วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

สำนักงานขนส่งจังหวัดพะเยา จัดกิจกรรมอบรมเสริมความรู้การขับขี่ปลอดภัยและรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย

วันนี้ (10 ก.ย.57) นายโสภณ พิทักษ์สาลี ขนส่งจังหวัดพะเยา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมอบรมเสริมความรู้การขับขี่ปลอดภัยและรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย ตามโครงการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย ประจำปีงบประมาณ 2557 พร้อมร่วมปล่อยขบวนรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย ณ สำนักงานเทศบาลตำบลท่าวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ซึ่งสำนักงานขนส่งจังหวัดพะเยา ร่วมกับเทศบาลตำบลท่าวังทองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น เพื่อ เสริมสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัยและวินัยจราจร พร้อมนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันต่อไป โดยมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

นายโสภณ พิทักษ์สาลี ขนส่งจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ปัญหาการเกิดอุบติเหตุเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันที่จะดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในชุมชน ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้องและปลอดภัยรวมถึงเรื่องของกฎหมายจราจร จากวิทยากรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัยและวินัยจราจรให้เกิดขึ้นในชุมชนและสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมต่อไป



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

โรงพยาบาลพะเยา จัดโครงการประชาสัมพันธ์งานบริการการแพทย์ฉุกเฉินเชิงรุกต่อเนื่องในกลุ่มเสี่ยง‏

นพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพะเยา เปิดเผยว่า การเจ็บป่วยฉุกเฉินที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉิน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต โรคปอด หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมทันท่วงทีแล้วอาจจะทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต อวัยวะ หรือเกิดความบกพร่องในการทำงานของอวัยวะสำคัญ หรือเกิดการตายก่อนถึงวัยอันควรและเกิดความทุกข์ทรมาน นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศด้วย ดังนั้นโรงพยาบาลพะเยา จึงได้จัดโครงการอบรมอาสาฉุกเฉินชุมชนและโครงการประชาสัมพันธ์งานบริการการแพทย์ฉุกเฉินเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่องในกลุ่มเสี่ยง ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาและจัดระบบบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน ครอบคลุม ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ โดยออกบริการเชิงรุกในหน่วยบริการปฐมภูมิเครือข่ายอำเภอเมืองและอำเภอภูกามยาว จำนวน 5 รุ่น ในวันที่ 8 ,15,19, 22 และ 23 กันยายน 2557 ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพะเยา ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อ ปี พ.ศ. 2553-2555 พบว่า จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉิน และได้มีการพัฒนางานบริการการแพทย์ฉุกเฉินตามตัวชี้วัดของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) อย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ.2555 พบว่ามีผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินในระดับวิกฤตและเร่งด่วน(Emergency) เพียงร้อยละ 15 หรือจำนวน 346 รายเท่านั้นที่ถูกนำส่งโดยระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และจำนวนดังกล่าวยังถูกนำส่งโดยหน่วยบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เหมาะสมกับศักยภาพอีกถึงร้อยละ 21.68 นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องคุณภาพการรักษาพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุและระหว่างนำส่งที่ไม่เหมาะสมอีกร้อยละ 1.87 ที่ผ่านมางานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ได้จัดทำโครงการอบรมอาสาฉุกเฉินชุมน ในช่วงเดือน ส.ค.- ก.ย.56 จำนวน 10 รุ่น มีอาสาฉุกเฉินที่ขึ้นทะเบียนแล้วจำนวน 779 คน และประชาสัมพันธ์งานบริการการแพทย์ฉุกเฉินเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงตามคลินิกพิเศษต่างๆ และงานผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลในช่วงเดือน ส.ค.- ต.ค.56 ปี พ.ศ.2556 พบว่า มีผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินในระดับวิกฤตและเร่งด่วน (Emergency) เพียงร้อยละ 10.41 เท่านั้น แจ้งผ่าน 1669 มีร้อยละ 74.32 ระยะออกให้บริการภายใน 3 นาที มีร้อยละ 68.9 ระยะการได้รับการรักษา ณ จุดเกิดเหตุภายใน 10 นาที มี่ร้อยละ 68.79 และคุณภาพการรักษา ณ จุดเกิดเหตุและระหว่างนำส่งเหมาะสมมีร้อยละ 99.79



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่บริเวณประตูระบายน้ำลำน้ำอิง เนื่องจากปริมาณน้ำเกินกว่าที่กว๊านจะกักเก็บไว้ พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับมือช่วยเหลือเกษตรกร

วานนี้ (9 ก.ย.57) นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยนายสุวิทย์ สุริยะวงศ์นายอำเภอภูกามยาว , นางอาภาภรณ์ นาควัชระ ประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา นำสื่อมวลชนลงพื้นที่บ้านห้วยทรายขาว หมู่ที่ 16 ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว เพื่อติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำที่บริเวณประตูระบายน้ำลำน้ำอิง ซึ่งเป็นประตูแห่งสุดท้ายที่บริหารจัดการปริมาณน้ำที่รับน้ำมากจากกว๊านพะเยา โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าประตูน้ำดังกล่าวได้เปิดระบายเต็มที่ ส่งผลให้น้ำจำนวนมากไหลเข้าท่วมนาข้าวนับ 1,000 ไร่ หลังจากเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องปล่อยพร่องน้ำจากกว๊านพะเยา เนื่องจากปริมาณน้ำเกินกว่าที่กว๊านจะกักเก็บไว้ได้แล้ว ล่าสุดทำให้นาข้าวในพื้นที่ ต.ห้วยลาน อ.ดอกคำใต้ และพื้นที่ ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว ถูกน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะนี้พบต้นข้าวที่เริ่มยืนต้นตายบ้างแล้ว

ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้สั่งการให้นายอำเภอภูกามยาว และนายอำเภอดอกคำใต้ ร่วมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามหากในระยะนี้ไม่มีฝนตกลงมา ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถบริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดผลกระทบไปมากกว่านี้ได้ แต่หากเกิดฝนตกซ้ำลงมาอีก ก็อาจจะส่งผลให้นาข้าวของเกษตรกรได้รับความเสียหายเพิ่มมากขึ้น



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

ปลุกพลังชาวแพร่ร่วมเฟ้นหาครูเพื่อเสนอชิงรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

จังหวัดแพร่เชิญชวนศิษย์เก่า หรือสถานศึกษา องค์กรภาครัฐและเอกชน เสนอชื่อครูเข้ารับการคัดเลือกเข้ารับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

นายชเนรินทร์ สมินทรปัญญา ประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีระดับจังหวัด กล่าวว่า ด้วยคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จะคัดเลือกครูในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวน 11 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย ลาว พม่า กัมพูชา มาเลเชีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไน อินโดนีเชีย และ ติมอร์เลสเต ประเทศละ 1 คน เข้ารับพระราชทานรางวัลดังกล่าวจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ซึ่งรางวัลนี้มีความแตกต่างจากรางวัลอื่นตรงที่การมุ่งเฟ้นหา ครูที่อุทิศตนสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ หรือเป็นผู้มีคุณูปการแก่วงการศึกษาไทย ซึ่งมิได้วัดเป็นเพียงผู้สอนดีหรือมีความเป็นเลิศทางผลงานเชิงเอกสารเท่านั้น

ประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่กล่าวอีกว่า การเสนอชื่อครูเพื่อให้ได้รับรางวัลระดับจังหวัดสำหรับประเทศไทยนั้น ผู้ที่จะเสนอได้มาจาก 4 ด้าน คือด้านแรกศิษย์เก่าที่อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีเป็นผู้เสนอ ศิษย์ 1 คนสามารถส่งครูได้ 1 คน ด้านที่สองสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยความเห็นชอบของกรรมการสถานศึกษาเสนอได้สถานศึกษาละ 1 คน ด้านที่สาม สมาคมมูลนิธิและองค์กรเป็นนิติบุคคลมีภารกิจส่งเสริมการเรียนรู้ เสนอได้องค์กรละ 1 คน และสุดท้ายด้านที่สี่ องค์กรภาครัฐและเอกชนที่มีการคัดเลือกครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเสนอได้ 1 คน

วิธีการคัดเลือกระดับจังหวัดจะคัดเลือกจากผู้ที่เสนอมาทางศิษย์เก่า ทางสถานศึกษา และ ทางสมาคมมูลนิธิองค์กรที่เป็นนิติบุคคล ให้เหลือหนึ่งคนตามโควตาที่จังหวัดแพร่ได้รับ เสนอไปยังคณะกรรมการส่วนกลางซึ่งผู้ได้รับการคัดเลือกจากจังหวัดและทั่วประเทศเสนอไปรวม 159 รายนี้ ชั้นต้นจะได้รับรางวัลครูขวัญศิษย์ทันที ส่วนที่เสนอทางองค์กรภาครัฐและเอกชนที่มีการคัดเลือกครูอยู่แล้วนั้นสามารถเสนอไปยังส่วนกลางเองได้ไม่ต้องผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด

จากนั้นครั้งที่ 2 คณะกรรมการส่วนกลางจะคัดเลือกจากที่จังหวัด รวมทั้งที่องค์กรภาครัฐและเอกชนเสนอ ให้เหลือไม่เกิน 20 คน ผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ 4 ถึง 20 จะได้รางวัลครูยิ่งคุณ คะแนนลำดับที่ 2 ถึง 3 รับรางวัลคุณากร และผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดหรืออันดับหนึ่งถึงจะรับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ซึ่งจะได้เหรียญรางวัล ประกาศนียบัตร และเงินรางวัล 10,000 เหรียญสหรัฐ โดยเข้ารับพร้อมกับประเทศอื่นๆในวันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558

ศิษย์เก่าหรือ สถานศึกษา องค์กรภาครัฐเอกชนใดสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับใบสมัครได้ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ หรือที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่เขต 1 ได้ทุกวันทำการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป



ปชส.แพร่/ข่าว

จังหวัดแพร่ กำหนดจัดพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณสองมหาบุรุษเมืองแพร่ ประจำปี 2557

จังหวัดแพร่กำหนดจัดพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณสองมหามหาวีรบุรุษจังหวัดแพร่ ในวันที่ 26 กันยายน 2557 ที่บริเวณอนุสรณ์สถานสองมหาวีรบุรุษเมืองแพร่ ตำบลแม่หล่าย อำเภอเมืองแพร่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ตามที่จังหวัดแพร่โดยข้าราชการ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์ขุนหลวงพล  หรือปู่พญาพล และพญาเมืองชัย หรือพระยาศรีสุริยวงศ์ สองมหาวีรบุรุษเมืองแพร่ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ที่ตำบลแม่หล่าย อำเภอเมืองแพร่ และมีการจัดพิธีบวงสรวงเปิดอนุสาวรีย์มหาบุรุษเมืองแพร่ และพิธีสืบชะตาหลวง เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2546 นั้น และมีมติกำหนดให้วันที่ 26 กันยายน ของทุกปีจัดพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณสองมหามหาวีรบุรุษจังหวัดแพร่ โดยในปีนี้จังหวัดแพร่กำหนดให้มีพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณของสองมหาวีรบุรุษจังหวัดแพร่ในวันที่ 26 กันยายน 2557 ที่บริเวณอนุสรณ์สถานสองมหาวีรบุรุษจังหวัดแพร่ ที่ตำบลแม่หล่าย อำเภอเมืองแพร่ เพื่อรำลึกถึงคุณูปการของสองมหาวีรบุรุษที่ได้บำเพ็ญประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้จังหวัดแพร่ในอดีต โดยเวลา 07.00 น. เริ่มพิธีบูชาท้าวทั้งสี่ เวลา 08.00 น. ฟ้อนรำบวงสรวง เวลา 09.00 น. ประธานในพิธีเปิดงานบวงสรวง กล่าวสดุดีวีรกรรมของสองมหาวีรบุรุษจังหวัดแพร่ ประกอบพิธีพราหมณ์ พิธีทางพระพุทธศาสนา

สำหรับประวัตินั้นเมื่อปี พ.ศ. 1371 ปู่พญาพลได้เป็นผู้นำในการบุกเบิก โดยนำคนไทยส่วนหนึ่งอพยพลงมาจากเมืองเชียงแสน ไชยบุรี และเชียงพวงคำ เพื่อสร้างบ้านแปงเมืองใหม่ บนที่ราบฝั่งน้ำยม และขนานนามว่า เมืองพลนคร ต่อมาปี พ.ศ. 1372 ได้รวมคนทุกเขตแขวงประกอบพิธีสร้างวัดขึ้นบริเวณข่วงตะวันตกคุ้มขนานนามว่า วัดหลวง และได้สร้างพระวิหารหลวงพลนคร เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าแสนหลวง ปู่พญาพลยังได้ปกครองดูแลความทุกข์ สุข ของประชาชน  ทั้งทางด้านการมองหาทำเลที่อยู่ ที่ทำกิน และปลูกฝังอบรม ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมแก่พลเมือง ร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนา แก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด  ทางด้านพญาเมืองชัยนั้นเป็นนักรบที่ชาญฉลาด และเป็นผู้ที่มีภูมิปัญญาควรแก่การยกย่องว่าเป็นปราชญ์ ซึ่งได้ทำศึกสงครามนำไพร่พลเมืองแพร่เข้ารบในสมัยกรุงศรีอยุธยา และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินได้แต่งตั้งให้เป็น พระยาศรีสุริยวงศ์

จังหวัดแพร่จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการ ประชาชน ร่วมพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณสองมหามหาวีรบุรุษจังหวัดแพร่ดังกล่าว สำหรับการแต่งกาย ชุดหม้อห้อม ชุดพื้นเมือง



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์ 

ค่านิยมไทย 12 ประการตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

การสร้างค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. เพื่อสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็ง

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มีนโยบายในการสร้างคนในชาติให้เกิดความเข้มแข็ง เกิดความรักความสามัคคีปรองดอง สมานฉันท์ ด้วยการสร้างค่านิยมไทย 12 ประการให้กับเยาวชน และประชาชนทั่วไปในสังคมไทย ซึ่งประกอบด้วย

1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน

3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์

4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม

5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย

6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์

7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย

8. มีระเบียบ วินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่

9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ

10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจาเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจาหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี

11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ

12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

หากประชาชนนำค่านิยมไทยทั้ง 12 ประการไปประพฤติปฏิบัติแล้ว จะส่งผลให้บ้านเมืองมีความสงบสุข มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เกิดการพัฒนา เกิดความเจริญในหลายๆด้าน





ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว
   
   

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจ.แม่ฮ่องสอนจัดโครงการปลูกป่า เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจ.แม่ฮ่องสอนจัดโครงการปลูกป่า เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558

เช้าวันนี้(10 กย.2557) นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจ.แม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดโครงการปลูกป่า เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558 ที่สวนสาธารณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน บ้านท่าโป่งแดง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมี เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ชาวบ้าน และนักเรียน กว่า 500 คน ร่วมปลูกต้นประดู่ มะม่วง ขี้เหล็ก และมะขามป้อม จำนวน 600 ต้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558 อีกทั้งเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำให้เป็นแหล่งรองรับ กักเก็บ ระบาย และควบคุมการไหลของน้ำฝนสู่แหล่งน้ำลำธาร ตลอดจนให้ประชาชน เกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมต่อไป

สวนสาธารณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีเนื้อที่ 1,235 ไร่ เศษ เป็นที่ดินโฉนดในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่พระราชทานให้กับชาวแม่ฮ่องสอน โดยมีพระราชดำริให้จัดตั้ง เป็นสวนสาธารณะ เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน


ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

สำนักงานเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

นายวุฒิฉัตร เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 4/2557 ในวันที่ 11 กันยายน 2557 ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องอสน ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป เพื่อให้บริการคลินิกเกษตรและบริการด้านวิชาการจากหน่วยงานภาครัฐให้กับเกษตรกรในพื้นที่ และมีกิจกรรมการประกวดผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ กล้วยน้ำว้า มะละกอแขกดำ และฟักเขียว โดยสามารถส่งผลผลิตได้ที่เกษตรอำเภอทุกอำเภอ ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 11 กันยายน 2557

ในงานเปิดให้บริการด้านวิชาการ และการวิเคราะห์ปัญหาด้านพืช ด้านสัตว์ ด้านประมง ด้านดิน ด้านบัญชี ด้านชลประทาน ด้านสหกรณ์ ด้านส.ป.ก. ด้านกฎหมาย การเจาะเลือดเพื่อหาปริมาณสารพิษตกค้างในร่างกาย และการวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน ไร่นา ชมนิทรรศการเกษตร การเพิ่มผลผลิตพืช การใช้สารชีวภัณฑ์ในการป้องกันโรคพืช เพื่อผลิตอาหารที่ปลอดภัยจากสารพิษ และนิทรรศการสนับสนุนโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

เจ้าหน้าที่สวท.แม่ฮ่องสอน ร่วมกันพัฒนาทำความสะอาด ตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ ที่วัดพระธาตุดอยกองมู แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม

เจ้าหน้าที่สวท.แม่ฮ่องสอน ร่วมกันพัฒนาทำความสะอาด ตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ ที่วัดพระธาตุดอยกองมู แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม

เช้าวันนี้(10 กันยายน 2557)นางสาววาสนา ไข่แก้ว ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำเจ้าหน้าที่ สวท.แม่ฮ่องสอน ร่วมกันพัฒนาทำความสะอาด ตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ ต้นไม้ บริเวณ2 ข้างทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะงานประเพณีปอยเหลิน 11 ระหว่างวันที่ 4-16 ตุลาคม 2557 อีกทั้งเป็นการเตรียมสถานที่สำหรับการจัดงานตักบาตรเทโวโลหณะ ประเพณีออกพรรษา

วัดพระธาตุดอยกองมู เดิมชื่อว่า วัดปลายดอน เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญของเมืองแม่ฮ่องสอน ภายในวัดประดิษฐานพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย"จองต่องสู่" เมื่อปีพุทธศักราช 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะ ซึ่งนำมาจากสหภาพเมียนม่าร์ ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2417 โดย "พญาสิงหนาทราชา" เจ้าผู้ครองเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก จากจุดบนวัดพระธาตุดอยกองมู สามารถมองเห็น ภูมิประเทศ และสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจนและสวยงาม

ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

พบไม้สักแปรรูปเหลี่ยมซุกซ่อนในพงหญ้าและป่าละเมาะ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พบไม้สักแปรรูปเหลี่ยมซุกซ่อนในพงหญ้าและป่าละเมาะ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เมื่อบ่ายวานนี้(9 ก.ย. 57) นายสมชาย โภคาเทพ ปลัดอำเภอ หน.ฝ่ายความมั่นคง นายวิศิษฐ์ ทวนชีพ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง สมาชิก อส.อ.แม่ลาน้อย ที่ 5 และ จนท.ตำรวจ สภ.แม่ลาหลวง ออกตรวจพื้นที่พบไม้สักแปรรูปเหลี่ยมซุกซ่อนในพงหญ้าและป่าละเมาะ ขนาดหนา 4 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว ยาว 2 เมตร จำนวน 5 แผ่น ปริมาตร 0.3 ลูกบาศก์เมตร ไม่พบผู้กระทำผิดในที่เกิดเหตุ จึงยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาหลวง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนเตรียมจัดจัดเวทีเสวนา โครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างและปรับแต่งอัตลักษณ์ ( Identity ) ณ อำเภอแม่สะเรียง

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนเตรียมจัดจัดเวทีเสวนา โครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างและปรับแต่งอัตลักษณ์ ( Identity ) ณ อำเภอแม่สะเรียง ในวันที่ 11 กันยายน 2557

นางอ่อนศรี ศรีอัมพร ประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่าสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนเตรียมจัดจัดเวทีเสวนา โครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างและปรับแต่งอัตลักษณ์ ( Identity ) ณ อำเภอแม่สะเรียง เพื่อสร้างเสน่ห์การท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 กลุ่มเป้าหมายสื่อมวลชน และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว จำนวน 100 คน เข้าร่วมเวทีเสวนาฯที่หอประชุมอำเภอแม่สะเรียง ทั้งนี้เวทีเสวนาได้มี สื่อมวลชน ผู้ประกอบการ ตามโครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างและปรับแต่งอัตลักษณ์ ( Identity ) เพื่อสร้างเสน่ห์การท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ( เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน ) เพื่อเสริมสร้างและปรับแต่งอัตลักษณ์ พร้อมทั้งสร้างการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ให้มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน รวมถึงการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหว การส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดให้ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง โดยมีกลุ่มเป้าหมายสื่อมวลชน อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน ( อป.มช. ) และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ในพื้นที่ อ.สบเมย อ.แม่สะเรียง และอ.แม่ลาน้อย จำนวน 100 คน เข้าร่วมเวทีเสวนาฯ



ข่าวโดย : ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

สร้างความเข้าใจขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมชุมชนแก่บุคลากร อบจ.ลำพูน

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2557 ที่ หอประชุม อบจ.ลำพูน ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ.ลำพูน เป็นประธานเปิดการอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมชุมชนแก่บุคลากร สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 เพื่อให้คณะผู้บริหาร ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ข้าราชการครูสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างทุกส่วนราชการในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จำนวน 300 คน ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ รับฟังความคิดเห็น วิธีการและสามารถนำแนวทางที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมชุมชนมาปรับใช้ในการขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมชุมชนให้สอดคล้องตามนโยบายของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ที่ว่า "ลำพูน นครแห่งทุนทางวัฒนธรรมชุมชน" และสามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริง

โดยดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ.ลำพูน ได้เชิญชวนให้บุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมชุมชน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมเมือง แต่งเมือง ได้ลงพื้นที่ไปสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับทุนทางวัฒนธรรมชุม แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดลำพูน เชิญชวนให้ร่วมกันแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง นอกจากนี้นางนิชาดา สุริยะเจริญ ปลัด อบจ.ลำพูน ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ “แนวคิดการขับเคลื่อนนโยบายทุนทางวัฒนธรรมชุมชนสู่การปฏิบัติ” และ ได้รับเกียรติจาก อาจารย์ธนภณ วัฒนกุล กรรมการบริหารสำนักบริการวิชาการมหาวิทยาลัยศิลปกร เป็นวิทยากรให้ความรู้หัวข้อ “แนวคิดการขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมชุมชน” ซึ่งอาจารย์ธนภณ วัฒนกุล เป็นที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนด้านทุนทางวัฒนธรรมชุมชน และเป็นผู้ริเริ่มใช้คำว่า “ลำพูน นครแห่งทุนทางวัฒนธรรมชุม”


ข่าวโดย : อุไรวรรณ ปิงแก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี แจ้งหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก "ครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี" ประจำปี 2558

นายดนัย ชยกล้าหาญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน เปิดเผยเกี่ยวกับการคัดเลือกครูดีเด่นเพื่อรับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีว่า จากการที่มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ได้เป็นหน่วยงานหลักในการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัล โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ซึ่งรางวัลนี้จะเป็นรางวัลระดับนานาชาติมี 10 ประเทศในอาเซียน ร่วมคัดเลือกยอดครูแต่ละประเทศคู่ขนานไปกับประเทศไทย

ในส่วนของประเทศไทยต้องการให้รางวัลนี้สร้างการมีส่วนร่วมของคนทั้งประเทศ ซึ่งจะมีการเปิดให้เสนอรายชื่อผ่านประชาชนในท้องถิ่นมีสิทธิเสนอชื่อครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของแต่ละบุคคล โดยจะมีคณะกรรมการระดับจังหวัดในการคัดเลือกรายชื่อครูที่มีคุณสมบัติสูงตามเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อกลั่นกรองในระดับประเทศ ทั้งนี้ผู้ได้รับรางวัลจะได้รับเหรียญรางวัล ประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล 10,000 เหรียญสหรัฐฯ

รางวัลนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเฟ้นหา “ครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงแก่ศิษย์ สร้างแรงบันดาลใจแก่เพื่อนครู และคุณูปการแก่วงการศึกษาไทย” ซึ่งไม่ได้มุ่งวัดครูเพียงผลงานเชิงเอกสาร หรือเลือกที่ครูเป็นคนดีหรือสอนดีเท่านั้น ทั้งนี้ คุณสมบัติหลักของครูที่ถูกเสนอชื่อจะมีอายุการทำงานประมาณ 20 ปีขึ้นไป เป็นผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสถานศึกษาของรัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเป็นครูนอกสถานศึกษา ยังทำการสอนหรือบำเพ็ญประโยชน์ด้านการศึกษาในปัจจุบัน และไม่เป็นครูผู้ประกอบอาชีพครูสอนพิเศษเป็นอาชีพหลัก


ข่าวโดย : อุไรวรรณ ปิงแก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี แจ้งหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก "ครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี" ประจำปี 2558

นายดนัย ชยกล้าหาญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน เปิดเผยเกี่ยวกับการคัดเลือกครูดีเด่นเพื่อรับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีว่า จากการที่มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ได้เป็นหน่วยงานหลักในการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัล โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ซึ่งรางวัลนี้จะเป็นรางวัลระดับนานาชาติมี 10 ประเทศในอาเซียน ร่วมคัดเลือกยอดครูแต่ละประเทศคู่ขนานไปกับประเทศไทย

ในส่วนของประเทศไทยต้องการให้รางวัลนี้สร้างการมีส่วนร่วมของคนทั้งประเทศ ซึ่งจะมีการเปิดให้เสนอรายชื่อผ่านประชาชนในท้องถิ่นมีสิทธิเสนอชื่อครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของแต่ละบุคคล โดยจะมีคณะกรรมการระดับจังหวัดในการคัดเลือกรายชื่อครูที่มีคุณสมบัติสูงตามเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อกลั่นกรองในระดับประเทศ ทั้งนี้ผู้ได้รับรางวัลจะได้รับเหรียญรางวัล ประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล 10,000 เหรียญสหรัฐฯ

รางวัลนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเฟ้นหา “ครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงแก่ศิษย์ สร้างแรงบันดาลใจแก่เพื่อนครู และคุณูปการแก่วงการศึกษาไทย” ซึ่งไม่ได้มุ่งวัดครูเพียงผลงานเชิงเอกสาร หรือเลือกที่ครูเป็นคนดีหรือสอนดีเท่านั้น ทั้งนี้ คุณสมบัติหลักของครูที่ถูกเสนอชื่อจะมีอายุการทำงานประมาณ 20 ปีขึ้นไป เป็นผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสถานศึกษาของรัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเป็นครูนอกสถานศึกษา ยังทำการสอนหรือบำเพ็ญประโยชน์ด้านการศึกษาในปัจจุบัน และไม่เป็นครูผู้ประกอบอาชีพครูสอนพิเศษเป็นอาชีพหลัก


ข่าวโดย : อุไรวรรณ ปิงแก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

ขอเชิญชวนเสนอชื่อ "ครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี" สำหรับประเทศประจำปี 2558

นายดนัย ชนกล้าหาญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน เปิดเผยเกี่ยวกับการเสนอชื่อครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีว่า สำหรับประเทศไทย สามารถทำได้ 3 ช่องทางในระดับจังหวัด คือ 1.) ศิษย์เก่าอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี เป็นผู้เสนอ 2.) สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา และ 3.) สมาคมมูลนิธิ องค์กรที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีภารกิจส่งเสริมความรู้ เสนอได้องค์กรละ 1 ท่าน โดยครูผู้มีคุณสมบัติตามเกณฑ์จะได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการระดับจังหวัด ไปยังคณะกรรมการส่วนกลาง

นอกจากนี้ยังมีช่องทางให้องค์กรระดับชาติที่เคยจัดมอบรางวัลอย่างเป็นระบบ ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 ปี สามารถเสนอชื่อครูไปยังคณะกรรมการส่วนกลาง องค์กรละ 1 ท่านได้โดยตรง ซึ่งครูที่ผ่านการคัดเลือกในระดับจังหวัดจะได้รับรางวัล “ครูขวัญศิษย์” ส่วนครูที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการส่วนกลางจะได้รับรางวัล “ยิ่งครู” และครูที่ผ่านการคัดกรองเชิงลึกจะได้รับรางวัล “คุณากร” ก่อนที่คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจะพิจารณาตัดสินครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เพื่อรับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 2 ตุลาคม 2558 ในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุ 60 พรรษา ซึ่งจะถือเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครูไทยที่ดีของเรา และครูดีของชาติต่างๆในอาเซียน


ข่าวโดย : อุไรวรรณ ปิงแก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำพูน เชิญชวนศิษย์และสถานศึกษาต่างๆเสนอรายชื่อครูเพื่อเข้ารับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

นายดนัย ชนกล้าหาญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน เปิดเผยเกี่ยวกับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตระหนักในความสำคัญของการศึกษาอันเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ จึงทรงอุทิศพระองค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนในระดับต่างๆมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาสในท้องถิ่นห่างไกลกันดารทั่วประเทศ โดยพระปรีชาสามารถในด้านการศึกษา ได้ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการงานอาชีพของพสกนิกรมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เป็นคุณูปการต่อการศึกษาทั้งในระดับชาติและนานาชาติ

ในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษาในปีพุทธศักราช 2558 สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา เห็นสมควรเฉลิมพระเกียรติทางด้านการศึกษาให้ปรากฏแผ่ไพศาลไปในนานาประเทศ จึงขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดตั้งรางวัลระดับนานาชาติ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและขอพระราชทานพระราชานุญาตตั้งนามรางวัลว่า “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” หรือ “Princess Maha Chakri Award” และได้พระราชทานพระราชานุญาตให้จัดตั้งมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (Princess Maha Chakri Award Foundation : MPCAF) เพื่อเป็นองค์กรหลักในการวางแผนการดำเนินงานและพิจารณารางวัลด้วย

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เป็นรางวัลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครูผู้มีผลงานดีเด่น สร้างคุณประโยชน์แก่การศึกษาในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม 11 ประเทศๆละ 1 รางวัล ดำเนินการทุกๆ 2 ปี โดยจะพระราชทานครั้งแรกในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นปีที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษาและผู้ได้รับการคัดเลือกทั้ง 11 คน จะได้เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ประเทศไทย

โดยผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จะได้รับเหรียญรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ประกาศนียบัตรเงินรางวัลๆละ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ



ข่าวโดย : อุไรวรรณ ปิงแก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำพูน เตรียมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

เช้าวันนี้ (10 ก.ย. 2557) ที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถามศึกษาเขต 1 ได้มีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี โดยมีรองศาสตราจารย์อุเทน ปัญโญ ผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาการเป็นประธานเพื่อพิจารณาแนวทางการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีของจังหวัดลำพูน

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เป็นรางวัลเพื่อยกย่องชูเกียรติครูผู้มีผลงานดีเด่นสร้างคุณประโยชน์ต่อการศึกษาในประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 11 ประเทศ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามรางวัลว่า “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี”

สำหรับครูผู้มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นหรือเคยเป็นครูผู้สอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสถานศึกษาของรัฐ เอกชน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, เป็นหรือเคยเป็นครูนอกสถานศึกษาที่สอนผู้เรียนในวัยการศึกษาขั้นพื้นฐานและจะต้องปฏิบัติงานสอนหรือจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี นอกจากนี้จะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะ คือ เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์เจริญก้าวหน้าสู่ความสำเร็จในชีวิต มีความอุสาหะทุ่มเทในการทำภารกิจของครูมาโดยตลอด จนลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ และจะต้องเป็นผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาเป็นแบบอย่างทางจริยธรรมให้แก่เพื่อนครู มีการค้นคว้าพัฒนาการสอนมีความแตกฉานในเนื้อหาและการจัดกระบวนการเรียนรู้

ทั้งนี้จังหวัดลำพูนกำหนดให้เสนอชื่อครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ตั้งแต่ที่ 1 -31 ตุลาคม 2557



ข่าวโดย : อุไรวรรณ ปิงแก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำพูน จัดโครงการ กระจายผลผลิต พืชผัก เกษตรอินทรีย์ สู่ AEC ลำพูน กรีน มาร์เก็ต

สำนักงาน เกษตร และ สหกรณ์จังหวัดลำพูน จัดโครงการ พัฒนา และ ยกระดับ พืชผักปลอดภัย ผักอินทรีย์ สู่ AEC แบบ ครบวงจร เพื่อ กระจายผลผลิต สู่ ประชาคมอาเซียน และ กระจายไปสู่ผู้บริโภค ในพื้นที่ ลำพูน กรีน มาร์เก็ต ( Lamphun Green Market )

วันนี้ ( 10 กันยายน 2557 ) ที่ บริเวณ สมาคมแพทย์ แผนไทย จังหวัดลำพูน ในเขต เทศบาล เมืองลำพูน สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จ.ลำพูน จัดโครงการ พัฒนาและยกระดับพืชผักปลอดภัย ผักอินทรีย์ สู่ ประชาคมอาเซียน และ ผู้บริโภค ในพื้นที่ แบบครบวงจร โดยมี นาย จำลอง เณรแย้ม ปลัดจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดงาน ภายในงาน ได้มีการ ลงนาม บันทึกข้อตกลง ในการสนับสนุน ตลาดพืชผักปลอดภัย ผักอินทรีย์ โดยมี ปลัดจังหวัดลำพูน , หัวหน้าสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำพูน , ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ , ผู้แทนกลุ่มผู้ผลิตพืชผัก อินทรีย์ และ ผู้ประกอบการร้าน อาหาร ครัว วันดี ร่วมลงนามในการสนับ การใช้ผัก ปลอดสารพิษ เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหาร

นางสาว รัตนาพร กิติกาศ หัวหน้าสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำพูน กล่าวว่า โครงการพัฒนา และ ยกระดับ พืชผักพืชผักปลอดภัย ผัก อินทรีย์ สู่ AEC แบบครบวงจร ( Lamphun Green Market ) ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ให้เกิดแหล่งจำหน่าย พืชผัก ปลอดภัย พืชผักอินทรีย์ และ อาหารปลอดภัย ของ จังหวัดลำพูน เพื่อให้เกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการ ได้พบปะ และ แลกเปลี่ยน ความรู้ ทางการตลาดระหว่างกัน ซึ่งมี เครือข่าย ผู้ผลิต สินค้า เกษตร อินทรีย์ นำ ผลผลิตมาจำหน่าย อีกทั้ง ยังมี หน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาจัด บูท ให้ความรู้ แก่ เกษตรกร และ ผู้ร่วมงาน

ทั้งนี้ สำนักงาน เกษตร และ สหกรณ์จังหวัดลำพูน ได้จัดสถานที่จำหน่าย สินค้า เกษตรปลอดภัย , พืชผัก อินทรีย์ ในเขต อำเภอเมืองลำพูน จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ บริเวณ เชิงสะพาน เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ชุมชนบ้านสันมะกรูด ในพื้นที่ตำบล บ้านแป้น อำเภอเมืองลำพูน ซึ่ง จะมีการจำหน่าย พืชผัก อินทรีย์ และ สินค้า เกษตรปลอดภัย ทุกวันเสาร์ เริ่มตั้งแต่ วันเสาร์ ที่ 20 กันยายน นี้ เป็นต้นไป ส่วนอีกแห่ง หนึ่ง ได้ จัดที่ บริเวณ สมาคมแพทย์แผนไทย จังหวัดลำพูน ( โรงเรียนอนุบาลลำพูน เก่า ) ใกล้กับ วัดพระธาตุหริภุญชัยฯ ซึ่ง จะ มีการจำหน่าย พืชผักปลอดภัย เชื่อมโยงกับการจัดถนนคนเดินของเทศบาลเมืองลำพูน โดยจะเริ่มการจำหน่าย ตั้งแต่ ช่วง ต้นเดือนตุลาคม นี้ เป็นต้นไป .



ข่าวโดย : ฝ่ายผลิตข่าว สปชส.ลำพูน
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน



เครือข่ายสมัชชา สุขภาพจังหวัดลำพูน จัดโครงการ สมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูน ครั้งที่ 1

ประชาชน และ เยาวชน จาก สถานศึกษา ในจังหวัดลำพูน ร่วม งาน เครือข่ายสมัชชา สุขภาพจังหวัดลำพูน โดยมี เครือข่าย สมัชชาสุขภาพใน จังหวัดลำพูน ร่วม แสดง ผลงาน และ จัดนิทรรศการ ให้ความรู้ เกี่ยวกับ สุขภาพ และ อาหาร และ การจัด เสวนา หัวข้อ ความมั่นคงทางอาหาร เพื่อสุขภาวะของคนหละปูน ซึ่งจัด ใน ระหว่างวันที่ 10 – 11 กันยายน 2557 ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เชิงสะพานท่าขาม ในเขตเทศบาลเมืองลำพูน

วันนี้ ( 10 กันยายน 2557 ) ที่ บริเวณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เชิงสะพาน ท่าขาม คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพ จังหวัดลำพูน และ องค์กรภาคีเครือข่าย ภาครัฐ , ภาควิชาการ , ภาคประชาสังคม ได้ ร่วมกัน จัด งาน สมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูน เพื่อ ให้เกิดการ พัฒนา นโยบาย สาธารณะ เพื่อ สุขภาพ แบบมีส่วนร่วม ตาม พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550

ภายในงาน มีการเสวนา ในหัวข้อ ความมั่นคงทางอาหารเพื่อสุขภาวะของคนหละปูน , การสานเสวนา แนวทาง ปฏิรูป นโยบายด้านสุขภาพ สู่ สมาชิกสภาปฏิรูป ประจำจังหวัดลำพูน , การ จัดเวที เสวนา ใน หัวข้อ ความมั่นคงทางอาหาร เพื่อสุขภาวะของคนหละปูน โดยมีนาย จรูญ คำปันนา ประธานคณะกรรมการ สมัชชาสุขภาพ ประจำ จ.ลำพูน , นาย พิรุณ จันทร์ธรรม ผู้แทนเครือข่ายภาคประชาชน / กรรมการคัดสรร สมาชิกสภาปฏิรูป ประจำ จ.ลำพูน และ ผู้ ทรงคุณวุฒิ ได้ ร่วมกัน สนทนา และ เสนอแนวทาง เพื่อให้มีการ ปรับปรุงนโยบาย ด้านสุขภาพ อย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ บริเวณ งานโดยรอบ กลุ่มเครือข่าย ผู้ผลิต สินค้า เกษตรอินทรีย์ , ยาสมุนไพร พื้นบ้าน รวมถึง ผลิตภัณฑ์ ส่งเสริม การ ประกอบการเกษตร แบบ อินทรีย์ มา จัดบูท จัดแสดง จำหน่าย ผลงาน ให้ ผู้สนใจ ได้ เลือกชม และ เลือกซื้อ ด้วย ซึ่ง งาน สมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูน ภายใต้วาระ ความมั่นคงทางอาหาร เพื่อสุขภาวะของคนหละปูน จะมีไปจนถึง วันพรุ่งนี้ ( 11 กันยายน 2557 ) ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เชิงสะพานท่าขาม ในเขตเทศบาลเมืองลำพูน จึงขอเชิญชวน ผู้สนใจ เข้าร่วมกิจกรรม ในวัน และ เวลา ดังกล่าว โดยทั่วกัน .



ข่าวโดย : ฝ่ายผลิตข่าว สปชส.ลำพูน
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

เกษตรลำพูนจัดประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน แจ้งผลการดำเนินงาน พร้อมแนวทางการส่งเสริมและการสนับสนุนของหน่วยงานภาคี

เกษตรจังหวัดลำพูนจัดประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน แจ้งผลการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชน พร้อมแนวทางการส่งเสริมและการสนับสนุนของหน่วยงานภาคี

นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนจังหวัดลำพูน ครั้งที่ 2/2557 ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดลำพูน เพื่อแจ้งข้อราชการที่เกี่ยวข้อง แนะนำตัวคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนจังหวัดลำพูน ผู้แทนวิสาหกิจชุมชน 6 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน แจ้งผลการดำเนินงานโครงการและกิจกรรมวิสาหกิจชุมชน รวม 7 กิจกรรม พร้อมทั้งรับทราบปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะ การดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชน พร้อมทั้งแนวทางการส่งเสริมและให้การสนับสนุนของหน่วยงานภาคีต่างๆ โดยมี นายถนอม สุริยะ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดลำพูน และ นางจำเนียร แสนราชา หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร นำเสนอข้อมูลและผลการดำเนินงานให้ที่ประชุมรับทราบ



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525519
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

จ.ลำพูน จัดประชุมเตรียมที่พักนักกีฬาเพื่อการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภาค 5 ครั้งที่ 31

จ.ลำพูน จัดประชุมเตรียมที่พักนักกีฬาเพื่อการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภาค 5 ครั้งที่ 31 พร้อมเชิญชวนประชาชนสั่งซื้อเสื้อร่วมเป็นเจ้าภาพและสนับสนุนการจัดการแข่งขัน

ที่ห้องพลอยไพลิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 นายชุมพล รัตน์เลิศลบ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการฝ่ายที่พักนักกีฬาและเจ้าหน้าที่การจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภาค 5 ครั้งที่ 31 "หริภุญไชยเกมส์" โดยมี นายนพดล เกิ้งบุรี ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดลำพูน ชี้แจงรายละเอียดจำนวนนักกีฬาที่จะเข้าพักของแต่ละจังหวัด ที่ประชุมได้กำหนดสถานที่พักนักกีฬาทั้ง 15 จังหวัด โดยนักกีฬาจังหวัดแพร่ พักที่โรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคม นักกีฬาจังหวัดสุโขทัย พักที่โรงเรียนอุโมงค์วิทยาคม นักกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ พักที่โรงเรียนป่าซาง นักกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน พักที่โรงเรียนวัดสันต้นธง นักกีฬาจังหวัดเชียงราย พักที่โรงเรียนอรพินพิทยา นักกีฬาจังหวัดพะเยา พักที่โรงเรียนใบบุญลำพูน นักกีฬาจังหวัดพิจิตร พักที่โรงเรียนเลาหจิตรวิทยา นักกีฬาจังหวัดลำปาง พักที่โรงเรียนมงคลวิทยา นักกีฬาจังหวัดตาก พักที่โรงเรียนรพีเลิศวิทยา นักกีฬาจังหวัดน่าน พักที่โรงเรียนบ้านเวียงยอง นักกีฬาจังหวัดพิษณุโลก พักที่โรงเรียนอนุบาลลำพูน นักกีฬาจังหวัดกำแพงเพชร พักที่โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ นักกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์ พักที่โรงเรียนเทศบาลสันป่ายางหน่อม นักกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ พักที่โรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูน นักกีฬาจังหวัดลำพูน พักที่โรงเรียนเมธีวุฒิกร

จังหวัดลำพูนจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภาค 5 ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 21-30 พฤศจิกายน 2557 เพื่อคัดเลือกนักกีฬาตัวแทน ภาค 5 เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 31 ณ จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 16-27 มีนาคม 2558 ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดลำพูนขอเชิญชวนหน่วยงานและประชาชน ร่วมเป็นเจ้าภาพและสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภาค 5 ครั้งที่ 31 หริภุญไชยเกมส์ โดยการสั่งซื้อเสื้อที่มีให้เลือก 3 แบบ คือ เสื้อเชิ้ต แบบผ้าบาติกอัดกาว ลายมาสคอตกีฬา ไซส์ S-XXL ซื้อได้ในราคาตัวละ 450 บาท ไซส์ 3L-5L ซื้อได้ในราคาตัวละ 500 บาท เสื้อยืดคอปก ลายมาสคอตกีฬา ไซส์ S-XXL ซื้อได้ในราคาตัวละ 300 บาท และเสื้อยืดคอกลม ลายมาสคอตกีฬา ไซส์ S-XXL ซื้อได้ในราคาตัวละ 200 บาท ผู้สนใจสามารถดูตัวอย่างเสื้อ สั่งจองหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดลำพูน โทรศัพท์หมายเลข 0-5353-5498 และหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดลำพูน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น.



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525519
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

ทต.อุโมงค์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ภายในปี 2558

เทศบาลตำบลอุโมงค์ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ภายในปี 2558

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ และเทศบาลตำบลอุโมงค์ โดย นายขยัน วิพรหมชัย นายกเทศมนตรีตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ได้จัดทำข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินงานเพื่อรายงานผลการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ปี พ.ศ.2558 เพื่อสะท้อนความสำเร็จและความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2558 เป็นการสนับสนุนการจัดเก็บข้อมูลและการจัดทำตัวชี้วัดอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง รวมถึงสะท้อนปัญหา อุปสรรค ที่พบในการบรรลุเป้าหมาย ตลอดจนข้อเสนอแนะสำหรับแนวทางการดำเนินงานในอนาคต โดยทั้งสองหน่วยงานจะสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อรายงานผลการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ พ.ศ.2558 ให้สามารถสะท้อนผลการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ทั้ง 8 เป้าหมาย ที่ประเทศไทยและประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) 189 ประเทศทั่วโลก มีพันธสัญญาจะต้องบรรลุเป้าหมายภายในปี 2558 ประกอบด้วย การขจัดความยากจนและหิวโหย การให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา การส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศและส่งเสริมบทบาทสตรี การลดอัตราการตายของเด็ก การพัฒนาสุขภาพของสตรีมีครรภ์ การต่อสู้โรคเอดส์ มาลาเรีย และโรคสำคัญอื่นๆ การรักษาและจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และ การส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในประชาคมโลก เป้าหมายทั้ง 8 นี้ ในพื้นที่เขตความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลอุโมงค์จะต้องปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักวิชาการ

ทั้งสองหน่วยงานจะต้องสนับสนุนการดำเนินงานของบุคลากรทุกระดับ โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดเทคนิคองค์ความรู้ในการจัดเก็บข้อมูลและการจัดทำตัวชี้วัด พร้อมทั้งสร้างระบบฐานข้อมูลให้เทศบาลตำบลอุโมงค์สามารถนำไปใช้ในการติดตามและประเมินผลการพัฒนา รวมถึงประกอบการวางแผนการพัฒนาพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังต้องประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ชุมชน หรือประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เพื่อติดตามผลการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษในทุกระดับ ให้การจัดทำรายงานผลการพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่นและเสร็จสิ้นภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด




ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525519
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

มอบรางวัลโครงการประกวดกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์

วันนี้ 10 ก.ย.57  เวลา 11.00 น. นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานพิธีมอบรางวัลโครงการประกวดกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ณ ห้องประชุม สนง.พัฒนาชุมชนจังหวัดอุตรดิตถ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์  โดยมีนายสมบูรณ์ นาคบัว ผอ.ธกส.จังหวัดอุตรดิตถ์ และนายสมิต จางพานิชย์ ผอ.ธนาคารออมสิน ภาค 7  ร่วมให้เกียรติในการมอบรางวัล และนายชนะ พลเมืองดี ประธานคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งการดำเนินงานตามโครงการ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก  สนง.กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ 12,000 บาท ,ธนาคารออมสินภาค 7 จำนวน 35,000 บาท , สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์อุตรดิตถ์ จำนวน 35,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างๆ มีผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ประมาณ 50 คน

กฟผ.เขื่อนสิริกิติ์ ชี้แจงสถานการณ์น้ำ

วันนี้ 10 ก.ย. 57 กฟผ.เขื่อนสิริกิติ์ ชี้แจงสถานการณ์น้ำกับสื่อมวลชน ณ ห้องศรีพนมมาศ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีนายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในพิธีเปิด และ ดร.สุเทพ เลิศศรีมงคล ผู้อำนวยการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นผู้ชี้แจง ด้วยเขื่อนสิริกิติ์ได้ระบายน้ำตามแผนของคณะกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นคณะอนุกรรมการฯ จึงปรับแผนการระบายน้ำตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน บัดนี้ชลประทานปรับแผนเข้าสู่ฤดูฝน ประจำปี 2557 จึงปรับแผนระบายน้ำตามสภาพน้ำในแม่น้ำและปริมาณฝนที่ตกรวมทั้งปริมาณ SIDE FLOW ของแม่น้ำน่านและแม่น้ำปิง เพื่อการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในปีต่อไป เขื่อนสิริกิติ์ได้รับแผนการระบายน้ำรายสัปดาห์จากคณะกรรมการฯ จึงแจ้งว่า วันที่ 8-14 กันยายน 2557 แผนระบายน้ำ 2 ล้าน ลบ.ม./วัน เขื่อนสิริกิติ์ ขอยืนยันว่าเขื่อนมีความมั่นคง แข็งแรงดี มีความปลอดภัยสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบดูแลอย่างใกล้ชิด และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลตลอดเวลา 24 ชั่วโมง และเขื่อนสิริกิติ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของจังหวัดอุตรดิตถ์ ขอเชิญชวนเยี่ยมชมได้ตามปกติ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรศัพท์สอบถามที่หมายเลข 055-461157 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สัมมนาเชิงปฏิบัติการแนวทางการปฏิบัติงานของศูนย์ดำรงธรรม

10 ก.ย.57 สัมมนาเชิงปฏิบัติการแนวทางการปฏิบัติงานของศูนย์ดำรงธรรม วันพุธที่ 10 ก.ย.57 เวลา 11.30 น. ผวจ.นว. ประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการแนวทางการปฏิบัติงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์และการให้บริการประชาชน ณ ห้องดุสิตารมเยศ ...2 โรงแรมพิมาน อ.เมืองนครสวรรค์ มีปลัดจังหวัดฯ และวิทยากรจากส่วนกลาง ร่วมบรรยายให้ความรู้ด้านกฎหมาย การประนีประนอมไกล่เกลี่ย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ สื่อมวลชน ร่วมอบรม กว่า150 คน หากประชาชนได้รับความเดือดร้อน มีความทุกข์ มีปัญหา น้ำไฟ ยาเสพติด บ่อนการพนัน เดือดร้อนรำคาญ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ ถูกกลั่นแกล้งรังแก แจ้งข้อมูลได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดทุกจังหวัด อำเภอ ในอนาคตพัฒนาไปสู่ระดับตำลบ หมู่บ้าน สายด่วน 1567

จังหวัดเพชรบูรณ์ เร่งควบคุมการจำหน่ายเหล้าปั่น ตามนโยบาย คสช.และนายกรัฐมนตรี

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กล่าว ในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ” เกี่ยวกับมาตรการควบคุมสิ่งเสพติดที่มอมเมาเยาวชน ซึ่งได้รับการร้องเรียนเป็นจำนวนมากและทำให้เกิดปัญหาสังคมที่ยังไม่มีกฎ ระเบียบ กฎหมาย ในการควบคุม เช่น บารากู และเหล้าปั่นที่จำหน่าย โดยรถเข็นตามตรอก ซอกซอย โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล นั้น จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ขอให้ส่วนราชการหน่วยงานต่าง ๆ ในส่วนอำเภอให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทราบและดำเนินการ ควบคุมการจำหน่ายเหล้าปั่นบริเวณรอบสถานศึกษา โรงเรียน และหอพักต่างๆ รวมทั้งเข้มงวดกวดขันสถานบริการ ร้านเหล้า ผับ บาร์ ไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย เป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กและเยาวชน โดยให้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว หากฝ่าฝืนถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย

จ.เพชรบูรณ์ จัดอบรมโครงการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2557

จ.เพชรบูรณ์จัดอบรมโครงการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2557

วันนี้ (10 ก.ย.57) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 5 นายวรพจน์ แววสิงห์งาม หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2557 โดยมีนายสมบูรณ์ ศรีไพศาลเจริญ เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนกว่า 160 คน

จังหวัดเพชรบูรณ์ได้จัดโครงการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2557 ขึ้นเพื่อให้บุคลากรในหน่วยงานภาครัฐของจังหวัดมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานในการใช้ Social Network อาทิ Link , Facebook , Instagram , twitter โดยมีวิทยากรจาก บริษัท TOT จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหา ทั้งภาคทฤษฎีและเชิงปฏิบัติให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมการอบรม ซึ่งเป็น Application ที่นิยมใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน และมีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานและพัฒนาไปสู่ฐานข้อมูลระดับจังหวัด โดยผู้ใช้สามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับงานขององค์กรได้เป็นอย่างดี เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการปฏิบัติงาน

โดยกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานสารสนเทศจากหน่วยงานส่วนภูมิภาคและส่วนกลางที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับจังหวัดและอำเภอ จำนวนกว่า 160 คน ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมการอบรมจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปฝึกฝน ต่อยอดและพัฒนาการทำงานในแบบระบบของการใช้ Social Network ร่วมกันต่อไป

เกษตรจังหวัดเพชรบูรณ์เตรียมมาตรการควบคุมโรครากเน่าหรือหัวเน่าของมันสำปะหลัง

นายพรชัย วนิชนพรัตน์ เกษตรจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำมาตรการควบคุมโรครากเน่าและหัวเน่าของมันสำปะหลังเกิดการระบาดของโรครากเน่าหรือหัวเน่าของมันสำปะหลัง สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบูรณ์จึงขอประชาสัมพันธ์มาตรการในการควบคุมโรครากเน่าหรือหัวเน่าของมันสำปะหลัง เพื่อแนะนำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่เสี่ยง ดำเนินการป้องกันตามมาตรการควบคุมโรค ดังนี้ ก่อนเกิดโรคระบาด 1. ในพื้นที่เคยเกิดการระบาดให้ปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค เช่น ข้าวโพด อ้อย 2. ปรับปรุงบำรุงดินและตัดวงจรการระบาดของโรค โดยปลูกปุ๋ยพืชสด ได้แก่ถั่วพร้า อัตรา 10 กก./ไร่ เมื่ออายุ 50 วัน (ระยะออกดอก)ให้ไถกลบทิ้งไว้ 15 วัน หรือถัวพุ่มในอัตรา 8 กก./ไร่ เมื่ออายุ 40 วัน(ระยะออกดอก) ให้ไถกลบทิ้งไว้ 15 วัน จึงเตรียมแปลงปลูก 3. ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า(เชื้อสด) อัตรา 10 กก.ผสม ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1,000 กก./ไร่ ช่วงเตรียมแปลงปลูก 4. ใช้พันธุ์ต้านทานต่อโรค คือพันธุ์ระยอง 72 5. ใช้ท่อนพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง จากแหล่งที่ไม่เป็นโรค 6. แช่ท่อนพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสารเคมีกำจัดเชื้อรา fosetyl aluminium อัตรา 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร นาน 10 นาที ระหว่างเกิดการระบาด 1. พื้นที่ที่มีการระบาด หรือพบอาคารของโรคในมันสำปะหลังที่มีอายุประมาณ 3 เดือน แสดงอาการใบเหลือโดยเฉพาะในแหล่งมที่เคยเกิดโรค ให้ฉีดพ่นด้วยสารเคมี fosetyl aluminium อัตรา 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ทุก 1 เดือน ติดต่อกัน 4 ครั้ง 2. พื้นที่ใกล้เคียงให้สำรวจอาการของโรคถ้าพบให้ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า (เชื้อสด) อัตร 10 กก.ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1,000 กก./ไร่ โรยโคนต้น 3. พื้นที่ที่มีการระบาดมากให้เก็บเกี่ยวและไถตากดิน หรือใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า(เชื้อสด) อัตรา 10 กก.ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1,000 กก./ไร่ คลุกดิน

ประกวดโต๊ะหมู่บูชา "พระพุทธมหาธรรมราชา"งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2557

ประกวดโต๊ะหมู่บูชา "พระพุทธมหาธรรมราชา"งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2557

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ สภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ และเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ขอเชิญส่งโต๊ะหมู่เข้าประกวด ในงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ประจำปี 2557 ในวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2557 ณ วัดไตรภูมิ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยมีหลักเกณฑ์การประกวดดังนี้ 1.เป็นโต๊ะหมู่7 2.พระพุทธรูปใช้ พระพุทธมหาธรรมราชาจำลองเท่านั้น 3.ใช้พานพุ่ม และแจกันดอกไม้สดเท่านั้น ผู้ที่ชนะเลิศจะได้รับรางวัล 5000 บาท พร้อมเกียรติบัตร สำหรับท่านที่สนใจสามารถขอรับใบสมัครและสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ชั้น 4 ศูนย์ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 19 กันยายน 2557 ก่อนเวลา 12.00 น. หรือโทรศัพท์ 0 5672 9780 ผู้ประสานงาน 08 4226 8467

พบเด็กหญิงวัย 14 ปี พิการตั้งแต่กำเนิด ไม่มีรูทวาร เพื่อขับ-ถ่าย ของเสีย ต้องทนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก วอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ

พบเด็กหญิงวัย 14 ปี พิการตั้งแต่กำเนิด ไม่มีรูทวาร เพื่อขับ-ถ่าย ของเสีย ต้องทนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก วอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 10 กันยายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากนายสุวิทย์ ศรีสุข บรรณาธิการข่าวรายการมุมชีวิต ว่าพบ เด็กหญิงฟ้า(นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ชาว ต.ยางโกลน อ.นครไทย จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีอาการผิดปกติทางร่างกาย ไม่มีรูทวารมาตั้งแต่กำเนิด ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก มาถึง 14 ปี จึงได้ทำการประสานขอความช่วยเหลือจาก หน่วยงานภาครัฐ และสื่อมวลชน จ.พิษณุโลก และพาครอบครัวของน้องฟ้า เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อขอความช่วยเหลือจาก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นางกัญญ์ฐญาณ์ ภู่สวาสดิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก จากการสอบถามนางคำปิ่น เย็นขัน อายุ 45 ปี มารดาของน้องฟ้า อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.8 ต.ยางโกลน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ได้เล่าให้ฟังว่า ตนและสามี คือนายน้อย ขันตาดี อายุ 47 ปี ประกอบอาชีพทำไร่-ทำนา มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ซึ่งมีอาการผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด คือไม่มีรูทวาร ในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ในตอนนั้นทีมแพทย์ได้ลงความเห็นว่า น้องฟ้า ยังเล็กมากไม่สามารถเจาะรูทวารได้ จึงจำเป็นต้องเจาะลำไส้ เพื่อขับของเสียออกจากร่างกายทางช่องคลอดแทน ด้านน้องฟ้า ได้เล่าให้ฟังว่า ตนรู้สึกน้อยใจที่เกิดมามีร่างกายไม่เหมือนคนอื่น เวลาขับถ่าย ก็ยากลำบาก เพราะต้องใช้ช่องทางเดียวกับการปัสสาวะ และมักจะมีอาการถ่ายไม่ออก บางครั้งถึงกับต้องอาเจียน เพื่อขับถ่ายของเสียออกทางปากแทน และต้องทนกับอาการปวดท้องอย่างทรมาน เพราะขับถ่ายไม่ออกนานนับเดือน

นอกจากนี้เวลาไปเรียนหนังสือ หรือต้องทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ก็เกรงว่าเพื่อนจะรังเกียจที่ตน ไม่เหมือนคนอื่น เลยไม่กล้าไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ เลย น้องฟ้า กล่าวต่อด้วยน้ำตานองหน้า ว่าอยากจะหายเป็นปกติ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะครอบครัวฐานะยากจน เวลาเดินทางมาพบหมอตามนัดที่ตัวจังหวัด ต้องเหมารถเดินทางมาครั้งละ 1000-1500 บาท จึงอยากวอนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยหาแนวทางหรือวิธีการรักษาให้ตน หายเป็นปกติ เหมือนคนอื่นทั่วไป จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ เบื้องต้น พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ ได้มอบเงินช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พร้อมกันนี้ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก ได้ทำการประสาน ไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลยางโกลน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เพื่อขอสนับสนุนรถ ทีใช้ในการเดินทาง เวลาที่ต้องพาน้องฟ้าเข้าพบหมอตามนัด และจะทำการประสานไปยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก เพื่อหาแนวทางหรือวิธีรักษาต่อไป ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวให้กำลังใจกับน้องฟ้า ว่าขอให้อดทน อย่ารู้สึกน้อยใจในชีวิต หรือท้อแท้ในโชคชะตา ที่เกิดมามีร่างกายผิดปกติ จากนี้ไปจะช่วยหาวิธีหรือแนวทางในการช่วยเหลือ และจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ด้วย สำหรับผู้ที่มีจิตใจศรัทธา ต้องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของน้องฟ้า สามารถติดต่อได้ที่ นายน้อย (บิดา) หมายเลขโทรศัพท์ 091-2929643

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกจัดประชุมเตรียมความพร้อมรับมือโรคติดเชื้อไวรัส อีโบลา

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกจัดประชุมเตรียมความพร้อมรับมือโรคติดเชื้อไวรัส อีโบลา

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา ที่โรงแรมไพลิน อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายแพทย์บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกเป็นประธานในการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือการระบาดของเชื้อ อีโบลา ตามที่องค์การอนามัยโลก ได้รายงานสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศแถบแอฟริกา ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 3,069 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,552 รายใน 4 ประเทศได้แก่ กีนี ไลบีเรีย เซียร์ราโอน และไนจีเรีย ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ชี้ว่า การระบาดครั้งนี้เป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา สำหรับประเทศไทยขณะนี้ยังไม่พบผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ติดเชื้อ ไวรัสอีโบลา แต่อย่างใด นายแพทย์บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกกล่าวว่า สำหรับโรคติดเชื้อไวรัส อีโบลา เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดเฉียบพลันรุนแรง เกิดจากเชื้อไวรัสอีโบลา ติดต่อจากสัตว์ สู่คนโดยการสัมผัสสัตว์ ในขณะชำแหละ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ตาย หรือรับประทานเลือด นม หรือเนื้อสัตว์ทั้งดิบและสุก และสามารถติดต่อจากคนสู่คน โดยการสัมผัสกับเลือดที่ติดเชื้อ สารคัดหลั่ง เช่น เลือด น้ำเหลือง น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วยอีโบลาที่มีอาการเท่านั้น หรือการสัมผัสเข็มและหลอดฉีดยาที่ปนเปื้อนเชื้อ ไม่ติดทางการหายใจ กินอาหาร น้ำดื่มน้ำใช้ โรคนี้มีระยะฟักตัว 2-21 วัน ไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียารักษาโดยเฉพาะอัตราเสียชีวิต ร้อยละ 60-90 การป้องกันที่สำคัญคือ ป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับเลือด หรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย และการสัมผัสโดยตรงกับเลือด หรือเครื่องในของสัตว์ที่ติดเชื้อ อย่างไรก็ตามการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอีโบลายังมาไม่ถึงประเทศไทย และปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเข้มแข็ง โดยได้ดำเนินมาตรการป้องกันด้วยการ ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการติดเชื้อกับผู้ป่วยทุกราย ตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง