปเล่มแผนชุมชน โดยจะต้องผ่านเกณฑ์ประเมิน 70 เปอร์เซ็นต์ จาก 100 เปอร์เซ็นต์ถึงจะผ่านการรับรองแผนชุมชนว่าผ่านมาตรฐานแผนชุมชน สำหรับในปี 2557 จังหวัดพิษณุโลก มีจำนวนหมู่บ้านและชุมชน ส่งแผนเข้าสู่ระบบรับรองมาตรฐานแผนชุมชนทั้ง 9 อำเภอ จำนวน 160 หมู่บ้าน

มูลนิธิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนจังหวัดพิษณุโลกเตรียมจัดฉายภาพยนตร์ เรื่องคำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 : ยุทธหัตถี รอบปฐมทัศน์


นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ด้วยมูลนิธิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็ก บริษัทพร้อมมิตร จำกัด และจังหวัดพิษณุโลก เตรียมจัดฉายภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 : ยุทธหัตถี รอบปฐมทัศน์เป็นรอบพิเศษการกุศลเพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนจังหวัดพิษณุโลก โดยกำหนดจัดฉายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 เวลา 19.00 น. ณ โรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็ก ศูนย์การค้าเซ็ลทรัล พลาซ่า สาขาพิษณุโลก ซึ่งจะฉายเป็นจังหวัดแรกก่อนฉายจริงทั่วประเทศ ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 สำหรับราคาเข้าชมที่นั่งฮันนี่มูลซีท ราคาที่นั่งละ 3,000 บาท และที่นั่งนอร์มอลซีท ราคาที่นั่งละ 1,000 บาท ซึ่งนอกจากการจัดฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวแล้วมหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงครามยังได้ร่วมกับศูนย์การค้าเซ็ลทรัล พลาซ่า สาขาพิษณุโลก

ได้จัดให้มีกิจกรรมเทิดพระเกียรติองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ของศูนย์การค้าอีกด้วย จังหวัดพิษณุโลกและมูลนิธิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนจังหวัดพิษณุโลก จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันและขอความร่วมมือภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ทั้งที่เป็นราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ และภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดพิษณุโลกร่วมกันสนับสนุนซื้อบัตรชมภาพยนตร์ เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 : ยุทธหัตถี รอบปฐมทัศน์รอบพิเศษการกุศลเพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิ รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าโดยพร้อมเพรียงกัน สำหรับผู้สนใจที่จะขอซื้อบัตรชมภาพยนตร์สามารถติดต่อขอรายละเอียดได้ที่สำนักงานเลขานุการมูลนิธิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนจังหวัดพิษณุโลก ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก หลังเก่า หรือสอบถามทางโทรศัพท์ได้ที่หมายเลข 055 – 258050 ในวันและเวลาราชการ

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะกรรมการ เตรียมจัดงานสมโภชวัดจุฬามณี ในโอกาสครบรอบ 550 ปี

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะกรรมการ เตรียมจัดงานสมโภชวัดจุฬามณี ในโอกาสครบรอบ 550 ปี พร้อมกันนี้ในที่ประชุม ได้มีการพูดคุย เตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของทางจังหวัดต่อไป

เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 28 เมษายน 2557 ที่ศาลาการเปรียญวัดจุฬามณี ตำบลท่าทอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พระมหาชุมพล ปภาสโร เจ้าอาวาสวัดจุฬามณี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมประชุมปรึกษาแนวทาง กับคณะทำงาน โดยมี นาย วิทูรัช ศรีนาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เข้าร่วมพูดคุย ปรึกษาหารือแนวทาง การเตรียมจัดงานสมโภชวัดจุฬามณีครบ 550 ปี ในระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2557 – วันที่ 3 มกราคม 2558 รวม 7 วัน ทั้งนี้ในที่ประชุม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นการพูดคุยกับคณะทำงาน ทั้งทางวัด ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และทุกส่วนทุกฝ่ายเป็นครั้งแรก ซึ่งก็ได้มีการแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างกัน โดยแนวคิดที่ได้พูดคุย ก็มีแนวทางให้การจัดงาน เป็นไปตามประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น โดยจะมีการอุปสมบทนาคหมู่ การจัดเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก การสวดมนต์ข้ามปี และการปฎิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล นอกจากนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานสมโภชวัดจุฬามณีครบ 550 ปี ทางจังหวัดพิษณุโลก จะส่งเสริมให้เยาวชน หันมาเรียนรู้แหล่งโบราณสถาน ที่สำคัญของทางวัดจุฬามณี ซึ่งถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของทางจังหวัดพิษณุโลกอีกด้วย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกร่วมรณรงค์ความปลอดภัยในการทำงานเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2557

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกร่วมรณรงค์ความปลอดภัยในการทำงานเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2557 พร้อมกำหนดมาตรการความปลอดภัยเพื่อให้บุคลากรทุกคนมีจิตสำนึกในความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยสามารถปฎิบัติงานได้อย่างมีความสุข   

นายแพทย์บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ด้วยทุกวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันแรงงานแห่งชาติและเป็นวันหยุดของแรงงานทั่วโลกและเป็นวันที่บรรดาผู้ใช้แรงงานในหลายๆประเทศต่างออกมายื่นข้อเรียกร้องเพื่อเป็นความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งความปลอดภัยในการทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญที่แรงงานควรจะได้รับการดูแล ซึ่งจากความหมาย ความปลอดภัย หมายถึง สภาวะการปราศจากภัยหรือการพ้นภัย และรวมถึงปราศจากอันตราย การบาดเจ็บ การเสี่ยงภัย และการสูญเสีย สถิติของคนทำงานที่ต้องประสบอุบัติการณ์ เกิดการบาดเจ็บ สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง อวัยวะ จนกระทั่งถึงชีวิตจากการประกอบอาชีพนั้นมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี สาเหตุเนื่องมาจากลักษณะของงานที่เสี่ยง สภาพการทำงานที่เร่งรีบและสภาพการทำงานที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสถานประกอบการที่มีผู้ปฎิบัติงานทุกแห่ง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความคุ้มครอง ดูแล ส่งเสริมให้บุคลากรทุกคนมีจิตสำนึกในความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยเพื่อให้สามารถปฎิบัติงานได้อย่างมีความสุขอยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกันโดยปราศจากอันตรายใดๆ

โดยกำหนดมาตรการความปลอดภัยไว้ดังต่อไปนี้ - การกำหนดมาตรการความปลอดภัยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องและผลกระทบต่างๆ ด้านความปลอดภัย เพื่อเป็นแนวทางกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัย เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้เกี่ยวข้องในการกำหนดระเบียบปฎิบัติด้านความปลอดภัยของหน่วยงานอย่างชัดเจนและเหมาะสม - การตรวจความปลอดภัย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจด้านความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อความปลอดภัยและรับผิดชอบต่อสุขภาพของคนงาน - การฝึกอบรมด้านความปลอดภัย เพื่อสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านความปลอดภัยในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้เกิดมีขึ้นกับผู้ใช้แรงงาน - การปรับปรุงสภาพการทำงานและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน สถานประกอบการควรมีการดำเนินการอย่าจริงจังเกี่ยวกับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งการมีสุขภาพอนามัยที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น การจัดระเบียบการทำงานให้ถูกสุขลักษณะมีความปลอดภัย และสวัสดิการที่ดีขึ้น ซึ่งถ้าสถานประกอบการหรือหน่วยงานสามารถดำเนินการด้านความปลอดภัยในการทำงานก็จะสามารถทำให้ลดการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานได้

อบต.หนองพระ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก สนับสนุนประชาชนในพื้นที่เลี่ยงจิ้งหรีด เป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ในช่วงฤดูแล้ง

นายหมง จีนบางช้าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพระ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ที่ตำบลหนองพระ จะขาดแหล่งน้ำเพื่อทำการเกษตร โดยเกษตรกร จะใช้น้ำจากลุ่มน้ำคลองชมพูในช่วงฤดูฝนทำนาได้เพียงปีละครั้ง และหลังจากนั้นอีก 7 เดือนจะไม่มีน้ำเพื่อทำการเกษตรแล้ว ปัจจุบันจึงได้หันมาส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ หมู่ 3 หมู่ 4 ตำบลหนองพระ เลี้ยงจิ้งหรีด ทำเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากใช้เวลาเลี้ยงเพียง 45 วัน ก็จับขายได้และยังปลอดจากสารพิษ ขณะนี้ มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อจิ้งหรีดในหมู่บ้าน เพื่อนำไปขายต่อ หรือชาวบ้านที่อยากรับประทานก็จะมาหาซื้อ ขณะเดียวกัน ที่บ้านของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพระเองก็เป็นตัวแทนในการรับซื้อจิ้งหรีดจาก ชาวบ้านในราคากิโลกรัมละ 80 บาท นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพระ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเลี้ยงจิ้งหรีด สามารถทำได้ในทุกฤดูกาล และใช้พื้นที่น้อย ปัจจุบันได้มีการสนับสนุนให้เลี้ยงและทำเป็นอาชีพเสริมไปทุกหมู่บ้านทั่วทั้ง ตำบลหนองพระแล้ว พร้อมทั้งมีโครงการสนับสนุนซื้อหัวอาหารและซื้อลังสำหรับเลี้ยงให้ ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น

เทศบาลนครพิษณุโลกได้รับรางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีเด่นด้านสตรีและครอบครัวประจำปี 2556

เทศบาลนครพิษณุโลกได้รับรางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีเด่นด้านสตรีและครอบครัวประจำปี 2556 โดยมีกำหนดเข้ารับรางวัลในวันที่ 28 -29 เมษายน 2557 ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จ.ปทุมธานี

นายบุญทรง แทนธานี นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก กล่าวว่า ด้วยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักระดับชาติที่มีภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพสตรี การส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชายและการสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว ด้วยการกำหนดนโยบายมาตรการ กลไก ส่งเสริมและประสานงานสนับสนุนให้องค์กรภาครัฐ เอกชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ซึ่งรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการให้บรรลุตามเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมให้ อปท. ได้ดำเนินงานเชื่อมโยงในเรื่องการพัฒนาด้านสังคมในภาพรวม มีแผนงาน/โครงการด้านสตรีและครอบครัว และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของงานด้านสตรีและครอบครัว

ซึ่งมีความสอดคล้องกับภารกิจของ อปท. สำนักงานกิจการสตรีและครอบครัว จึงจัดโครงการเสริมสร้างความร่วมมือของเครือข่าย อปท. โดยการคัดเลือกและประกาศเกียรติคุณ อปท.ที่มีผลงานดีเด่นด้านสตรีและครอบครัว ประจำปี 2556 ขึ้น ในวันที่ 28-29เมษายน 2556 ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จ.ปทุมธานี สำหรับเทศบาลนครพิษณุโลกได้รับรางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีเด่นด้านสตรีและครอบครัวประจำปี 2556 โดยมีผลงานในการสนับสนุนการพัฒนาองค์กรสตรี และการพัฒนาสถาบันครอบครัว โดยการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมองค์กรสตรี อบรมสิทธิสตรี ส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรี จัดกิจกรรมผู้สูงอายุ ส่งเสริมกิจกรรมเด็กและเยาวชน และเสริมสร้างสายใยรักครอบครัวอบอุ่น ครอบครัวแข็งแรง รวมทั้งส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย การเลี้ยงลูกอย่างถูกวิธี ตลอดจนส่งเสริมสมาชิกในครอบครัว ได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในครอบครัว

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดอำเภอนครไทย ร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก หลังไม่ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพด มานานกว่า 4 เดือน

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดอำเภอนครไทย ร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก หลังไม่ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพด มานานกว่า 4 เดือน ส่งผลเกษตรกรกว่า 500 รายได้รับความเดือดร้อน

บ่ายวันนี้ ( 28 เม.ย.57 ) ที่ห้องประชุมสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมชี้แจงตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จำนวนกว่า 60 คน ที่เดินทางมาทวงเงินชดเชยส่วนต่างโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพด เป็นจำนวนเงินกิโลกรัมละ 1.50 บาท ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2556 เป็นต้นมา เป็นระยะเวลากว่า 4 เดือน ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในพื้นที่ 9 หมู่บ้านของตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย ประกอบด้วยเกษตรกรหมู่ที่ 1 , 2 ,3 , 4 , 5 , 7 , 8 , 9 และหมู่ที่ 10 จำนวนกว่า 500 ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน โดยนายทองใส บุญธรรม อายุ 49 ปี แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดตำบลห้วยเฮี้ย กล่าวว่า เกษตรกรได้นำผลผลิตข้าวโพดไปจำหน่ายให้กับจุดรับซื้อแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอนครไทย ได้ราคากิโลกรัมละ 5.50 บาท ขณะราคาในโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดของรัฐบาลอยู่ที่กิโลกรัมละ 7 – 9 บาท และยังมีส่วนต่างอยู่อีกกิโลกรัมละ 1.50 บาท ทางจุดรับซื้อได้ให้เกษตรกรทวงถามกับทางรัฐบาล ตนจึงได้เดินทางมาสอบถามผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมพาณิชย์จังหวัดฯ ได้ชี้แจงกับเกษตรกร ว่า ขอตรวจสอบหลักฐานกับทางจุดรับซื้อ เนื่องจากมีปัญหาด้านเอกสารผิดพลาด ส่งผลให้การชดเชยส่วนต่างในโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดของเกษตรกรตำบลห้วยเฮี้ย ล่าช้า อย่างไรก็ตาม พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก ได้ยืนยันกับตัวแทนเกษตรกรว่า ภายในสัปดาห์นี้ เกษตรกรจะได้เงินชดเชยส่วนต่างอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเกษตรกรรู้สึกพอใจกับการยืนยัน และได้เดินทางกลับในเวลา ต่อมา