วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

จังหวัดพิษณุโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ในหลายพื้นที่ เกษตรกรหลายรายต้องประสบปัญหาในการเพาะปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะเกษตรกรนอกพื้นที่ชลประทานที่ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้เลย

สถานการณ์ภัยแล้ง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ส่งผลในเกษตรกรหลายรายต้องประสบปัญหาในการเพาะปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะเกษตรกรนอกพื้นที่ชลประทานที่ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้เลย ซึ่งในส่วนของพื้นที่หมู่ 13 บ้านเขาฟ้า ตำบลดอนทอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ก็ประสบปัญหาภัยแล้งเช่นกัน แปลงนาข้าวหลายแปลงถูกทิ้งร้างไว้เป็นบริเวณกว้าง ชาวนาต้องงดเว้นการเพาะปลูกข้าวนาหลังจากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำต้นทุนในการเพาะปลูก ซึ่งล่าสุดทำได้เพียงแค่ปล่อยที่นาทิ้งร้างไว้ให้เป็นอาหารของโคกระบือในขณะที่แหล่งน้ำธรรมชาติคูคลองต่าง ๆ เริ่มประสบปัญหา น้ำนอนคลอง หลายสาย และคาดว่าจะแห้งขอดในเร็ว ๆ นี้ นางบุญยิ่ง จันทร์โต ราษฎรบ้านเขาฟ้ากล่าวว่าได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งเป็นอย่างมาก ภัยแล้งปีนี้ถือว่ารุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เดือดร้อนทั้งคนและสัตว์เลี้ยง และอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้านนายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลกกล่าวว่าขณะนี้จังหวัดพิษณุโลกได้ประกาศให้เป็นเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งแล้วจำนวน 8 อำเภอประกอบด้วยอำเภอพรหมพิราม อำเภอชาติตระการ อำเภอนครไทย อำเภอวังทอง อำเภอบางกระทุ่ม อำเภอเมืองและอำเภอเนินมะปราง รวม 51 ตำบล 496 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 283,469 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย 39,752 ไร่ โดยขณะนี้ทางจังหวัดได้มีการระดมหน่วยงานทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาลเมือง เทศบาลนคร นำน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคเข้าไปให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหากพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ทั้งน้ำอุปโภค บริโภค สามารถขอความช่วยเหลือผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ของตนเองได้ ซึ่งหากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ จะได้มีการขอรับการสนับสนุนผ่านมายังอำเภอและจังหวัดเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์จัดอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือราชประชานุเคราะห์

วันนี้ (2 พ.ค. 57) ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 57 จังหวัดเพชรบูรณ์ นายประวิทย์ หาญณรงค์ รองประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือราชประชานุเคราะห์ รุ่นที่ 1 ณ มีผู้บังคับบัญชาลูกเสือโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ท้องที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก จาก 28 โรงเรียน จำนวน 56 คน เข้าอบรม นายคณีธิป บุณยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้การต้อนรับ นายวุฒิศักดิ์ เหล็กคำ ผอ.โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 57 จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวรายงาน มีกรรมการบริหารมูลนิธิ ร่วมเป็นเกียรติ

 การอบรมสืบเนื่องมาจากกรรมการบริหารโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ เห็นชอบให้มีการฝึกอบรมลูกเสือราชประชานุเคราะห์ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และมูลนิธิฯได้หารือกับผู้บริหารงานลูกเสือแห่งชาติ เห็นควรจัดอบรมเพิ่มเติมให้ครูผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เนตรนารี ที่ผ่านการอบรมชั้นสูง A.T.C. โรงเรียนละ 2 คน จัดอบรม 2 รุ่น เพื่อเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี สามารถทำให้เด็กนักเรียนเป็นคนดีมีระเบียบวินัย มีจิตสาธารณะ ทำประโยชน์ให้กับสังคม

จังหวัดเพชรบูรณ์พัฒนาปัจจัยพื้นฐานการส่งเสริมการท่องเที่ยวฝึกอาชีพสปาให้ประชาชน

วันนี้ (2 พ.ค. 57) นายสุชาติ ราษฎร์ดุษดี รอง ผวจ.เพชรบูรณ์ เปิดการอบรมโครงการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม สปาตะวันตก หัตถบำบัด หลักสูตร 100 ชั่วโมง ณ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์

นางดรุณี นิธิทวีกุล ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีแผนยุทธศาสตร์มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันปัจจัยพื้นฐานหลายด้านยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว จึงได้จัดให้มีการอบรมสปา ขึ้น รองรับยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด ให้ประชาชนที่สนใจ มีความรู้นำไปประกอบเป็นอาชีพ ซึ่งสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยว มีความต้องการด้านการทำสปา ด้านความสวยความงาม

จึงได้เปิดอบรมขึ้นจำนวน 2 รุ่น ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมากมีผู้สมัครเข้าอบรมเต็มทั้ง 2 รุ่น โดยใช้หลักสูตร 100 ชั่วโมง ปัจจุบันสถานที่ในการฝึกอบรมมีความพร้อมสมบูรณ์ ต่อไปอาจจะเพิ่มการอบรมให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่าสปาน่าจะเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้ประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เป็นอย่างดี

ชาวบ้านตำบลแคมป์สนรวมตัวยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ขับไล่นายกเทศมนตรี

ชาวบ้านตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ ยื่นหนังสื่อถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ให้ไล่นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพ้นตำแหน่ง หลังจากพบว่าบริหารไม่โปร่งใส แต่งตั้งคณะผู้บริหารเป็นเครือญาติ ใช้อำนาจหน้าที่ส่อในทางทุจริต ด้านจังหวัดมอบให้ท้องถิ่นจังหวัดติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีมูลส่งให้ กกต.ดำเนินการ ชาวบ้านจากตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวนประมาณกว่า 100 คน เดินทางมาชุมนุมที่หน้า ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกร้องให้นายศรายุทธ กวยทา นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลแคมป์สน พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตโดยการฉ้อฉล อาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย บริหารงานแบบครอบครัว โดยแต่งตั้ง ภรรยาและลูกเป็นรองนายก พี่เขย เป็นเลขานุการ ไม่ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เดือดร้อน ใช้อำนาจบังคับเจ้าหน้าที่ทำตามความต้องการของตน นำเครื่องจักรของเทศบาลไปใช้งานส่วนตน แต่เบิกน้ำมันจากเทศบาล ซึ่งเกรงว่าหากอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ 4 ปี อาจจะเกิดความเสียหายอื่นๆ มากขึ้นกว่านี้ ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านได้เข้าชื่อถอดถอนเกินกว่า 1 ใน 5 จำนวน 923 คนและ มอบให้นายวุฒิชาติ ปกสุข ประธานสภาเทศบาล ต.แคมป์สน เป็นตัวแทนมอบหนังสือแก่นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ทั้งนี้ มีนายคณีธิป บุญยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายกฤษณ์ คงเมือง ปลัดจังหวัด นายประโดม รัชเวทย์ ท้องถิ่นจังหวัด ร่วมรับมอบหนังสือ โดยนายวิเชียรได้ชี้แจงกับตัวแทนชาวบ้านว่า ทางจังหวัดมอบหมายให้ท้องถิ่นจังหวัด ตรวจสอบเอกสารและแจ้งให้นายกเทศมนตรี ต.แคมป์สน ชี้แจงรายละเอียดข้อกล่าวหาภายใน 30 วัน ซึ่งหากพบว่านายกเทศมนตรีมีความผิดก็จะส่งเรื่องให้ กกต.ดำเนินการต่อไป ซึ่งกลุ่มชาวบ้านหลังได้รับฟังคำชี้แจงของจังหวัดมีท่าทีพอใจและได้แยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความสงบเรียบร้อย

เกษตรกรคนจนกลุ่มชาวม้งเรียกร้องจังหวัดเพชรบูรณ์เร่งติดตามการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน

วันนี้ (2 พ.ค. 57) ชาวม้งกว่าสองร้อยคนรวมตัวชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ เรียกร้องจังหวัดเพชรบูรณ์ให้ช่วยจัดการเรื่องที่ดินทำกินอีกครั้ง หลังจากที่ยอมแยกย้ายกลับเมื่อครั้งที่แล้ว โดยจังหวัดเสนอส่วนกลางให้การแก้ไขปัญหาเฉพาะปัญหาในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเลย ให้ไปจัดการในพื้นที่กันเอง แต่วันนี้มาเรียกร้องให้ส่วนราชการเร่งดำเนินการอีกครั้ง

ต่อมาที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์พร้อมด้วย นายคณีธิป บุณยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายกฤษณ์ คงเมือง ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับหนังสือขอให้ติดตามผลการประชุมแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรคนจนกลุ่มชาวม้ง ซึ่งมีการเลื่อนการประชุมแก้ไขปัญหาโดยกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยเกรงว่าจะไม่มีการประชุมจึงขอให้จังหวัดเป็นผู้ประสานกับกรมฯ ให้มีการประชุมเพื่อแก้ปัญหาต่อไป

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านกกต้อง อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมเข้ารับพระราชทานโล่รางวัล “กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๗ ” ในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านกกต้อง อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมเข้ารับพระราชทานโล่รางวัล "กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๗ ” ในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัล แรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร

นายอำนาจ ปาลาศ เกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ประกาศผลการคัดเลือกเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี ๒๕๕๗ ผลปรากฏว่า กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านกกต้อง หมู่ที่ ๓ ตำบลฟากท่า อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศ และ ได้รับการคัดเลือกเป็น สถาบันดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๗ประเภทกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่น ของกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ ซึ่งการคัดเลือกเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นนั้น เพื่อเป็นการยกย่อง ประกาศเกียรติคุณ และเผยแพร่ผลงานดีเด่น ให้สาธารณะชนทั่วไปได้รู้จัก และยึดถือเป็นแบบอย่าง ในแนวทางการปฏิบัติงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศโดยรวมในอนาคต ซึ่งเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ที่ได้รับการคัดเลือก จะเข้ารับพระราชทานโล่รางวัล ในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี ๒๕๕๗ วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ พลับพลาที่ประทับ มณฑลพิธีสนามหลวง กรุงเทพมหานคร

สำหรับกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านกกต้อง อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ มีผลงานเด่นในการรวมกลุ่มการทอผ้า การเพิ่มมูลค่าผ้าทอเป็นผ้าสำเร็จรูป ผลิตผลมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ การบริหารการเงิน มีรายได้เข้ากลุ่มปีละนับล้านบาท มีความมั่นคงในฐานะการเงินการคลัง เป็นสถาบันเกษตรกรที่มีการบริหารจัดการกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ ก่อเกิดประโยชน์ทุกด้านแก่ชุมชนของตนเอง และเป็นตัวอย่าง เป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนาชุมชนอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี มีความรัก สามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความมุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมและวัฒนธรรมการทอผ้า ที่เป็นสมบัติ มรดกตกทอดมาตั้งแต่บรรพชน และจะถ่ายทอดแก่อนุชนคนรุ่นต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น ตลอดจนมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด และคงทนสืบไปชั่วลูกหลาน

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านกกต้อง อดีตเคยได้รับพระราชทานรางวัลกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นระดับประทศ มาแล้วเมื่อปี ๒๕๔๓ เป็นเวลา ๑๔ ปีมาแล้ว จึงได้รับรางวัลนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นความประทับใจ ภาคภูมิใจ ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านกกต้อง ชาวอำเภอฟากท่า และชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ทุกคน

จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดงาน "อุตรดิตถ์เกษตรแฟร์ ๒๕๕๗” แสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์เกษตรมากมายหลายร้อยชนิด ๕ – ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ บริเวณถนนแปดวา สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก

นายอำนาจ ปาลาศ เกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะเลขานุการจัดงาน อุตรดิตถ์เกษตรแฟร์ ๒๕๕๗ เปิดเผยว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มอบหมายให้ สำนักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นเจ้าภาพจัดงาน "อุตรดิตถ์เกษตรแฟร์ ๒๕๕๗” ระหว่างวันที่ ๕ – ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและ เปิดช่องทางตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าผลิตภัณฑ์การเกษตร ของวิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรจังหวัดอุตรดิตถ์ จัดให้มีกิจกรรมมากมาย อาทิ แสดงและจำหน่ายพันธุ์พืชทุกชนิด ได้แก่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผัก สมุนไพร พร้อมผลผลิตเกษตร เช่น สับปะรดห้วยมุ่น มะม่วง มะไฟ มะปราง ส้มโอ มะขาม พืชผัก ผักพื้นบ้าน ข้าวสาร เนื้อ หมู ไก่ ไข่ นม ปลาฯลฯ และวัสดุอุปกรณ์การเกษตร นานาชนิด เช่น ดินปลูก ปุ๋ย ฮอร์โมน กระถาง พลั่ว เสียม กรรไกรตัดแต่งกิ่ง มีดขยายพันธุ์ไม้ อุปกรณ์ด้านการเกษตร สัตว์เลี้ยง ประมง รวมทั้งสินค้าผลิตภัณฑ์แปรรูปการเกษตรจากกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรและเครือข่าย วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายทั่วประเทศ เช่น ผลไม้กวน ผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้แห้ง สมุนไพร ฯลฯ

"งานอุตรดิตถ์เกษตรแฟร์ ๒๕๕๗” สนับสนุนการจัดงานโดยจังหวัดอุตรดิตถ์ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนพันธุ์พืชและกล้วยไม้ภาคเหนือ ดำเนินการโดย สำนักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ ดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดอุตรดิตถ์ ด้านพัฒนาภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การแปรรูปสินค้าให้มีคุณภาพปลอดภัย และมีความมั่นคงทางอาหาร ซึ่ง "งานอุตรดิตถ์เกษตรแฟร์ ๒๕๕๗” จะประกอบด้วย การออกร้านแสดงและจำหน่ายสินค้า ของวิสาหกิจชุมชนจังหวัดอุตรดิตถ์และเครือข่าย จำนวนกว่า ๕๐ ร้าน พันธุ์พืชไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับ จำนวนกว่า ๑๐๐ ร้านสินค้าหลายร้อยชนิด แยกเป็นหมวดหมู่ ได้แก่ กลุ่มพันธุ์พืช กลุ่มสินค้าแปรรูป กลุ่มปัจจัยการผลิต กลุ่มเทคโนโลยี/นวัตกรรม กลุ่มอาหาร และกลุ่มสินค้าเบ็ดเตล็ด การจัดแสดงนิทรรศการการเกษตร การประกวดสวนหย่อมสวยงาม จากสุดยอดฝีมือการจัดสวน กว่า ๑๐ สวน การแสดงดนตรี เกมส์แข่งขันชิงรางวัล การจัดนาทีทอง ฯลฯ

จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงาน เยี่ยมชม ชิม ซื้อ สินค้าเกษตร ระหว่างวันที่ ๕ – ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ บริเวณถนนแปดวา สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ มากมายด้วยสินค้าเกษตรนานาชนิด ผลผลิตดีมีมาตรฐาน ราคาต้นน้ำจากแหล่งผลิตโดยผู้ผลิตโดยตรง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้งดจับปลาในฤดูปลาน้ำจืดมีไข่ ระหว่าง ๑๖ พฤษภาคม – ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗

นายฐปกรณ์ สาสุนีย์ ประมงจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดให้วันที่ ๑๖ พฤษภาคม – ๑๕ กันยายน ของทุกปี เป็นฤดูปลาน้ำจืดมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัววัยอ่อนโดยกำหนดมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมการทำการประมงในแหล่งน้ำจืดทั่วประเทศ เพื่อสงวนพันธุ์สัตว์น้ำมิให้ถูกทำลายไปมากจนเกินกำลังที่ธรรมชาติจะผลิตได้ ทั้งนี้ในระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น ห้ามมิให้ทำการประมงด้วยเครื่องมือทำการประมง หรือด้วยวิธีใด ๆ ในที่จับสัตว์น้ำจืดโดยเด็ดขาด เว้นแต่ ๑. เบ็ดทุกชนิด ยกเว้นเบ็ดราว ๒.ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และชนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน ๒ เมตร และห้ามมิให้ทำการประมงด้วยวิธีการประดาตั้งแต่สามเครื่องมือขึ้นไป ๓. ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน โปง และโทง หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐- ๑๐,๐๐๐ บาท หรือจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ประมงจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การวางไข่ของสัตว์น้ำในฤดูวางไข่จะส่งผลเกี่ยวพันกับผลผลิตที่เกิดขึ้นในปีต่อมา ดังนั้นการคุ้มครองแหล่งวางไข่ รวมทั้งการคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์ปลา ที่อพยพย้ายถิ่นขึ้นไปวางไข่ในฤดูฝน จึงมีความจำเป็นอย่างสูง อย่างไรก็ตามการควบคุมตรวจตราในช่วงฤดูสัตว์น้ำจืดมีไข่ วางไข่และเลี้ยงตัววัยอ่อนแม้ภาครัฐจะดำเนินการอย่างเข้มงวดแต่เนื่องจากพื้นที่ต้องดูแลมีขนาดใหญ่ ในขณะที่อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติมีจำนวนจำกัด จึงปรากฏมีประชาชนบางกลุ่มลักลอบทำการประมง สำนักงานประมงจังหวัดอุตรดิตถ์

จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนได้ช่วยกันดูแลคุ้มครองสัตว์น้ำจืด ให้ทรัพยากรประมงอยู่คู่ลูกหลานสืบไป เช่น การดูแลแหล่งวางไข่และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน ทั้งนี้การที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องถิ่นของตน นับเป็นสิ่งที่สำคัญในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่กรณีพบผู้กระทำผิดได้ที่ ๐ – ๕๕๔๔ - ๔๒๒๓ หรือที่หน่วยบริหารจัดการประมงน้ำจืดเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ๐ – ๕๕๔๐ - ๒๐๙๔ และสำนักงานประมงอำเภอในพื้นที่

จังหวัดอุตรดิตถ์ เร่งแก้ไขปัญหาหอมแบ่งราคาตกต่ำ โดยมีโครงการกระจายพันธุ์หอมแบ่งอุตรดิตถ์ไปสู่ตลาดปลายทางปี ๒๕๕๗ คาดว่าเกษตรกรฯจะสามารถขายพันธุ์หอมแบ่งได้ในราคาสูงขึ้น

จังหวัดอุตรดิตถ์ เร่งแก้ไขปัญหาหอมแบ่งราคาตกต่ำ โดยมีโครงการกระจายพันธุ์หอมแบ่งอุตรดิตถ์ไปสู่ตลาดปลายทางปี ๒๕๕๗ คาดว่าเกษตรกรฯจะสามารถขายพันธุ์หอมแบ่งได้ในราคาสูงขึ้น

จากกรณีที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหอมแบ่ง จากอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เรียกร้องให้ทางราชการหาวิธีการช่วยเหลือชดเชยค่าต้นทุนการผลิตแก่เกษตรกรที่เดือดร้อน ซึ่งทางจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มีการหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง อบจ./เทศบาล/อบต. ที่เป็นแหล่งผลิตหอมแบ่งเพื่อพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกหอมแบ่ง ปี ๒๕๕๗ โดยให้รอผลการพิจารณาอนุมัติโครงการกระจายพันธุ์หอมแบ่ง ปี ๒๕๕๗ ซึ่งจังหวัดได้เสนอของบประมาณสนับสนุนจากคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก. วงเวิน ๓,๓๙๐,๐๐๐ บาท และยังมอบให้ อบต./เทศบาล ที่เป็นแหล่งผลิตรับซื้อหอมพันธุ์(ที่เกษตรกรแขวนไว้) จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานเกษตรรายละไม่เกิน ๑,๐๐๐ กิโลกรัม ในราคานำตลาด(สูงกว่าราคาตลาด) กิโลกรัมละ ๒ บาท และหากราคาพันธุ์หอมแบ่งสูงกว่า ๑๐ บาท ให้ยุติการช่วยเหลือและในกรณีงบประมาณของ อบต./เทศบาล ในแต่ละแห่งไม่เพียงพอช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ก็ให้ อบจ.เข้าไปสนับสนุน ซึ่งล่าสุดในวันนี้ (๒ พ.ค.๕๗) นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เป็นประธานประชุมผู้เกี่ยวข้องโครงการกระจายพันธุ์หอมแบ่งอุตรดิตถ์ไปสู่ตลาดปลายทางปี ๒๕๕๗ ตามที่ได้เสนอของบประมาณสนับสนุนจาก คชก.โดยมีสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการ เพื่อให้เกษตรกรขายพันธุ์หอมแบ่งได้สูงกว่าราคาตลาด ตันละ ๑,๐๐๐ บาท เป้าหมายกระจายพันธุ์หอมแบ่งไปสู่ปลายทาง จำนวน ๑,๕๐๐ ตัน คาดว่าเกษตรกรฯจะสามารถขายพันธุ์หอมแบ่งได้ในราคาสูงขึ้น คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น หนึ่งล้านห้าแสนบาท และมีความพึงพอใจในการให้ความช่วยเหลือของจังหวัดและรัฐบาล

เตือนประชาชนระวังภัยอันตรายจากพายุฤดูร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ ในช่วง 3 – 7 พ.ค. นี้

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน รายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าในช่วง 3 – 7 พ.ค. 2557 ลมตะวันออกเฉียงใต้ได้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมในประเทศไทยทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่

จึงขอเตือนให้ประชาชนได้ระมัดระวังภัยอันตรายที่อาจเกิดจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก ในระยะ 4 – 5 วันนี้ คือตั้งแต่วันที่ 3 – 7 พ.ค. 2557



ข่าวโดย : น.ส. อุไรวรรณ ปิงแก้ว
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำพูน ร่วมกับ การท่องแห่งประเทศไทย (ททท.) เชียงใหม่ จัดแถลงข่าวงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย และโครงการ "แอ่วหละปูน เทิดทูนครูบา ศรัทธาพระเครื่อง" ระหว่าง วันที่ 6 - 13 พฤษภาคม 2557ที่ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร

เช้าวันนี้ (2 พ.ค. 2557) ที่ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ ร่วมกับ จังหวัดลำพูน จัดแถลงข่าวงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย ร่วมกับการแถลงข่าวโครงการ "แอ่วหละปูน เทิดทูนครูบา ศรัทธาพระเครื่อง" โดยมีพระราชปัญญาโมลี เจ้าคณะจังหวัดลำพูน, นายวิสูตร บัวชุม ผอ.ททท.เชียงใหม่, นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ.ลำพูน, นายไพทูรย์ รัตน์เลิศลพ วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน, ผศ.วิลักษณ์ ศรีป่าซาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ และนายชีรโชติ สุนทรารักษ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวลำพูน ร่วมแถลงข่าว

สำหรับการจัดงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย สืบเนื่องจากพระบรมธาตุหริภุญชัย นับเป็นจอมเจดีย์องค์หนึ่งในจำนวนจอมเจดีย์ 8 องค์ของประเทศไทยที่มีอายุเกินหนึ่งพันปี ปัจจุบันองค์พระบรมธาตุหริภุญชัยมีอายุ 1,115 ปี และเป็นพระราชประเพณีอันสืบมาแต่โบราณกาลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานน้ำสรงและผ้าห่มพร้อมด้วยเครื่องราชสักการะ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาประจำทุกปี ปีนี้กำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 6 – 13 พ.ค. 2557

ส่วนโครงการ “แอ่วหละปูน เทิดทูนครูบา ศรัทธาพระเครื่อง” เนื่องจากจังหวัดลำพูนเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือ มีวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดมาช้านาน มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศาสนาหลายแห่งรวมทั้งโบราณสถานต่างๆ ทั้งเป็นถิ่นกำเนิดของพระผู้ปฏิบัติดีหลายรูป เช่น ครูบาศรีวิชัย และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างพระเครื่องพระบูชาหลายองค์ ททท.เชียงใหม่ จึงจัดโครงการ “แอ่วหละปูน เทิดทูนครูบา ศรัทธาพระเครื่อง” ขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางวัฒนธรรมและศาสนาในจังหวัดลำพูน

สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวในเขตอำเภอเมืองลำพูน ในเบื้องต้นได้กำหนดจุดเริ่มต้นจากวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร – วัดมหาวัน – วัดจามเทวี – วัดประตูป่า



ข่าวโดย : น.ส. อุไรวรรณ ปิงแก้ว
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

บ่ายวันนี้ (2 พ.ค. 2557) ที่ ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาน้ำมันทอดซ้ำจังหวัดลำพูน เพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำมันทอดซ้ำ

ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการหลายแห่งใช้น้ำมันทอดซ้ำ ทอดอาหารจำหน่ายแก่ผู้บริโภค ซึ่งน้ำมันทอดซ้ำนี้มีสารโพลาซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ฉะนั้นการบริโภคอาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ จึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน จึงจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาน้ำมันทอดซ้ำ โดยมุ่งรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการทอดอาหารจำหน่ายและประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักถึงโทษจากการบริโภคอาหารทอดซ้ำและร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว

จากการสำรวจร้านอาหารที่ขายอาหารทอดในจังหวัดลำพูน พบว่ามีหลายแห่งที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำและไม่ได้มาตรฐาน คณะกรรมการฯ จึงมีแผนตรวจสอบคุณภาพน้ำมันที่ใช้ในการทอดอาหารที่ร้านขายอาหารทอดทุกอำเภอ จำนวน 361 ร้าน โดยจะสุ่มตรวจ 3 ครั้ง หากพบว่าร้านใดใช้น้ำมันที่ได้มาตรฐานจะมอบป้ายรับรองคุณภาพน้ำมันให้ นอกจากนี้จะรณรงค์ให้ประชาชนทิ้งน้ำมันเก่าอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ โดยเทใส่ขวดหรือถังรวบรวมไว้จำหน่ายแก่ร้านรับซื้อของเก่าหรือให้เทศบาลและ อบต. เป็นผู้รวบรวมน้ำมันเก่านำไปใช้ประโยชน์ ผลิตพลังงานทดแทนอื่นๆต่อไป



ข่าวโดย : น.ส. อุไรวรรณ ปิงแก้ว
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำปางผลักดันเมืองเซรามิก พัฒนาทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เตรียมความพร้อมรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง สู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง และได้บรรยายในหัวข้อ บทบาทผู้บริหารในการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 โดยในระหว่าง ปี 2557-2558 จังหวัดลำปาง ได้ตั้งธงในการพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตามยุทธศาสตร์ที่ผลักดันให้ลำปางเป็นนครแห่งเซรามิกและหัตถอุตสาหกรรม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ยุทธศาสตร์เชิงรุกของจังหวัดลำปาง คือ จะทำอย่างไรให้ลำปางมีการพัฒนาฐานเศรษฐกิจใหม่เพื่อสร้างงานในพื้นที่ โดยปรับตัวจากสิ่งที่มีอยู่และดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น และส่งเสริมด้านการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อเปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียน เซรามิกลำปางต้องแข่งขันกับเซรามิกจากประเทศจีน เวียดนาม และญี่ปุ่นซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่า ดังนั้นจึงต้องสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่าง โดยจะพัฒนาตั้งแต่เรื่องดิน ส่งเสริมการออกแบบ และการผลิตซึ่งขณะนี้จังหวัดลำปางร่วมกับศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิก ได้จัดประกวดผลิตภัณฑ์เซรามิกสำหรับแต่งเมืองลำปาง ในหัวข้อ “นครลำปางเมืองแห่งเซรามิก” เพื่อจะนำมาประดับและตกแต่งตามสถานที่สำคัญของจังหวัดลำปาง

ขณะเดียวกันยังมีแผนในการส่งเสริมหมู่บ้านเซรามิก ที่อำเภอเกาะคา โดยสร้างภาพลักษณ์ของหมู่บ้าน พัฒนาแบบและพัฒนาคนให้มีฝีมือ เพราะเชื่อเมื่อเซรามิกได้รับการพัฒนาจะสามารถดึงคนให้เข้ามาทำงานที่จังหวัดลำปาง เพื่อให้ลำปางเป็นเมืองแห่งเซรามิกที่แท้จริง ผู้คนมีงานทำ และก้าวสู่นครแห่งความสุขในที่สุด




ข่าวโดย : อธิชัย ต้นกันยา
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

จังหวัดลำปางจัดกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2557 ภายใต้แนวคิด "แรงงานลำปาง พร้อมก้าวไกลไปสู่อาเซียน"

สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำปาง จัดงานดังกล่าวขึ้น ที่โรงยิมเนเซียมล้านนา สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตลำปาง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เพื่อให้นายจ้างลูกจ้าง ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของลูกจ้าง ที่ได้ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ รวมทั้งให้เกิดความสมานฉันท์ในวงการแรงงาน โดยมีนายฤทธิพงษ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน มีนายจ้าง เจ้าหน้าที่ พนักงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมกิจกรรมนับ 1,000 คน โอกาสนี้ได้จัดแข่งขันขบวนพาเหรดเพื่อสีสันและความสนุกสนานภายในงาน

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการประกวดขวัญใจแรงงาน การแข่งขันร้องเพลง แข่งขันกีฬาพื้นบ้านและกิจกรรมบันเทิง เนื่องในงานแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2557



ข่าวโดย : อธิชัย ต้นกันยา 
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

แม่ฮ่องสอนสกัดกั้นยาเสพติดได้ผล

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสกัดกั้นยาเสพติดตลอดแนวชายแดน ผลการปฏิบัติได้ผลอย่างน่าพอใจ แต่ไม่น่าไว้วางใจ

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า “ จากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดตลอดแนวชายแดน ปรากฏว่าสามารถสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ลำเลียงผ่านเข้ามาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งทาง ปปส. รายงานว่าพื้นที่เฝ้าระวังคืออำเภอปางมะผ้าและอำเภอปาย ยาเสพติที่จะมีการนำเข้ามาในพื้นที่อยู่ในหลัก ๑๐๐-๑,๐๐๐ เม็ด โดยกลุ่มเสพจะเป็นวัยแรงงานและนักเรียน

จังหวัดแม่ฮ่องสอนเตรียมประกอบพิธี "วันฉัตรมงคล" 5 พฤษภาคม 2557

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ด้วยวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันฉัตรมงคล เป็นวันที่รำลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี และราชอาณาจักรไทย ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนั้นจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงได้เตรียมประกอบพิธี เนื่องใน “วันฉัตรมงคล” ในวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 08.45 น. ณ ศาลาประชาคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทรงก่อตั้งโครงการตามพระราชดำริ ขึ้นในจังหวัดแม่ฮ่องสอนหลายโครงการ ทำให้ชาวแม่ฮ่องสอนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดี จึงขอเชิญชวนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า และประชาชนชาวแม่ฮ่องสอน ร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน



ข่าวโดย : ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอเชิญส่งบุคลากรเข้ารับการอบรมและประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาศักภาพบุคลากรในสังกัด ตั้งแต่เดือนเมษายน – สิงหาคม ๒๕๕๗

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ด้วยสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพาจัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ให้แก่บุคลากรในหน่วยงานภาครัฐและผู้ที่สนใจโดยมีหลักสูตร ดังนี้ หลักสูตร การบริหารสารบรรณ ด้านการจัดเก็บเอกสาร และการทำลายเอกสาร เน้นหลักการนำไปใช้ได้จริง วิทยากรจากสำนักงาน ก.พ. หลักสูตร การเขียนหนังสือราชการ หนังสือโต้ตอบ เพื่อประสานงานทั้งภายในและภายนอกองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เน้นฝึกปฏิบัติ วิทยากรจากสำนักงาน ก.พ. หลักสูตร การพัฒนาบุคลิกภาพและศิลปะการพูดเพื่อความเป็นผู้นำ เน้นฝึกฏิบัติเพื่อนำไปใช้งานได้ทันที โดยวิทยากรมืออาชีพระดับประเทศ หลักสูตร การบริหารงานคลังภาครัฐอย่างคุ้มค่าทุน และถูกต้องตามระเบียบ เน้นกรณีศึกษา และแลกเปลี่ยนความรู้ วิทยากรจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และหลักสูตร ผู้นำยุคใหม่ วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศในแวดวงราชการ โดยระยะดำเนินการฝึกอบรมตั้งแต่เดือนเมษายน – สิงหาคม ๒๕๕๗

จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอเชิญบุคลากรในหน่วยงาน เข้ารับการอบรมหลักสูตรดังกล่าว โดยส่งใบสมัครไปที่ฝ่ายฝึกอบรมและที่ปรึกษา สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา ทางโทรสารหมายเลข ๐-๓๘๗๔-๕๗๙๘ หรือ ๐-๓๘๓๙-๔๘๗๑ ทั้งนี้สามารถเบิกค่าลงทะเบียนจากต้นสังกัดได้ตามระเบียบของกระทรวงการคลังฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายฝึกอบรมและที่ปรึกษา โทรศัพท์ ๐-๓๘๑๐-๒๒๘๘-๙๐ หรือหน่วยประชาสัมพันธ์ ๐๓๘๑๐-๒๒๙๑ www.uniserv.buu.ac.th



ข่าวโดย : อ่อนศรี ศรีอัมพร ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรม lncomingและกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการ ระหว่างวันที่ ๔ – ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นางสาวเยาวเรศ แซ่โค้ว พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำหนดจัดกิจกรรม lncoming โดยเชิญคณะผู้แทนเมียนมาร์จากเมืองมัณฑะเลย์ ตองอู ตองยี และลอยก่อ จำนวน ๑๕ คน เดินทางมาหารือความร่วมมือและเจรจาการค้ากับคณะผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ และกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการในการเข้าสู่ตลาดเมียนมาร์ ตามโครงการระบบโครงสร้างเมืองรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ ระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

รายละเอียดการจัดกิจกรรมมีดังนี้ ในวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ กิจกรรมตักบาตร ณ สะพานซูตองเป้ สวนธรรมภูสะมะ คณะผู้แทนเมียนมาร์ศึกษาดูงานโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดแม่ฮ่องสอน ท่าโป่งแดง อำเภอเมือง คณะผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ เข้าร่วมการอบรมการเข้าสู่ ตลาดเมียนมาร์ ณ โรงแรมอิมพิเรียลแม่ฮ่องสอน รีสอร์ท คณะผู้แทนเมียนมาร์ และผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ ศึกษาดูงาน การค้าชายแดนจุดผ่อนปรนห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม และร่วมกิจกรรมสานสัมพันธ์บ้านประตูที่ อำเภอขุนยวม ส่วนวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗ กิจกรรมการเจรจาการค้าระหว่าง คณะผู้แทนเมียนมาร์ และคณะผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ ณ โรงแรมอิมพิเรียลแม่ฮ่องสอน รีสอร์ท



ข่าวโดย : อ่อนศรี ศรีอัมพร ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมลงพื้นที่ ตรวจป่าสาละวิน อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมลงพื้นที่ เข้าตรวจป่าสาละวิน อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันพรุ่งนี้ ( 3 พฤษภาคม 2557 ) เพื่อร่วมประชุมการแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่สาละวิน ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 อำเภอแม่สะเรียง หลังจากนั้นเดินทางไปตรวจไม้ของกลางที่หน่วยป้องกันรักษาป่า แม่ฮ่องสอน 12 บ้านห้วยสิงห์ อำเภอแม่สะเรียง และรับฟังการบรรยายสรุป การดำเนินงานของอุทยานแห่งชาติสาละวิน ที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน

จากนั้น เดินทางโดย ฮอลิคอปเตอร์ ไปบ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย เพื่อให้โอวาทและตรวจเยี่ยมกำลังพล และเข้าพบปะประชาชนในพื้นที่ และตรวจดูการใช้รถยนต์ชักลากไม้ของกลางจากลำน้ำสาละวินขึ้นสู่บก ที่ท่าเรือบ้านแม่สามแลบ ลงเรือยนต์ตรวจการ ของกองทัพบกไปจุดรวมหมอนไม้ของกลาง เพื่อตรวจดูการใช้เรือยนต์ชักลากไม้ของกลางขึ้นตามลำน้ำสาละวิน /




ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน/กัญญพร ต่าดู
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน
เช้าวันนี้ (2 พฤษภาคม 2557) นายกัมปนาท ประจงพิมพ์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายทวี วงค์เชิดศักดิ์ ผู้ช่วยสถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน นำเจ้าหน้าที่หน่วยเสือไฟ จำนวน 10 คน พร้อมรถดับเพลิง และอุปกรณ์ในการดับไฟป่า ทำการเผา กิ่งไม้ใบหญ้าซึ่งสะสมมานานเป็นเวลาหลายปี ที่บริเวณทิศเหนือวัดพระธาตุดอยกองมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน พื้นที่ประมาณ 1 ไร่เศษ โดยได้ทำแนวกันไฟไว้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ไฟลุกลามขยายเป็นวงกว้าง

นอกจากนั้นเมื่อวานนี้(1 พฤษภาคม 2557)ยังเกิดไฟป่าที่บริเวณบ้านชานเมือง หลังที่ว่าการอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน พื้นที่เสียหาย กว่า 1 ไร่ เจ้าหน้าที่ใช้เวลา กว่า 30 นาที จึงสกั้ดไฟได้

จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอนวันนี้ (2 พฤษภาคม 2557) พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 47 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศปานกลาง ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร /



ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

สำนักสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดประชุมเชิงปฏิบัติการสร้าง การเรียนรู้การใช้ SPA in Action เพื่อจุดประกายการพัฒนา คุณภาพสถานบริการสาธารณสุข

เช้าวันนี้ (2 พฤษภาคม 2557) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมกับสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล จัดประชุมสร้างการเรียนรู้ การใช้ SPA in Action เพื่อจุดประกายการพัฒนาคุณภาพที่ โรงแรมโกลเด้นปาย แอนด์สวีทรีสอร์ท จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย รองศาสตร์ตราจารย์นายแพทย์ ชเนนทร์ วนารักษ์ และทีมงานจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นวิทยากรให้ความรู้ นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ตามที่สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล มีนโยบาย ใช้การรับรองเป็นลำดับขั้น เพื่อส่งเสริมให้ สถานพยาบาลมีการพัฒนา คุณภาพอย่างต่อเนื่องตามบริบทของ องค์กร ให้ความมั่นใจ ในความสำเร็จของการพัฒนา และมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาต่อเนื่อง ซึ่งการรับรองบันไดขั้นที่ 2 สู่ HA ถือว่าเป็น พื้นฐานที่จะก้าวไป สู่บันไดขั้นที่ 3 หรือการรับรองกระบวนการ พัฒนาคุณภาพสถานพยาบาล ปัจจุบันจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรอง คุณภาพโรงพยาบาลตามมาตรฐาน HA ขั้น 2 ทั้ง 7 แห่งและ ธำรงบันไดขั้นที่ 2 สู่ HA จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ โรงพยาบาลขุนยวม โรงพยาบาลแม่สะเรียง ส่วน โรงพยาบาลปาย อยู่ระหว่างรับรองรักษาระดับมาตรฐาน HA ขั้น 3 ทั้งนี้เนื่องจากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ได้ปรับรูปแบบของการธำรงบันไดขั้นที่ 2 สู่ HA มุ่งเน้นการนำมาตรฐานสู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างการเรียนรู้ การใช้เครื่องมือ SPA in Action เพื่อช่วยให้สถานพยาบาล กำหนดประเด็นการพัฒนาได้ง่ายขึ้น จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาธำรงบันไดขั้นที่2 สู่ SPA in Action เพื่อจุดประกาย การพัฒนาคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ทีมโรงพยาบาล ที่ผ่านการรับรองคุณภาพโรงพยาบาลตามมาตรฐาน HA จำนวน 7 แห่ง จำนวน 80 คน โดยคาดว่าทีมสุขภาพมีการต่อยอดการ พัฒนาโดยใช้เครื่องมือดังกล่าว พัฒนายกระดับมาตรฐานงาน บริการให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ โดยความร่วมมือ จากทีมสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่/



ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน
วันนี้ (2 พฤษภาคม 2557) นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธาน มอบโล่เกียรติคุณแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกรมประชาสัมพันธ์ มอบเข็มเชิดชูเกียรติพระอินทร์เป่าสังข์เงิน และทองคำ เกียรติบัตร และรางวัลแก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และเจ้าหน้าที่ดีเด่น/ตัวอย่าง พร้อมทั้งรางวัลสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยดีเด่น และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดดีเด่น ประจำปี 2556 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันก่อตั้งกรมประชาสัมพันธ์ ปีที่ 81 ที่อาคารหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งปีนี้มีบุคลากรและหน่วยงานได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 40 รางวัล

โอกาสนี้ สวท.แม่ฮ่องสอน ได้รับรางวัลอันดับที่ 3 สวท.ดีเด่นระดับเขต และ นางเวียงสอน ดอนแก้ว เจ้าพนักงานธุรการ ได้รับรางวัลเจ้าหน้าที่ตัวอย่างที่ปฎิบัติงานตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป และในช่วงเช้า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ รับมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีและเงินบริจาคจากผู้แทนหน่วยงานต่างๆ เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งกรมประชาสัมพันธ์ ปีที่ 81 วันพรุ่งนี้(3 พ.ค.) โดยเงินบริจาคนำสมทบทุนจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม “พระพุทธเมตา” ถวายเป็นพุทธบูชาและถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ณ วัดเทพประทาน อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี

นอกจากนั้นมีการแข่งขันกีฬาระหว่างหน่วยงานในสังกัด และการเสวนา เรื่อง “นโยบายจากผู้บริหารสู่ผู้ปฏิบัติ” โดยอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์/



ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

ศูนย์วิจัยข้าวแพร่จัดโครงการ ข้าวไทย ก้าวหน้าด้วยพระบารมี

ศูนย์วิจัยข้าวแพร่จัดโครงการ ข้าวไทย ก้าวหน้าด้วยพระบารมี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 86 พรรษา

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา และเผยแพร่ผลงานวิชาการข้าวแก่ชาวนาและประชาชนทั่วไป ทางศูนย์วิจัยข้าวแพร่ จึงได้จัดโครงการ ข้าวไทย ก้าวหน้าด้วยพระบารมี ขึ้นโดยมีนายธนากร อึ้งจิตรไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานเปิดงาน ที่บริเวณศูนย์วิจัยข้าวแพร่ อำเภอเมืองแพร่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ พระองค์ทรงตระหนักถึงความสำคัญของข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยและเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ ทรงเห็นความสำคัญของการวิจัยและทดสอบพืชในสภาพแวดล้อมต่างๆ จึงทรงให้การสนับสนุนงานวิจัย และพัฒนาข้าวอย่างต่อเนื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการวิจัยและส่งเสริมการปลูกข้าวนาสวน ข้าวไร่ ตลอดจนการปรับปรุงระบบการผลิตข้าว ในโครงการศึกษาการพัฒนาอันเนื่องจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่ง

ศูนย์วิจัยข้าวแพร่ได้ดำเนินการก่อตั้งมาเมื่อปี พ.ศ. 2513 หรือ 44 ปีที่ผ่านมา สามารถวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ประชาชนนำไปปลูกและผลิตเป็นอาหารจำนวน 4 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีการผลิตมาปรับใช้ เช่นเทคโนโลยีการผลิตข้าวไร่ยั่งยืน และเทคโนโลยีการผลิตข้าวแบบขั้นบันได เพื่อแก้ไขปัญหาการผลิตข้าวให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ เพื่อจะให้เกษตรกรไทยได้มีผลผลิตข้าวที่ดีมีคุณภาพ ตรงตามหลักวิชาการและสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตลดค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกร /.




ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงอาจเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนอาจเกิดฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก เกิดขึ้นได้ในระยะนี้ ให้ประชาชนระมัดระวังภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า จากการคาดหมายลักษณะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าลักษณะทั่วไปลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 5-6 พฤษภาคม 2557 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกบางพื้นที่

จึงขอให้ประชาชนและส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามพยากรณ์อากาศ และตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง กิ่งไม้ ต้นไม้ ป้ายโฆษณา ที่ไม่มั่นคงและแข็งแรง หากพบให้ดำเนินการื้อถอนออกหรือดำเนินการให้เกิดความปลอดภัย เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพะเยา มอบเงินฝากรวมกว่า 100 ล้านบาท ให้กับ ธกส. เพื่อนำเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนาโครงการรับจำนำข้าว

วันนี้ (2 พ.ค. 57) ที่ห้องเบญจรงค์ โรงแรมพะเยาเกทเวย์ นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานรับมอบเงินจากนายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา จำนวน 45 ล้านบาท รวมถึงจากผู้บริหารเทศบาลเมืองพะเยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่รวมกว่า 104 ล้านบาท ก่อนส่งมอบให้กับทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาพะเยาเพื่อนำไปเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนาของจังหวัดพะเยา หลังจากก่อนหน้านี้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรับบาล แต่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือนร้อนให้กับเกษตรกร ซึ่งก่อนหน้านี้ ทาง ธ.ก.ส.สาขาพะเยาได้รับมอบเงินบริจาค และเงินสมทบแล้วกว่า 12 ล้านบาท ขณะที่ยอดเงินรวมของทั้งประเทศทั้ง 3 รูปแบบอยู่ที่ 8,700 กว่าล้านบาท

นายพันธ์ศักดิ์ คงสุภาพกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.สาขาพะเยา กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ผู้มีจิตศรัทธายังสามารถร่วมบริจาค และสมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนาได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งเงินที่รับมอบในวันนี้ทาง ธกส. จะทยอยจ่ายให้กับเกษตรกรจนครบตามลำดับที่ทำใบประทวนกับทางการไว้




ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดการประชุมโครงการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบนที่จังหวัดพะเยา

วันนี้ (2 พ.ค. 57) ที่ห้องพรนภา โรงแรมพะเยาเกทเวย์ นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบนที่จังหวัดพะเยา ซึ่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดขึ้นเพื่อสำรวจรวบรวมข้อมูลความพร้อมด้านการท่องเที่ยวใน 4 มิติ ประกอบด้วย ด้านอุปสงค์ สาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบข้อมูลอำนวยความสะดวก และผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมทั้งวิเคราะห์ศักยภาพในการให้บริการด้านการท่องเที่ยวและกำหนดเป็นยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนา ตลอดจนจัดทำแอพพลิเคชั่นการท่องเที่ยวที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการให้ข้อมูลกับกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้ประกอบกิจการที่พัก ร้านอาหาร ในพื้นที่จังหวัดพะเยา เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนกว่า 60 คน

สำหรับโครงการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดใหม่ เขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เป็นการวิจัยที่มีเป้าหมายเพื่อการจัดการความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมทั้งการจัดทำระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของกลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อให้ข้อมูลในการติดต่อระหว่างกลุ่มนักท่องเที่ยวกับผู้ให้บริการ อีกด้วย



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

บทความพิเศษ : วันฉัตรมงคล

วันฉัตรมงคล เป็นวันที่ระลึกในการครบรอบปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ สืบต่อจาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษา ณ ทวีปยุโรป จนกระทั่งทรงบรรลุนิติภาวะ จึงเสด็จนิวัติประเทศไทย และรัฐบาลไทยได้น้อมเกล้าฯ จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกถวาย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 ดังนั้น เหล่าพสกนิกรไทยจึงได้ถือเอาวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันฉัตรมงคลรำลึก

พระราชพิธีฉัตรมงคล เป็นเครื่องหมายยืนยันว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติมาครบรอบปีด้วยดีอีกวาระหนึ่ง และตลอดเวลาที่ผ่านมาพระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและปวงชนชาวไทยนับอเนกอนันต์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ประชาชนชาวไทยจึงได้จัดให้มีการเฉลิมฉลองเนื่องในวันฉัตรมงคลเป็นประจำทุกปี ในปีนี้ จึงขอเชิญพสกนิกรทุกหมู่เหล่าปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ ร่วมทำบุญตักบาตร ประกอบพิธีทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศล น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยให้ทรงพระเกษมสำราญ ทรงเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นมหามิ่งขวัญแก่พสกนิกรชาวไทยไปชั่วกาลนาน



พวงพยอม คำมุง / เรียบเรียง
ข้อมูลจาก : ฝ่ายส่งเสริมและเผยแพร่การประชาสัมพันธ์
ส่วนแผนงานและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ สปข.3

จังหวัดน่าน จัดงานวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม 2557

นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน แจ้งว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม 2557 นับเป็นโอกาสมหามงคลพิเศษยิ่ง ที่ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะได้ร่วมแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมแสดงความจงรักภักดี ถวายเป็นราชสักการะ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทยตลอดมา ในโอกาสนี้ จังหวัดน่าน ได้กำหนดจัดงานวันฉัตรมงคล ประจำปี 2557 ในวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 09.09 น. ณ หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดน่าน เพื่อให้การจัดงานถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติฯ ดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติ ดังนั้น จังหวัดน่าน จึงขอให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร ห้างร้าน สมาคม ชมรม และประชาชน ทุกภาคส่วนในจังหวัดน่าน ได้พิจารณาดำเนินการร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ดังนี้

1. ขอเชิญชวนตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ / พระบรมสาทิสลักษณ์ พร้อมคำถวายพระพร ทรงพระเจริญ หรือประดิษฐานพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และขอเชิญชวนประดับธงชาติ ธงพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และตกแต่งหลอดไฟ ตามสถานที่ราชการ หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน อาคาร บ้านเรือน ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2557

2. ขอเชิญส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทุกภาคส่วน ในจังหวัดน่าน เข้าร่วมงานรัฐพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันฉัตรมงคล จังหวัดน่าน ประจำปี 2557 ในวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 09.09 น. ณ หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดน่าน และอำเภอทุกอำเภอ (ยกเว้นอำเภอเมืองน่าน) โดยพร้อมเพรียงกัน

3. ขอเชิญร่วมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ หรือจัดกิจกรรมปรับปรุงฟื้นฟูสภาพ บ้านเมือง เช่น การทำความสะอาดสาธารณสถาน สถานที่ราชการ อาคาร บ้านเรือน วัด ถนนหนทาง คูคลอง หรือการกำจัดวัชพืช การสร้างหรือซ่อมแซมตามสถานที่สาธารณะ ให้มีสภาพเรียบร้อย และดูสวยงาม ในวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2557



พวงพยอม  คำมุง / ข่าว

จังหวัดเชียงใหม่เตรียมจัดงานประเพณีบูชาเสาอินทขิล ปี 2557

จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เทศบาลนครเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมเตรียมการจัดงานประเพณี บูชาเสาอินทขิล ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 25 – 31 พฤษภาคม 2557 และพิธีออกอินทขิล ในวันที่ 1 มิถุนายน 2557

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2557 เวลา 13.30 น.ที่กุฏิจันทกุสลานุสรณ์ วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีการประชุมคณะกรรมการจัดงานประเพณีใส่ขันดอกบูชาอินทขิล โดยมีพระราชเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง วรวิหารเป็นประธานในที่ประชุม ได้ร่วมประชุมกับนายบพิตร วิทยาวิโรจน์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับตัวแทนจากเทศบาลนครเชียงใหม่ ตำรวจ สภ.เมือง ตำรวจจราจร ตัวแทนจากกองบิน 41 และผู้เกี่ยวข้องในฐานะคณะกรรมการจัดงานประเพณีใส่ขันดอกบูชาอินทขิล ประชุมเตรียมจัดงานประเพณีใส่ขันดอกบูชาอินทขิล ประจำปี 2557 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 25 พฤษภาคม เป็นวันเข้าอินทขิล จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม และพิธีออกอินทขิล วันที่ 1 มิถุนายน 2557 เพื่อให้การจัดงานเกิดความเรียบร้อย จึงประชุมทำความเข้าใจ และมอบหมายงานแก่ฝ่ายต่าง ๆ โดยกำหนดแผนการจัดงาน พิจารณาปัญหาปีที่ผ่านมา และแนวทางแก้ไข

พระครูปลัดสุวัฒนเมตตาคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน(ธ) กล่าวว่า ปีนี้ทางวัดได้บูรณะวิหารอินทขิลใหม่ ทำให้พื้นที่จัดกิจกรรมเปลี่ยนไป โดยรอบวิหารอินทขีลทางวัดจะจัดระเบียบเองทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับวิหารใหม่ มีการจัดดนตรีพื้นเมืองสมโภชเสาอินทขิลตลอด 7 วัน 7 คืน

โดยในที่ประชุม ได้แจ้งขอความร่วมมือกับมณฑลทหารบกที่ 33 และกองบิน 41 เพื่อจัดกำลังพล 60 นายเข้าริ้วขบวนแห่พระฝนแสนห่าไปรอบเมือง ในทหารชุดโบราณ ตามกำหนดการก่อนพิธีเปิดงานเวลา 14.00 น. ออกจากวัดไปตามถนนพระปกเกล้า ผ่านข่วงสามกษัตริย์เลี้ยวขวาไปตามถนนราชวิถีเข้าสู่ถนนช้างม่อย ช้างม่อยตัดใหม่เข้าถนนท่าแพ ถนนราชดำเนินถึงสี่แยกกลางเวียงเลี้ยวเข้าสู่วัด เวลา 15.00 น.มีพิธีเปิดงานประเพณีใส่ขันดอกบูชาเสาอินทขิล (หลักเมืองเชียงใหม่) โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานเริ่มจากลั่นฆ้องชัย 9 ครั้ง พระสงฆ์ในวิหารอินทขีลเจริญชัยมงคลคาถา พิธีสรงน้ำพระพุทธรูปฝนแสนห่า และประธานนำประชาชนใส่ขันดอก และเวลา 17.00 น.ทุกวันมีเจริญพระพุทธมนต์โดยพระสงฆ์ 9 รูป ส่วนออกอินทขิลที่ 1 มิถุนายน เวลา 10.00 น.พระสงฆ์ 108 รูปเจริญพระพุทธมนต์ และเวลา 13.00 น. มีพิธียกฉัตรหลังคาวิหารอินทขีลหลักเมืองเชียงใหม่ เป็นเสร็จพิธี สำหรับรายละเอียดอื่นๆ สอบถามได้ที่สำนักงานเลขานุการของวัด 053-814309 และ 089-9999380



ข่าวโดย : ไผท สุวรรณเสวตร
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

ผู้แทน ทสจ.เชียงใหม่ชี้ปัญหาหมอกควันไฟป่าเกิดจากการกระทำของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่จัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่า เพื่อให้การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักในปัญหาที่เกิดจากไฟป่า หมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำ และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยหัวหน้าฝ่ายส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ชี้สาเหตุสำคัญของปัญหาหมอกควันไฟป่าเกิดจากการกระทำของมนุษย์ และ การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ

นางอุบลรัตน์ คงกระพันธ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าขึ้น เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2557 ณ โรงแรมราชพฤกษ์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้รับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย หอกระจายข่าว ผู้จัดรายการวิทยุชุมชน และ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อป.พร.) ในพื้นที่ 5 อำเภอ ประกอบด้วย จอมทอง ฮอด อมก๋อย ดอยหล่อ และแม่แจ่ม จำนวน 61 คน โดยได้เชิญ นายสมคิด ปัญญาดี หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ นโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน มลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยให้ข้อมูลว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดห้วงเวลาควบคุมการเผา 80 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 21 เมษายน 2557 ภายใต้ชื่อโครงการ “80 วันแห่งการเฝ้าระวัง และควบคุมหมอกควันไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่” ซึ่งจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในจังหวัดเชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 17-282 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดี แต่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดหมอกควันและ ไฟป่ามีอยู่ 2 ประเด็น คือ เกิดจากการกระทำของมนุษย์ การกำจัดหญ้า เศษวัชพืช การเผาขยะ รวมไปถึงการจราจรซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดหมอกควัน และสภาพของธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อน ความแห้งแล้ง และหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้านที่พัดเข้ามา ผู้ได้รับผลกระทบรุนแรงได้แก่ประชาชนที่ป่วยด้วยโรคหัวใจและโรคปอด กลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก

หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวต่อไปว่า สำหรับยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2557 ยุทธศาสตร์ที่ 1 ควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน หมู่บ้าน โดย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม และการเผาในที่โล่งโดย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลัก ยุทธศาสตร์ที่ 3 การควบคุมไฟป่าในพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ทำกินตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 และวันที่ 11 พฤษภาคม 2542 โดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลัก ยุทธศาสตร์ที่ 4 ประชาสัมพันธ์และสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานหลัก และยุทธศาสตร์ที่ 5 ส่งเสริมการวิจัยและขยายองค์ความรู้ โดยสถาบันการศึกษาเป็นหน่วยงานหลัก และที่สำคัญการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าที่ดีที่สุด คือการหยุดเผา ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหมอกควันและไฟป่าได้



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว/พัชรินทร์ คำนาศักดิ์
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

ผศ.ดร. ศุทธินี ดนตรี ชี้การชิงเผา เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าได้อย่างยั่งยืน

ในการสัมมนาเสริมสร้างความรู้ ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่า ซึ่งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ผศ.ดร. ศุทธินี ดนตรี อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ความรู้ในเรื่องของการชิงเผา ซึ่งเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าได้อย่างยั่งยืน

นางอุบลรัตน์ คงกระพันธ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในการสัมมนาเสริมสร้างความรู้ ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่า ซึ่งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2557 ณ โรงแรมราชพฤกษ์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้เชิญ ผศ.ดร. ศุทธินี ดนตรี อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาบรรยายให้ความรู้ในเรื่องการแก้ไขปัญหาหมอกควันอย่างยั่งยืน แก่ผู้เข้ารับการสัมมนาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย หอกระจายข่าว วิทยุชุมชน และ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อป.พร.) จากอำเภอจอมทอง แม่แจ่ม อมก๋อย ฮอด และ ดอยหล่อ จำนวน 61 คน โดยได้นำผลการวิจัยถึงวิธีการจัดการไฟปาที่ชุมชนในพื้นที่ดำเนินโครงการวิจัยเลือกใช้ มาชี้แนะเป็นแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ซึ่งการชิงเผาก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าได้อย่างยั่งยืน โดยให้ข้อมูลว่า จากประสบการณ์จริงที่เข้าดำเนินการวิจัย ตั้งแต่ปี 2553 ในพื้นที่อำเภอจอมทองซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงปี 2559 นั้น พบว่าปัญหาหมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปีมีความรุนแรงมากที่สุด โดยการจัดเก็บข้อมูลปัญหาหมอกควันไฟป่าในปีนี้ ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2556 จนถึงวันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา พบการเกิดจุดความร้อนทั้งหมด 3,865 จุด โดยพบการเกิดมากที่สุดในพื้นที่อำเภออมก๋อย ซึ่งก็หมายความว่ามีพื้นที่การเผาไหม้เกิดค่อนข้างเยอะตามไปด้วย ในส่วนของการบริหารจัดการปัญหาหมอกควันพบปัญหาอุปสรรคหลายประการ ได้แก่ งบประมาณในการดำเนินงานน้อย การกระจายงบประมาณไม่ครอบคลุมหน่วยงานที่ต้องดำเนินการในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า

ผศ.ดร. ศุทธินี ฯ กล่าวถึงวิธีการจัดการไฟป่าด้วยการชิงเผา ว่า การใช้ไฟลดจำนวนเชื้อเพลิงในป่าผลัดใบ โดยเฉพาะป่าเต็งรังให้มีปริมาณลดลงบางส่วนเป็นการล่วงหน้าก่อนที่จะมีปริมาณเชื้อเพลิงสะสมมากจนเกินไป เพื่อลดความรุนแรงของการเกิดไฟป่าในภายหลัง โดยมีการกำหนดพื้นที่ที่ต้องการชิงเผาที่เห็นว่ามีความจำเป็นและเลือกช่วงเวลาในการชิงเผาที่เหมาะสมตามการเพิ่มปริมาณของเชื้อเพลิงตามธรรมชาติ หรือช่วงที่ใบไม้ร่วงหล่นลงมาร้อยละ 60-70 และไม่สร้างผลกระทบด้านหมอกควันมากแก่ชุมชนใกล้เคียง การทำการชิงเผาหากอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์หรือป่าสงวนแห่งชาติจำเป็นต้องแจ้งขออนุญาต หรือทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง นอกจากนั้นก่อนการชิงเผาต้องมีการทำแนวกันไฟโดยรอบพื้นที่ชิงเผาก่อน เพื่อควบคุมให้ไฟลุกไหม้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดเอาไว้เท่านั้น และอยู่รอจนกระทั่งไฟในพื้นที่ชิงเผานั้นดับหมดแล้ว สำหรับการทำแนวกันไฟ การลาดตระเวนและดับไฟ การทำฝายชะลอน้ำ ก็เป็นวิธีการจัดการไฟป่าในพื้นที่ชุมชนที่มีประสิทธิภาพซึ่งต้องดำเนินการควบขนานกับการประชาสัมพันธ์ สื่อสารและการประสานงาน ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารและกิจกรรมที่กำลังจัดทำในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างความร่วมมือ ความเข้าใจ และลดความขัดแย้ง โดยผ่านการกระจายเสียงในหมู่บ้าน วิทยุชุมชน สถานีวิทยุในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ สื่อโทรทัศน์ เครือข่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่าวลุ่มน้ำ และโรงเรียน



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว/พรไพลิน นุชเครือ
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

ผู้แทนสาธารณสุขเชียงใหม่ ชี้ผลกระทบต่อสุขภาพเกิดจากปัญหาหมอกควัน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่จัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่าเพื่อให้การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักในปัญหาที่เกิดจากไฟป่า หมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำ และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยผู้แทนสาธารณสุขเชียงใหม่ ชี้ผลกระทบต่อสุขภาพเกิดจากปัญหาหมอกควัน

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2557 เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมราชพฤกษ์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ นางอุบลรัตน์ คงกระพันธ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการจัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ซึ่งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักในปัญหาที่เกิดจากไฟป่า หมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำ และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยนางปัยลดา เพี้ยงจันทร์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สาธารณสุขอำเภอจอมทอง ผู้แทนสาธารณสุขเชียงใหม่ ผู้บรรยายประเด็นผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควัน เปิดเผยว่า ปัญหาสุขภาพที่มีสาเหตุจากหมอกควัน ที่มีค่า pm10 เกินมาตรฐานส่งผลกระทบไปยังบุคคลทั่วไปเป็นจำนวนมาก และที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ กลุ่มเสี่ยงได้แก่ผู้สูงอายุที่มีอัตราการหายใจ 60-70 ครั้งต่อนาที เด็กที่มีอัตราการหายใจ 80 ครั้งขึ้นไปต่อนาที รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคปอด โรคหัวใจ โดยชี้แนะวิธีการป้องกันตนเองในช่วงที่เกิดสถานการณ์หมอกควันรุนแรงว่าให้งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อเป็นการป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐานเข้าร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน สำนักงานสาธารณสุขทั้งระดับจังหวัดและระดับอำเภอร่วมกับทางโรงพยาบาลในพื้นที่ได้ดำเนินการรณรงค์ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่เกิดจากหมอกควันที่เกินค่ามาตรฐาน รวมทั้งได้แนะนำวิธีปฏิบัติตนของกลุ่มเสี่ยง โดยให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่มีหมอกควัน และควรปิดประตูหน้าต่างด้วย ทั้งนี้ฝุ่นละอองที่เข้าสู่ร่างกายมีผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ หายใจลำบาก บางรายจะเกิดอาการแน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติ ในเฉพาะผู้ที่เป็นโรคปอด โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด เมื่อสูดดมฝุ่นละอองเข้าไปจะมีผลกระทบโดยตรงทำให้เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งจะพบมากในผู้สูงอายุ



ข่าวโดย : ราตรี จักรแก้ว/คริษฐ์ ศุกรภาส
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบพิธีถวายราชสดุดี เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล ประจำปี 2557

จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบพิธีถวายราชสดุดี เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล ประจำปี 2557 ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 09.00 น. ณ อาคารสวัสดิสงเคราะห์ ธนาคาแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ โดยเชิญชวนพสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมพิธีในวันดังกล่าว

 นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ตรงกับวันฉัตรมงคล ซึ่งเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของปวงชนชาวไทย ที่อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นวันที่รำลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี และราชอาณาจักรไทย ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ต่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 และดำรงพระอิสริยยศเป็น "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช" เนื่องจากยังมิได้ทรงผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็เสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาอยู่ ณ ทวีปยุโรป จนกระทั่งทรงบรรลุ นิติภาวะ จึงได้เสด็จนิวัติประเทศไทย ดังนั้นรัฐบาลไทยและ พสกนิกร จึงได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม จัดงานพระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตร หรือรัฐพิธีฉัตรมงคล หรืออาจเรียกว่าพระราชพิธีฉัตรมงคล ซึ่งกระทำในวันบรมราชาภิเษก ถวายเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระปฐม บรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พสกนิกรชาวไทยจึงได้ถือเอาวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันฉัตรมงคล เพื่อน้อมรำลึกถึงวันสำคัญนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ในปีนี้ ได้กำหนดจัดงานวันฉัตรมงคลขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ณ อาคารสวัสดิสงเคราะห์ สโมสรธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานในพิธีจะนำเจ้านายฝ่ายเหนือ กงสุลต่างประเทศ สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้าราชารตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ข้าราชการบำนาญ สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสมาคม ชมรม สโมสร มูลนิธิ นักเรียน นักศึกษา และพ่อค้าประชาชน ประกอบพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนร่วมพิธีดังกล่าว โดยข้าราชการพลเรือน แต่งกายเครื่องแบบปกติขาว ข้าราชการทหาร ตำรวจ แต่งเครื่องแบบปกติขาว คาดกระบี่ ถุงมือ บุคคลทั่วไปซึ่งเป็นสุภาพบุรุษ แต่งชุดสากลนิยม ชุดผ้าไทย ชุดพระราชทานหรือเครื่องแบบตามสังกัด ส่วนสุภาพสตรี แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองห่มสไบ หรือเครื่องแบบตามสังกัด หรือชุดสุภาพ



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

การคาดหมายลักษณะอากาศในเดือนพฤษภาคม 2557 ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ คาดหมายลักษณะอากาศในเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงฤดูกาลจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน พร้อมเตือนประชาชนให้เตรียมป้องกันภัย ตลอดจนติดตามสภาพอากาศจาก ศูนย์อุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

นายสมาน ปราการรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดหมายลักษณะอากาศของภาคเหนือในเดือนพฤษภาคม 2557 ว่าเป็นเดือนที่เปลี่ยนแปลงฤดูกาลจากฤดูร้อน เข้าสู่ฤดูฝน โดยครึ่งแรกของเดือนสภาพอากาศจะแปรปรวน โดยจะมีฝนเพิ่มขึ้นแต่ไม่ต่อเนื่อง ระยะครึ่งหลังของเดือนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มพัดปกคลุมประเทศไทย และอาจมีร่องมรสุมเริ่มขยับขึ้นจากภาคใต้ พาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้น ส่วนมากทางตอนล่างของภาค โดยทั่วไป เดือนนี้อุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยและปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย และจากสภาพอากาศแปรปรวน ความกดอากาศต่ำที่ก่อตัวขึ้นในทะเลอันดามัน มีโอกาสทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน และเคลื่อนตัวทางเหนือค่อนทางตะวันออก เข้าใกล้ด้านตะวันตกของภาคเหนือ ซึ่งอาจทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมากได้ จึงได้เตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมป้องกันภัย ตลอดจน ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดได้ทาง www.cmmet.tmd.go.th หรือสอบถามข้อมูลได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-5327-7919 และ 0-5392-2365 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง




ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

ผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจังหวัดเชียงใหม่ ปีการผลิต 2556/57

การค้าภายในจังหวัดเชียงใหม่รายงานผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจังหวัดเชียงใหม่ ปีการผลิต 2556/2557 ต่อที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงใหม่

ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงใหม่ในเดือนเมษายน 2557 การค้าภายในจังหวัดเชียงใหม่ (นางนิยดา หมื่นอนันต์) ได้รายงานผลการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2556/57 ซึ่งเป็นข้อมูลสะสมตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2556 – 28 กุมภาพันธ์ 2557 ว่า มีปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือก รวม 140,204.51 ตัน โดยมีการออกใบประทวน 33,220 ฉบับ แยกเป็นการรับจำนำโดยโรงสีในพื้นที่จำนวน 10 แห่ง ปริมาณข้าวเปลือก 69,901.28 ตัน ใบประทวน 11,296 ฉบับ และการรับจำนำโดยโรงสีนอกพื้นที่ จำนวน 24 แห่ง ปริมาณข้าวเปลือก 70,303.23 ตัน ใบประทวน 21,294 ฉบับ โดยมีคลังสินค้ากลางจังหวัดเชียงใหม่ 5 แห่ง ร่วมในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 จำนวนข้าวเปลือกรับมอบ 164,146 ตัน ปัจจุบันคงเหลือ 29,491 ตัน ส่วนปีการผลิต 2556/57 มีคลังสินค้ากลางจังหวัดเชียงใหม่ 5 แห่งเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โดยจำนวนข้าวเปลือกรับมอบ จำนวน 209,855 ตัน ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ครบทั้งจำนวน

ในส่วนผู้แทนสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ (นายกฤษดา พรหมเกียรติแก้ว) ได้รายงานผลการจ่ายเงินกู้ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2557 มีจำนวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 28,606 ราย ใบประทวน 32,136 ฉบับ ปริมาณข้าวเปลือก 137,433 ตัน เป็นเงินทั้งสิ้น 2,211,945,396 บาท จ่ายเงินกู้แล้ว 16,976 ราย ใบประทวน 20,163 ฉบับ ปริมาณข้าวเปลือก 86,245 ตัน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,385,104,324 บาท คงเหลือค้างจ่าย 11,630 ราย ใบประทวน 11,973 ฉบับ ปริมาณข้าว 51,188 ตัน เป็นเงินทั้งสิ้น 826,841,072 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานโครงการกองทุนช่วยเหลือชาวนา ข้อมูล ณ วันที่ 24 เมษายน 2557จำนวน 3 กองทุน จำนวน 615 บัญชี รวมเป็นเงิน 20,909,649.26 บาท แยกเป็น กองทุนที่ 1 (บริจาค) ยอดรับบริจาค 243,426 บาท กองทุนที่ 2 (แบบไม่มีผลตอบแทน) จำนวน 483 บัญชี จำนวนเงิน 13,211,385.22 กองทุนที่ 3 (แบบมีผลตอบแทน) จำนวน 132 บัญชี จำนวนเงิน 7,454,838.04 บาท



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

สถานการณ์การผลิตหอมแดง และกระเทียม ปีการผลิต 2556/57

การค้าภายในจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์การผลิตหอมแดงและกระเทียม ปีการผลิต 2556/57 ต่อที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยกล่าวถึงปัญหาการผลิตหอมแดงเกิดจากผู้ประกอบการค้าหอมแดงไม่สามารถระบายผลผลิตได้ เนื่องจากตลาดต่างประเทศ (อินโดนีเซีย) ยังไม่เปิดโควตาใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการหอมแดงที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ส่วนกระเทียมพบปัญหาราคากระเทียมมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากมีการนำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศมาจำหน่ายในราคาต่ำกว่ากระเทียมไทย

ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงใหม่ในเดือนเมษายน 2557 การค้าภายในจังหวัดเชียงใหม่ (นางนิยดา หมื่นอนันต์) ได้สรุปสถานการณ์การผลิตหอมแดง โดยเปรียบเทียบข้อมูลการผลิตปี 2554/55 ปีการผลิต 2555/56 และปีการผลิต 2556/57 ว่า ในปี 2554/55 มีเกษตรกรที่ ทำการเพาะปลูกจำนวน 4,370 ราย พื้นที่ปลูกรวม 14,928 ไร่ ผลผลิตรวม 52,264 ตัน ปี 2555/56 มีเกษตรกรเพาะปลูกจำนวน 2,257 ราย พื้นที่ปลูกรวม 11,539 ไร่ ผลผลิตรวม 26,436 ตัน ส่วนปีการผลิต 2556/57 มีเกษตรกรเพาะปลูกน้อยลงเหลือ 1,818 ราย พื้นที่เพาะปลูก 9,440 ไร่ แต่ได้รับผลผลิตเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 33,311 ตัน โดยปัจจุบันสถานการณ์การตลาดขณะนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ร้อยละ 88 เก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้ว คงเหลือที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวประมาณร้อยละ 12 ซึ่งเป็นผลผลิตที่คงเหลือในอำเภอแม่แจ่ม ประมาณ 4,000 – 5,000 ตัน ซึ่งเป็นผลผลิตทั้งสดและคละแห้ง

สำหรับการเปรียบเทียบราคา ณ ช่วงเดือน มีนาคม – เมษายน โดย ปีการผลิต 2554/55 หอมแดงสดคละราคา 4.75 บาท/กก. หอมแดงแห้งคละ 13.75 บาท/ กก. หอมแดงมัดจุกใหญ่ 17.10 บาท/กก. และ หอมแดงมัดจุกกลาง 14.50 บาท/กก. ปีการผลิต 2555/56 หอมแดงสดคละราคา 9.25 บาท/กก. หอมแดงแห้งคละ 14 บาท/ กก. หอมแดงมัดจุกใหญ่ 16 บาท/กก. ปีการผลิต 2556/57 หอมแดงสดคละราคา 5 บาท/กก. หอมแดงแห้งคละ 13 บาท/ กก. หอมแดงมัดจุกใหญ่ 20.50 บาท/กก. และ หอมแดงมัดจุกกลาง 17.50 บาท/กก. และ พบว่าภาวะการค้าเริ่มคล่องตัว โดยผลผลิตหอมแดงทุกประเภทมีการปรับตัวราคาจำหน่ายขึ้นจากสัปดาห์ก่อนกิโลกรัมละ 1-2 บาท สำหรับปัญหาและอุปสรรคของการผลิตหอมแดงในปีการผลิต 2556/57 เกิดจากผู้ประกอบการค้าหอมแดงไม่สามารถระบายผลผลิตได้ เนื่องจากตลาดต่างประเทศ (อินโดนีเซีย) ยังไม่เปิดโควตาใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการหอมแดงที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย

การค้าภายในจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การผลิตกระเทียมของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเปรียบเทียบข้อมูลการผลิตปี 2554/55 ปีการผลิต 2555/56 และปีการผลิต 2556/57 ว่า ในปี 2554/55 มีเกษตรกรที่ ทำการเพาะปลูกจำนวน 6,824 ราย พื้นที่ปลูกรวม 37,209 ไร่ ผลผลิตรวม 114,068 ตัน ปี 2555/56 มีเกษตรกรเพาะปลูกจำนวน 4,767 ราย พื้นที่ปลูกรวม 30,983 ไร่ ผลผลิตรวม 32,379 ตัน ส่วนปีการผลิต 2556/57 มีเกษตรกรเพาะปลูกน้อยลงเหลือ 4,263 ราย พื้นที่เพาะปลูก 29,527 ไร่ แต่ได้รับผลผลิตเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 111,289 ตัน โดยปัจจุบันสถานการณ์การตลาดขณะนี้เกษตรกรได้เก็บเกี่ยวผลผลิตครบทุกพื้นที่แล้ว

สำหรับการเปรียบเทียบราคา ณ ช่วงเดือน มีนาคม – เมษายน โดย ปีการผลิต 2554/55 กระเทียมสดคละราคา 17.29 บาท/กก. กระเทียมแห้งคละ 51.69 บาท/ กก. กระเทียมมัดจุกใหญ่ 84.32 บาท/กก. และ กระเทียมมัดจุกกลาง 81.76 บาท/กก. ปีการผลิต 2555/56 กระเทียมสดคละราคา 8.50 บาท/กก. กระเทียมแห้งคละ 29.99 บาท/ กก. ปีการผลิต 2556/57 กระเทียมสดคละราคา 14 บาท/กก. กระเทียมแห้งคละ 42.75 บาท/ กก.นอกจากนั้นยังพบว่าภาวะการค้าในสัปดาห์นี้ไม่คล่องตัว โดยราคากระเทียมแห้งคละราคา กก.ละ 30 – 35 บาท กระเทียมแห้งมัดจุกใหญ่ กก.ละ 50 – 60 บาท และ กระเทียมแกะกลีบ กก.ละ 60 – 70 บาท สำหรับปัญหาและอุปสรรคของการผลิตกระเทียมในปีการผลิต 2556/57 พบว่า ราคากระเทียมมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากมีการนำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศมาจำหน่ายในราคาต่ำกว่ากระเทียมไทย



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่