วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กกต.เชียงใหม่สรุปผลการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

กกต.เชียงใหม่สรุปผลการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยในเขตเลือกตั้งที่ 9 มีผู้ออกมาใช้สิทธิมากที่สุด ถึงร้อยละ 77.85 ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 1 มีผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยที่สุด ร้อยละ 49.65

นายสุชาติ ใจภักดี ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้สรุปผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกับจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ระหว่างเวลา 08.00 – 15.00 น. ซึ่งบรรยากาศการเลือกตั้งโดยภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยผลการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไม่เป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 827,808 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในวันดังกล่าวจำนวน 1,224,186 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 67.62 โดยเขตเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด คือ เขตเลือกตั้งที่ 9 พื้นที่ อำเภอแม่วาง จอมทอง ดอยหล่อ กัลยาณิวัฒนา แม่แจ่ม(เฉพาะตำบลแม่นาจร) และ อำเภอสะเมิง (ตำบลยั้งเมิน แม่สาบและบ่อแก้ว) คิดเป็นร้อยละ 77.85 รองลงมาคือเขตเลือกตั้งที่ 7 พื้นที่อำเภอแม่ริม แม่แตง (ยกเว้นตำบลแม่หอพระ) และ อำเภอเมือง (เฉพาะตำบลสันผีเสื้อ) คิดเป็นร้อยละ 76.85 ส่วนเขตเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 พื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะตำบลช้างเผือก แม่เหียะ สุเทพ ศรีภูมิ ช้างม่อย พระสิงห์ ป่าตัน หายยา และ ช้างคลาน) คิดเป็นร้อยละ 49.65

จำนวนบัตรดี แบบแบ่งเขต คิดเป็นร้อยละ 64.08 โดยมีบัตรดีมากที่สุดที่เขตเลือกตั้งที่ 10 คิดเป็นร้อยละ 71.73 ส่วนแบบบัญชีรายชื่อ คิดเป็นร้อยละ 75.38 โดยมีบัตรดีมากที่สุดที่เขตเลือกตั้งที่ 10 เช่นกัน คิดเป็นร้อยละ 81.05

จำนวนบัตรเสีย แบบแบ่งเขต คิดเป็นร้อยละ 15.70 โดยมีบัตรเสียมากที่สุดที่เขตเลือกตั้งที่ 5 คิดเป็นร้อยละ 34.73 ส่วนแบบบัญชีรายชื่อ คิดเป็นร้อยละ 7.58 โดยมีบัตรเสียมากที่สุดที่เขตเลือกตั้งที่ 6 คิดเป็น ร้อยละ 10.93

จำนวนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน แบบแบ่งเขต คิดเป็นร้อยละ 20.22 โดยมีผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนนมากที่สุดที่เขตเลือกตั้งที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 28.82 และเขตเลือกตั้งที่ 4 คิดเป็นร้อยละ 27.01 ส่วนแบบบัญชีรายชื่อ คิดเป็นร้อยละ 17.04 โดยมีผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนนมากที่สุดที่เขตเลือกตั้งที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 23.78

ในส่วนของผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะต้องรอผลการเลือกตั้งล่วงหน้าในหน่วยเลือกตั้งที่ไม่สามารถเปิดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 ได้ ทั้งนี้ กกต.ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 08.00 – 15.00 น. ซึ่งหลังจากนั้นสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัดจะนำผลการเลือกตั้งของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 มารวมกับผลการเลือกตั้งล่วงหน้าใหม่จากนั้นจะประกาศผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการให้ทราบ แล้วจึงสรุปผลส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองเพื่อประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป

ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวย้ำเตือนสำหรับผู้ที่ติดภารกิจจำเป็น หรือเกิดเหตุสุดวิสัยอื่นใดที่ไม่สามารถออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้ ให้ไปแจ้งเหตุที่ไม่สามารถออกไปใช้สิทธิได้ภายในวันนี้ (9 ก.พ.57) ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ ได้แก่ สาเหตุที่เกิดจากการมีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล เจ็บป่วย พิการ ผู้สูงอายุไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ เดินทางออกนอกราชอาณาจักร มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กม. หรือเหตุสุดวิสัยอื่นที่ กกต.กำหนด ส่วนสิทธิ 3 ประการที่จะเสียไปหากไม่ไปแจ้งเหตุแห่งการไม่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งคือ ประกอบด้วย เสียสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. เสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น และ เสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นกำนัน และผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ โดยสิทธิทั้ง 3 ประการจะได้รับกลับคืนเมื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างใดอย่างหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั้งในระดับชาติหรือท้องถิ่น


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

จังหวัดเชียงใหม่จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาเนื่องในสัปดาห์วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันมาฆบูชา ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์นี้

นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เนื่องในวันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ได้เวียนมาบรรจบครบอีกวาระหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ถวายเป็นพุทธบูชาและสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป จังหวัดเชียงใหม่จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน วัด สถานศึกษา และหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมใจกันถือปฏิบัติเป็นพุทธบูชาในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์ 2557 ดังนี้

1. ร่วมกันประดับธงชาติ ธงศาสนา ตามอาคารบ้านเรือน วัด หน่วยงาน สถานศึกษา ห้างร้าน บริษัทและร่วมกันบำเพ็ญกิจกรรมอันเป็นสาธารณกุศลและสาธารณประโยชน์
2. ขอความร่วมมือร้านค้า สถานเริงรมย์ งดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557
3. ขอความร่วมมือสถานศึกษาทุกแห่ง ทุกสังกัด นิมนต์พระภิกษุสงฆ์แสดงปาฐกถาธรรมและจัดกิจกรรมนิทรรศการส่งเสริมศีลธรรม จริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชน
4. เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญตักบาตร ฟังธรรม รักษาศีล ลด ละ เลิกอบายมุขทุกชนิด เจริญสมาธิภาวนา และประกอบพิธีเวียนเทียน ณ วัดใกล้บ้าน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องในวันมาฆบูชา ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์ 2557 ประกอบด้วย การแข่งขันบรรยายธรรมะ กิจกรรมการแข่งขันจัดบอร์ดวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องในวันมาฆบูชา การปฏิบัติธรรมชำระจิตของนักเรียน เนื่องในวันมาฆบูชา จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 100 คน การบรรยายธรรม ถามด้วยรัก ตอบด้วยธรรม กับ ท่าน ว.วชิรเมธี การจัดกิจกรรมปล่อยปลาคืนชีวามัจฉามาฆฤกษ์ การประกวดภาพวาดส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันมาฆบูชา และพิธีเวียนเทียนของวัดทุกวัดในจังหวัดเชียงใหม่


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานแสดงนิทรรศการและการประกวดไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ปี 2557

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานแสดงนิทรรศการและการประกวดไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ปี 2557 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เพื่อส่งเสริมการปลูกไม้ดอกไม้ประดับให้เป็นอาชีพที่มั่นคงของเกษตรกร และส่งเสริมการท่องเที่ยว อีกทั้งให้ประชาชนชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ ได้เที่ยวชมความงดงามของงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งประกอบด้วยขบวนรถบุปผาชาติ ไม้ดอกไม้ประดับ และสวนหย่อมที่จัดไว้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นการรักษาประเพณีอันดีงาม ของชาวจังหวัดเชียงใหม่

วันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2557) เวลา 18.20 น. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานแสดงนิทรรศการและการประกวดไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ปี 2557 ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2557 ขึ้น ในระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ และมอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ สถาบันการศึกษา องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนชมรมผู้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการจัดนิทรรศการและการประกวด ไม้ดอกไม้ประดับ สวนหย่อม สวนโชว์ ซุ้มถ่ายภาพ ประเภทต่างๆ
นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน การจัดงานแสดงนิทรรศการและการประกวดไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ปี 2557 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2557

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการปลูกไม้ดอกไม้ประดับให้เป็นอาชีพที่มั่นคงของเกษตรกร และส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งให้ประชาชนชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ ได้เที่ยวชมความงดงามของงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งประกอบด้วยขบวนรถบุปผาชาติ ไม้ดอกไม้ประดับ และสวนหย่อมที่จัดไว้ อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นการรักษาประเพณีอันดีงาม ของชาวจังหวัดเชียงใหม่ให้สืบทอดต่อไป นอกจากนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัด ยังได้จัดกิจกรรม ออกร้านจำหน่าย พันธุ์ไม้ดอกและไม้ประดับจากเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงโดยตรงมาจำหน่ายให้แก่ผู้เที่ยวชมงาน ในราคายุติธรรม เป็นการสร้างรายได้ แก่เกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วยการจัดงานครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ ตลอดจนได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และกลุ่มผู้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่


ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/อนันต์ ชุ่มใจ

กกต.น่าน แจ้งการคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง

นายจรูญ จันอินทร์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดน่าน แจ้งว่า การเลือกตั้ง ส.ส. มีความสำคัญต่อคนไทยทุกคนที่ต้องไปทำหน้าที่ เพื่อมอบอำนาจอธิปไตยของเราโดยการเลือกผู้แทนไปทำหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์และดูแลทุกข์สุขของประชาชน รวมทั้งบริหารงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ ของประเทศชาติ ดังนั้น การเลือกตั้งผู้แทนที่เป็น "คนดี มีความสามารถ” มีความซื่อสัตย์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนให้เข้าไปทำงานเพื่อบ้านเมืองเรา จะทำให้สามารถใช้ทรัพยากรและงบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่มาจากภาษีของประชาชนไปพัฒนาประเทศชาติได้อย่างเต็มที่

ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดน่าน แจ้งต่อว่า ตามที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งใด เขตเลือกตั้งหนึ่ง มีสิทธิยื่นคัดค้าน กรณีเห็นว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น เป็นไปโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถคัดค้านได้ ก่อนวันประกาศผลการเลือกตั้ง หรือภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง และเห็นว่าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ใช้จ่ายเงินในการหาเสียงเกินจำนวนที่ กกต.กำหนด สามารถคัดค้านได้ ภายใน 180 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง และกรณี ผู้สมัครไม่ยื่นบัญชีรายรับรายจ่ายในการเลือกตั้ง สามารถคัดค้านได้ ภายใน 90 วันหลังจากการเลือกตั้ง ผู้ที่จะคัดค้าน สามารถแจ้งได้ทางสายด่วนเลือกตั้ง โทร.1171 หรือที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดน่านา โทรศัพท์ 0-5460-0000 ต่อ 21 ในวันและเวลาราชการ



พวงพยอม  คำมุง

คาดหมายลักษณะอากาศภาคเหนืออากาศจะหนาวเย็นอีกครั้ง

กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดหมายลักษณะอากาศจะมีอากาศหนาวเย็นอีกในช่วงสัปดาห์หน้า โดยในระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2557 ลมตะวันตกเฉียงเหนือในระดับบนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางตอนบน มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า

และในระหว่างวันที่ 10-13 กุมภาพันธ์ 2557 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า
ดังนั้น จังหวัดน่านจึงมีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดเช้าวันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2557) วัดได้ 12.7 องศาเซลเซียส ที่สถานีอุตุนิยมวิทยาน่าน อำเภอเมือง และที่สถานีตรวจอากาศ อำเภอทุ่งช้าง อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 10.7 องศาเซลเซียส

ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก และดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงไว้ด้วย


นิสารัชต์ นิลสว่าง / ข่าว

มหาวิทยาลัยพะเยา อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นจัดโครงการถวายข้าวทิพย์พระเจ้าตนหลวง ประจำปี 2557

มหาวิทยาลัยพะเยา อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นจัดโครงการถวายข้าวทิพย์พระเจ้าตนหลวง ประจำปี 2557 ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ ณ ท่าเรือวัดติโลกอารามและวัดศรีโคมคำ

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา กล่าวว่า มหาวิทยาลัยพะเยา เป็นสถาบันการศึกษาที่ได้ดำเนินภารกิจต่างๆมาอย่างต่อเนื่องในการผลิตบัณฑิต ผลิตความรู้งานวิจัย บริการวิชาการแก่ชุมชน อีกทั้งทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นประโยชน์ให้สังคมส่วนรวมและได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้ จึงเห็นสมควรจัดโครงการถวายข้าวทิพย์พระเจ้าตนหลวง ประจำปี 2557 ในวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป ณ ท่าเรือวัดติโลกอาราม - วัดศรีโคมคำ เพื่อส่งเสริมให้นิสิตมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและได้รับความรู้ในศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น อีกทั้งทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้ดำรงอยู่ต่อไป รวมถึงอาจารย์ บุคลากร และนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา ได้มีโอกาสสัมผัสกับประเพณีถวายข้าวทิพย์ ตลอดจนประชาชนในท้องถิ่นตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ ก็จะได้เห็นความสวยงามของขบวนแห่บาตรหลวงในกว๊านพะเยาจากงานดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ด้านนายนริศ ศรีสว่าง ผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2550 และทำต่อเนื่องมาเป็นประจำเกือบทุกปี โดยใช้ชื่อตามลักษณะกิจกรรมที่จัดขึ้น เช่น โครงการตานข้าวใหม่ใส่บาตรหลวง ซึ่งสร้างสรรค์มาจากประเพณีตานข้าวใหม่ที่มีอยู่ในท้องถิ่น และโครงการถวายข้าวมธุปายาส หรือข้าวทิพย์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนจะจัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในโอกาสวันสำคัญทางศาสนา สำหรับกิจกรรมของมหาวิทยาลัยพะเยาได้มีการเชื่อมโยง “กว๊านพะเยา” กับ “พระเจ้าตนหลวง” ซึ่งประดิษฐาน ณ วัดศรีโคมคำ ริมกว๊านพะเยา เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพะเยามากว่า 500 ปี โดยอาจารย์ วิถี พานิชพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิของโครงการจัดตั้งศูนย์ศิลปวัฒนธรรมล้านนา(ไต) มหาวิทยาลัยพะเยา เป็นผู้คิดริเริ่มกิจกรรมนี้ที่สร้างสรรค์ผสมผสานระหว่างกว๊านพะเยา พระเจ้าตนหลวง และประเพณีตานข้าวใหม่ หรือถวายข้าวทิพย์

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวนิสิตจะได้นั่งเรือแจวโบราณสัมผัสบรรยากาศยามเช้าที่สวยงามของกว๊านพะเยา ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร นำข้าวใหม่ หรือข้าวทิพย์ที่ใส่ในบาตรหลวง พร้อมเครื่องสักการะไปประกอบพิธีถวายพระเจ้าตนหลวง นับเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่มหาวิทยาลัยพะเยาจัดขึ้น เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ถึงความสำคัญ และร่วมกันอนุรักษ์ สืบสาน ประเพณีที่สำคัญนี้



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

เรือนจำจังหวัดพะเยา จัด 2 โครงการสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมให้แก่ผู้ต้องขังหวังลดการกระทำผิดซ้ำ

เรือนจำจังหวัดพะเยา จัด 2 โครงการสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมให้แก่ผู้ต้องขังหวังลดการกระทำผิดซ้ำ และพิธีปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษเฉลิมพระเกียรติ

วันนี้ (7 ก.พ.57) นายวันชัย พานิชกิจกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพะเยา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการราชทัณฑ์เชิงสมานฉันท์ โครงการโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขัง ประจำปี 2557 และพิธีปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 และ 12 สิงหาคม 2556 ณ เรือนจำจังหวัดพะเยา เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมให้แก่ผู้ต้องขัง โดยนายไพฑูรย์ อำพัน ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพะเยา กล่าวว่า โครงการราชทัณฑ์เชิงสมานฉันท์นั้น ถือเป็นมิติใหม่ของการนำเข้ามาเสริมกระบวนการยุติธรรมแบบดั้งเดิม ซึ่งกระบวนการแบบเดิมจะเน้นผู้กระทำผิดมาลงโทษเพื่อทดแทนความผิด แต่ขณะเดียวกันสังคมไม่ได้รับการชดเชยหรือเยียวยาแต่อย่างใด แต่กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ จะเน้นให้ผู้กระทำผิดได้เกิดความสำนึกผิด มีจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไป ด้วยการยอมรับผิดพร้อมกลับตัวกลับใจ และในขณะเดียวกันผู้เสียหายหรือสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเยียวยาความเสียหายและให้อภัยต่อการกระทำผิด เพื่อให้ผู้กระทำผิดกลับสู่สังคมได้อย่างปกติ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการกระทำผิดซ้ำลดลง โดยเรือนจำจังหวัดพะเยาได้แบ่งโครงการออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.ระหว่างผู้ต้องขังกับสังคม 2.ระหว่างผู้ต้องขังกับครอบครัว และ3.ระหว่างผู้ต้องขังกับผู้ต้องขัง โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นทั้งผู้ต้องขังชายและผู้ต้องขังหญิงรวมจำนวน 90 คน

บัญชาการเรือนจำจังหวัดพะเยา ยังกล่าวด้วยว่า ทางกรมราชทัณฑ์ยังได้คิดค้นและพัฒนาโครงการโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังด้านต่างๆที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำผิด คือ 1.โปรแกรมการสร้างความเข้มแข็งทางใจ 2.โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังที่กระทำความผิดอันเนื่องมาจากการดื่มสุรา และ3.โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังที่กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
ทั้งนี้ มติคณะกรรมการพักการลงโทษของกรมราชทัณฑ์ ครั้งที่ 3/2557 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 มีมติเห็นชอบให้พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 และ 12 สิงหาคม 2556 ให้กับนักโทษเด็ดขาดเรือนจำจังหวัดพะเยา จำนวน 22 ราย



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

จังหวัดทหารบกพะเยาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันไฟป่า และหมอกควันในพื้นที่เสี่ยงพะเยา

เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.57) ที่บริเวณบ้านแสงไทร หมู่ 9 ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา จังหวัดทหารบกพะเยาร่วมกับหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดพะเยา จัดกิจกรรมการรณรงค์ป้องกันและควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดพะเยาขึ้น โดยมีนายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานในพิธีพร้อมนำข้าราชการ ทหารและประชาชนกว่า 600 คน ทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยงเพื่อเป็นการ KIK OFF ปฏิบัติการป้องกันและรณรงค์การควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่พร้อมกันนี้ทางหน่วยได้มีการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อให้บริการตรวจสุขภาพให้กับราษฎรในพื้นที่ด้วย

นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าถึงแม้จะยังไม่เกิดสถานการณ์ขึ้นในพื้นที่แต่เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมการวางแผนรับมือ รวมถึงจัดกิจกรรม KIK OFF เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนการเกิดตื่นตัวในการป้องกันและแก้ไขปัญหา


ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

กกต. ย้ำหากปมจัดการเลือกตั้งหากไม่จบอาจให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยว่า การเลือกตั้งที่ยังไม่เสร็จสิ้นและยังมีปัญหา มีความซับซ้อนอยู่ และทาง กกต. ต้องดำเนินการ หากตัดสินใจไม่ดีอาจถูกฟ้องร้องได้ ดังนั้น กกต. จึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบที่สุด เพื่อหามุมมองด้านกฎหมาย ทั้งการเลือกตั้งล่วงหน้า รวมถึง 28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัคร 16 เขตที่มีผู้สมัครรายเดียว และกรณี 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยังมีหมื่นกว่าหน่วยเลือกตั้งจัดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะหากยังหาข้อกฎหมายไม่ได้ ต้องหาองค์กรที่สามารถชี้ให้ชัดเจน ซึ่งอาจจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ 

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงการพยายามระบายข้าวของรัฐบาล

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงเกี่ยวกับเรื่องโครงการรับจำนำข้าว เรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับการระบายข้าว ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ระบายข้าวไปแล้วประมาณ 1 ล้านตัน ขายให้กับภาคเอกชนที่มีสัญญาส่งข้าวไปต่างประเทศ 860,000 ตัน และมีการขายตลาดล่วงหน้าไปอีก 110,000 ตัน รวมเบ็ดเสร็จประมาณ 970,000 ตัน จากการรายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะมีการระบายข้าวเพิ่มเติม จากปกติโดยได้มีการประมูลทั่วไปให้กับพ่อค้าข้าวในการซื้อข้าวไปขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมีการดำเนินการเดือนละ 2 ครั้ง ประมาณครั้งละ 2 แสนตัน ซึ่งในเดือนนี้ รัฐบาลก็ทำเช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้ เนื่องจากได้มีข้อแนะนำจากนักวิชาการ นักการเมืองหลายๆ คน เห็นว่าควรจะมีการระบายข้าวให้มากขึ้น ถ้าระบายข้าวได้หมดทั้งโกดังหรือทั้งสต๊อกได้ยิ่งดี ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการอยู่และจะดำเนินการเป็นขั้นตอน ซึ่งในครั้งนี้ จะมีการระบายข้าวที่ระบบปลีก ประมาณ 4 แสนตัน ถ้าได้รับการตอบรับที่ดีตามข้อแนะนำ รัฐบาลก็สามารถระบายข้าวได้เรื่อย ๆ และจำนวนจะได้มากกว่านี้อีก แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเคยทำมา 2 แสนตัน ครั้งนี้เราขอเป็น 4 แสนตัน และถ้ามีผู้สนใจมาซื้อเป็นจำนวนมาก อาทิตย์ต่อไปเราก็ระบายได้มากขึ้นอีก ดังนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการระบายข้าว รองนายกรัฐมนตรีกล่าวในที่สุด



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

ตำรวจภูธรเมืองแพร่จับกุมแก๊งชำแหละรถจักรยานยนต์ โดยถอดชิ้นส่วนทิ้งลงในแม่น้ำ

ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองแพร่จับกุมแก๊งชำแหละรถจักรยานยนต์ โดยถอดชิ้นส่วนทิ้งลงในแม่น้ำ มีเยาวชนอายุ 14 และ 16  ปี ร่วมขบวนการด้วย

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 ตำรวจภูธรเมืองแพร่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ถูกทิ้งในถังขยะในหมู่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลหนองม่วงไข่ อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ คาดว่าน่าจะเป็นรถที่ถูกขโมยมาถอดชิ้นส่วน ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัย 3 คน ในหมู่บ้านที่มีพฤติกรรมชอบถอดชิ้นส่วนอะไหล่รถเพื่อตกแต่ง
ทาง  พ.ต.อ. ทรงกริช ออนตะไคร้ ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองแพร่จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.ท. วิชา กันทาสุข รองผู้กำกับสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบพื้นที่ โดยได้สอบถามนายศุภกิตต์ หรือเบล ไข่ทา อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองม่วงไข่ อำเภอหนองม่วงไข่ ที่มีร้านซ่อมและดัดแปลงรถจักรยานยนต์ แต่พบพิรุจน่าสงสัยว่าจะมีส่วนร่วมในการถอดอะไหล่รถไปทิ้งถังขยะ และตรวจสอบภายในสวนของนายเบล พบเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ฮอนด้าซุกซ่อนอยู่ จากการตรวจสอบเป็นเครื่องยนต์รถที่ถูกขโมยจากสนามกีฬา ตำบลทุ่งโฮ้ง อำเภอเมือง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองแพร่ โดยมีวัยรุ่นอายุ 14 ปี และ 16 ปี มาร่วมถอดชิ้นส่วนแล้วประกอบใส่อีกคันหนึ่งเพื่อเป็นการอำพราง และสารภาพว่าได้ขโมยรถจักรยานยนต์อีกคันจากห้างสรรพสินค้ามาร์คโฟ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2557 และได้ถอดสับเปลี่ยนชิ้นส่วนใส่คันอื่น และบางส่วนได้นำไปทิ้งลงในแม่น้ำแม่คำมีบริเวณสะพานห้วยแม่คำมี เจ้าหน้าที่จึงได้พากันงมขึ้นมา และควบคุมตัวนายศุภกิตต์  ไข่ทากับเยาวชนอายุ 14 ปี และ 16 ปี ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

สลดใจหนุ่มใหญ่ชาวนาอำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ สูบน้ำเข้านาถูกเพลาเครื่องสูบดึงเสื้อพันติดจนเสียชีวิต

สลดใจหนุ่มใหญ่ชาวนาอำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ สูบน้ำเข้านา ถูกเพลาเครื่องสูบดึงเสื้อพันร่างติดจนเสียชีวิตคาเครื่องสูบน้ำ

เหตุเกิดที่บริเวณริมคลองน้ำแม่ยางหลวง บ้านปากยาง หมู่ 4 ตำบลหนองม่วงไข่ อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ทาง พ.ต.ท. สาคร เชี่ยวชาญ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.หนองม่วงไข่ พร้อมด้วยแพทย์เวร ได้ทางไปชันสูตรศพไหวศักดิ์ สุกิน อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 22 หมู่ 1 ตำบลหนองม่วงไข่ อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ซึ่งร่างติดกับเพลาเครื่องยนต์สูบน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ใช้สูบน้ำของเทศบาลตำบลหนองม่วงไข่ที่ติดตั้งให้ชาวนาใช้ร่วมกัน โดยผู้ตายสวมรองเท้าบูธ กางเกงยีนส์ เสื้อลายพรางทหารซึ่งถูกพันติดกับเพลาดึงร่างเข้าไปงอติดแน่นเสียชีวิตอย่างน่าอนาจ

สาเหตุคาดว่าผู้ตายซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้มาทำการสูบน้ำและคงจะก้มดูเพลงเครื่องสูบแต่เนื่องจากเสื้อแขนยาวที่สวมนั้นมีชายเสื้อเข้าไปพันกับเพลาซึ่งมีความแรงสูงดึงร่างเข้าไปพันติดจนเสียชีวิต จนกระทั่งมีผู้มาพบและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบและมานำศพไปมอบแก่ญาติไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ติดตามการลักลอบตัดไม้และกานไม้ตายยืนต้น ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสาละวิน

วันที่ 6 ก.พ.57 เวลา 12.00 น. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางติดตามการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสาละวิน ล่องแพตามลำน้ำสาละวิน และการลักลอบกานต้นไม้ตายยืนต้น ก่อนที่ที่จะตัดส่งขาย การแผ้วถางป่า และติดตามการเตรียมการแก้ไข ป้องกันไฟป่า ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน มี นายดุลยวิชญ์ รัตนภาค ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง นายยุทธนา ศรีเงินงาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสาละวิน ร่วมให้ข้อมูล การดำเนินงาน ตลอดถึงปัญหาอุปสรรค ที่ ศาลาริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยสรุปข้อมูลว่าในการป้องกัน ได้มีการตั้งจุดตรวจเฝ้าระวังตามลำน้ำสาละวินเพิ่มขึ้น และออกลาดตระเวนอย่างเข้มงวด ร่วมมือกับเพื่อนบ้านในการดูแลป้องกันการลักลอบตัดไม้ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จากนั้นคณะได้นั่งเรือตรวจสภาพป่าริมฝั่งแม่น้ำสาละวินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่นั้น การลักลอบตัดไม้สถานการณ์ควบคุมได้ ไม้ส่วนใหญ่มาจากฝั่งเพื่อนบ้านและบ้านเราก็มีบ้าง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติสาละวิน มาตรการป้องกันได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวน ร่วมมือกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ในการหาข่าว กลุ่มลักลอบตัดไม้ทำลายป่า พร้อมกันนี้ได้หารือกับทางอธิบดีกรมป่าไม้แล้ว ในการสำรวจเตรียมที่จะประกาศเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยจะเร่งทำความเข้าใจ ให้ความรู้ กับชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และจะนำโครงการพระราชดำริเข้ามาดำเนินการในการยกระดับความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้ดีขึ้น



ข่าวโดย : นวรัตน์ ศรีแก้วเลิศ

คณะอนุกรรมการติดตามนโยบาย ด้านความมั่นคง ลงพื้นที่ติดตามสภาพปัญหา ข้อขัดข้อง การปกป้องและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของหน่วยงานในพื้นที่สาละวิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เช้าวันนี้ 7 ก.พ 57 คณะฯ นายประสงค์ นุรักษ์ คณะอนุกรรมการติดตามนโยบายด้านความมั่นคง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการทหาร วุฒิสภา ได้เดินทางเข้าพื้นที่ริมน้ำสาละวินชายแดน บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ภายหลังได้มีการรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการป้องกันและ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติสาละวิน การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อติดตามสภาพปัญหา ข้อขัดข้อง และ ข้อเสนอแนะในการทำงานของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ฝ่ายทหาร เกี่ยวกับการปกป้อง การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การตัดไม้ทำลายป่า ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติสาละวิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมี นายดุลยวิชญ์ รัตนภาค ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง นายยุทธนา ศรีเงินงาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสาละวิน นายจิรศักดิ์ ทิพยวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสาละวิน นายราเชนท์ ภูมมะภูติ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน ตัวแทนจาก ฝ่ายทหาร และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ร่วมกันสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค ที่ผ่านมา

ด้าน นายดุลยวิชญ์ รัตนภาค ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางหน่วยงานกรมป่าไม้ และ กรมอุทยานฯ ทหาร ตำรวจ ปกครอง ในพื้นที่ได้มีการประสานความร่วมมือกันในการตรวจลาดตระเวนโดยการเพิ่มความ ถี่ในการตรวจทั้งทางบก ทางน้ำ และ ทางอากาศ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการประสานความร่วมมือกับ ตัวแทนฝ่ายทหารและด้านป่าไม้ ของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ด้านตรงข้ามฝั่งไทยตามลำน้ำสาละวิน เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการป้องกันการลักลอบตัดไม้สักล่องแพตามลำน้ำสาละวิ นในยามค่ำคืน

นายประสงค์ นุรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางมาของคณะฯ ในวันนี้เพื่อติดตามและรวบรวมข้อมูลความร่วมมือของการทำงานฝ่ายทหารใน พื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ในบทบาทและหน้าที่ การมีส่วนร่วม หรือการสนับสนุนในด้านของการปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในการลงพื้นที่ครั้งนี้ทางคณะฯ ได้รับทราบปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ปัญหาการใช้ลำน้ำสาละวิน ปัญหายาเสพติด ปัญหาชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้ทางคณะฯ จะทำการสรุปและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลในโอกาสต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ



ข่าวโดย : นวรัตน์ ศรีแก้วเลิศ

จังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดงานฤดูหนาวและงานรื่นเริง ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 6 – 15 ก.พ. 57

วันที่ 6 ก.พ. 57 เวลา 18.00 น. ที่บริเวณถนนนาวาคชสาร นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดงานฤดูหนาวและงานรื่นเริง ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 6 – 15 ก.พ. 57 ซึ่งการจัดงานฤดูหนาวและงานรื่นเริง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมด้านพัฒนาการเกษตร และหัตถกรรมแก่ประชาชน อีกทั้งเพื่อให้ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีโอกาสพักผ่อน และสนุกสนาน รื่นเริง หลังจาก เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งปี ตลอดจนจัดหารายได้ให้แก่เหล่ากาชาดจังหวัด สำหรับเป็นทุนนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณกุศล ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาขาดแคลน ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ในงานมีการ การแสดงผลงาน นิทรรศการของหน่วยงานทุกภาคส่วน การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน จากทุกอำเภอ การออกร้านมัจฉากาชาด การประกวดธิดาชนเผ่า การเดินแฟชั่นโชว์การกุศลโดยนายแบบนางแบบกิตติมศักดิ์ การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง พร้อมหางเครื่อง วงสตริงเยาวชน การจำหน่ายสินค้า OTOP การแข่งขันชกมวยหญิง มวยไทย-พม่า การแข่งขันกีฬาชนเผ่า การแสดงของศิลปินชื่อดังและมหรสพต่างๆ มากมาย


ข่าวโดย : พักตร์ภูมิ ปัญญาไชยพัฒน์

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมจัดโครงการรณรงค์ไม่เผาป่า รักธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ ที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควัน

เช้าวันนี้ (7 กพ. 2557)  นายสุทธา สายวาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ไม่เผาป่า รักธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ ที่หอประชุมอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่ 8 เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจโดยรวม อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกัน แก้ไข โดยไม่เผาป่า และวัสดุทางการเกษตร โดยมีข้าราชการหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ นักเรียน และประชาชน จำนวนกว่า 700 คน ร่วมงาน
จากนั้นขบวนรถรณรงค์ออกจากหน้าที่ว่าการอำเภอขุนยวม ผ่านไปยังชุมชนต่างๆในอำเภอขุนยวม นอกจากนั้นมีการวงดนตรีของเจ้าหน้าที่ป่าไม้จากจังหวัดมุกดาหาร การนิทรรศการป้องกันไฟป่า และการสาธิตการดับไฟป่า

จังหวัดแม่ฮ่องสอนกำหนดควบคุมการเผา ในช่วง 63 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2557 และกำหนดวันชิงเผา ระหว่างวันที่ 17 มกราคม ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 โดยแบ่งพื้นที่การเผา เพื่อไม่ให้ปริมาณหมอกควันเกินค่ามาตรฐาน
ขบวนรถรณรงค์ไม่เผาป่า รักธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ เดินทางไปยัง จังหวัดตาก เพื่อจัดโครงการเดียวกัน เป็นจังหวัดที่ 9 ในวันที่ 10 กุมภาพันธุ์ 2557


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว ข่าว / เอกณรินทร์ ใจมะโน ภาพ

ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน บ้านหนองป่าก่อ จัดการอบรมเกษตรตามโครงการพัฒนาการเกษตรตามแนวทางเกษตรทฤษฏีใหม่ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

เมื่อวานนี้( 6 กุมภาพันธ์ 2557)  นายสมชัย แซ่ตั้น ประธานศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านอำเภอขุนยวม เป็นประธานจัดการอบรมเกษตรตามโครงการพัฒนาการเกษตรตามแนวทางเกษตรทฤษฏีใหม่ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ระหว่างวันที่ 6-9 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน บ้านหนองป่าก่อ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีการอบรมด้านเกษตร การทำปุ๋ยหมักมูลสัตว์ / การทำปุ๋ยชีวภาพ / สารไล่แมลง / การปลูกพืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน ด้านสุขภาพ การรับประทานสมุนไพรปรับสมดุลร่างกายเพื่อบำบัดรักษาอาการป่วยเรื้อรังเช่น ความดันโลหิตสูง /เบาหวาน/ เก๊าต์/ปวดเมื่อย/อ่อนแรง /การกัวซาขูดพิษออกจากร่างกายบำบัดโรค /การแช่มือเท้าด้วยน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพการพอก การทา การหยอด การเอาพิษออกจากร่างกายบำบัดโรคการนวดกดจุดลมปราณ โยคะปรับสมดุลร่างกาย /การแปรรูปสมุนไพรเพื่อการดูแลสุขภาพและสร้างรายได้เสริมในครัวเรือน ด้านวิถีพอเพียงการทำบัญชีการประกอบอาชีพ บัญชีครัวเรือน / การลดรายจ่ายในครัวเรือน/ การทำน้ำยาล้างจาน / การทำน้ำยาซักผ้า /การทำน้ำเต้าหู้ก้อนและการเพาะถั่วงอก

ผู้สนใจสมัครเข้าอบรมได้ที่ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน บ้านหนองป่าก่อ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 086-9128611หรือ 083- 860 0404


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามโครงการป่าสักนวมินทรราชินีแม่ฮ่องสอน

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 10.30 น.นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามงานโครงการป่าสักนวมินทรราชินี เมื่อถึงบริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่วัดป่าถ้ำวัว ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ได้ต้อนรับและนำคณะไปยังพื้นที่โครงการศูนย์วิจัยป่าสักนวมินทรราชินี ตำบลห้วยผา โดยรับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของหน่วยงานความก้าวหน้าของโครงการปลูกป่า จากนั้นได้ลงแพยางล่องลำน้ำของ เพื่อดูความสมบูรณ์ของต้นไม้สักที่อยู่ฝั่งแม่น้ำ

นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกระทรวงได้มีนโยบายขั้นเด็ดขาดกับผู้กระทำผิดที่บุกรุกและตัดไม้ทำลายป่า โดยจะใช้นโยบายทุกมิติของการทำงาน เริ่มต้นจะสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน มีการเพิ่มเงินเดือน การประกันชีวิตหมู่ ดูแลคุณภาพชีวิต แจกชุดปฏิบัติงานให้ทั่วถึง นอกจากนั้นจะมีการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และที่สำคัญจะมีการเพิ่มกำลังดูแลป่าและจัดหากล้องซีซีทีวีเพิ่มมากขึ้นและจะมีการใช้อากาศยานไร้คนขับเข้ามาช่วยทำงาน ซึ่งจะสามารถปฏิบัติงานในพื้นที่บุกรุป่าทั้งกลางวันกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ.


ข่าวโดย : สมาน ต้นใส /สวศ.แม่ฮ่องสอน

วงดนตรีโรงเรียนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน คว้ารางวัลชนะเลิศ การประกวดวงดนตรี ในโครงการ ดนตรี กีฬา พาพี่น้องห่างไกลเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานศึกษา ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วครั้งที่ 1

เมื่อวานนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2557)  นายยุทธชัย ปานศรี ประธานคณะกรรมการ วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดโครงการ ดนตรี กีฬา พาพี่น้องห่างไกลเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานศึกษา ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วครั้งที่ 1 ที่หอประชุมวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยความร่วมมือระหว่าง วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน เครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อรณรงค์ป้องกันไม่ให้ นักเรียน นักศึกษา ข้องเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หันมาสนใจด้านดนตรี และกีฬามากยิ่งขึ้น

ซึ่งผลการแข่งขันมีดังนี้ รางวัลชนะเลิศได้แก่ วงบุปผา โรงเรียนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน รับถ้วยรางวัล และทุนการศึกษาจำนวน 4,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศ ได้แก่ วงบราวนี่ จากโรงเรียนห้องสอนศึกษา และวงน้องลำยอง จากวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน รับถ้วยรางวัล และทุนการศึกษาจำนวน 3,000 บาท 2,000 บาท ตามลำดับ และรางวัลชมเชย ได้แก่ วงเดอะบัดดี้ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ วงกล้วยไข่ โรงเรียนห้องสอนศึกษา และวงมดตะนอย โรงเรียน เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน



ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน

ศูนย์มะเร็งลำปาง ร่วมกับ หน่วยงานด้านสาธารณสุข จัดงานมหกรรมสุขภาพต้านภัยโรคมะเร็ง เนื่องในวันมะเร็งโลก

โรงพยาบาลศูนย์มะเร็งลำปาง ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง และองค์กรเครือข่ายด้านสุขภาพในพื้นที่จังหวัดลำปาง จัดงานมหกรรมสุขภาพ ชาวลำปางต้านภัยมะเร็ง เนื่องในวันมะเร็งโลก( World Cancer Day 2014) ที่ บริเวณสวนสาธารณะเขลางค์นคร ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มี นพ.สมเกียรติ ลิลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์มะเร็งลำปาง เป็นประธานเปิดโครงการ โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จากชุมชนต่างๆ ในเขตเทศบาลนครลำปาง เยาวชนเด็กนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป รวมกว่า 500 คน เข้าทำกิจกรรมร่วมกัน

งานมหกรรมสุขภาพ ชาวลำปางต้านภัยมะเร็ง ได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้รู้เท่าทันเกี่ยวกับโรคมะเร็ง และเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักให้ประชาชนได้เกิดการตื่นตัว พร้อมที่จะหันมาดูแลรักษาสุขภาพตนเองให้ปลอดภัยห่างไกลจากโรคมะเร็ง ตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างภาคีเครือข่าย ในการรณรงค์ป้องกันเฝ้าระวังการก่อเกิดโรคมะเร็งในชุมชนท้องถิ่น โดยภายในงานได้จัดกิจกรรมต่างๆ มากมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดนิทรรศการความรู้เรื่องโรคมะเร็ง กิจกรรมเข้าฐานเรียนรู้โรคมะเร็ง และการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ทั้งในเรื่องสาเหตุของการเกิดโรค การป้องกันโรค การควบคุมโรค และให้ความรู้เรื่องสุขภาพในด้านต่างๆ โดยมีทีมวิทยากรจากหน่วยงานองค์กรภาครัฐ มาร่วมกันบรรยายให้ความรู้ ประกอบด้วย วิทยากรจาก ศูนย์ความปลอดภัยแรงงานพื้นที่ 3, สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง, โรงพยาบาลลำปาง, วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง และกองสาธารณสุขเทศบาลนครลำปาง นอกจากนี้ได้มีการจัดกิจกรรมนันทนาการต่างๆ พร้อมกับให้บริการวัดความดันโลหิต วัดดัชนีมวลกาย สาธิตอาหารต้านมะเร็ง รวมทั้งการจำหน่ายผักปลอดสารพิษจากชุมชน ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขภาพ ให้มีความถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งจะสามารถลดอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งของประชาชนลงได้

สำหรับจังหวัดลำปาง เป็นจังหวัดที่มีอุบัติการณ์ อัตราการเกิดโรคมะเร็งต่อประชากร 1 แสนคน มากที่สุด โดยจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดลำปาง พบผู้ป่วยโรคมะเร็งมากที่สุดในเพศชาย ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป และพบมากเป็นอันดับหนึ่งคือ โรคมะเร็งปอด รองลงมาเป็นมะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศหญิง 3 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

กฟผ.แม่เมาะ จัดพิธีเปิดตัวโครงการ นำร่องเปลี่ยนโคมไฟถนนชนิด LED เหมืองแม่เมาะ

(7 ก.พ.57) ช่วงเย็นวานนี้ นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดตัวโครงการนำร่องเปลี่ยนโคมไฟถนนชนิด LED เหมืองแม่เมาะ มี นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กรรมการ กฟผ. ผู้บริหารจังหวัดลำปาง ผู้บริหารบริษัทฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ เข้าร่วมงาน นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวถึง การดำเนินงานด้านประหยัดพลังงานว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา กฟผ.ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเกิดจิตสำนึกในคุณค่าของพลังงาน และร่วมมือกันใช้อย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน

ในปี 2557 นี้ กฟผ.แม่เมาะ ได้มุ่งเน้นจัดทำ “โครงการส่งเสริมการใช้อุปกรณ์แสงสว่าง LED” เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงในระบบแสงสว่าง โดยเริ่มดำเนินการพัฒนาและติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 นำร่องในหลอดไฟฟ้า LED ทุกชนิด พร้อมกับดำเนินการเปลี่ยนโคมไฟถนนชนิด LED แทนหลอด เดิม รวม 4,266 โคม เป็นตัวอย่างนำร่องภายในสถานที่ของ กฟผ. รวม 8 แห่ง ประกอบด้วย เขื่อมภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนศรีนครรินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนรัชชประภา โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ สำนักงานกลาง กฟผ. และเหมืองแม่เมาะ เพื่อใช้เป้นกรณีศึกษาด้านการประหยัดพลังงาน โดย สามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ประมาณ 3.6 ล้านหน่วยต่อปี ประหยัดเงินค่าไฟฟ้าได้ปีละ 10.8 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 1,860 ตันต่อปี



ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์

รองนายก อบจ.กระบี่มอบรถจักรยานยนต์ช่วยเหลือเด็กชายเนื้องอกบนใบหน้าที่จังหวัดลำปาง

เช้าวันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2557)  นายฤทธิพงษ์ เตชะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้รับมอบมอเตอร่ไซด์ จำนวน 1 คัน จาก นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ พร้อมคณะเพื่อมอบต่อให้กับ เด็กชาย วสุ กิมสุวรรณ หรือน้องเอิร์ท อายุ 15 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคเนื้องอกที่ใบหน้า ทำให้ดวงตาด้านขวาปิด และต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง น้องเอิร์ทเป็นเด็กที่มีความถนัดด้านอิเล็กทรอนิกส์และการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี ตู้เย็น ดีวีดี พัดลมและโทรศัพท์มือถือ และต้องการมอร์เตอร์ไซด์เพื่อเป็นพาหนะเดินทางในการประกอบอาชีพ หาเงินเพื่อให้ตนเองและพ่อได้ใช้กิน น้องเอิร์ทอาศัยอยู่กับบิดา คือ นายวิสุทธิ์ กิมสุวรรณ อายุ 62 ปี อาศัยอยู่บ้านเช่าเลขที่ 400 หมู่บ้านมงคลกาญจน์ ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มารดาเสียชีวิตตั้งแต่น้องเอิร์ทอายุได้ 7 เดือน
นายวิสุทธิ์ บิดาของน้องเอิร์ท เล่าว่า ตอนเด็กพาลูกเข้าโรงเรียนแต่ถูกเพื่อล้อและแกล้งจนไม่สามารถไปโรงเรียนได้ จึงจบแค่ชั้น ป.1 แต่น้องเอิร์ทก็ยังไม่ทิ้งความพยายาม ศึกษาค้นคว้าข้อมูลด้านอิเล็กทรอนิกส์จากร้านอินเทอร์เน็ต และตนเองก็ได้สอนเรื่องการระบบไฟฟ้าและการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าบ้าง ซึ่งเป็นอาชีพที่ตนเคยทำมาก่อน

ในการมอบมอเตอร์ไซด์ครั้งนี้ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ พร้อมคณะเดินทางมามอบ ผ่านทางจังหวัดลำปาง โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางรับมอบ และมอบต่อให้กับ เด็กชาย วสุ กิมสุวรรณ หรือน้องเอิร์ท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ข่าวโดย : กมลรัตน์ เพ็ชรแสนงาม

กฟผ.แม่เมาะ จัดงานพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปี วันรัฐพิธีเปิดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฟผ.แม่เมาะ พร้อมด้วย หน่วยงานองค์กรทุกภาคส่วน และประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์-สามเณร จำนวน 87 รูป เนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปี วันรัฐพิธีเปิดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ที่ บริเวณหน้าอาคารปฏิบัติการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง มีนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธี โดยมีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อดีตผู้บริหาร และอดีตผู้ว่าการฯ กฟผ.แม่เมาะ คณะผู้บริหารของจังหวัดลำปาง หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด-อำเภอ ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่จากทุกสังกัดหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จำนวนมากร่วมพิธี

พิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันครบรอบ 29 ปี วันรัฐพิธีเปิดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฟผ.แม่เมาะ ได้จัดทำพิธีขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 5 ธันวาคม 2556 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 และเพื่อให้ประชาชนชาวลำปางทุกหมู่เหล่าได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ได้ทรงให้ความสำคัญต่อการพลังงานของประเทศ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งได้นำความผาสุก และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ปวงชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ อีกทั้งการจัดงานพิธีดังกล่าว ยังเป็นการทำบุญทักษิณานุปทาน อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ปฏิบัติงานของ กฟผ.แม่เมาะ ที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ปฏิบัติงานของ กฟผ.แม่เมาะ กับส่วนราชการ และชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าแม่เมาะด้วย

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าแม่เมาะถือเป็นแหล่งผลิตพลังงานกระแสไฟฟ้า ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยได้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เมื่อปี พ.ศ. 2518 ด้วยการใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า และได้มีการพัฒนา ขยายกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้นในปี พ.ศ. 2528 ด้วยการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ 4-7 มีกำลังการผลิตเครื่องละ 150 เมกะวัตต์ และเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาลี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมาลี ได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบรัฐพิธีเปิดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง
ดูคลิป http://youtu.be/QNvy-eGSXrY



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

จังหวัดลำปาง เชิญร่วมกิจกรรม ปั่นรัก(ษ์) พิทักษ์โลก ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้

จังหวัดลำปาง จัดกิจกรรมปั่นรัก(ษ์) พิทักษ์โลก ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง ในวันเสาร์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557

สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปางร่วมกับ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thai PBS) จัดโครงการกิจกรรม ปั่นรัก(ษ์) พิทักษ์โลก กิจกรรมที่เป็นการสนับสนุนนโยบายการสร้างสุขภาพที่ดีเพื่อคนไทยทั้งประเทศและร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติ วัฒนธรรม ซึ่งมีการจัดขึ้นในหลายจังหวัด โดยการใช้จักรยานเป็นสื่อในการส่งเสริมกิจกรรมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคีอื่น ๆ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง ซึ่งกิจกรรมปั่นรัก(ษ์) พิทักษ์โลก จังหวัดลำปาง กำหนดจัดขึ้น ในวันเสาร์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 05.30 น. ณ สวนสาธารณะเขลางค์นคร

ภายในกิจกรรมครั้งนี้ จะเริ่มจากการปล่อยตัวนักปั่น จากจุดเริ่มต้น ที่ สวนสาธารณะเขลางค์นคร เป็นระยะทาง 19 กิโลเมตร โดยตลอดเส้นทาง จะมีฐานกิจกรรม 4 ฐาน คือ ฐานที่หนึ่งศาลหลักเมือง ฐานที่สอง วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ฐานที่สาม วัดปงสนุก ฐานที่ 4 วัดศรีรองเมือง ซึ่งแต่ละฐานจะมีวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ เล่นเกม และรับของรางวัล
ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรม ติดต่อสอบถามรายละเอียดการสมัคร ได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง หมายเลขโทรศัพท์ 054-312254



ข่าวโดย : กมลรัตน์ เพ็ชรแสนงาม

จังหวัดลำพูน มอบเกียรติบัตรให้แก่ ตัวแทนชมรมทูบีนัมเบอร์วัน ที่เข้าร่วมการประกวด ชมรมทูบีนัมเบอร์วันระดับภาค

จังหวัดลำพูนมอบ เกียรติบัตรให้แก่ ตัวแทนชมรมทูบีนัมเบอร์ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ จังหวัดลำพูน ในการประกวด ชมรมทูบีนัมเบอร์วันรอบคัดเลือกตัวแทนระดับภาค ที่จังหวัดเชียงใหม่

ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธาน มอบเกียรติบัตรให้แก่ ตัวแทนชมรมทูบีนัมเบอร์ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ จังหวัดลำพูน ในการประกวด ชมรมทูบีนัมเบอร์วันรอบคัดเลือกตัวแทนระดับภาค เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2557 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่ง มีชมรมทูบีนัมเบอร์วัน ของ จังหวัดลำพูน เข้าร่วมประกวดได้แก่ ชมรมทูบีนัมเบอร์วัน บริษัทซีพีออล์ จำกัด มหาชน และ ชมรมทูบีนัม บริษัท ฟิสบ้าจำกัด ลงประกวดในประเภทสถานประกอบการ , ชมรม ทูบีนัมเบอร์วัน โรงเรียน แม่ตืนวิทยา อำเภอลี้ ลงประกวดใน ประเภทสถานศึกษา , ชมรม ทูบีนัมเบอร์วัน โรงเรียนธีรกานท์บ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง ลงประกวดในประเภทต้นแบบ , ชมรม ทูบีนัมเบอร์วัน ชุมชน แม่สะป้วด อำเภอ แม่ทา ลงประกวดในประเภทชุมชน

ซึ่ง ผลการประกวด มี ชมรมทูบีนัมเบอร์วัน ของจังหวัดลำพูน ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของภาคเหนือ เข้าร่วมการประกวดในระดับประเทศ จำนวน 3 ชมรม คือ ชมรมทูบีนัมเบอร์วัน บริษัทซีพีออล์ จำกัด มหาชน เป็นตัวแทนใน ประเภทสถานประกอบการขนาดใหญ่ ระดับดีเด่น , ชมรม ทูบีนัมเบอร์วัน โรงเรียน แม่ตืนวิทยา อำเภอลี้ เป็นตัวแทนในระดับ สถานศึกษา และ ชมรม ทูบีนัมเบอร์วัน โรงเรียน ธีรกานท์บ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง เป็นตัวแทนนประเภทต้นแบบ ซึ่งการประกวดในระดับประเภท จะจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ในวันที่ วันที่ 15 - 17 กรกฎาคม 2557 .


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

กกต.ประกาศ ข้อมูลผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ประจำปี 2557 อย่างเป็นทางการ พบว่า จังหวัดลำพูน มีสถิติ ผู้มาใช้สิทธิเป็นอันดับที่ 2 ส่วนอันดับ 1 คือ จังหวัดเชียงใหม่

คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศข้อมูล ผู้มาใช้สิทธิ ลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 กุมภาพันธ์ 2557 อย่างเป็นทางการ พบว่า จังหวัดที่มีประชาชนมาใช้สิทธิมากที่สุดของประเทศ คือ จังหวัดเชียงใหม่ ส่วน จังหวัด ลำพูน มีสถิติ เป็นอันดับ 2

วานนี้ ( 6 กุมภาพันธ์ 2557 ) ที่อาคารโดมบริหาร มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงข้อมูล ผู้มาใช้สิทธิการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนรษฎร 2 กุมภาพันธ์ 2557 แบบแบ่งเขต อย่างเป็นทางการ จำนวน 68 จังหวัด ที่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ โดยไม่รวม 9 จังหวัดภาคใต้ , บางเขต ในกรุงเทพฯ ที่มีอุปสรรคในการจัดการเลือกตั้ง และ ไม่นำไปรวมกับการเลือกตั้งล่วงหน้า และ การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ซึ่ง ผู้มีสิทธิทั่วประเทศมีจำนวน 43,024,786 คน ( สี่สิบสามล้านสองหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยแปดสิบหกคน ) มีผู้มาใช้สิทธิ 20,530,359 คน ( ยี่สิบล้านห้าแสนสามหมื่นสามร้อยห้าสิบเก้าคน ) คิดเป็นร้อยละ 47.72 บัตรดี มีจำนวน 14,645,812 , คิดเป็นร้อยละ 71.34 , บัตรเสียมีจำนวน 2,458,461 ใบ คิดเป็นร้อยละ 11.97 , มีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน จำนวน 3,426,080 ใบ คิดเป็นร้อยละ 16.69

จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ จังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ 827,808 คน คิดเป็น ร้อยละ 75.05 , อันดับ 2 คือ จังหวัดลำพูน มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ 241,209 คน คิดเป็นร้อยละ 73.39 , อันดับ 3 คือ จังหวัด แม่ฮ่องสอน สถิติ ร้อยละ 64.99 , อันดับ 4 คือ จังหวัด เชียงราย สถิติ 64.16 และ อันดับ 5 คือ จังหวัด ลำปาง มีสถิติ 63.59 ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าว ทำให้จังหวัดลำพูน เสียสถิติ จำนวนผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ .


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

จังหวัดลำพูนจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ๑๐ – ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

จังหวัดลำพูนจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ระหว่างวันที่ ๑๐ – ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่จะถึงนี้ ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓) ซึ่งถือว่าเป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ทางพุทธศาสนา ในวันนั้นนอกจากจะเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะแล้ว ยังเป็นวันที่พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า และล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖ การประจวบกันทั้ง ๔ ประการนี้ เรียกว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” ดังนั้น เพื่อให้ทุกส่วนราชการและพุทธศาสนิกชน ได้แสดงความสักการะน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ประจำปี ๒๕๕๗ และเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จังหวัดลำพูนจึงได้จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ขึ้น ระหว่างวันที่ ๑๐ – ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
จังหวัดลำพูนจึงขอเชิญชวนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดทุกหน่วยงาน ตลอดจนประชาชนทั่วไป ร่วมกิจกรรมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาดังกล่าว โดยเฉพาะในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๐๗.๐๐ น. พิธีทำบุญตักบาตร และเวลา ๑๙.๐๐ น. พิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร หรือวัดใกล้บ้าน นอกจากนี้ ขอเชิญชวนรับฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา แผ่เมตตา จัดให้มีการประดับธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร ประทีปโคมไฟ รวมทั้งงดเว้นสิ่งเสพติดและอบายมุขทั้งปวงด้วย



ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์

อบจ.ลำพูน ระดมสมองจากทุกภาคส่วน กำหนดกรอบแนวทางการจัดทำแผนพัฒนา 3 ปี เน้นการพัฒนา 1 จังหวัด 2 วิถี

ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน นางสาวชนิสา ชมศิลป์ ผู้อำนวยการส่วนแผนงานและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 นางศรีอุไร นุกูลกิจบำรุง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดลำพูน พร้อมบุคลากรในสังกัด ร่วมประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำและทบทวนกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดลำพูน ประจำปีงบประมาณ 2557 โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนจัดขึ้น เพื่อระดมความคิดเห็นโดยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด การพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การบูรณาการยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ สำหรับใช้เป็นกรอบแนวทางการจัดทำแผนพัฒนา 3 ปี (พ.ศ.2558-2560) ที่มีความเหมาะสม สอดคล้องกับบริบทของจังหวัดลำพูนและองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างสูงสุด

นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน กล่าวว่า นโยบายการบริหารราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน มุ่งมั่นสร้างความเจริญและพัฒนาจังหวัดลำพูนให้เจริญก้าวหน้า เพื่อประโยชน์สุขของชาวลำพูน ตามวิสัยทัศน์ที่ว่า รับฟังทุกปัญหา ให้ประชามีส่วนร่วม บริหารด้วยความรวดเร็วและโปร่งใส เน้นการพัฒนา 1 จังหวัด 2 วิถี ได้แก่ วิถีอุตสาหกรรมและวิถีวัฒนธรรม ด้านวิถีอุตสาหกรรม ที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว สร้างรายได้ให้กับจังหวัดกว่าร้อยละ 70 มุ่งพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมสะอาด อยู่ร่วมกับสังคมโดยรอบได้ และวิถีวัฒนธรรม มุ่งขับเคลื่อน "ลำพูน นครแห่งทุนทางวัฒนธรรมชุมชน" กำหนดเป็นกรอบการพัฒนาด้านสังคมเชื่อมโยงสู่ด้านเศรษฐกิจ ที่กำลังดำเนินการคือ โครงการศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) บริเวณดอยติ และมีแผนงานจะดำเนินการจัดสร้างขัวมุงแฝด เป็นศูนย์กระจายและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และสินค้าทางการเกษตรในการแสดง แลกเปลี่ยนและกระจายสินค้าของดีที่มาจากทุกอำเภอในจังหวัดลำพูน เป็นจุดที่ 2 นอกเหนือจากบริเวณดอยติ

จุดมุ่งหมายการพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดลำพูน เพื่อพัฒนา ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ให้มีมาตรฐานเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและเอื้อต่อการสนับสนุนการพัฒนาการเกษตร เสริมสร้างความมั่นคง ความยั่งยืนในอาชีพ และรายได้ให้ประชาชน ให้ทุกคนในชุมชนมีความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการทางสังคมที่มีคุณภาพ ได้รับการคุ้มครองสิทธิพื้นฐาน และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของชุมชนและท้องถิ่นตน มุ่งทำนุบำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่นและการธำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของพื้นที่ อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน มีการบริหารจัดการที่ดี มีธรรมาภิบาล บุคลากรมีคุณภาพ และให้บริการตรงตามความต้องการของประชาชน


ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

จังหวัดลำพูนจัดเวทีเสวนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้และทักษะอาชีพแก่เยาวชน

นายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และคุณภาพของเยาวชนจังหวัดลำพูน โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน ได้กำหนดจัดเวทีเสวนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้และทักษะอาชีพแก่เยาวชนจังหวัดลำพูน ในวันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมจามเทวี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดลำพูน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้และทักษะอาชีพแก่เยาวชน มุ่งให้เยาวชนผู้ว่างงานหรือไม่ได้ศึกษาต่อ ได้รับทราบแนวทางส่งเสริมการฝึกอาชีพระยะสั้น ซึ่งสามารถนำไปยึดประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง โดยจะมีเยาวชนและผู้ปกครอง พร้อมทั้งอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 70 คน

วิทยากรประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิที่ประสบความสำเร็จในด้านการงานและอาชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางผ่องพรรณ ปาละพงศ์ เจ้าของบริษัท ผึ้งน้อยเบเกอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปังภายใต้ตรา ผึ้งน้อย ซึ่งส่งจำหน่ายในจังหวัดลำต่าง ๆ หลายแห่ง ซึ่งเริ่มธุรกิจจากเงินทุนเพียง 600 บาท จนกระทั่งปัจจุบันมีธุรกิจมูลค่าหลายร้อยล้านบาท นอกจากนี้ มีวิทยากรเยาวชนที่ได้ขวนขวายศึกษาความรู้เพิ่มเติมและนำไปประกอบอาชีพมีรายได้ที่มั่นคง ก็จะได้ร่วมบรรยายให้ข้อคิดแก่ผู้ร่วมในเวทีเสวนาด้วย


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

จัดหางานจังหวัดลำพูนอบรมเตรียมความพร้อมให้คนหางาน ก่อนตัดสินใจไปต่างประเทศ ป้องกันถูกหลอกลวง

นางสาวอวยพร นันไชยกา จัดหางานจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ปัจจุบันแรงงานไทยมีความประสงค์ที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น แต่ส่วนหนึ่งยังขาดความรู้ความเข้าใจในการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ทำให้เกิดปัญหาคนงานถูกหลอกลวงจากสายหรือนายหน้าเถื่อน รวมถึงปัญหาการเก็บค่าบริการและค่าใช้จ่ายสูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด สำนักงานจัดหางานจังหวัดลำพูนจึงได้จัดโครงการฝึกอบรมคนหางานก่อนตัดสินใจไปทำงานต่างประเทศ ในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุมศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลำพูน ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคนหางานที่ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ ได้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง พร้อมที่จะทำงานได้อย่างมีศักยภาพ
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อขอเข้ารับการอบรมในครั้งนี้ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดลำพูน อาคารศูนย์ราชการกระทรวงแรงงานจังหวัดลำพูน โทร. ๐ ๕๓๕๒ ๕๕๔๓ – ๔ ต่อ ๕๑๓ ในวันและเวลาราชการ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.lpndoe.com



ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์

ทต.มะเขือแจ้ กำหนดออกหน่วยเทศบาลเคลื่อนที่เชิงรุกแบบบูรณาการ ระหว่างวันที่ 10 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคมนี้

เทศบาลตำบลมะเขือแจ้กำหนดออกหน่วยเทศบาลเคลื่อนที่เชิงรุกแบบบูรณาการ ระหว่างวันที่ 10 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคม 2557 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการให้บริการหลายประเภท

นายวัฒนา จันทนุปาน นายกเทศมนตรีตำบลมะเขือแจ้ เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลมะเขือแจ้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับประชาชน มีหน้าที่ในการช่วยเหลือให้บริการด้านต่างๆ และเป็นองค์กรที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารการพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในปี 2557 เทศบาลตำบลมะเขือแจ้กำหนดออกหน่วยเทศบาลเคลื่อนที่ในเชิงรุกแบบบูรณาการตำบลมะเขือแจ้ หรือผู้บริหารพบประชาชน จำนวน 21 หมู่บ้าน ระหว่างวันที่ 10 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคม 2557 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่ในการให้บริการหลายประเภท เช่น การให้บริการตรวจสุขภาพและรักษาพยาบาลเบื้องต้น บริการรับชำระภาษีต่างๆ บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า บริการรับปรึกษาปัญหาต่างๆ รับเรื่องราวร้องทุกข์และให้ความรู้ด้านกฎหมาย บริการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร และให้บริการฝึกอาชีพและส่งเสริมการปลูกพืชตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการจัดประชาคมเคลื่อนที่ตามโครงการจัดทำแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2558-2560) ตำบลมะเขือแจ้ ประจำปีงบประมาณ 2557 เพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการของประชาชนแต่ละหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลมะเขือแจ้ ใช้เป็นแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา โครงการหรือกิจกรรม ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงตามความต้องการอย่างยั่งยืน ตลอดจนนำข้อมูลต่างๆ มาใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานและใช้ทรัพยากร เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรและประชาชนในพื้นที่ ให้เกิดความเข้มแข็งของชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานธุรการ หรืองานวิเคราะห์นโยบายและแผน เทศบาลตำบลมะเขือแจ้ โทรศัพท์หมายเลข 0-5350-3664 ต่อ 207 หรือ 706 ในวันเวลาราชการ



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

พ่อเมืองกำแพงเพชรรับประกัน งานประเพณี นบพระ-เล่นเพลง และงานกาชาดจังหวัดกำแพงเพชร

 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 ที่บริเวณวัดพระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานเปิดการแถลงข่าว งานประเพณี นบพระ-เล่นเพลง และงานกาชาดจังหวัดกำแพงเพชร ยืนยัน มั่นใจการจัดงานประเพณี นบพระ-เล่นเพลง และงานกาชาดจังหวัดกำแพงเพชร ประจำปี 2557 จะยิ่งใหญ่ตระการตากว่าทุกปีเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองกำแพงเพชร และการฟื้นฟูประเพณี การนบพระสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เนื่องในวันมาฆะบูชา เพ็ญเดือนสาม

ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวในงานแถลงข่าวว่า ในปีนี้จังหวัดกำแพงเพชรกำหนดจัดงานประเพณี นบพระ-เล่นเพลง และงานกาชาดจังหวัดกำแพงเพชร ขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 23 กุมภาพันธ์ 2557 ณ วัดพระบรมธาตุ ต.นครชุม และบริเวณลานโพธิ์ หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองกำแพงเพชร และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร เพื่อเป็นการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของบรรพบุรุษไทยในอดีต ให้อนุชนรุ่นหลังได้ยึดถือปฏิบัติเป็นแบบอย่าง ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดกำแพงเพชรให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้น กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการจัด ริ้วขบวนแห่นบพระที่ประดับประดาอย่างสวยงามในวันเปิดงาน และพิธีบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระบรมธาตุ ตำบลนครชุม พิธีเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา พร้อมด้วยการทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ที่บริเวณวัดสี่อิริยาบถ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร รวมถึงการประกวดพันธุ์พืช และประกวดปลาสวยงาม เช่น ปลากัดพันธุ์หางสั้น-พันธุ์หางยาว,ปลาหางนกยูง พร้อมด้วยการจัด มินิอควาเรียม แสดงพันธุ์สัตว์น้ำแปลกๆที่หาดูได้ยาก และจำหน่ายสินค้า OTOP สินค้าอุปโภค บริโภค และของดีเมืองกำแพงเพชร การออกร้านของเหล่ากาชาติจังหวัดกำแพงเพชรเพื่อหารายได้สนับสนุนช่วยเหลือกิจกรรมของกาชาดจังหวัดกำแพงเพชร การจัดนิทรรศการภาครัฐ ภาคเอกชน นวดแผนไทย สินค้าราชทัณฑ์ ฯลฯ การจำหน่ายอาหารพื้นบ้าน และตลาดย้อนยุคนครชุม การละเล่นพื้นบ้าน จำหน่ายไม้ดอก ไม้ผล มหรสพ และการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังทุกคืน และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย จังหวัดกำแพงเพชรจึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดใกล้เคียงทุกท่าน เที่ยวงานประเพณี "งานนบพระ - เล่นเพลง" และงานกาชาดจังหวัดกำแพงเพชร ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 14 -23 กุมภาพันธ์ 2557 ณ บริเวณสนามหน้า อ.เมืองกำแพงเพชร และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร



นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว

จังหวัดพิษณุโลกประชุมคณะกรรมการเพื่อร่วมกันคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2556

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม 741 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเพื่อร่วมกันคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2556 ซึ่งการประชุมพิจารณาคัดเลือกข้าราชการดีเด่นดังกล่าวคณะกรรมการจัดงานวันข้าราชการพลเรือนได้มอบหมายให้จังหวัดพิษณุโลกดำเนินการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2556 ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนด ทั้งนี้เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณข้าราชการผู้ที่อุทิศทุ่มเท มุ่งมั่นเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ราชการจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับ ซึ่งจังหวัดพิษณุโลกมีข้าราชการพลเรือนที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกเป็น ”ข้าราชการพลเรือนดีเด่น” ประจำปี พ.ศ.2556 จำนวน 3 ราย และลูกจ้างประจำ 1 ราย ได้แก่ นายแพทย์ธนศักดิ์ ทองใบ ข้าราชการสังกัดโรงพยาบาลพุทธชินราช นางวรางคณา รุ่งโรจน์ ข้าราชการสังกัดสำนักงานเกษตร อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก พันตำรวจเอก ปิติ นฤขัตรพิชัย ข้าราชการสังกัด กองกำกับการตำรวจภูธร จังหวัดพิษณุโลก นางบุญชู เอี่ยมอ่องกิจ ลูกจ้างประจำ สังกัดโรงพยาบาลพุทธชินราช ซึ่งข้าราชการพลเรือนดีเด่นทั้ง 3 ราย และลูกจ้างประจำดีเด่น 1 ราย ของจังหวัดพิษณุโลก ที่ได้รับการพิจารณาและคัดเลือกจะเดินทางไปเข้าร่วมงานวันข้าราชการพลเรือนเพื่อรับมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลในวันอังคารที่ 1 เมษายน 2557 นี้

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิษณุโลก บูรณาการทุกภาคส่วน จัดเสวนาแก้ไขปัญหาการบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ ในเขตพื้นที่ ตำบลบ้านกลาง อำเภอวังทอง

เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 ที่วัดเนินสว่าง ตำบลบ้านกลาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก พลโท คณิต อุทิตสาร ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฎิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานเปิดการเสวนา แก้ไขปัญหาการบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ ในท้องที่ตำบลบ้านกลาง ซึ่งทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิษณุโลก ได้เชิญทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนพี่น้องประชาชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านกลาง เข้าร่วมพูดคุย ในการลดปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า เพื่อปรับทัศนคติให้ราษฎรมีความรู้ เห็นความสำคัญของป่าไม้เกิดความรักและความห่วงแหนป่าไม้ นอกจากนี้ ยังให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลพิทักษ์พื้นป่า ด้วยจิตอาสาพร้อมทั้งเป็นเครือข่ายด้านความมั่นคงอีกด้วย

สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าสงวนพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ในส่วนของผู้ที่ทำกิน มติ ครม. 30 มิ.ย.41 ให้ราษฎรทำกินได้ตามปกติ แต่จะต้องไม่บุกรุกเพิ่ม และ ผู้ที่ทำกินหลังมติ นั้น จะต้องมาแสดงตัวและจดบันทึกการถือครองใหม่ทั้งหมด โดยจะพิจารณาผ่อนผันให้ทำกินเป็นรายๆปีต่อปี ตามความเหมาะสม และทำข้อตกลงไม่บุกรุกพื้นที่เพิ่ม ไม่ละทิ้งที่ทำกิน และไม่ขายต่อให้นายทุน หากฝ่าฝืนให้ยุติการผ่อนผันทันที พื้นที่ยึดคืนบางส่วนให้ร่วมกันพิจารณาจัดทำป่าชุมชนหรือให้ท้องถิ่นดูแลใช้ประโยชน์ต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเพื่อเตรียมบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง หลังพบพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 180,000 ไร่

เช้าวันนี้ 7 ก.พ. 57 นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ จากนายสมหวัง ปานสุขสาร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เบื้องต้นทราบว่าขณะนี้มีน้ำเก็บกักของเขื่อนฯ422 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ของความจุ และส่งน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานพร้อมรักษาระบบนิเวศบรรเทาปัญหาภัยแล้ง วันละประมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งทางกรมชลประทานจะใช้เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเป็นเครื่องมือช่วยเหลือ สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มภาคกลางเนื่องจาก เขื่อนสิริกิตกำลังปัญหาเก็บกักน้ำไว้ได้น้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่าแม่น้ำยมที่อำเภอบางระกำแห้งขอดเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลกระทบทำให้มีนาข้าวเริ่มประสบภัยแล้งแล้ว 100,000 ไร่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ทำนาเขตชลประทานพลายชุมพล อำเภอเมืองพิษณุโลก จะต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำไม่สามารถส่งน้ำเข้าระบบชลประทานได้ ประมาณ 80,000ไร่ ดังนั้นจึงขอให้เกษตรกรที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำได้จัดเตรียมการสูบน้ำใต้ดินมาใช้ทดแทนเพราะน้ำจากลุ่มน้ำน่านมีอยู่อย่างจำกัด เพราะปีที่ผ่านมาฝนตกท้ายเขื่อนจึงทำให้ไม่มีน้ำเก็บกักเพียงพอไว้ใช้ในฤดูแล้ง ส่วนพื้นที่ลุ่มแม่น้ำยมยังคงมีปัญหาไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่เอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดเก็บกักน้ำไว้ใช้เช่นเดียวกัน

ชาวนาอำเภอบางระกำ รวมตัวยื่นหนังสือถึงรัฐบาลและ เลขาธิการกปปส. เรียกร้องให้สนับสนุนรัฐบาลกู้เงินสถานบันการเงินมาจ่ายค่าข้าวเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าว

วันนี้ 7 ก.พ. 57 เมื่อเวลา 09.30 น.ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายสมยงค์ จ้อยทอง กำนันตำบลวังอิทก นำมวลชนชาวนามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการบริหารนโยบายและโครงการรับจำนำข้าวตลอดช่วงอายุรัฐบาลที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ขัดขวางการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับชาวนาได้ยุติการกระทำดังกล่าวเสียเพราะ ชาวนาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ขออย่าให้นำการเมืองมาทำให้ชาวนาเดือดร้อน โอกาสนี้นายสมยศ จ้อยทอง กำนันตำบลวังอิทก ได้เป็นตัวแทนยื่นหนังสือ ผ่านนายวิทูรัช ศรีนาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ส่งถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้กำลังใจปฏิบัติหน้าที่รักษาการต่อไปและช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวนา และอีกฉบับได้ส่งถึง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองเลขาธิการ กปปส. ได้รับรู้ความต้องการของชาวนาที่ต้องการได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลมากกว่า การถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และกิจกรรมต่างๆที่ กปปส.พยายามนำเอาชาวนาเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยนั้น ชาวนาอำเภอบางระกำไม่เห็นด้วย

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลกจัดประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการประจำจังหวัดพิษณุโลก ครั้งที่ 1 ประจำปี 2557

เมื่อวันที่ 6 ก.พ 57 ที่ห้องประชุม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก นายวิทูรัช ศรีนาม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการประจำจังหวัดพิษณุโลก โดยมีสมาชิกขององค์กรคนพิการแต่ละประเภทในจังหวัดพิษณุโลกเข้าร่วมประชุม รวม 6 ประเภท ประกอบด้วย สมาคมคนพิการจังหวัดพิษณุโลก สมาคมคนตาบอดจังหวัดพิษณุโลก ชมรมคนหูหนวกจังหวัดพิษณุโลก ชมรมผู้ปกครองบุคคลออทิสติกจังหวัดพิษณุโลก ชมรมส่งเสริมและพัฒนาปัญญา และชมรมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตจังหวัดพิษณุโลก นอกจากนี้ยังมีหน่ยวงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญ ได้มีการพิจารณา การให้เงินกู้ยืมทุนประกอบอาชีพสำหรับคนพิการ โดยขณะนี้มีผู้พิการและผู้ดูแลคนพิการของจังหวัดพิษณุโลกที่ขอกู้ยืมเงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จำนวน 25 ราย โดยแบ่งเป็น ผู้กู้รายใหม่ จำนวน 16 ราย และ ผู้กู้รายเก่า จำนวน 9 ราย ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้มี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิการสนับสนุนให้คนพิการสามารถดำรงชีวิตอย่างอิสระ และมีศักดิ์ศรี เสมอภาคกับบุคคลทั่วไป มีส่วนร่วมทางสังคมอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้

จังหวัดพิษณุโลก กระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า เปิดงาน"ไหว้หลวงพ่ออินทร์ กินปลา ชมหมาบางแก้ว" สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านจากเทศกาลท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 7 ก.พ 57 ที่บริเวณสนามที่ว่าการอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดงาน "ไหว้หลวงพ่ออินทร์ กินปลา ชมหมาบางแก้ว"งานประเพณีของอำเภอบางระกำ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2557 ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการปลาน้ำจืด การจำหน่ายอาหารและผลิตภัณฑ์จากปลา สินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน การประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ประกวดไก่สวยงามไก่นเรศวร (เหลืองหางขาว) และไก่พื้นบ้าน ประกวดสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว การโชว์ความสามารถของสุนัขบางแก้ว การแสดงศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนและชุมชน การแสดงดนตรีและลิเกเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับประชาชนผู้เข้าร่วมงาน และกระตุ้นการจับจ่ายสร้างรายได้ให้กับชุมชนชนบท พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว
สำหรับอำเภอบางระกำ เป็นอำเภอที่ถูกน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี จึงมีแหล่งอาหารจากปลาจำนวนมาก และที่บ้านบางแก้ว ต.ท่านางงาม ก็เป็นแหล่งกำเนิดของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว สุนัขที่ขึ้นชื่อของจังหวัดพิษณุโลก ขณะที่วัดสุนทรประดิษฐ์ ในเขตเทศบาลตำบลบางระกำ ก็เป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่ออินทร์ พระพุทธรูปเก่าแก่ ที่ชาวอำเภอบางระกำศรัทธาเป็นอย่างมาก

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ ประชุมและสอดส่องผลการการดำเนินโครงการฯที่จังหวัดตาก

วันนี้ (๗ ก.พ.๒๕๕๗) เวลา ๑๐.๐๐ น. นางสาวอัมพวัน เจริญกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๑๗ ประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก เป็นประธานประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาล (ก.ธ.จ.) จังหวัดตาก ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด หรือ ก.ธ.จ. เป็นคณะกรรมการที่ถูกกำหนดขึ้นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้การบริหารราชการในส่วนภูมิภาค สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ และเพื่อให้การบริหารราชการแบบบูรณาการในแต่ละจังหวัดบรรลุผล เกิดการบริหารบ้านเมืองที่ดี โดยจะทำหน้าที่สอดส่อง เสนอแนะ และส่งเสริม ตามหลักคุณธรรม จริยธรรม และหลักธรรมาภิบาล อันจะทำให้การบริหารเป็นไปด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม และมีความรับผิดชอบ ก.ธ.จ. เป็นคณะกรรมการที่คัดเลือกและแต่งตั้งมาจากผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนที่ได้รับการยอมรับ

นางสาวอัมพวัน เจริญกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๑๗ ประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์บทบาท อำนาจหน้าที่ และผลการดำเนินการดำเนินกิจกรรมการสอดส่องแผนงานโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๗ โดยจังหวัดตากได้รับงบประมาณจำนวน ๓๐ โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๘๕,๕๓๙,๓๐๐ บาท ซึ่งแต่ละโครงการอยู่ในระหว่างการดำเนินการ หลังจากนั้นในภาคบ่ายผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๑๗ ประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก และคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก ได้ลงพื้นที่ที่บ้านแม่กาษา ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อสอดส่อง เสนอแนะ ในการพัฒนาบ่อน้ำพุร้อนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบต่อไป