วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จังหวัดเชียงใหม่ ประกาศผลการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556

จังหวัดเชียงใหม่ประกาศผลการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณให้เป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 และเข้ารับมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ (ครุฑทองคำ) ในวันข้าราชการพลเรือน ณ กรุงเทพมหานคร

นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงศึกษาธิการให้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 ซึ่งการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนที่สังกัดส่วนภูมิภาคหมายรวมถึงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการตำรวจ และลูกจ้างประจำในสังกัดส่วนราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย ในสัดส่วนการคัดเลือกของจังหวัดได้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่กำหนด เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณให้เป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 และเสนอรายชื่อเข้ารับรางวัล “ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2556 “ ได้แก่ เกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ (ครุฑทองคำ) ในวันที่ 1 เมษายน 2557 ซึ่งเป็นวันข้าราชการพลเรือน ณ กรุงเทพมหานคร

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในการดำเนินการจังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งให้ทุกส่วนราชการเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่นของจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี พ.ศ.2556 ตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการที่คณะอนุกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 กำหนด พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 ขึ้น และจัดประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อร่วมกันพิจารณาคัดเลือก ฯ รวมทั้งได้ออกประกาศจังหวัดเชียงใหม่ประกาศผลการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2556 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ดังนี้

กลุ่มที่ 2 ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับต้น ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ระดับชำนาญการพิเศษ ได้แก่ พันตำรวจเอก สิทธิชัย ทนันไชย ตำแหน่ง ผู้กำกับการกลุ่มงานจราจร ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่, นายชุติเดช มีจันทร์ ตำแหน่ง นายอำเภออมก๋อย และ นายสมมิตร สิงห์ใจ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่แจ่ม กลุ่ม 4 ลูกจ้างประจำ ได้แก่ นายนิรันดร์ มณีวรรณ์ ตำแหน่ง ช่างไม้ระดับ 4 โรงเรียนบ้านดงดำ อำเภอฮอด

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะประกาศผลคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2556 แล้ว จังหวัดเชียงใหม่ยังได้ประกาศผลการคัดเลือกข้าราชการและลูกจ้างประจำ ที่มีผลงานดีเด่น สมควรได้รับเกียรติบัตร “ข้าราชการดีเด่นจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2556 จำนวน 17 รายด้วย โดยแยกเป็น กลุ่มที่ 2 ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับต้น ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ระดับชำนาญการพิเศษ จำนวน 14 ราย ได้แก่ นายประมวล เครือมณี, นางสาวสิดาพัณณ์ ยุตบุตร, นายสมชาย เกตะมะ, นายสามภพ กาศสกุล, นายสมาน โปธิปัน, นางอำไพ มณีวรรณ,นางรสชรินทร์ คำโพธิ์, นายนิคม ผัดแสน, นางมาลี บุญเทพ, นายทีปชัย วงษ์วรศรีโรจน์, นายวิชิต พิทาคำ, นายอินสอน หน่อเรือง, นายธวัช นะติกา และ นางวิไลพร ชัยประสิทธิ์ ส่วน กลุ่มที่ 4 ลูกจ้างประจำ จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเรืองฤทธิ์ ไพบูลย์, นางวนิดา จอยศิริ และ นายสายัณห์ จันทร์อ่อน ทั้งนี้ผู้ได้รับการคัดเลือกฯ จะเข้ารับเกียรติบัตรจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในวันประกอบพิธี “วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า และวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2557” ในวันที่ 31 มีนาคม 2557 เวลา 08.00 น. ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงติดตามสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิด ล่าสุด ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีถึงปานกลาง

จังหวัดเชียงใหม่ยังคงติดตามสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิด ล่าสุด ณ เวลา 09.00 น. ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีถึงปานกลาง ค่า PM10 อยู่ระหว่าง 11-48 ส่วน AOI อยู่ที่ 14-55 ในขณะนี้วันนี้ไม่พบ Hot spot เกิดขึ้นในพื้นที่

นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิดในห้วง “80 วันแห่งการเฝ้าระวังและควบคุมหมอกควันไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่” ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 21 เมษายน 2557 โดยจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ทุกสัปดาห์ โดยสัปดาห์นี้ถือเป็นการประชุมครั้งที่ 3 กำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้เพื่อรับทราบสถานการณ์และการดำเนินการเฝ้าระวังปัญหาไฟป่าและหมอกควันของทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ซึ่งดำเนินการควบคู่กับการให้ความรู้และสร้างความตระหนักในปัญหาดังกล่าวซึ่งส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 2 มีนาคม 2557 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมก็ได้กำหนดจัดพิธีเปิดศูนย์เรียนรู้ชุมชนปลอดการเผา บรรเทาโลกร้อน ณ ชุมชนบ้านหัวทุ่ง หมู่ที่ 14 ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ซึ่งจะมีพิธีมอบกองทุนสนับสนุนศูนย์เรียนรู้ดังกล่าว รวมทั้งจัดฐานการเรียนรู้ จำนวน 7 ฐาน เพื่อให้ความรู้ด้านการป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งกำหนดฐานการให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับชุมชนแก่ประชาชนและผู้ร่วมงานด้วย

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์คุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ณ เวลา 09.00 น. ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 คุณภาพอากาศโดยรวมของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในระดับดีถึงปานกลาง โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ณ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พบค่า PM10 จำนวน 51 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ค่า AQI วัดได้ 57 อยู่ในระดับปานกลาง ที่ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พบค่า PM10 จำนวน 17 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ค่า AQI วัดได้ 21 อยู่ในระดับดี และที่ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นสถานีตรวจวัดเคลื่อนที่ พบค่า PM10 จำนวน 9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ค่า AQI วัดได้ 11 อยู่ในระดับดี ส่วนจุด Hot spot ในวันนี้ไม่พบเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่แต่อย่างใด


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานโครงการติดตั้งสัญญาณไฟจราจร และเยี่ยมชมโบราณสถานเทศบาลตำบลสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานโครงการติดตั้งสัญญาณไฟจราจร และเยี่ยมชมโบราณสถานเทศบาลตำบลสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณทางแยก และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการใช้เส้นทางจราจร

วันนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2557) เวลา 09.30 น. นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานโครงการติดตั้งสัญญาณไฟจราจร และเยี่ยมชมโบราณสถาน ณ บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องด้วยเทศบาลตำบลสุเทพ ได้ดำเนินการติดตั้งโครงการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรบริเวณถนนเลียบคลองชลประทาน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 121 สี่แยกหน้าเทศบาลตำบลสุเทพ กิโลเมตรที่ 50+896.000,แยกเข้าบ้านอุโมงค์ 48+902.500 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณทางแยก และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการใช้เส้นทางจราจร

นายธัญศักดิ์ แสงศรีจันทร์ นายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ เปิดเผยว่า แต่เดิมถนนสายเลียบคันคลองชลประทาน เป็นถนนลูกรัง 2 ช่องจราจร แบบสวนทางขณะนั้นการจราจรยังไม่คับคั่ง ประชาชนสัญจรไปมาในการดำเนินชีวิตตามปกติ ต่อมาความเจริญเริ่มแผ่ขยายออกจากตัวเมืองเข้าสู่ตำบลสุเทพและตำบลใกล้เคียง ผู้คนเริ่มใช้รถถนนกันมากขึ้น ในปี พ.ศ.2545 กรมทางหลวงจึงมีการตัดถนนสายเลียบคลองชลประทานเป็นถนนคอนกรีต 4 ช่องจราจรเป็นถนนสายหลักที่ใช้สัญจรเข้า-ออกตัวเมืองเชียงใหม่ และเส้นทางสายนี้ได้แบ่งชุมชนตำบลสุเทพออกเป็นสองฝั่งถนน ทำให้การไปมาหาสู่ค่อนข้างลำบาก ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน หรือผู้ที่จะเดินทางไปวัดอารามต่างๆ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครึ้งโดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็น ต่อมา พ.ศ.2549 เกิดการขยายตัวของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่รับนักศึกษามากขึ้น อีกทั้งสองฟากฝั่งถนนเริ่มมีร้านอาหารสถานบริการ โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เกิดขึ้นประชาชนที่ไปมาหาสู่กัน ซึ่งมีจำนวน 30,000 คน มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุในแต่ละปีเฉลี่ย 200 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 7 ราย
ต่อมาปี พ.ศ.2555 เทศบาลตำบลสุเทพได้มีการผลักดันและกำหนดนโยบายในการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยกจุดเสี่ยงอันตรายในเขตเทศบาลตำบลสุเทพ โดยประสานกับภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ระบบสัญญาณไฟจราจร และนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการการจัดระบบการจราจรทางบกจังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธาน ผ่านมติความเห็นชอบเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2555 และอธิบดีกรมทางหลวงอนุมัติเมื่อเดือน มิถุนายน 2556 ให้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจรจำนวน 2 จุด คือ บริเวณแยกหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลสุเทพและแยกบ้านอุโมงค์ โดยผู้ใช้งบประมาณในการดำเนินการประกอบด้วย 1.งบประมาณจากเทศบาลตำบลสุเทพ จำนวน 2,780,000 บาท 2.งบบริจาคจากหมู่บ้านชญยล เพื่อยกระดับถนนสายรองให้ได้ระดับ จำนวน 150,000 บาท

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับเส้นทางถนนสายเลียบคันคลอง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 121 เห็นได้ว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ถือว่าเป็นอัตราที่สูงมาก ประกอบกับมีประชาชนอาศัยอยู่สองฟากฝั่งถนนอย่างหนาแน่น มีความเจริญและมีการพัฒนาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีประมาณการจราจรที่คับคั่ง จึงทำให้การสัญจรของประชาชนที่อยู่สองฟากฝั่งถนนไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

เทศบาลตำบลสุเทพ ได้จัดทำโครงการติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ซึ่งใช้เวลาถึง 2 ปี ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอน หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง จนได้รับการอนุมัติ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดินทางปลอดภัยมากขึ้น ถึงแม้ว่ารถอาจจะติดสัญญาณไฟจราจรอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้เส้นทางสายนี้ทั้งหมด ทั้งนี้ตำบลสุเทพเป็นตำบลใหญ่มีโบราณสถานเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นวัดพระธาตุดอยสุเทพ อนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดอุโมงค์ อุทยานสุเทพปุย เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้ค้นพบวัดเก่าแก่ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ป่าวิเศษ แสดงให้เห็นว่าตำบลสุเทพเป็นแหล่งอารยะธรรมที่สำคัญ เทศบาลตำบลสุเทพมีนโยบายเปิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เชิงนิเวศน์และเชิงวัฒนธรรม ถือเป็นสิ่งที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ และผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวก็ได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัย


ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/อนันต์ ชุ่มใจ

ปลัดกระทรวงการคลังเปิดการสัมมนากระทรวงการคลังสัญจรภาคเหนือ

ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาโครงการ CCO-MOF สัญจร ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ ย้ำให้ข้าราชการกระทรวงการคลังพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านการจ่ายเงินโครงการจำนำข้าว ได้พยายามทุกวิถีทางในการจ่ายเงินให้เกษตรกร โดยมอบให้คณะผู้บริหารกระทรวงการคลังจังหวัด หรือ "คบจ." รับผิดชอบตรวจสอบใบประทวน กำหนดเสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้

วันนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2557) เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ จังหวัดเชียงใหม่ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาโครงการ CCO-MOF สัญจร ครั้งที่ 2 เขตภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงการคลังในพื้นที่ภาคเหนือได้เข้าใจและตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการสร้างการเปลี่ยนแปลง สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้บริบทของกระทรวงการคลัง พร้อมสร้างเครือข่ายการบริหารการเปลี่ยนขององค์กรต่อข้าราชการในสังกัด ผู้เข้าร่วมการสัมมนาประกอบด้วยผู้บริหารและข้าราชการในสังกัดกระทรวงการคลังในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวนประมาณ 500 คน โดยการสัมมนาประกอบด้วย การปาฐกภาพิเศษ เรื่อง “บทบาทกระทรวงการคลังในการพัฒนาประเทศ” โดยนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เวทีเสวนา “การมีส่วนร่วมของหน่วยงานในสังกัดกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กระทรวงการคลัง” โดยปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานการเสวนาร่วมกับอธิบดีและผู้แทนอธิบดีของทุกกรมในกระทรวงการคลัง และการเสวนาชี้แจงโครงการคลินิกภาษีกระทรวงการคลังแก่ผู้ประกอบการ SMEs และภาคเอกชนในพื้นที่

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สถาบันการเงินมีประชาชนในถอนฝากเงิน อยากให้ผู้บริหารของหน่วยงานทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ซึ่งขณะนี้มีข้อกังวลหลายเรื่อง เช่น การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ทำให้นโยบายรัฐบาลไม่ต่อเนื่อง รวมทั้งการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ซึ่งผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงการคลังต้องบริหารการเปลี่ยนแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเตรียมความพร้อม ทั้งเรื่องบุคลากร รวมทั้งเรื่องอื่นๆ เช่น กรมศุลกากร เดิมมีการวางแผนปรับปรุงด่านศุลกากรโดยใช้งบประมาณจากเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ต้องปรับเปลี่ยนโดยการใช้เงินงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2558 หรือกู้ยืมจากแหล่งอื่นๆ แทน

สำหรับเรื่องการจำนำข้าว กระทรวงการคลังมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้ชาวนาตามใบประทวน ซึ่งกระทรวงการคลังได้พยายามทุกวิถีทาง ทั้งการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ การกู้เงินผ่านอินเตอร์แบงค์ หรือการประสานงานในการขายข้าวกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อระบายข้าวให้ได้เงินทุนหมุนเวียน โดยที่ผ่านมา โครงการรับจำนำข้าว ในรอบปี พ.ศ.2554-2555 และ 2555-2556 รัฐบาลมีนโยบายรับจำนำทุกเมล็ด โดยวางกรอบเงินงบประมาณ ประมาณ 5 แสนล้านบาท แต่ช่วงระหว่างปีโครงการจำนำข้าวใช้เงินงบประมาณไปถึง 6.8 แสนล้าน เมื่อปิดรอบปี 2555-2556 รัฐบาลจึงพยายามให้อยู่ภายในกรอบ 5 แสนล้านบาท โดยการพยายามระบายข้าวให้เร็ว ทำให้สามารถปิดบัญชีได้ที่ 4.1 แสนล้านบาท ทำให้งบประมาณส่วนที่เหลือก็สามารถนำมาจ่ายให้เกษตรกรได้ ต่อมาในปี 2556-2557 รัฐบาลเห็นว่านโยบายเดิมทำให้การบริหารงบประมาณมีปัญหา จึงกำหนดกรอบวงเงิน 2.7 แสนล้านบาท โดยปล่อยเงินเป็นช่วงๆ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังดูแลด้านการออกใบประทวน ซึ่งกระทรวงการคลังได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือ และมีการประเมินความเสี่ยง โดยจังหวัดที่มีการออกใบประทวนเกินหรือใกล้เคียงพื้นที่เพาะปลูกข้าว ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีความเสี่ยง มีประมาณ 5-6 จังหวัดที่ต้องมีการตรวจสอบเป็นพิเศษ โดยมอบให้คณะผู้บริหารกระทรวงการคลังจังหวัด หรือ “คบจ.” เป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบใบประทวน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีปัญหาในการตีความกฎหมายที่ต่างกัน โดยฝ่ายรัฐบาลและข้าราชการประจำได้พยายามแก้ปัญหา โดยพยายามให้อยู่ภายใต้กรอบของกฏหมาย รวมทั้งการช่วยเหลืออื่นๆ เช่น การชดเชยเงินกู้ การออกบัตรเครดิตเกษตรกร โดย ธกส. แก่เกษตรกรกว่า 4 ล้านใบเพื่อจัดซื้อวัสดุทางการเกษตร

นายรณรงค์ เส็งเอี่ยม คลังจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า คลังจังหวัดเชียงใหม่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการตรวจสอบใบประทวน ละหนังสือรับรองการเป็นเกษตรกร โดยการสุ่มตรวจ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบแล้วที่องค์การตลาดเพื่อเกษตร (อตก.) องค์การคลังสินค้า (อคส.) และ อ.ดอยสะเก็ด พบที่เป็นปัญหาไม่ถึงร้อยละ 1 และต่อไปจะไปตรวจสอบที่ อ.ฝาง และ อ.แม่อาย คาดว่าจะตรวจสอบเสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งผลการตรวจสอบจะนำมาแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป


ข่าวโดย : อนุชา นาคฤทธิ์

กสทช.ร่วมมือ ม.แม่โจ้ เดินหน้าจัดอบรมผู้ประกาศฯ ระดับต้น และ ระดับสูง ทั่วภาคเหนือ

คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดฝึกอบรมหลักสูตร "ผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระดับต้น" จำนวน ๕ รุ่น ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ – มิถุนายน 2557 ให้แก่สถานีวิทยุที่ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการในพื้นที่ภาคเหนือ

วานนี้ (18 ก.พ. 57)  เวลา 10.00 น. ที่น้ำพุร้อนสันกำแพง อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ มีการจัดแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์สัญจร โดยมีวาระแถลงข่าว การฝึกอบรมโครงการพิเศษหลักสูตร “ผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระดับต้น” รศ.ดร.อานัฐ ตันโช หัวหน้าสถานีวิทยุมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่าคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดย พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์ ประธานอนุกรรมการบัตรผู้ประกาศ สำนักงาน กสทช. พร้อมคณะอนุกรรมการฯ เข้าเยี่ยมชมและประเมินผลการจัดอบรมหลักสูตรผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้เมื่อปีที่ผ่านมา

ซึ่งประสบความสำเร็จในการจัดอบรมในด้านต่างๆและมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก จึงมีข้อตกลงร่วมกันในการจัดฝึกอบรมหลักสูตร “ผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระดับต้น จำนวน ๕ รุ่น ในพื้นที่ภาคเหนือ ให้แก่สถานีวิทยุที่ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงจากสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประเภทบริการชุมชน สถานีละ ๓ คน บริการสาธารณะสถานีละ ๒ คน และบริการธุรกิจ สถานีละ ๑ คน ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ – มิถุนายน 2557 ณ คณะสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ค่าลงทะเบียน ๓,๐๐๐ บาท ซึ่งสำนักงานกสทช.จะสนับสนุนค่าลงทะเบียน ๒,๐๐๐ บาทให้แก่ผู้สมัครเข้าอบรม โดยส่วนต่างของค่าลงทะเบียนให้ผู้เข้าอบรมออกค่าใช้จ่ายเอง สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่กลุ่มงานพัฒนาบุคลากรด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บส.) โทรศัพท์หมายเลข ๐ ๒๒๗๑ ๐๑๕๑-๖๐ ต่อ ๔๖๒, ๔๖๓ ทางโทรสารหมายเลข๐ ๒๒๗๘ ๔๔๒๖ E-mail : committee.nbtc@gmail.com หัวหน้าสถานีวิทยุมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ในระหว่างวันที่ 14 – 16 มีนาคม 2557 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะมีการจัดอบรมหลักสูตรผู้ประกาศฯระดับสูง รุ่นที่ 1 ซึ่งคาดว่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะเป็นสนามสอบบัตรผู้ประกาศฯ ของสำนักงานกสทช. อีกด้วย โดยผู้ที่สนใจในหลักสูตรผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ทั้งระดับต้น ระดับกลางและระดับสูง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่www.mjuradio.com หรือโทรศัพท์สอบถามที่เบอร์ 0 5387 3901


ข่าวโดย : ไผท สุวรรณเสวตร

ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ตรวจเยี่ยมโมเดลศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต ป่าลาน

ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ตรวจเยี่ยมโมเดลศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศูนย์ฯ ป่าลาน) เทศบาลตำบลหนองตองพัฒนา อำเภอหางดง เพื่อนำไปเป็นต้นแบบขยายผลศูนย์ ฯ อื่น ๆ ทั่วประเทศ

วันนี้ (19 ก.พ.57) เวลา 09.45 น. นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ เข้าเยี่ยมชมศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์ฯ ป่าลาน) เทศบาลตำบลหนองตองพัฒนา อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งศูนย์ ฯ ดังกล่าว จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ และเทศบาลตำบลหนองตองพัฒนา เพื่อได้ผลักดันให้เกิดแนวคิดพัฒนาอาคารเรียนเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งร้างให้กลายเป็นศูนย์อเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุและพัฒนามาเป็นศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ สำหรับเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุในพื้นที่ซึ่งมีจำนวนถึง 1,488 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 16.49 ของจำนวนประชากรในเขตเทศบาลฯ และในอนาคตมีแนวโน้มจะมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้นตามลำดับ ได้มีโอกาสพบปะเพื่อนวัยเดียวกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ออกกำลังกาย การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน รวมทั้งถ่ายทอดความรู้ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของตนเองให้กับลูกหลาน โดยเน้นเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาชาวบ้านอันเป็นเอกลักษณ์ที่ควรค่าแก่การถ่ายทอดให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ โดยศูนย์ดังกล่าวจะเป็นโมเดลที่สามารถนำไปขยายผลเพื่อเป็นต้นแบบศูนย์ฯ อื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไป

นายแฉล้ม ทองเกลา หัวหน้ากลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ กล่าวถึงความเป็นมาของศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ว่า เมื่อปี พ.ศ.2551-2552 สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ ได้นำเสนอแนวคิดการจัดตั้งศูนย์อเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุและการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งเทศบาลตำบลหนองตองพัฒนาได้นำแนวคิดดังกล่าวไปพัฒนาอาคารเรียนเก่าซึ่งเป็นโรงเรียนร้างที่ถูกปล่อยทิ้งร้างให้กลายเป็น “ศูนย์อเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุ” แห่งแรก โดยใช้ชื่อว่า “ศูนย์เอนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุป่าเป้า” ต่อมาเทศบาลฯ ส่วนแห่งที่สองจัดตั้งขึ้นภายในบริเวณวัดหนองตอง โดยศูนย์แห่งนี้จะเน้นเรื่องศิลปะ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชาวล้านนาอันมีเอกลักษณ์ที่ควรค่าแก่การถ่ายทอดให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ ต่อมาในปี 2553 จนถึงปัจจุบัน เทศบาลฯ ได้นำองค์ความรู้เรื่องมาตรฐานการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุที่สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ เผยแพร่ ไปใช้ประโยชน์ในการจัดเก็บข้อมูลผู้สูงอายุในชุมชน และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้เป็นเครื่องมือ ในการประชาคม จัดทำแผนงาน/โครงการสำหรับผู้สูงอายุบรรจุไว้ในเทศบัญญัติด้วย ซึ่งปัจจุบันบุคลากรเทศบาลตำบลหนองตองพัฒนาได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรช่วยขยายพื้นที่การดำเนินงานศูนย์อเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กฯ โดยกองทุนผู้สูงอายุสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานในปี 2556 จำนวน 104,000 บาท มีพื้นที่ขยายผลจำนวน 11 ท้องถิ่นในเขตอำเภอหางดง

หัวหน้ากลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงศูนย์อเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุแห่งที่สามว่า ได้จัดตั้งขึ้นในปี 2555 โดยปรับปรุงอาคารโรงเรียนร้างขนาดชั้นเดียวให้เป็น ศูนย์อเนกประสงค์ฯ บ้านป่าลาน เน้นด้านการบำบัด ฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุ และเนื่องจากศูนย์ ฯ แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้จังหวัดลำพูน จึงมีผู้สูงอายุจากท้องถิ่นใกล้เคียงมาร่วมกิจกรรมและใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้เทศบาลตำบลหนองตองพัฒนาได้ศึกษาแนวคิดการดำเนินงานภายในศูนย์ฯ โดยนำรูปแบบมาปรับใช้ในศูนย์ฯ ทั้งสามแห่ง โดยใช้ชื่อว่า “ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุป่าลาน” ซึ่งในปี 2556 กองทุนผู้สูงอายุสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรม จำนวน 298,600 บาท โดยจะเป็นศูนย์พัฒนาที่นำร่องเป็นต้นแบบให้กับศูนย์ฯ อื่น ๆ นำไปใช้ขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

บทความเรื่อง ความเป็นไปได้ของเงินเฟ้อไทย ปี 2557

อาจเป็นเรื่องยากหากจะกล่าวถึงเรื่องของตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่ยุ่งยากซับซ้อน แต่เราก็ไม่ควรละเลย เมินเฉยไม่ติดตามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แต่เรื่องที่เข้าใจยากนี้มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเรา อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของเงินเฟ้อ

ภาวะเงินเฟ้อ หรือ เงินเฟ้อ (Inflation) หมายถึง การที่ระดับราคาราคาของสินค้าหรือการบริการในช่วงระยะเวลาหนึ่งราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหน่วยวัดในรูปแบบของอัตราร้อยละ จากดรรชนีราคา. เงินเฟ้อ เป็นภาวะตรงข้ามกับ ภาวะเงินฝืด อัตราเงินเฟ้ออาจมีได้หลายอัตรา เนื่องจากสามารถคำนวณหาอัตราเงินเฟ้อได้จากสินค้าแต่ล่ะชนิด หรือ อัตราเงินเฟ้อที่มีอิทธิพลและผลกระทบเฉพาะกลุ่ม ดัชนีเงินเฟ้อที่สำคัญมี 2 ดัชนี ได้แก่ ดรรชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เกิดจากการสุ่มสินค้าบางตัวมาคำนวณ ตัวหักลด GDP (GDP deflator) ค่าที่แสดงระดับราคาของ GDP ในช่วงระยะเวลานั้นเปรียบเทียบกับระดับราคาของผลิตภัณฑ์ในปีฐาน

หากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแต่เพียงเล็กน้อยเป็นปกติก็จะสร้างสิ่งจูงใจแก่ผู้ประกอบการ แต่หากเพิ่มขึ้นมากและผันผวนก็จะสร้างความไม่แน่นอนและก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการครองชีพของประชาชน และการขาดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สาเหตุการเกิดเงินเฟ้อแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลักๆ ได้แก่

1. ต้นทุนในการผลิตสินค้าสูงขึ้น (Cost-push inflation) ทำให้ผู้ผลิตต้องปรับราคาสินค้าขึ้น สาเหตุที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงาน การเกิดวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติ การเพิ่มกำไรของผู้ประกอบการ การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้านำเข้า ซึ่งอาจเพิ่มไปตามภาวะ ตลาดโลก หรือผลของอัตราแลกเปลี่ยน
2. ความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่มีอยู่ในขณะนั้นๆจึงดึงให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น (Demand-pull inflation) หรือ มีแรงดึงทางด้านอุปสงค์ การเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าและบริการอาจมาจากหลายสาเหตุ คือ การเปลี่ยนแปลงของปริมาณเงิน การดำเนินนโยบายการคลังของภาครัฐบาล การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในต่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน

เมื่อทราบถึงความหมายของเงินเฟ้อแล้ว ในส่วนของประเทศไทยจะเกิดเงินเฟ้อขึ้นหรือไม่อย่างไร มีข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ได้แถลงถึงความเป็นไปได้ของการเกิดเงินเฟ้อของไทยในปี 2557 คือ หากในปีนี้รัฐบาลยกเลิกการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งจะมีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศปรับตัวสูงขึ้นนั้น จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นอีก 1% จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ ขณะที่หากรัฐบาลยกเลิกการใช้นโยบายรถไฟฟรี จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น 0.18% และหากยกเลิกนโยบายรถเมล์ฟรี ก็จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น 0.11% อย่างไรก็ดี หากในภาพรวมแล้วปีนี้รัฐบาลยกเลิกมาตรการลดค่าครองชีพทั้งในส่วนของดีเซล, รถเมล์-รถไฟฟรี รวมทั้งการทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีกเดือนละ 50 สต./กก. ก็จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับขึ้นราว 1.3-1.4% จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าในภาพรวมแล้วอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะไม่เกินที่ระดับ 4%

การเกิดสภาวะเงินเฟ้อของไทยในปี 2557 ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนของไทย การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะเป็นไปตามเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด

สำหรับการชุมนุมทางการเมือง ปัญหาทางการเมืองเป็นตัวฉุดรั้งโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมายาวนานเป็น 10 ปี และยังคงดำเนินต่อไป ส่งผลเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไม่คล่องตัวอย่างที่ควรจะเป็น นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดเงินเฟ้อกับประเทศไทยในปี 2557



อ้างอิง -กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์

จังหวัดพะเยา ประชุมเตรียมจัดงานพิธีบวงสรวงพ่อขุนงำเมือง ประจำปี 2557

เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมจอมทอง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดพะเยา นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานการประชุมเตรียมจัดงานพิธีบวงสรวงพ่อขุนงำเมือง ประจำปี 2557 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมการดำเนินงาน ซึ่งกำหนดการจัดงานพิธีบวงสรวงพ่อขุนงำเมือง ที่จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 5 มีนาคม 2557 ณ บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ทั้งนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพ่อขุนงำเมืองผู้ทรงสถาปนาอาณาจักรภูกามยาวให้เจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบัน โดยปีนี้จะจัดกิจกรรมในภาคเช้า ประกอบด้วย พิธีขบวนแห่ขบวนเครื่องราชสักการะ จาก 9 อำเภอ ด้วยเครื่องราชสักการะตามแบบล้านนาไทย เคลื่อนขบวนจากศาลาหลักเมือง. ผ่านหน้าตลาดสด - สี่แยกประตูเหล็ก เข้าสู่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง พิธีถวายเครื่องราชสักการะต่ออนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง พิธีบวงสรวงพระวิญญาณพ่อขุนงำเมืองแบบล้านนาไทย พร้อมด้วยพิธีสืบชะตากว๊านพะเยา โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.09 น.เป็นต้นไป

สำหรับงานประเพณีบวงสรวงพ่อขุนงำเมือง เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของเมืองพะเยา จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 5 มีนาคม เพื่อสักการะพ่อขุนงำเมือง เจ้าผู้ครองเมืองพะเยาองค์ที่ 9 (พ.ศ. 1781 – 1839) ผู้สร้างความรุ่งเรืองให้กับแคว้นพะเยา และร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่ กับพญาร่วง และพญามังราย โดยทุกปีจะมีข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนชาวพะเยา นำเครื่องสักการะมาทำพิธีบวงสรวงพระรูปที่อนุสาวรีย์ของพระองค์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพ่อขุนงำเมืองผู้ทรงสถาปนาอาณาจักรภูกามยาวให้เจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบัน


ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีตรวจราชการที่ จ.พะเยา ทั้งนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก – AEC

วันนี้ (19 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมภูกามยาว ศาลากลางจังหวัดพะเยา นายนพปฎล เมฆเมฆา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขตตรวจราชการที่ 16 พร้อมคณะฯ เดินทางมาติดตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยมีนายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วยประเด็นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก และนโยบายการดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนปี 2558

สำหรับโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกของจังหวัดพะเยา มีโครงการสนับสนุนทั้งสิ้นจำนวน 4 โครงการประกอบด้วยโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 30 ล้านบาท , โครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งเพื่อสนับสนุนการขนส่งผลผลิตทางการเกษตร 10 ล้านบาท , โครงการเพิ่มศักยภาพการแปรรูปข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่า 20 ล้านบาท และโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้ามหอมมะลิสู่มาตรฐาน GAP/อินทรีย์ 20 ล้านบาท รวมกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการดำเนินการ

สำหรับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนั้น จังหวัดพะเยาได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 คลุมทั้ง 3 เสาหลัก พร้อมทั้งนำแนวคิด บันได 5 ขั้นจากพะเยาสู่ประชาคมอาเซียน มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินโครงการเตรียมความพร้อมบุคลากรในจังหวัดเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของจังหวัดพะเยา ได้แก่ การแต่งตั้งคณะทำงานในการเตรียมความพร้อมในทุกๆด้าน, จัดหลักสูตรการฝึกอบรม และให้ความรู้แก่บุคลากรในทุกภาคส่วนของจังหวัดพะเยา, การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ , การจัดนิทรรศการ และการเสวนาทางวิชาการ และการติดตามและประเมินผลฯ ในภาพรวมจังหวัดพะเยาได้มีการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนหลายหน่วยงาน ในหลายๆด้านด้วยกัน ทั้งด้านวัฒนธรรม ภาษา ที่ห้องโถงศาลากลางจังหวัดพะเยาก็ได้มีการจัดเป็นศูนย์นิทรรศการเตรียมความพร้อมข้อมูลข่าวสาร หลากหลายรูปแบบไว้

สำหรับในช่วงบ่ายคณะผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตร อ.จุน ก่อนเดินทางกลับ



ข่าวโดย : ทีมข่าว ส.ปชส.พะเยา

สภาวัฒนธรรมพะเยา ร่วมกับ วัฒนธรรมจังหวัดพะเยา จัดประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพ เครือข่ายวัฒนธรรมจังหวัดพะเยา (กิจกรรมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557) เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนของสภาวัฒนธรรมทุกระดับ ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

วันที่ (19 ก.พ. 57) ที่ห้องประชุมวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีพะเยา สภาวัฒนธรรมพะเยา ร่วมกับ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพะเยา จัดโครงการพัฒนาศักยภาพ เครือข่ายวัฒนธรรมจังหวัดพะเยา (กิจกรรมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557) โดยมีนายนิมิต วันไชยธนวงค์รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานเปิดโครงการฯ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์และปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรที่เป็นเครือข่ายสภาวัฒนธรรมจังหวัดพะเยาให้เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถในวิชาการใหม่ๆ และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้านวัฒนธรรม ให้เกิดประสิทธิภาพและคงอยู่กับชุมชนสืบไป

นายบุญส่ง เมืองกรุง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพะเยา กล่าวว่า สภาวัฒนธรรมจังหวัดพะเยา เป็นองค์กรหนึ่งที่มีภารกิจด้านการบริหารจัดการและดำเนินการ การส่งเสริมการสนับสนุนของสภาวัฒนธรรมทุกระดับ ให้มีการเชื่อมโยงการดำเนินงานองค์กรภาคีและเครือข่าย ทางสภาวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดพะเยาให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น


ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

ชาวแม่ฮ่องสอน ออกมาใช้สิทธเลือกตั้ง สส.เป็นอันดับ ๓ ของประเทศ

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ฯ อันดับ ๓ ของประเทศ

นายพันธุ์รัตน์ แก้ววิเชียร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า “ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ผ่านมามีประชาชนออกมาใช้สิทธิ ฯ เป็นอันดับ ๓ ของประเทศ แม้ว่าการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งมีบัตรเสีย ๒๐,๙๓๕ บัตร หรือร้อยละ ๒๐.๐๘ % ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อบัตรเสีย ๑๐,๘๒๗ บัตร หรือร้อยละ ๑๐.๓๙ %


ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอนสนธิกำลังร่วมกับ ตชด.337 ออกลาดตระเวน พบมีการลักลอบปลูกไร่ฝิ่นจึงร่วมกันตัดทำลาย

( 18 ก.พ. 57 ) เมื่อวานนี้ นายชิษณุพงศ์ บูรณา นายอำเภอแม่ลาน้อย มอบหมายให้นายวิศิษฐ์ ทวนชีพ ปลัดอำเภอแม่ลาน้อย นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและอส. สนธิกำลังร่วมกับ ตชด.337 รวม 15 นาย ออกลาดตระเวนพบมีการลักลอบปลูกไร่ฝิ่นในพื้นที่ จำนวน 2 แปลง แปลงที่ 1 ที่บริเวณบ้านขุนแม่ฮุ หมู่ 3 ต. สันติคีรี เนื้อที่ประมาณ 1 งาน ต้นฝิ่นกำลังให้ผลผลิตและมีการกรีดไปแล้วบางส่วน ไม่พบผู้กระทำผิดในที่เกิดเหตุ จึงร่วมกันตัดทำลาย ส่วนแปลงที่ 2 ที่บริเวณบ้านห้วยเหี๊ยะ หมู่ที่ 4 ต.แม่นาจาง เนื้อที่ประมาณ 1 งาน ต้นฝิ่นกำลังออกดอกและให้ผลผลิตแล้วบางส่วน พบว่าเพิ่งจะเริ่มทดลองกรีดผลฝิ่นบ้างเล็กน้อย ไม่พบผู้กระทำผิดในที่เกิดเหตุ จึงได้ร่วมกันตัดเผาทำลาย



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.แม่ฮ่องสอน

ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.แม่ฮ่องสอนร่วมกับศูนย์และการเรียนรู้เพื่อชีวิตและสังคม จัดอบรมหลักสูตรอาหารว่าง

ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.แม่ฮ่องสอนร่วมกับศูนย์และการเรียนรู้เพื่อชีวิตและสังคม จัดอบรมหลักสูตรอาหารว่าง

โดยจัดอบรมระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ 2557 รวม 18 ชั่วโมง ที่อาคารชานกะเล ศูนย์และการเรียนรู้เพื่อชีวิตและสังคม วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน โดยมีผู้สนใจเข้าฝึกอบรม 25 คน หลักสูตรประกอบด้วยการทำขนมจีบซาลาเปา กะหรี่ปั๊บและหมี่กรอบ เพื่อให้ผู้สนใจนำไปประกอบอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ นายสุรเชษฐ ฟองมูล อาจารย์ผู้ฝึกสอนกล่าวว่าเทคนิคการทำขนมกะหรี่ปั๊บให้อร่อยอยู่ที่แป้งบาง กรอบ และทอดในน้ำมันร้อน ไฟอ่อนๆ

นายพรศักดิ์ รัตนมณี พนักงานราชการสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.แม่ฮ่องสอน 1 ในผู้เข้าร่วมอบรมกล่าวว่ากะหรี่ปั๊บทำไม่ยาก และในอนาคตจะทำจำหน่าย สำหรับเดือนหน้าจะมีการอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับพนักงานบริการและภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว ข่าว / เอกณรินทร์ ใจมะโน ภาพ

สวท.แม่ฮ่องสอน เตรียมจัดเวที พัฒนาเครือข่ายเพื่อการประชาสัมพันธ์ ตามโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ประจำปี 2557

นางสาววาสนา ไข่แก้ว ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สวท.แม่ฮ่องสอน เตรียมจัดเวทีพัฒนาเครือข่ายเพื่อการประชาสัมพันธ์ ตามโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ประจำปี 2557 ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 ที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ฮ่องสอนรีสอร์ท อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมีอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน คณะกรรมการนักเรียน สภาเด็กและเยาวชน กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกิจกรรมจำนวน 50 คน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจของประชาชน ให้เห็นถึงความสำคัญในการใช้สิทธิ เสรีภาพ ที่ถูกต้อง มีส่วนร่วมทางการเมืองที่เหมาะสมเป็นไปตามเป้าหมาย ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กิจกรรมในงานประกอบด้วย การบรรยายพิเศษ หัวข้อ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ โดย นายเทอดเกียรติ สุกใส ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน


ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน

จ.ลำปาง ประชุมสารถีรถม้า ร่วมหาแนวทางส่งเสริม พัฒนาอาชีพให้เกิดความมั่นคง

นายศุภชัย เอี่ยวมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง และนายอัครินทร์ พิชญกุล นายกสมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง ได้ร่วมประชุมกับสมาชิกสมาคมฯ ผู้ประกอบอาชีพสารถีรถม้าในจังหวัดลำปาง ที่ ห้องประชุมราชาวดี ชั้น 4เทศบาลนครลำปาง ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เพื่อร่วมหาแนวทางการส่งเสริมอาชีพ ช่วยเหลือและพัฒนากิจการรถม้าของจังหวัด ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง โดยมีเป้าหมายให้สารถีรถม้ามีรายได้ มีสวัสดิการค่าครองชีพที่มั่นคง รวมทั้งหาแนวทางพัฒนากิจการรถม้าของจังหวัดลำปาง ในเชิงรุก เพื่อให้รถม้าได้เป็นที่นิยมชื่นชอบของนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวเมืองลำปางแล้วจะต้องนั่งรถม้า

โดยการประชุม นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวว่า การจะพัฒนากิจการรถม้าในจังหวัดลำปาง ให้ดีได้นั้น ประการแรกสมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง ต้องมีความเข้มแข็ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ประการที่สองจะต้องมีการปรับปรุงด้านการบริการ ซึ่งจะเป็นเครื่องชี้นำไปสู่ความมั่นคงในอาชีพ มีรายได้ที่สูงขึ้น และที่สำคัญจะทำให้รถม้า เป็นสัญลักษณ์ของคู่บ้านคู่เมืองนครลำปางตลอดไป ซึ่งในเรื่องนี้จะได้มีแนวทางที่จะนำหน่วยงาน ภาคส่วนต่างๆ เข้ามาช่วยดูแล พัฒนาปรับปรุง อาทิเช่น การให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดลำปาง ดูแลในเรื่องการตรวจสุขภาพของม้า และการพัฒนาพันธุ์ม้าที่จะนำมาเทียมลากจูงรถ เพื่อให้ม้ามีความสวยและสง่างามมากขึ้น ส่วนในเรื่องของตัวรถม้า ก็จะต้องมีการพัฒนาให้มีรูปแบบที่สวยงาม โดยการตกแต่งรถม้าจะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน และสำหรับเรื่องการแต่งกาย ต้องมีการพัฒนาเรื่องชุดที่สวมใส่ของผู้ขับขี่ หรือ สารถีรถม้า ให้เป็นรูปแบบเดียวกัน โดยจะต้องทำการออกแบบชุดขับขี่รถม้า แล้วนำมาให้สารถีเลือก ว่าจะใช้รูปแบบใด นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ต้องจัดให้มีการเสริมรายได้ในส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น การจัดจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ที่จะต้องจัดให้มีการบริหารจัดการที่เป็นรูปแบบชัดเจนมีมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่มวลสมาชิกสารถีรถม้า

ตลอดจนต้องมีการพัฒนาทักษะการเป็นมัคคุเทศก์ให้แก่สารถีรถม้า เพื่อให้สารถีมีความรู้ ความเข้าใจ ในเส้นทาง สามารถที่จะบรรยายถึงสถานที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ตามเส้นทางที่รถม้าวิ่งผ่านได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักเส้นทาง แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ และเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชมเมืองลำปาง ทั้งนี้เพื่อจะส่งเสริมการท่องเที่ยวของรถม้าลำปาง ให้ดียิ่งขึ้นเป็นที่ติดอกติดใจแก่นักท่องเที่ยว สมดั่งคำที่ว่า “นั่งรถม้าแอ่วเมืองลำปาง ม่วนแต๊หนา” ซึ่งในเรื่องนี้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 10 ลำปาง จะเข้าทำการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมให้ความรู้แก่สารถีรถม้าต่อไป นอกจากนี้ได้มีแนวคิดที่จะส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สารถีรถม้าทุกคน ด้วยการจัดทำประกันสังคมให้แก่สารถีรถม้า ร่วมอีกทางหนึ่งด้วย


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 15 ตรวจติดตามงานโครงการ นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก และ การดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ.2558

(19 ก.พ.57) เช้าวันนี้ที่ ห้องประชุมเวียงละกอน ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำปาง นายจำเริญ ยุติธรรมสกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 15 พร้อม ผู้ตรวจกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตร กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงพาณิชย์ ร่วม ตรวจติดงานโครงการ นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก และ การดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ.2558 ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยมีนายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ

โดยนายฤทธฺพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้แจ้งการดำเนินงานในส่วนของจังหวัดลำปาง ให้ ผู้ตรวจราชการ ทราบว่า นโยบายครัวไทย สู่ครัวโลก จังหวัดมีนโยบายสนับสนุน พัฒนาสายพันธุ์ข้าว และพัฒนาแพคเกจจิ้ง ให้เป็นแบบสูญญากาศเพื่อให้เก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไว้ได้นาน และจะนำเอาผลผลิต สับปะรดที่เคยล้นตลาดในทุกปี มารวมกับข้าวแต๋น สร้างเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า นอกจากนี้ ยังมีคลั่งที่สามารถนำมาทำลิปสติก และทำเงินให้กับจังหวัดลำปาง กว่า 1,000 ล้านบาท ต่อปี

ส่วนในช่วงบ่าย นายจำเริญ ยุติธรรมสกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 15 นำได้ผู้ตรวจกระทรวงต่างๆ ตรวจติดตามงาน ในพื้นที่จังหวัดลำปาง เพื่อนำปัญหาและผลการดำเนินงานรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ และดำเนินการแก้ไขปัยหาต่อไป


ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์

ร่วมประกวด "ภาพถ่ายมหัศจรรย์พรรณไม้งามเทิดพระเกียรติ" ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

องค์การสวนพฤกษศาสตร์ จัดกิจกรรมการประกวด ภาพถ่ายมหัศจรรย์พรรณไม้งามเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ผู้ที่สนใจเข้าถ่ายภาพถ่ายภาพดอกไม้ พรรณไม้ ในพื้นที่สวนพฤกษศาสตร์ฯ ที่จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น ระยอง และสุโขมัย เพื่อนำภาพเข้าร่วมประกวดชิงถ้วยพระราชทาน

ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.สง่า สรรพศรี เพื่อการวิจัยและมูลนิธิภาพถ่ายแห่งประเทศไทย จัดการประกวดภาพถ่าย “มหัศจรรย์พรรณไม้งามเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” เพื่อเป็นการทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถแล้ว และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์บทบาทของสวนพฤกษศาสตร์ในการเป็นแหล่งอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้ด้านคุณค่าของพรรณไม้ไทยอีกด้วย

ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาถ่ายภาพดอกไม้ พรรณไม้ ในพื้นที่สวนพฤกษศาสตร์ฯ ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 05.00 – 19.00 น. ณ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลกในพระราชดำริ อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก สวนพฤกษศาสตร์เมืองพล อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น สวนพฤกษศาสตร์ระยอง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และสวนพฤกษศาสตร์พระแม่ย่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย โดยช่างภาพที่จะส่งภาพเข้าประกวดต้องมาลงทะเบียนด้วยตนเองที่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์และสวนพฤกษศาสตร์สาขาเท่านั้น ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นภาพถ่ายของช่างภาพที่ไปลงทะเบียนด้วยตนเองที่สวนพฤกษศาสตร์ฯ ที่เข้าไปบันทึกภาพ มรระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2556 – 15 มีนาคม 2557 ถ่ายด้วยกล้องดิจิทัล ขนาดของไฟล์มีความละเอียด อย่างน้อย 6 ล้านพิกเซล และรูปแบบของไฟล์ในแบบมาตรฐาน .TIFF หรือ .JPEG (ไม่รับภาพที่เป็น RAW FILE และไฟล์ที่เป็นสกุลอื่น) โยกำหนดส่งผลงานภายในวันที่ 30 มีนาคม 2557

ดูข้อมูลการส่งผลงานได้ที่ www.qsbg.org หรือ สอบถามทางหมายโทรศัพท์ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โทรศัพท์ 053-841234 สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลกในพระราชดำริ โทรศัพท์ 055-316713-5 สวนพฤกษศาสตร์เมืองพล ขอนแก่น โทรศัพท์ 043-210157 สวนพฤกษศาสตร์ระยอง โทรศัพท์ 038-638881 และสวนพฤกษศาสตร์พระแม่ย่า สุโขทัย โทรศัพท์ 055-910248-9


ข่าวโดย : กมลรัตน์ เพ็ชรแสนงาม

คาดปีนี้ภาคเหนือแล้งหนัก ปภ.เขต 10 เตรียมพร้อมรับมือ 24 ชั่วโมง

ปภ.เขต 10 ลำปาง คาดการณ์ปีนี้เขตภาคเหนือจะแล้งหนัก เตรียมเครื่องจักรกลและกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อรับมือภัยแล้ง พร้อมออกให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

นายประพันธ์ ภักดีนิติ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 10 ลำปาง เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปางได้จัดตั้ง ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ประจำปี 2557 ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานและสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ โดยแบ่งหน้าที่รับผิดชอบของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย บริหารจัดการงานการเงิน ข้อมูลสารสนเทศการแจ้งเตือนภัย จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง และติดตามข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้งจากกรมชลประทาน ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มการเกิดสถานการณ์ภัยแล้งและการแจ้งเตือนภัย

นายประพันธ์ กล่าวว่า ปภ.เขต 10 ลำปาง ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักรกล ยานพาหนะ เครื่องมือและอุปกรณ์ไว้พร้อมเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนภารกิจภัยแล้งของจังหวัดในเขตตามที่ได้รับการร้องขอ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย มีการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ข้อเท็จจริงด้านสาธารณภัย และข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้ง ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างถูกต้อง ทันเหตุการณ์และต่อเนื่อง ประสานความร่วมมือกับสื่อทุกแขนง มีการติดตั้ง กำกับดูแล ระบบสื่อสารให้แก่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจกับพื้นที่ที่ประสบภัย เพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน เชื่อมต่อระบบสื่อสารระหว่างศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจกับเครือข่ายต่างๆ เช่น รถติดตั้งวิทยุสื่อสารเคลื่อนที่ รถ UNIMOG จัดวางระบบสารสนเทศให้กับกองอำนวยการเฉพาะกิจ เชื่อมต่อฐานข้อมูลต่างๆ และให้บริการอินเตอร์เน็ตให้กับศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ มีฝ่ายสำรวจและประเมินความเสียหายและความต้องการของผู้ประสบภัย จัดหาปัจจัยสี่ เช่น อาหาร รถผลิตน้ำดื่ม ที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัย เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครที่มาปฏิบัติงาน สำรวจซ่อมสร้างภาชนะเก็บน้ำ และจัดหาแหล่งน้ำสำรองให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประสบภัย

ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 10 กล่าวว่า จากการวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ปีนี้คาดว่าจะแล้งหนักกว่าทุกปีและจะยาวไปถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ฝนตกน้อย หลายพื้นที่จะขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และนำเพื่อการเกษตร ในพื้นที่นอกเขตชลประทานจะได้รับผลกระทบหนัก การเตรียมความช่วยเหลือดังกล่าว เพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเท่านั้น เกษตรกรและประชาชนทั่วไปควรปรับตัวหามาตรการรับมือกับภัยแล้งในเบื้องต้นด้วยเช่นกัน เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายรุนแรง


ข่าวโดย : อธิชัย ต้นกันยา

รายงานพิเศษ ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนศรีชุมจังหวัดลำปาง

คณะกรรมการชุมชนศรีชุม อำเภอเมืองลำปาง ได้เสนอของบประมาณจากโครงการพัฒนาเมือง เพื่อสร้างศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนศรีชุมภายในวัดและได้รับการอนุมัติแล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะฟื้นฟูบูรณะวัดศิลปะพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วย

วัดศรีชุม อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เคยได้ชื่อว่าเป็นวัดศิลปะพม่าที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดา 31 วัดที่มีอยู่ในประเทศไทย หากแต่ในปัจจุบันวัดแห่งนี้ มีสภาพทรุดโทรม และเงียบเหงา คณะกรรมการชุมชนศรีชุม จึงหาแนวทางฟื้นฟูให้วัดแห่งนี้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนอีกครั้ง โดยเริ่มจากการเขียนโครงการของบประมาณจากโครงการพัฒนาเมือง จนผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการระดับจังหวัดลำปางและคณะกรรมการจากส่วนกลาง

นางจินดา โพธิ์ทอง ประธานกลุ่มผู้สูงอายุชุมชนศรีชุม เปิดเผยว่า “คณะกรรมการชุมชนเห็นร่วมกันว่า ควรเอาวัดเป็นศูนย์รวม เป็นศูนย์กลางที่จะดึงคนเข้าวัด โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ก็ต้องเกี่ยวกับทางศาสนา ทางวัดทางวา จึงมาขอเจ้าอาวาส ตั้งที่ทำการชมรมผู้สูงอายุ และ อสม.ที่ชั้นล่างวิหาร ตรงนี้ เดี๋ยวนี้รวมชุมชนด้วยมารวมกันอยู่ตรงนี้ซึ่งแออัดมาก โดยประวัติเคยถูกไฟไหม้ก็เลยไม่อยากไปรบกวน”

ชุมชนศรีชุม เป็นชุมชนแรกของจังหวัดลำปางที่ได้รับอนุมัติงบประมาณ จำนวน 1.6 ล้านบาท จากโครงการพัฒนาเมือง เพื่อสร้างศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมศรีชุมขึ้นภายในวัด ทดแทนสถานที่เดิมที่คับแคบ เพื่อให้คนในชุมชนเมืองที่ต่างคนต่างอยู่ ได้มีเวทีพบปะพูดคุยและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน

นางเพชรา กิติโสภณ เลขานุการกลุ่มผู้สูงอายุชุมชนศรีชุม กล่าวว่า “สมาชิกจะได้มาพบปะสังสรรค์ คุยกัน สนทนาร่วมกัน แลกเปลี่ยนความรู้ ถ่ายทอดวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชนคนรุ่นหลังหรือบุคคลทั่วไปจะมาทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในชุมชน ที่ขาดความรู้ก็จะได้รับรู้ ก็จะมีกิจกรรมขึ้นมา เพื่อให้ได้พบปะพูดคุยแบบเป็นพี่เป็นน้องกัน”

นายทวีชัย ปิณธานะรักษ์ กรรมการชุมชนศรีชุม กล่าวว่า “คนเฒ่าคนแก่ ที่เคยอาศัยอยู่แถวนี้ ตอนนี้ก็หมกตัวอยู่กับบ้านเขาไม่มีสถานที่ หรือบางทีมีสถานที่แต่ไม่มีการนำ ฉะนั้น ถ้าเกิดมีศูนย์นี้ขึ้นมาจริงๆ ผมก็คิดว่า คนส่วนหนึ่งจะสามารถมาแสดงออก มาหากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ ต่อชีวิตของเขา”  เมื่อศูนย์เรียนรู้ชุมชนวัฒนธรรมศรีชุมแล้วเสร็จ ก็จะกลายเป็นศูนย์รวมกิจกรรมทุกอย่างของชุมชนและเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมของชุมชนให้กลับมางดงามอีกครั้ง



ข่าวโดย : อธิชัย ต้นกันยา

ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลกาญจนา อำเภอเมืองแพร่ ช่วยกั้นน้ำในเหมืองชลประทานแก้ภัยแล้ง

ประชาชนหลายหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลกาญจนา อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ประสบปัญหาภัยแล้งเร่งกั้นน้ำในคลองส่งน้ำของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ยมฝั่งซ้าย เพื่อให้มีน้ำในการเกษตรและปศุสัตว์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า จากปัญหาภัยแล้งที่คุกคามในหลายพื้นที่ของจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะน้ำเพื่อการเกษตรและปศุสัตว์นั้น ประชาชนในหลายหมู่บ้านในตำบลกาญจนา อำเภอเมือง แพร่ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลกาญจนา ร่วมกันนำกระสอบบรรจุทรายเข้ากั้นน้ำในคลองชลประทานของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ยม ฝั่งซ้าย ซึ่งมีการสูบน้ำจากไซฟอนแม่หล่ายมาหล่อเลี้ยงให้แก่เกษตรกร แต่ปริมาณน้ำก็ไม่เพียงพอและแห้งลง จึงต้องกั้นไว้เพื่อยกระดับน้ำให้มีพอต่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และสำหรับการเลี้ยงวัวในฤดูแล้ง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่มีแหล่งน้ำ จึงอาศัยน้ำจากโครงการชลประทานในการเลี้ยงวัว และเพาะปลูก



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว / พิมพ์

จังหวัดแพร่ จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาการประกอบธุรกิจ SMEs

จังหวัดแพร่จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาการประกอบธุรกิจ SMEs ให้ความรู้ทางการตลาด เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า เช้าวันนี้ (19 ก.พ.57)  ที่ห้องไอยรา โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ นายธนากร อึ้งจิตรไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานเปิดโครงการ ส่งเสริมและพัฒนาการประกอบธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจและสร้างเครือข่ายรายพื้นที่ ปี 2557 ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการให้ผู้ประกอบการมีความรู้ทางการตลาด การเชื่อมโยงเครือข่ายทางการค้า กฎระเบียบการประกอบธุรกิจ ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการประกอบธุรกิจให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก ผ้า อาหาร และผู้ประกอบการของชำร่วย ของที่ระลึกเข้าร่วมสัมมนา จำนวน 60 คน



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว / พิมพ์

ทต.บ้านแป้น เชิญชมการแข่งขันกีฬาพิทักษ์คุรุจตุรมิตรสิงห์สัมพันธ์ ครั้งที่ 19 วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์นี้

ต.บ้านแป้น เชิญชมการแข่งขันกีฬาพิทักษ์คุรุจตุรมิตรสิงห์สัมพันธ์ ครั้งที่ 19 วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สนามกีฬากลางเทศบาลตำบลบ้านแป้น

นายชัยวัฒน์ ศรีพฤกษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านแป้น อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน กล่าวว่า การออกกำลังกายและการเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถช่วยพัฒนาคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้มีร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดี ดังนั้น เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ ตลอดจนใช้กิจกรรมกีฬาเป็นสื่อกลางในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานราชการ เทศบาลตำบลบ้านแป้นได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาพิทักษ์คุรุจตุรมิตรสิงห์สัมพันธ์ ครั้งที่ 19 ประจำปี 2557 ในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สนามกีฬากลางเทศบาลตำบลบ้านแป้น อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ประเภทกีฬาสากล ได้แก่ ฟุตบอลชาย 7 คน วอลเล่ย์บอลชาย-หญิง เปตอง ชาย-หญิง ตะกร้อชาย กีฬาพื้นบ้าน ได้แก่ วิ่งผลัดกระสอบชาย-หญิง วิ่งผลัดลูกโป่งน้ำชาย-หญิง วิ่งผลัดฮูลาฮูปชาย-หญิง วิ่งสามขาสามัคคีชาย-หญิง เป็นต้น สำหรับทีมที่จะเข้าแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ประกอบด้วย เทศบาลตำบลท่าเชียงทอง เทศบาลตำบลเหมืองจี้ เทศบาลตำบลศรีบัวบาน องค์การบริหารส่วนตำบลหนองหนาม องค์การบริหารส่วนตำบลหนองป่าสัก เครือข่ายครู สถานีตำรวจภูธรเหมืองจี้

เทศบาลตำบลบ้านแป้นขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนในเขตเทศบาลตำบลบ้านแป้นหรือผู้ที่สนใจ ร่วมชมและร่วมเชียร์ทัพนักกีฬาจากหน่วยงานต่างๆ ในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สนามกีฬากลางเทศบาลตำบลบ้านแป้น อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เริ่มเวลา 07.00 น. เป็นต้นไป



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

กกต. ลำพูน เชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. ๓๐ มีนาคมนี้

กกต. ลำพูน เชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. ในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๕.๐๐ น.

นางพิมประไพ ดิชวงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป จะครบวาระ ๖ ปี ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๗ จึงได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ทั้งนี้ กกต. ลำพูน ได้กำหนดวันรับสมัครสมาชิกวุฒิสภา ระหว่างวันที่ ๔ – ๘ มีนาคม ๒๕๕๗ ณ ศาลาประชาคมจังหวัดลำพูน บริเวณศาลากลางจังหวัดลำพูน กกต. ลำพูน จึงขอเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. ในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. ณ หน่วยเลือกตั้งที่ตนเองมีชื่ออยู่ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถกลับไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ในจังหวัดที่มีชื่อตามทะเบียนบ้าน ต้องยื่นคำขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นอำเภอ หรือเทศบาลที่ตนอาศัยอยู่ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ – ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ โดย กกต. ลำพูน กำหนดสถานที่ลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน ในวันอาทิตย์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดตามทะเบียนบ้าน แต่ในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ไม่อาจไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. ได้ ต้องยื่นคำขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง ต่อนายทะเบียนฯ ระหว่างวันที่ ๑๐ – ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ส่วนสถานที่เลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งจะเป็นผู้กำหนดอีกครั้ง

ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาชิกวุฒิสภา ทั้งประเทศมีจำนวน ๑๕๐ คน ดำรงตำแหน่งได้คราวละ ๖ ปี โดยห้ามดำรงตำแหน่ง ๒ วาระติดต่อกัน มีที่มา ๒ แบบ คือ มาจากการสรรหา และการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ส.ว. ที่มาจากการสรรหา มีจำนวน ๗๓ คน ซึ่งคณะกรรมการสรรหาจะดำเนินการสรรหา ส.ว. จำนวนดังกล่าว จากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรต่างๆ ในภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภา สำหรับ ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง มีจำนวน ๗๗ คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดๆ ละ ๑ คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้เพียงหมายเลขเดียว ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะได้รับเลือกเป็น ส.ว. ของแต่ละจังหวัด



ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์

จ.ลำพูน ประชุมคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อมจังหวัดลำพูนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ด้านเศรษฐกิจอาเซียน( AEC )

ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดลำพูน ร่วมประชุม คณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อมจังหวัดลำพูนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ด้านเศรษฐกิจอาเซียน( AEC ) ทั้งด้านการ การท่องเที่ยว , การค้า และ การลงทุน

ที่ห้องประชุม หริภุญชัย ศาลากลาง จังหวัดลำพูน นายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานการประชุม คณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อมจังหวัดลำพูนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ด้านเศรษฐกิจอาเซียน( AEC ) โดย มีผู้แทนจาก สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน , สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน , สำนักงานการค้าภายในจังหวัดลำพูน , หอการค้าภายในจังหวัดลำพูน รวมถึง ผู้แทนจาก แต่ละอำเภอร่วมประชุม

นายเมธี บัวพึ่ง พาณิชย์ จังหวัดลำพูน กล่าวว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน นั้น มาตรการ กีดกันทางการค้า จะลดลง ทำให้ประเทศ ที่มีต้นทุนการผลิตสินค้า ต่ำสามารถ ค้าขาย สินค้าผลิตภัณฑ์ รวมถึง บริการ ของตนได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เมียนมาร์ , ลาว , กัมพูชา หรือ เวียดนาม มีต้นทุนการผลิตสินค้า ที่ต่ำกว่า ไทย ผู้ประกอบการ จึงควรมีการ ปรับราคาต้นทุน , คุณภาพสินค้า รวมถึงรูปแบบ ให้มีความแตกต่าง สามารถแข่งขันกับ ประเทศอื่น ๆ ได้ ซึ่ง สำนักพาณิชย์ จังหวัดลำพูน จะจัดโครงการเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการ

นายณรงค์ ธรรมจารี เลขาธิการหอการค้า จังหวัดลำพูน กล่าวว่า สถานศึกษา ในจังหวัดลำพูน ควรมีการเตรียมความพร้อม ในด้านของภาษา ซึ่งในอนาคต ที่มีประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม อาเซียน ทั้ง เมียนมาร์ , ลาว และ จีน จะมาร่วมลงทุน ประกอบ ธุรกิจการค้า กับไทย ซึ่งอนาคต อาจจะมีการ ทำข้อตกลง ในการสนับสนุน บุคลากรด้านการศึกษา กับประเทศเหล่านี้

ในด้านการท่องเที่ยว นางดวงเดือน สดแสงจันทร์ ท่องเที่ยว และ กีฬา จังหวัดลำพูน กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยว และ กีฬา ได้ จัดการอบรม บุคลากร รวมถึง ผู้ประกอบการ ด้านการท่องเที่ยว ซึ่ง หลังจากการรวมกลุ่ม ประชาคมอาเซียน ผู้ประกอบการโรงแรมของไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ จะสามารถเคลื่อนย้าย บุลากร ด้านการโรงแรม ที่มีฝีมือ ไปทำงาน ที่ประเทศ ในกลุ่มอาเซียน ได้มากยิ่งขึ้น


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

จ.ลำพูน จัดสภากาแฟ ครั้งที่ 2 หวังกระตุ้นทุกภาคส่วนเดินหน้าสนับสนุนช่วยเหลือพัฒนาจังหวัด

จ.ลำพูน จัดสภากาแฟ ครั้งที่ 2 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนในจังหวัด หวังกระตุ้นทุกภาคส่วนเดินหน้าสนับสนุนช่วยเหลือพัฒนาจังหวัด

จังหวัดลำพูนจัดสภากาแฟ ครั้งที่ 2 ณ โรงแรมเดอะแกรนด์จามจุรีรีสอร์ท ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มีชมรมธนาคารจังหวัดลำพูนเป็นเจ้าภาพ นำโดย นายพิชิต สิริวโรทัย ประธานชมรมธนาคารจังหวัดลำพูน ผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกรุงไทย ลำพูน สภากาแฟเป็นการประชุมนอกรูปแบบ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนในจังหวัดลำพูน มีกำหนดจัดสภากาแฟเดือนละหนึ่งครั้ง สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของทุกภาคส่วนในบรรยากาศที่เป็นกันเอง นำไปสู่การประสานงานและเสริมสร้างความร่วมมือในการทำงานระหว่างกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลปัญหาความต้องการ พร้อมข้อเสนอแนะ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการและพัฒนาจังหวัดให้สอดคล้องกับความต้องการและสถานการณ์ โดยมี นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายจำลอง เณรแย้ม ปลัดจังหวัดลำพูน นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนและสื่อมวลชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ ได้มีการส่งมอบถ้วยกาแฟจำลองขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการจัดสภากาแฟให้กับเครือข่ายของหน่วยงานด้านอุตสาหกรรมในจังหวัดลำพูน นำโดย หม่อมหลวงราชันย์ อรุณวงศ์ อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน และนายพรเทพ ภูริพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เป็นเจ้าภาพครั้งต่อไป



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

กกต.ลำพูน แจ้งให้ผู้ประสงค์ ลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. ล่วงหน้านอกเขต ไปยื่นเอกสารลงทะเบียน เพื่อขอใช้สิทธิได้ จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดลำพูน แจ้งให้ผู้มีสิทธิที่ ประสงค์ จะลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. ล่วงหน้านอกเขต ไปยื่นเอกสารลงทะเบียน เพื่อขอใช้สิทธิได้ จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งหลังจากลงทะเบียนแล้วสามารถไปใช้สิทธิ ลงคะแนนล่วงหน้านอกเขต ได้ในวันที่ 23 มีนาคม 2557

สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน แจ้งรายละเอียด สำหรับผู้มีสิทธิที่ต้องการ จะลงคะแนน เลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ล่วงหน้านอกเขต โดย สามารถ ไปยื่นเอกสาร เพื่อ ขอลงทะเบียนใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 17 – 28 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่ง ต้องเตรียมเอกสารดังนี้ 1 . ตำขอลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด ( ส.ว.42 ) 2 . สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เมื่อเตรียมเอกสารครบแล้ว สามารถไปยื่นเอกสาร ต่อ นายทะเบียนอำเภอ / นายทะเบียนท้องถิ่น โดย สามารถ ยื่นได้ด้วยตนเอง , ทำหนังสือมอบหมายให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอื่นดำเนินการแทน , หรือส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งผู้ที่ลงทะเบียน แล้วสามารถ ไปใช้สิทธิลงคะแนนได้ในวันที่ 23 มีนาคม 2557 เท่านั้น โดยจะไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งใน วันที่ 30 มีนาคม ได้

ทั้งนี้ ผู้ที่เคยลงทะเบียนขอใช้สิทธิล่วงหน้าเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา สามารถไปใช้สิทธิได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่หากต้องการเปลี่ยนแปลงสถานที่เลือกตั้งกลาง หรือยกเลิกการลงทะเบียน ต้องไปแจ้ง ภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

เทศบาลตำบลแม่แรง จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ฯ เตรียมพร้อมรับมือปัญหาหมอกควัน

เทศบาลตำบลแม่แรง จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าตำบลแม่แรง ประจำปี 2557 ณ สำนักงานเทศบาลตำบลแม่แรง เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้ง ตลอดจนเป็นการป้องกันไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่

นายทวี ณ ลำพูน นายกเทศมนตรีตำบลแม่แรง เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าแล้งของทุกปี ระหว่างเดือนธันวาคม–พฤษภาคม มักจะเกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ริมทางหลวง ซึ่งนอกจากจะสร้างความเสียหายแก่ทรัพยากรป่าไม้และป่าเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ และยานพาหนะเข้าระงับไฟป่าเป็นจำนวนมาก ไฟป่ายังก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันตามมา โดยเฉพาะฝุ่นละอองที่เกิดจากควันไฟ และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี เกิดลักษณะฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ส่งผลกระทบต่อทัศน์วิสัย และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ตำบลแม่แรงได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้ง ตลอดจนเป็นการป้องกันไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ตำบลแม่แรง งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลตำบลแม่แรง จึงจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าตำบลแม่แรง ประจำปี 2557 ณ สำนักงานเทศบาล



ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

เทศบาลตำบลแม่แรง เชิญเที่ยวงาน " แต่งสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง " ครั้งที่ 12 และงานสืบสานตำนานฝ้ายงามหนองเงือก

เทศบาลตำบลแม่แรง เชิญเที่ยวงาน"แต่งสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง" ครั้งที่ 12 และงาน "สืบสานตำนานฝ้ายงามหนองเงือก" ครั้งที่ 8 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 8 เมษายน 2557 ณ บ้านดอนหลวง และวันที่ 10 - 12 เมษายน 2557 ณ บ้านหนองเงือก ตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน

นายทวี ณ ลำพูน นายกเทศมนตรีตำบลแม่แรง เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลแม่แรงเตรียมจัดงานใหญ่ 2 งานด้วยกัน อาทิงาน “แต่งสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง” ครั้งที่ 12 และงาน “สืบสานตำนานฝ้ายงามหนองเงือก” ครั้งที่ 8 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 8 เมษายน 2557 ณ บ้านดอนหลวง และวันที่ 10 - 12 เมษายน 2557 ณ บ้านหนองเงือก ตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน

ซึ่งบ้านดอนหลวงและบ้านหนองเงือกเป็นหมู่บ้านที่มีวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หลากหลายและน่าภาคภูมิใจ โดยเฉพาะผ้าฝ้ายที่เป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้าน การจัดงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าพื้นบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าฝ้าย ให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนชาวลำพูน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น การสาธิตการทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองโดยนักท่องเที่ยวสามารถทดลองทอผ้าฝ้ายได้โดยมีชาวบ้านคอยให้คำแนะนำ การจำหน่ายอาหารพื้นเมือง(กาดมั้ว) ลานขันโตกชมการแสดงพื้นเมืองของชาวบ้านและนักเรียนในตำบลแม่แรง รวมถึงการจำหน่ายผ้าฝ้าย ผ้าทอ ซึ่งเป็นสินค้า OTOP ที่ขึ้นชื่อ เป็นของฝากของที่ระลึกในราคาย่อมเยาว์ ท่ามกลางบรรยากาศกลิ่นอายแห่งมนต์เสน่ห์แห่งล้านนา ด้วยเสียงเพลงสะล้อ ซอ ซึง ที่บรรเลงขับกล่อมตลอดงาน

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการจัดงานทั้ง 2 งาน ได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลตำบลแม่แรง หมายเลขโทรศัพท์ 053 - 556732 ในวันและเวลาราชการ


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

ปปจ.ลำพูน จัดการอบรม ข้อปฏิบัติหน่วยงานรองรัฐในหลักเกณฑ์การเปิดเผยราคากลาง การจัดทำและแสดงบัญชีรายการรับจ่ายโครงการ

ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ , รัฐวิสาหกิจ และ องค์กรอิสระ ร่วม การอบรม เผยแพร่ความรู้ แนวคิด การปฏิบัติ ของหน่วยงานภาครัฐตามหลักเกณฑ์ การเปิดเผยราคากลางการคำนวณราคากลาง และ การจัดทำ , แสดงบัญชีรายการรับจ่ายของโครงการ ตามมาตรา 103 / 7 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2554 

ที่ห้องประชุมจามเทวี ศาลากลางจังหวัดลำพูน สำนักงานป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดลำพูน จัดการอบรม เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการปฏิบัติ ของหน่วยงานในการจัดซื้อจัดจ้าง การคำนวณราคากลาง , การจัดทำ และ แสดงบัญชี รายรับรายจ่าย ของโครงการ ตามมาตรา 103 / 7 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 โดยมีนายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้กล่าวต้อนรับ ผู้เข้าร่วม อบรม ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ , รัฐวิสาหกิจ และ องค์กรอิสระ
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า การอบรมในครั้งเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาคราชการ , รัฐวิสาหกิจ ได้รับทราบข้อปฏิบัติ เพื่อ ให้การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ในแต่ละโครงการ มีความโปร่งใส ตามยุทธศาสตร์จังหวัดลำพูน ที่มุ่งเน้นให้หน่วยงานภาครัฐมีการบริหารจัดการอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้แก่ ประชาชน รวมถึง ผู้ประกอบการที่จะมาร่วมดำเนินโครงการต่าง ๆ กับหน่วยงานราชการ

นายรณรงค์ เสาเหม ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดลำพูน ( ปปจ . ลำพูน ) กล่าวว่า สำนักงานป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีนโยบายส่งเสริม ให้หน่วยงานราชการมีการดำเนินงาน อย่างโปร่งใส ตามอนุสัญญาองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยถูกจัดลำดับประเทศที่มีความโปร่งใส ในลำดับที่ 102 จาก 177 ประเทศ ซึ่ง หน่วยงานภาครัฐของ ไทย จึงควรบูรณาการร่วมกัน ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้มีความถูกต้อง และ สามารถตรวจสอบได้ ซึ่ง สำนักงาน ปปจ . ลำพูน ได้เชิญ นายวิโรจน์ ฆ้องวงศ์ นักกฎหมาย ป.ป.ช. ชำนาญการพิเศษ สำนักกฎหมายหมาย และ ช่วยราชการศูนย์กำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ มาให้ความรู้แก่ ผู้เข้าร่วมอบรม . 



ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

โครงการพัฒนาแหล่งปริโตรเลียมแหล่งผลิตบึงหญ้าตะวันตก-หนองสระ


เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมซุ้มกอชั้น 3 ศาลากลาง ในนามของบริษัท ซีเอ็นพีซีเอชเค (ไทยแลนด์) จำกัด จัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับโครงการพัฒนาแหล่งปริโตรเลียม แหล่งผลิตบึงหญ้าตะวันตก-หนองสระ สัมปทานหมายเลข L21/43 (ส่วนขยาย) จังหวัดสุโขทัย และกำแพงเพชร โดยมีนายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการกำแพงเพชร เป็นประธาน เปิดการประชุม

ตามที่บริษัท ซีเอ็นพีซีเอชเค (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสัมปทานหมายเลข L21/43 ในพื้นที่ จังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชรภายในแปลงสัมปทาน ประกอบด้วยพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมต่าง ๆ เช่นแหล่งผลิตบึงหญ้า บึงหญ้าเหนือ บึงหญ้าตะวันตก หนองสระ บึงม่วง และบึงม่วงตะวันตก เพื่อสนองต่อนโยบายของกระทรวงพลังงาน ในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ละจัดหาแหล่งปิโตรเลียมเพื่องสนองความต้องการใช้พลังงานในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จึงขอพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม โดยดำเนินการสร้างหลุมผลิตใหม่ 8 แห่ง เจาะหลุมผลิตจำนวน 50 หลุม เจาะหลุมผลิตเพิ่ม 20 หลุม และการวางท่อลำเลียงปิโตรเลียมใต้ดิน เชื่อมระหว่างฐานหลุมผลิต จำนวน 11 แนวท่อความยาวรวมประมาณ 11.4 กิโลเมตร ตามคำประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดประเภทและขนาดของโครงการ หรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2555        

ทางบริษัทฯ จึงต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและเสนอผลการวิเคราะห์ เพื่อประกอบการพิจารณาก่อนที่จะดำเนินการต่อไป โดยผ่านการรับฟังความเห็นชอบของผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการมีส่วนรับฟังความคิดเห็นในการประชุม ครั้งนี้



นายอมรเทพ สังคง /ข่าว,ภาพ

สนง.เครื่อข่ายองค์กรงดเหล้าเพชรบูรณ์จัดอบรมเครือข่ายสื่อชุมชนปลอดเหล้า ปี 57

วันนี้ (19 ก.พ. 57) เวลา 09.00 น. ณ วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ นายคณีธิป บุณยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเครือข่ายนักสื่อสารชุมชนปลอดเหล้า จังหวัดเพชรบูรณ์ ปี 2557  จัดขึ้นโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดเพชรบูรณ์ หรือ สสส.เ พื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับเครือข่ายนักข่าวท้องถิ่น ให้ทราบถึงเทคนิคในการประชาสัมพันธ์ และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการเผยแพร่ข่าวสาร รวมทั้งความรู้ในเรื่องของพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่ามีโทษต่อผู้ที่ดื่มอย่างไร วิธีการลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่
ในการอบรม นายคณีธิป บุณยเกตุ รอง ผวจ.เพชรบูรณ์ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า อยากให้ผู้ที่มีอาการติดเหล้า และบุหรี่ ให้หันมาเลิกอย่างจริงจัง เพราะมีแต่ให้โทษแก่ตนเอง และให้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการดำเนินชีวิตด้วยความพอเพียง ลด ละ เลิก อบายมุข เหล้า บุหรี่ ด้วยความตั้งใจจริง เพื่อครอบครัว และสังคม

สนง.พัฒนาชุมชน จ.เพชรบูรณ์ ประชุมเชิงปฏิบัติมุ่งหน้าพัฒนางานให้เกิดประสิทธิภาพ

วันนี้ (19 ก.พ.57)  เวลา 08.00 น. ที่สถานีพัฒนาที่ดินเพชรบูรณ์ ดร.ไพศาล สุขปัญญา พัฒนาการจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ความรู้คณะกรรมการบริหารเครือข่ายกองทุนชุมชนเรื่องการขับเคลื่อนกิจกรรมเครือข่ายกองทุนชุมชน

กองทุนชุมชน หรือ กองทุนภายในชุมชนเกิดจากความร่วมมือของประชาชนในการก่อตั้ง ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากภาครัฐ และเอกชน เช่น กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กองทุนโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน กองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นต้น โดยมีกองทุนที่ประสบความสำเร็จเข้าร่วม พร้อมทั้งศึกษาดูงานการขับเคลื่อนกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านหนองคล้า ตำบลพุเตย อำเภอวิเชียรบุรี สถาบันจัดการเงินทุนชุมชนบ้านใหม่สามัคคี ตำบลห้วยโป่ง อำเภอหนองไผ่ และมีการซักซ้อมประเด็นในการศึกษาดูงาน พร้อมกับตรวจสุขภาพ จัดทำแผนปฏิบัติการ และนำเสนอแผนปฏิบัติการเครื่อข่ายชุมชน 

จากนั้นมีการศึกษา แลกเปลี่ยนถึงประเด็นปัญหาของเครือข่ายในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งหาแนวคิด และวิธีแก้ไขร่วมกัน เสนอแนวทางในการสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชน มีการพัฒนา และสนับสนุนการบริหารงานของเครือข่ายให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของการปฏิบัติงานให้มากที่สุด ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ มีเครือข่ายองค์กรชุมชนในจังหวัดเพชรบูรณ์เข้าร่วมจำนวน 40 คน

จังหวัดพิษณุโลก ออกหน่วยบริการประชาชน ตามโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนที่ตำบลปากโทก

เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลปากโทก อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นำขบวนบริการของส่วนราชการและเอกชน ออกหน่วยบริการให้กับพี่น้องประชาชนชาวตำบลปากโทก ตามโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ให้สามารถเข้าถึงงานบริการของรัฐได้อย่างสะดวก โดยที่ไม่ต้องลำบากและเสียเวลาเดินทางไปถึงตัวจังหวัด อีกทั้งเป็นการกระจายงานด้านบริการของรัฐสู่ประชาชน ให้เป็นไปอย่างทั่วถึง ซึ่งนอกจากงานบริการจากหน่วยงานของรัฐแล้ว เหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลกยังได้มอบอุปกรณ์การกีฬา ชุดนักเรียนพร้อมรถจักรยานให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนเพื่อใช้เป็นพาหนะเดินทางไปโรงเรียน และมอบถุงน้ำใจ ให้กับประชาชนที่มาร่วมโครงการในครั้งนี้อีกด้วย นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า หากประชาชนท่านใด ที่ได้รับความเดือดร้อนไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งเข้ามายังรายการ ผู้ว่ามาแล้ว ทางหมายเลขโทรศัพท์ 055-521-394 หรือหมายเลข 055-283-283 โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก คอยรับเรื่อง และจะส่งข้อมูลให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป ทั้งนี้สำหรับรายการผู้ว่ามาแล้ว ออกอากาศเป็นประจำทุกเช้าวันพุธ ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย จังหวัดพิษณุโลก FM 94.25 MHz. AM 1026 kHz. ตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยพี่น้องประชาชนที่ร่วมรับฟังรายการ สามารถโทรมาตอบคำถามร่วมสนุก หากตอบถูกจะได้รับเสื้อจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นของที่ระลึกอีกด้วย

ปลัดจังหวัดพิษณุโลก พร้อม การค้าภายใน ออกตรวจโกดังที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ของ อตก.ที่โรงสีเกษตรไพศาลธัญกิจ จำกัด อำเภอวัดโบสถ์

ปลัดจังหวัดพิษณุโลก พร้อม การค้าภายใน ออกตรวจโกดังที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ของ อตก.ที่โรงสีเกษตรไพศาลธัญกิจ จำกัด อำเภอวัดโบสถ์ เพื่อควบคุมการระบายข้าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เมื่อเวลา 11.00 น วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 นาย ประทีป ศิลปเทศ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นางอุบลรัตน์ ศิลตระกูล การค้าภายในจังหวัดพิษณุโลก ออกตรวจการระบายข้าวของโรงสี เกษตรไพศาลธัญกิจ จำกัด ที่ตั้งอยู่เลขที่ 77 หมู่ 7 ถ.พิษณุโลก - เด่นชัย ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็น คลังสินค้ากลาง โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2554 /55 ของ องค์การตลาดเพื่อการเกษตร หรือ อตก. โดยการตรวจสอบครั้งนี้เป็นนโยบายเร่งด่วน เพื่อให้การระบายข้าวในสต๊อก โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส ไม่มีการทุจริต เบื้องต้น จากการตรวจสอบสภาพข้าวที่เก็บไว้ในโกดัง ซึ่งเป็นข้าวที่แปรรูป กว่า 4 หมื่นกระสอบ เก็บไว้ที่โกดังมากว่า 2 ปี ด้านการค้าภายในจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวว่า กรมการค้าต่างประเทศได้มาเก็บตัวอย่างข้าวไปตรวจสอบคุณภาพแล้ว และผู้ที่จะซื้อได้มาตรวจสอบแล้วก่อนที่จะประมูลไป ส่วนรอยด่างที่เห็นที่กระสอบข้าวนั้น เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นระหว่างการรมยาฆ่ามอดปกติ