วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรม "วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า" ประจำปี 2557

จังหวัดเชียงใหม่จัดกิจกรรม "วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า" ประจำปี 2557 เพื่อรณรงค์กระตุ้นให้ประชาชนมีความเข้าใจ และตระหนักถึงอันตรายของไฟป่าและร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนและเกษตรกร งดการจุดไฟเผาป่า

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2557) เวลา 10.30 น. นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีการจัดกิจกรรมวันรณรงค์ปลอดควันพิษจากไฟป่าประจำปี พ.ศ.2557 ณ บริเวณลานสนามหญ้าหน้าอาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรณรงค์กระตุ้นให้ประชาชนมีความเข้าใจ และตระหนักถึงอันตรายของไฟป่าและร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนและเกษตรกร งดการจุดไฟเผาป่า ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน ในการป้องกันและควบคุมรักษาไฟป่าเชียงใหม่ ประกอบกับสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดห้วงเวลา “80 วันแห่งการเฝ้าระวังและควบคุมหมอกควันไฟป่าจังหวัด”

นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) กล่าวรายงานการจัดกิจกรรมว่า ด้วยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2543 ได้กำหนดให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า” เพื่อรณรงค์กระตุ้นให้ประชาชนมีความเข้าใจ และตระหนักถึงอันตรายของไฟป่าและร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนและเกษตรกร งดการจุดไฟเผาป่า ประกอบกับสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดห้วงเวลา “80 วันแห่งการเฝ้าระวังและควบคุมหมอกควันไฟป่าจังหวัด” กรมป่าไม้จึงได้มอบหมายให้สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) กรมป่าไม้ ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการจัดกิจกรรมงาน “วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า” ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557

การจัดกิจกรรมงาน “วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า” มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1.เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ ตลอดจนอุปกรณ์และยานพาหนะ ให้มีศักยภาพสูงสุดในการเข้าปฏิบัติงานควบคุมไฟป่า 2.เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาไฟป่า และระลึกถึงวันให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า โดยกำหนดให้เป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี 3.เพื่อให้เกิดความตระหนักในการร่วมมือร่วมใจในทุกภาคส่วนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า โดยมีกลุ่มเป้าหมายร่วมกิจกรรมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ 300 นาย กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช 200 นาย เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ กลุ่มชมรม Jeep Club Chiangmai และชมรมไก่ป่า 4x4 เชียงใหม่ และประชาชนผู้สนใจ รวมทั้งสิ้น 1,500 คน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า” โดยมีเจตนารมณ์เกี่ยวเนื่องจากสถานการณ์หมอกควันในปัจจุบัน ปัญหาหมอกควันส่วนใหญ่เกิดจากไฟป่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมของทุกปี จากข้อมูลของจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองในอากาศ (PM10) ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) เพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสมดุลทางธรรมชาติ ปัญหาหมอกควันก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ปัญหาโลกร้อน ส่งผลกระทบคุณภาพชีวิตของประชาชนปัญหาเหล่านี้ยังผลต่อเนื่องถึงระบบเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในปัจจุบันต้องยอมรับว่ารายได้หลักของจังหวัดเชียงใหม่มาจากการท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและทันต่อเวลา ดังนั้น เพี่อเป็นการแก้ไขและลดผลกระทบที่เกิดขึ้นตามหลักนโยบาย 2P2R กล่าวคือการป้องกันการเตรียมพร้อมการรับมือ และการฟื้นฟู และการให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากไฟป่า จึงจำเป็นต้องกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาไฟป่า กระตุ้นความพร้อมของเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ และยานพาหนะ ให้มีศักยภาพสูงสุดในการเข้าปฏิบัติงาน ตลอดจนการร่วมมือร่วมใจใน ทุกภาคส่วนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ซึ่งการดำเนินงานที่สำคัญนี้จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณในการปฏิบัติงาน


ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา

จังหวัดเชียงใหม่ จัดประชุมสรุปผลการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2557

จังหวัดเชียงใหม่จัดประชุมสรุปผลการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2557 โดยนำสรุปผลการประเมินความพึงพอใจผลการจัดงาน ฯ ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ ดำเนินการสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนมาพิจารณาเพื่อหาแนวทางปรับปรุงในการจัดงานในปีต่อไปให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

วันนี้ (24 ก.พ.57) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมศูนย์อำนวยความเป็นธรรม ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายโชคดี อมรวัฒน์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมสรุปผลการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2557 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา ณ บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ ลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ และ สวนสาธารณะหนองบวกหาด เพื่อเชิดชูและคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดเชียงใหม่ และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ โดยการจัดประชุมครั้งนี้เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะในการดำเนินงานเพื่อเป็นข้อมูลในการจัดงานครั้งต่อไป โดยการจัดงานในครั้งนี้มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ ได้ประเมินความพึงพอใจโดยทอดแบบสอบถามกลุ่มประชาชน 3 กลุ่ม จำนวน 2,000 ราย ประกอบด้วย กลุ่มนักท่องเที่ยว/ผู้ชม กลุ่มผู้ประกอบการ และ กลุ่มผู้ปฏิบัติงาน โดยผลการประเมินในภาพรวมพบว่าในปีนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้ชมงานมีจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่า ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นข้อมูลในการจัดงานครั้งต่อไปให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ในประเด็นสำคัญ ๆ ดังนี้

ด้านการประชาสัมพันธ์ ควรมีการประชาสัมพันธ์กำหนดการจัดงานให้ทั่วถึงครอบคลุมทั้งประเทศ ควรเพิ่มป้ายประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น และควรจัดเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษบริการตอบคำถามแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบริเวณกองอำนวยการ ด้านเวลา ที่เหมาะสมในการเคลื่อนขบวนไม้ดอกไม้ประดับ พบว่า ร้อยละ 52 เสนอให้จัดขึ้นในช่วงเวลา 17.00 – 22.00 น. ส่วนร้อยละ 48 เสนอให้จัดขึ้นในช่วงเช้าเช่นปีที่ผ่านมา โดยควรเพิ่มจำนวนวันของการจัดงานให้มากขึ้น ด้านขบวน ควรมีไฟประดับขบวนแห่เพื่อให้เห็นถึงความสวยงามของรูปขบวนและดอกไม้ ควรมีมาตรฐานในการจัดรูปขบวนและจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมขบวนเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความต่อเนื่องของขบวน

ด้านกิจกรรมภายในงาน เสนอให้มีความตื่นตาและอลังการในช่วงพิธีเปิด ควรเพิ่มกิจกรรมการแสดง ต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการแสดงของข่วงชนเผ่าชาติพันธุ์ เพื่อเป็นการเพิ่มสีสันในการจัดงานให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ควรมีการแสดงที่หลากหลาย เพื่อความต่อเนื่องของกิจกรรมที่สร้างความน่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อมิให้เกิดความเบื่อหน่าย โดยการแสดงต่าง ๆ ควรรักษาวัฒนธรรมประเพณีของเชียงใหม่ เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมล้านนา ควรนำดอกไม้ที่มีความสวยงามและหลากหลายสายพันธ์มาจัดแสดงให้มากขึ้นรวมถึงควรเชิญดารามาร่วมงานเพิ่มความน่าสนใจให้มากขึ้น

ด้านสถานที่ ควรจัดสวนไม้ดอกไม้ประดับในสวนสาธารณะหนองบวกหาดทั่วบริเวณ เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศในงานให้เหมาะสมกับงานมหกรรมไม้ดอกให้มากยิ่งขึ้น และเพิ่มซุ้มประกวดดอกไม้ให้มากขึ้นด้วย ควรเพิ่มห้องน้ำสาธารณะเพื่อบริการนักท่องเที่ยวและผู้ชมให้มากขึ้น ควรจัดระเบียบบริเวณที่ตั้งร้านค้าให้เป็นระเบียบ เพิ่มแสงสว่างภายในบริเวณสวนบวกหาดให้เพียงพอ และเพิ่มสถานที่จอดรถให้มากขึ้น


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

จังหวัดน่าน จัดกิจกรรมรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 2 แผ่นดิน เพื่อประชาคมอาเซียน สุขอย่างยั่งยืน

ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2543 เห็นชอบให้กำหนดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็น "วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า” และให้ทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องรณรงค์หยุดการเผาป่าเพื่อลดหมอกควันในอากาศ อีกทั้งภาคเหนือตอนบนได้ประสบปัญหาหมอกควันอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา และจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมตรวจพบจุดความร้อนจำนวนมากในพื้นที่ประเทศไทย พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา และมีมวลอากาศเย็นปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย สภาพอากาศแห้งและนิ่ง ฝุ่นละอองสามารถแขวนลอยอยู่ในบรรยากาศได้นาน ไม่สามารถแพร่กระจายออกไปได้ และไม่ตกลงสู่พื้น ก่อให้เกิดสภาพฟ้าหลัว มีหมอกควันปกคลุม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดถึงส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดน่าน และประเทศเพื่อนบ้าน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวต่อว่า เพื่อให้การดำเนินการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดน่าน และประเทศเพื่อนบ้าน มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน รวมทั้งสนับสนุนวาระจังหวัดน่าน 2013-25017 "สร้างเมืองน่านน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ” จังหวัดน่าน โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 2 แผ่นดิน เพื่อประชาคมอาเซียน (แขวงไชยบุรีและจังหวัดน่าน) สุขอย่างยั่งยืน ขึ้น ในวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 ตั้งแต่เวลา 09.30 น. ณ ที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ มีเวทีเสวนาแนวทางแก้ไขของคนเมืองน่านกับปัญหาหมอกควันไฟป่า เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกและให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องหมอกควันไฟป่ากับประชาชนและเยาวชนในพื้นที่ โดยให้มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ตลอดจนเป็นการเจริญสัมพันธ์ไมตรีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวด้วย


สมาน  สุทำแปง/ ข่าว

วิทยาลัยชุมชนน่าน ร่วมกับวิทยาลัยลาวนานาชาติ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการศึกษาร่วมกัน

นายเกรียงศักดิ์ เจดีย์แปง ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน กล่าวว่า จังหวัดน่าน ได้มอบหมายให้คณะผู้แทนจากวิทยาลัยชุมชนน่านและผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปร่วมประชุมหารือแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา ณ วิทยาลัยลาวนานาชาติ สาขาแขวงอุดมไชย สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 22 – 24 กุมภาพันธ์ 2557 ในการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถอดบทเรียนระหว่างวิทยาลัยชุมชนน่านกับวิทยาลัยลาวนานาชาติในครั้งนี้ เป็นการหารือกันในอนาคตที่จะพัฒนาไปสู่การลงนามความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและถ่ายโอนหน่วยกิตซึ่งกันและกัน ท่านจินดาวง สมสามาด รองแผนกศึกษาธิการแขวงอุดมไชย สปป. กล่าวว่า ประเทศลาวมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษา ซึ่งบางเรื่องต้องขอรับการสนับสนุนจากจังหวัดน่าน โดยเฉพาะวิทยาลัยชุมชนน่านที่มีหลักสูตรส่งเสริมให้เกิดอาชีพตามความต้องการของชุมชน ซึ่งจะสอดรับความต้องการของ สปป.ลาว ที่มีแผนจะจัดตั้งวิทยาลัยชุมชน 2 แห่ง ที่แขวงเชียงขวาง และ แขวงอุดมไชย

ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน กล่าวต่อว่า นางกองสี มนีพอน ผู้อำนวยการวิทยาลัยลาวนานาชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มีนโยบายกำหนดมาตรฐานการศึกษาใหม่ ให้สถานศึกษาเอกชนระงับการรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีไว้ก่อน และจะทำการประเมินคุณภาพการศึกษาใหม่ เพื่อให้ผลผลิตออกไปอย่างมีคุณภาพ วิทยาลัยลาวนานาชาติจึงได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดและยุทธศาสตร์จัดการเรียนการสอนให้สนองตอบต่อท้องถิ่นและชุมชน ซึ่งเห็นว่าวิทยาลัยชุมชนน่านได้ทำการเปิดการเรียนการสอนลักษณะนี้อยู่แล้ว จึงได้เชิญมาเพื่อแลกเปลี่ยนและถอดบทเรียนประชุมพิจารณาหลักสูตรของ 2 สถาบัน และโครงการแลกเปลี่ยนอาจารย์-นักศึกษา ในพัฒนาการศึกษาเพื่อการรองรับที่จะก้าวไปสู่อาเซียนต่อไป

ด้าน นายประทีป อินแสง กรรมการสภาหัวหน้าคณะในการเดินทางไปประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า วิทยาลัยชุมชนน่านมีความยินดีให้การสนับสนุนทั้งด้านวิชาการและด้านบุคลากร ซึ่งจะต้องนำไปหารือในสภาวิทยาลัยชุมชนน่านก่อนเพื่อกำหนดกรอบแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องข้อตกลงของกระทรวงศึกษาธิการ และจังหวัดน่าน โดยได้นำเสนอให้เพิ่มสาขาด้านการเกษตรและเทคโนโลยี เนื่องจากวิทยาลัยชุมชนน่านมีความพร้อมอยู่แล้วและสามารถสนับสนุนได้

นายเกรียงศักดิ์  เจดีย์แปง

บทความเรื่อง ทำแนวกันไฟเพื่อกันภัยจากไฟป่าและหมอกควัน

บทความเรื่อง ทำแนวกันไฟเพื่อกันภัยจากไฟป่าและหมอกควัน
นิสารัชต์ นิลสว่าง / เรียบเรียง

เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ไฟป่าเป็นเรื่องสำคัญของคนในชุมชน เนื่องจากชุมชนในจังหวัดน่านยังคงพึ่งพิงทรัพยากรป่าไม้ในวิถีชีวิตค่อนข้างมากทั้งในด้านของแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัย หรือยารักษาโรค หากเกิดไฟป่าขึ้นแล้วลามเข้ามาใกล้หมู่บ้านชาวบ้านต้องรีบช่วยกันออกไปดับไฟ โดยเฉพาะไฟป่าที่เกิดขึ้นตอนกลางวันจะดับยากกว่าตอนกลางคืนเพราะอากาศจะร้อนและแห้งทำให้ไฟลุกลามรวดเร็ว จนไปถึงบริเวณที่เป็นไร่นาและสวน ซึ่งใกล้กับบริเวณชุมชนมาก และถึงแม้ว่าชุมชนไม่อาจยับยั้งไม่ให้เกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ได้ แต่คนในชุมชนได้เรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์และหาวิธีการจัดการกับไฟป่าที่เป็นปัญหาสำคัญของชุมชน วิธีการที่ชุมชนได้ใช้ป้องกันไฟป่าไม่ให้ลุกลามเข้ามาใกล้ชุมชนมาเป็นเวลานานแล้ว ได้แก่ วิธีการทำแนวกันไฟ

แนวกันไฟ (Firebreaks or Fuelbreaks) เป็นการปรับปรุงพื้นผิวภูมิประเทศให้เกิดเป็นแนวกีดขวางเพื่อหยุดยั้งไฟป่า หรือเป็นแนวตั้งรับในการดับไฟป่า หลักสำคัญของการทำแนวกันไฟคือการกำจัดเชื้อเพลิงที่จะทำให้เกิดไฟป่าออกไป โดยอาจจะกำจัดเชื้อเพลิงออกไปทั้งหมดจนถึงชั้นดินแท้ (Mineral soil) หรืออาจจะกำจัดเฉพาะเชื้อเพลิงที่ติดไฟง่าย ได้แก่ เศษใบไม้ ใบหญ้าออกไปเท่านั้นก็ได้ แนวคิดในการทำแนวกันไฟก็เพื่อตัดช่วงความต่อเนื่องของเชื้อเพลิง เป็นการป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามเข้าไปในบริเวณที่ตั้งของชุมชนนั่นเอง มีวิธีการที่น่านสนใจเกี่ยวกับการทำแนวกันไฟโดยใช้แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับท้องถิ่นของตนเองได้คือ

1. ทำระบบป้องกันไฟไหม้ป่า โดยใช้แนวคลองส่งน้าและแนวพืชชนิดต่างๆ ปลูกตามแนวคลองนั้น
2. สร้างระบบการควบคุมไฟป่าด้วยแนวป้องกันไฟ ป่าเปียก โดยอาศัยน้าชลประทานและน้ำฝน
3. ปลูกต้นไม้โตเร็วคลุมแนวร่องน้ำ เพื่อให้เพิ่มความชุ่มชื้นและแผ่ขยายออกไปทั้งสองข้างของ ร่องน้ำ ซึ่งจะทาให้ต้นไม้งอกงามและมีส่วนช่วยป้องกันไฟป่าเพราะไฟป่า จะเกิดขึ้นง่ายหากป่าขาดความชุ่มชื้น
4. สร้างฝายชะลอความชุ่มชื้นหรือที่เรียกว่า "Check Dam" ขึ้น เป็นการกั้นร่องน้ำหรือลำธารขนาดเล็กเป็นระยะๆ ไว้ ใช้เก็บกักน้าและตะกอนดินไว้บางส่วน โดยน้ำที่เก็บไว้ จะซึมเข้าไปสะสมในดินทำให้ความชุ่มชื้น แผ่ขยายเข้าไปทั้งสองด้านกลายเป็น "ป่าเปียก"
5. การสูบน้ำเข้าไปในระดับที่สูงที่สุดเท่าที่จะทาได้ แล้วปล่อยน้ำลงมาทีละน้อยให้ไหลซึมลงดิน เพื่อช่วยเสริมการปลูกป่าบนพื้นที่สูงในรูป "ภูเขาป่า" ให้กลายเป็น "ป่าเปียก" ซึ่งสามารถป้องกันไฟป่าได้อีกทางหนึ่งด้วย
6. ปลูกต้นกล้วยในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นช่องว่างของป่าประมาณ 2 เมตร หากเกิดไฟไหม้ป่า ไฟจะปะทะกับต้นกล้วยซึ่งอุ้มน้ำไว้ได้มากกว่าพืชอื่น ทำให้ลดการสูญเสียน้าลงไปได้มาก
7. ในพื้นที่ราบหรือรอบบริเวณที่อยู่อาศัย ประชาชนสามารถทำได้ ด้วยการไม่เผาขยะ กิ่งไม้ ใบไม้ สิ่งต่าง ๆ ในที่โล่งแจ้ง

การทำแนวกันไฟแม้จะไม่ใช่คำตอบทั้งหมดในเรื่องของการแก้ไขปัญหาหมอกควัน รวมทั้งมลพิษในอากาศที่เกิดจากการเผาหรือไฟป่า สิ่งที่สำคัญของการทำแนวกันไฟคือการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนร่วมกันป้องกันอันตรายที่เกิดจากไฟป่าเป็นกระบวนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อวิถีชีวิตของชุมชน ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน อย่างแท้จริงเมื่อคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม

จังหวัดแพร่ เชิญเที่ยวงานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง ประจำปี 2557

จังหวัดแพร่เชิญเที่ยวงานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง ประจำปี 2557 วันที่ 9-15 มีนาคม  2557 ที่วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ตามที่วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง  เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแพร่ ทุกปีจะมีการจัดงานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวงขึ้น ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน เป็นประเพณีที่แสดงถึงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นที่มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา  ตลอดจนยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเสริมทานบารมี เพราะเป็นพระธาตุประจำปีของผู้ที่เกิดปีขาล

โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 9-15 มีนาคม  2557 เพื่อเชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้มานมัสการองค์พระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะวันแรกของงานคือวันที่ 9 มีนาคม 2557 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป มีขบวนแห่งเครื่องสักการะจากทุกอำเภอ ขบวนช้าง ขบวนม้า ขบวนเทพีโปรยข้าวตอกดอกไม้ ขบวนตุงหลวงและตุงบริวาร ขบวนเสวตพานพุ่ม เพื่อบูชาองค์พระธาตุช่อแฮ

โดยนับเป็นประเพณีที่จัดต่อเนื่องสืบทอดมายาวนาน และยังเป็นประเพณีที่แสดงถึงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นที่มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา  ตลอดจนยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เกิดปีขาลไม่ควรพลาดที่จะมานมัสการพระธาตุช่อแฮ  เพื่อความเป็นสิริมงคล และเสริมทานบารมี เพราะเป็นพระธาตุประจำปีของผู้ที่เกิดปีขาล
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมประกอบด้วยพิธีทำบุญกตัญญูบูชาคุณบูรพาจารย์ ทักษิณานุปทา พิธีทำบุญตักบาตร การแสดงทางวัฒนธรรม มหรสพสมโภช การแสดงดนตรีจากศิลปินดัง การจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ชุมชน และสินค้าราคาถูก และในปีนี้ซึ่งตรงกับปีม้า ได้มีกิจกรรม"ไหว้พระธาตุช่อแฮปีขาล เสริมบารมีทานปีม้า” โดยเชิญชวนให้มาไหว้พระธาตุช่อแฮ  ซึ่งเป็นองค์พระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาล  ภายในช่วงปี 2557 หรือปีม้า เพื่อเป็นการเสริมทานบารมีให้เกิดกับตัวเอง


ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

แม่ฮ่องสอน เปิดโครงการรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ประจำปี 2557

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 ที่สถานีควบคุมไฟป่าท่าโป่งแดง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เป็นประธานในพิธีรณรงค์โครงการปลอดควันพิษจากไฟป่า ประจำปี 2557 ทั้งนี่เนื่องจากว่าคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า เพื่อลดควันไฟที่เกิดจากการเผาป่า สร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักให้แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานราชการ

การจัดกิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้มีกิจกรรมการแสดงนิทรรศการ การตอบคำถามเกี่ยวกับด้านการป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การสาธิตการดับไฟป่า การทำปุ๋ยหมักจากเศษใบไม้แห้ง และกิจกรรมการทำท่านอัดแท่ง ทั้งนี้เพื่อให้เยาวชนได้รู้วิธีการดับไฟป่าอย่างถูกต้อง โดยมีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย ประชาชน เยาวชน นักเรียน องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมกันประมาณ 600 คน

นายสุรพล พนัสอำพล กล่าวว่า ปัญหาของการเกิดไฟป่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ปัญหาด้านการคมนาคม การท่องเที่ยว และที่สำคัญทำให้เกิดผลต่อสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ สัตว์ป่า ถูกทำลาย ซึ่งทุกคนจะต้องตระหนักและช่วยกันป้องกันการเกิดไฟป่า ขณะเดียวกันทางจังหวัดได้มีมาตรการที่เข้มงวด ในแต่ละพื้นที่จะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ได้สั่งการ พื้นที่ใดที่เกิดไฟป่าและไม่มีการควบคุมผู้รับผิดชอบในพื้นที่จะต้องถูกพิจารณาในการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง หลังจากที่ได้ทำพิธีเปิดโครงการรณรงค์ปลอดควันพิษจากไฟป่าแล้ว ผู้ว่าฯร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการได้ทำพิธีปล่อยขบวนรถรณรงค์ของหน่วยงานต่าง ๆ ออกปฏิบัติหน้าที่ทันที


ข่าวโดย : สมาน ต้นใส /สวศ.แม่ฮ่องสอน

บ.กลาง ฯ รณรงค์ให้ผู้ขับขี่สวมหมวกนิรภัย

บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาแม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรมวัน RVP รักความปลอดภัย รณรงค์ให้ผู้ขับขี่สวมหมวกนิรภัย พร้อมทั้งตรวจเช็ครถยนต์จักรยานยนต์ฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาแม่ฮ่องสอน ถนนปางล้อนิคม ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน บริษัท ฯ ได้จัดกิจกรรม วัน RVP รักความปลอดภัย เพื่อรณรงค์ให้ผู้ขับขี่รถอย่างปลอดภัยโดยให้ผู้ขับขี่จะต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลศรีสังวาลแม่ฮ่องสอน และหน่วยกู้ภัยจากองค์การบริหารส่วนตำบลผาบ่อง ร่วมโครงการ ฯ ดังกล่าว ในปัจจุบันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินทางถนนเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถยนต์จักรยานยนต์และผู้ช้อนท้ายรถจักรยานยนต์ เหตุที่เสียชีวิตนั้นมักจะไม่สวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่ ฯ ดังนั้นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จะต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเพื่อป้องการสูญเสียชีวิต ในการจัดกิจกรรม ฯ ดังกล่าวในวันนี้บริษัทกลาง ฯ ยังได้จำหน่ายหมวกนิรภัยใบละ ๘๖ บาท ตรวจเช็ครถจักรยานยนต์ฟรี พร้อมทั้งจับสลากรางวัลให้กับผู้ที่ร่วมงาน ฯ การจัดกิจกรรม ฯ วัน RVP รักความปลอดภัย รณรงค์สวมหมวกนิรภัยดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

สวท.แม่ฮ่องสอน จัดเวทีพัฒนาเครือข่ายเพื่อการประชาสัมพันธ์ ตามโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย

เช้าวันนี้ ( 24 ก.พ. 57 ) นางสาววาสนา ไข่แก้ว ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดเวทีพัฒนาเครือข่ายเพื่อการประชาสัมพันธ์ ตามโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ประจำปี 2557 ที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ฮ่องสอนรีสอร์ท อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจของประชาชน ให้เห็นถึงความสำคัญในการใช้สิทธิ เสรีภาพ ที่ถูกต้อง มีส่วนร่วมทางการเมืองที่เหมาะสมเป็นไปตามเป้าหมาย ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

โดยมีอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อปมช.) กำลังพลจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหาราบที่ 17 คณะกรรมการภาคประชาชน คณะกรรมการนักเรียน สภาเด็กและเยาวชน กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกิจกรรมจำนวน 50 คน กิจกรรมในงานมีการบรรยายพิเศษ หัวข้อ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ โดย นายเทิดเกียรติ สุกใส ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน


ข่าวโดย : พักตร์ภูมิ ปัญญาไชยพัฒน์

สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย โดย บริษัทแพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด มอบตะเกียงพลังแสงอาทิตย์ ให้กับชาวแม่ฮ่องสอน

สถาบัน สิ่งแวดล้อมไทย โดย บริษัทแพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด มอบตะเกียงพลังแสงอาทิตย์ ให้กับชาวแม่ฮ่องสอนที่อยู่ห่างไกล

สถาบัน สิ่งแวดล้อมไทย โดย บริษัทแพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด มอบตะเกียงพลัง แสงอาทิตย์ (Solar Lantern ) ขนาด 2.5 วัตต์ ให้แก่ชุมชนหย่อมบ้านหัวฮะ และ หย่อมย้านพะยอย ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน แห่งละ 25 ชุด ในวันที่ 25 ก.พ.57 เพื่อใช้ประโยชน์ใน การให้ แสงสว่าง และ การใช้ประจุไฟฟ้า สำหรับ แบตเตอรี่ โทรศัพท์มือถือ หรือ อุปกรณ์ อื่น ทั้งนี้ คณะกรรมการหมู่บ้านของชุมชนจะจัดการจำหน่ายตะเกียงฯให้ แก่ ประชาชน ในชุมชนด้วยราคา และ วิธีการซื้อขายตามที่จะมีการตกลงกันใน คณะกรรมการฯ เพื่อนำรายได้ เข้า กองทุน หมู่บ้าน สำหรับดำเนิน กิจกรรม เพื่อประโยชน์ของชุมชนต่อไป ในโอกาสเดียวกันนี้ วันที่ 24 ก.พ.57 คณะ สถาบัน สิ่งแวดล้อมไทยและบริษัทฯ ยังได้จัดให้มี พิธีส่งมอบเครื่องทำน้ำมันไบโอดีเซล แก่ วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน จำนวน 1 เครื่อง


ข่าวโดย : ศุภวัฒน์ สมบูรณ์

จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดโครงการรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ประจำปี 2557

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เป็นประธานในพิธีรณรงค์โครงการปลอดควันพิษจากไฟป่า ประจำปี 2557 ทั้งนี่เนื่องจากว่าคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า เพื่อลดควันไฟที่เกิดจากการเผาป่า สร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักให้แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานราชการ การจัดกิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้มีกิจกรรมการแสดงนิทรรศการ การตอบคำถามเกี่ยวกับด้านการป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การสาธิตการดับไฟป่า การทำปุ๋ยหมักจากเศษใบไม้แห้ง และกิจกรรมการทำท่านอัดแท่ง ทั้งนี้เพื่อให้เยาวชนได้รู้วิธีการดับไฟป่าอย่างถูกต้อง โดยมีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย ประชาชน เยาวชน นักเรียน องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมกันประมาณ 600 คน ปัญหาของการเกิดไฟป่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ปัญหาด้านการคมนาคม การท่องเที่ยว และที่สำคัญทำให้เกิดผลต่อสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ สัตว์ป่า ถูกทำลาย ซึ่งทุกคนจะต้องตระหนักและช่วยกันป้องกันการเกิดไฟป่า ขณะเดียวกันทางจังหวัดได้มีมาตรการที่เข้มงวด ในแต่ละพื้นที่จะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ได้สั่งการ พื้นที่ใดที่เกิดไฟป่าและไม่มีการควบคุมผู้รับผิดชอบในพื้นที่จะต้องถูกพิจารณาในการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง



ข่าวโดย : ศุภวัฒน์ สมบูรณ์

สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 เตรียมจัดการศึกษาเรียนรู้การดำเนินงาน ของชุมชนในการลดปัญหาหมอกควันจากไฟป่า และการเผาในที่โล่งของชุมชน ที่บ้านต่อแพ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 เปิดเผยว่า สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 เตรียมจัดการประชุม และศึกษาเรียนรู้การดำเนินงาน การศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงาน ของชุมชนในการลดปัญหาหมอกควันจากไฟป่า และการเผาในที่โล่งของชุมชนบ้านต่อแพ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน วันพรุ่งนี้( 25 กุมภาพันธ์ 2557) เพื่อศึกษาการดำเนินงาน ของชุมชนในการลดปัญหาหมอกควันจากไฟป่า และการเผาในที่โล่ง และเผยแพร่ข้อมูลการศึกษาวิจัยให้แก่ชุมชนอื่นๆ และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อยกระดับเป็นชุมชนต้นแบบ ในการจัดการปัญหาหมอกควัน จากไฟป่า และการเผาในที่โล่ง

กิจกรรมในงานประกอบด้วย การบรรยายสรุปการดำเนินงาน จัดการปัญหาหมอกควันจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง ของชุมชนต่อแพ โดยผู้นำและคณะทำงานบ้านต่อแพ/ฐานศึกษาเรียนรู้ ต่างๆ เช่น ทำแนวกันไฟ ในพื้นที่ป่าดอยเวียง/การเฝ้าระวังไฟป่า/ฝายชะลอน้ำ และฐานศึกษาเรียนรู้เศรษฐกิจ พอเพียง เช่น กิ่งไม้ทำถ่าน/การทำปุ๋ยหมัก และการเพาะเห็ด


ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน

เกิดไฟป่ารุกไหม้รอบสถานีวิทยุเพื่อการศึกษา ผู้ว่าฯอำนวยการดับไฟเร่งด่วน

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 15.00 น.นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางไปยังพื้นที่ป่าชุมชนบ้านห้วยเดื่อ-บ้านแม่สะกึด ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจพื้นที่และอำนวยการดับไฟป่า โดยมีหน่วยเสือไฟสถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน จัดชุดปฏิบัติการจุดไฟป่าเพื่อชิงเผาพื้นที่และดับไฟอย่างถูกวิธี ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยเสือไฟมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูแล้ง ซึ่งอากาศเริ่มแห้งมักจะเกิดไฟป่าได้ง่าย การเตรียมความพร้อมให้เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในภาพรอบของแม่ฮ่องสอนการเกิดไฟป่ายังมีน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ก็ต้องเฝ้าระวังเพราะความร้อนเริ่มมากขึ้นทุกเวลา ส่วนการเผาเศษวัชพืชของเกษตรกรก็ไม่มาก เพราะการทำไร่กระเทียมหมดฤดูกาลแล้ว รอแต่การทำไร่อย่างอื่นช่วงปลายเดือนเมษายน และเมื่อเวลาเดียวกันได้เกิดไฟป่ารุกไหม้รอบ ๆ ที่ตั้งเครื่องส่งของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเพื่อการศึกษา ซึ่งเป็นยอดดอยสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 300 เมตร ทำให้ควันไฟกระจายปกคลุมพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนเจ้าหน้าที่หน่วยเสือไฟสถานีควบคุมไฟป่าได้ส่งกำลังเข้าอำนวยการดับไฟ ขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางไปอำนวยการดับไฟด้วยตนเอง และสั่งการให้เฝ้าระวังไฟที่อาจจะเกิดซ้ำขึ้นมาอีก โดยใช้เวลาดับไฟประมาณ 30 นาที ไฟป่าจึงสงบลง



ข่าวโดย : สมาน ต้นใส /สวศ.แม่ฮ่องสอน

หลายหน่วยงานประชุมเตรียมจัดการฝึกซ้อมแผนอพยพ ประชาชน กรณีเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน ที่บ้านแม่ส่วยอู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

บ่ายวันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2557)  นายทรงทรัพย์ พิริยะคุณธร นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุม เตรียมจัดการฝึกซ้อมแผนอพยพ ประชาชน กรณีเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน ที่ห้องประชุมอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมีกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน/ตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน/ตำรวจภูธรน้ำเพียงดิน/เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์/องค์การบริหารส่วนตำบลผาบ่อง/มูลนิธิบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอนร่วมประชุม เพื่อเตรียมจัดการฝึกซ้อมแผนอพยพประชาชน กรณีเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ที่บ้านแม่ส่วยอู ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นหมู่บ้านจัดตั้งตามโครงการหมู่บ้านยามชายแดน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยสมมุติเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน มีระเบิดลงในฝั่งไทย 5 นัด มีผู้ป่วยหนัก 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 รายและบาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย ซึ่งผู้ป่วยหนักต้องใช้เฮลิคอปเตอร์นำส่งโรงพยาบาล การฝึกซ้อมครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีความพร้อมในการอพยพ กรณีเกิดเหตุไม่สงบตามแนวชายแดน ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตกใจ


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว ข่าว / เอกณรินทร์ ใจมะโน ภาพ

จ.ลำปาง จัดกิจกรรมท่องเที่ยว ย้อนรำลึกประวัติศาสตร์ เส้นทางรถไฟสายเหนือ "แอ่วขุนตาน ม่วนแต้หนา"

จังหวัดลำปาง บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เปิดปฐมฤกษ์ "นครแห่งความสุข" ส่งเสริมปีแห่งการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง ปี 2557-2558 "แอ่วลำปาง ม่วนแต้หนา" จัดรถไฟขบวนพิเศษ 4 โบกี้ เป็นขบวนรถไฟแห่งความสุข ท่องเที่ยวไปบนเส้นทางรางสายประวัติศาสตร์ จากสถานีนครลำปาง-สถานีขุนตาน จ.ลำพูน กับกิจกรรมพิเศษสุด "แอ่วขุนตาน ม่วนแต้หนา" มีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นางอินทิรา สุภาแสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง ภริยา และคณะผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดลำปาง ร่วมเป็นหัวหน้าคณะทัวร์ นำนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศ และคณะสื่อมวลชนท้องถิ่นทุกแขนงในพื้นที่ รวมกว่า 300 คน ออกเดินทางท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติ ไปตามเส้นทางสายประวัติศาสตร์ร่วมกัน

กิจกรรมนั่งรถไฟขบวนพิเศษ “แอ่วขุนตาน ม่วนแต้หนา” เป็นกิจกรรมที่จัดทำขึ้นใหม่ เพื่อจะส่งเสริม การท่องเที่ยวทางรางรถไฟ ซึ่งแต่เดิมในอดีตเคยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ให้ได้รับการฟื้นฟูพัฒนากลับสู่ความนิยมอีกครั้ง โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์แผนพัฒนาจังหวัด ที่ต้องการจะผลักดันให้จังหวัดลำปางเป็น “นครแห่งความสุข” อีกทั้งเพื่อเป็นการเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยว ที่จะเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด ในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งอารยธรรมล้านนา และแหล่งศูนย์รวมทางสังคมวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การลงทุน ที่จะทำให้เกิดการกระจายรายได้ในกลุ่มจังหวัด ตลอดจนเพื่อเป็นการพัฒนาสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ เตรียมความพร้อมรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558

การเดินทางครั้งนี้ ขบวนรถไฟแห่งความสุข ได้เคลื่อนขบวนออกจากสถานีรถไฟนครลำปาง มุ่งหน้าสู่ปลายทางที่ สถานีรถไฟขุนตาน ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โดยตลอดเส้นทางผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว ได้ชมทิวทัศน์ธรรมชาติของทั้งสองฟากฝั่งทางรถไฟ ที่สวยงามมีทั้งป่าไม้ เทือกเขาสูง หุบเหวลึก และได้ร่วมรำลึกประวัติศาสตร์ลอดอุโมงค์รถไฟขุนตาน ซึ่งเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ถึง 1,352 เมตร มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี และได้ร่วมเข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิเพื่อความเป็นสิริมงคลที่ ศาลเจ้าพ่อขุนตาน นอกจากนี้ได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันมากมายอาทิเช่น การเดินชมศึกษาธรรมชาติ ทั้งพันธุ์ไม้ พันธ์พืชสมุนไพร รอยเท้าสัตว์ โดยได้เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางแนวสันเขา จากสถานีรถไฟขุนตาน ถึงปากทางขึ้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล รวมระยะทาง 1,200 เมตร และร่วมกันศึกษาประวัติศาสตร์ ที่ผากลีบบัว ซึ่งได้มีการจารึกชื่อบุคคล วัน เดือน ปี ในการก่อสร้างอุโมงค์ขุนตาน รวมทั้งได้เที่ยวชม พลับพลาที่ประทับรัชกาลที่ 5 และบ้านพักของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และเดินลอดอุโมงค์รักมั่นนิรันดร์ (Tunnel of Love) ที่เชื่อว่าหลังลอดอุโมงค์แล้วจะทำให้ความรักยืนยาว ชื่นมื่นเหมือนคืนแรกของการแต่งงาน ตลอดจนได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์กล้วยไม้พื้นถิ่นกลับคืนสู่ป่า ซึ่งเป็นกิจกรรมในโครงการ “ปล่อยคืนเอื้องสามปอยสู่ดอยขุนตาล” เป็นต้น

ทั้งนี้สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยว “แอ่วขุนตาน ม่วนแต้หนา” ยังมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ที่จะร่วมรำลึกประวัติศาสตร์กับกิจกรรมดังกล่าวอีกครั้งเป็นจำนวนมาก โดยทางจังหวัด มีแผนจะจัดให้มีกิจกรรมท่องเที่ยวดอยขุนตาลอย่างเต็มรูปแบบขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมท่องเที่ยวนครลำปาง โทร 0-5422-1813, 0-5431-8809 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง โทร 0-5431-2254



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ประชาชนชาวลำปาง และนักท่องเที่ยวในจังหวัดลำปาง ร่วมกันทำบุญตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง ถวายแด่พระภิกษุ-สามเณร จำนวน 10,000 รูป

จังหวัดลำปาง ร่วมกับ เทศบาลนครลำปาง สมาคมพุทธศาสตร์ล้านนา สหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติ มูลนิธิธรรมกายเครือข่ายกัลยาณมิตรภาคเหนือ และหน่วยงานสนับสนุนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกันจัดงาน ทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์-สามเณร จำนวน 10,000 รูป น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ที่ บริเวณถนนดวงรัตน์ ตั้งแต่สี่แยกโรงแรมลำปางเวียงทอง ถึงสี่แยกเพ็ญทรัพย์ ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีพระราชจินดานายก เจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระเจดีย์ซาวหลัง เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ นำพระภิกษุสงฆ์–สามเณร ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยมีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมเป็นประธานพิธีฝ่ายฆราวาส นำพุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกเพศ ทุกวัย ตลอดจนนักท่องเที่ยวในจังหวัดลำปาง ประกอบพิธีทางพุทธศาสนาและทำบุญใส่บาตรร่วมกัน

งานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์-สามเณร 10,000 รูป เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในโครงการ “ตักบาตรพระ 2 ล้านรูป 77 จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย” ซึ่งถือเป็นงานมหาสังฆทานใหญ่ ที่มีพุทธศาสนิกชน ผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จำนวนมาก มาทำบุญร่วมกัน เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีอายุยืนยาวสืบไป และยังเป็นการสืบสานอนุรักษ์ประเพณีการทำบุญตักบาตรเอาไว้ อันจะเป็นการรักษาวัฒนธรรมของชาวพุทธให้เข้มแข็ง รวมทั้งยังเป็นการสร้างเสริมบุญบารมีไว้ภายภาคหน้า เป็นการสร้างความดีให้เป็นมงคลแก่ชีวิต และเป็นการส่งเสริมสร้างจิตใจอันดีงามให้เกิดขึ้นแก่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า ตลอดจนเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ และญาติมิตรผู้ล่วงลับ ตามคติความเชื่อของชาวพุทธ

โดยในพิธีมีพุทธศาสนิกชน กว่า 10,000 คน ได้ร่วมกันทำบุญใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้งถวายแด่พระภิกษุสงฆ์-สามเณร อย่างพร้อมเพรียงกัน และต่างร่วมถวายจตุปัจจัยสมทบทุนกองผ้าป่า ตามแต่จิตศรัทธา อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ข้าวสารอาหารแห้งที่พระภิกษุสงฆ์-สามเณร ออกรับบิณฑบาต และเงินกองทุนผ้าป่า ที่พุทธศาสนิกชนร่วมบริจาคถวายในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะได้นำไปสมทบเป็นธารน้ำใจ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในจังหวัดต่างๆ และนำถวายช่วยเหลือแด่พระภิกษุสงฆ์-สามเณร ที่จำพรรษาอยู่ใน 323 วัด ในเขตพื้นที่ 4 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ด้วย.
ดูคลิป http://youtu.be/6kXwokxQ_ZE


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

จังหวัดลำปาง เตรียมจัดพิธีลงนามข้อตกลงด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น ในกิจกรรมรณรงค์เครือข่าย LA 21 ภาคเหนือ

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า การเผาในที่โล่ง นับเป็นประเด็นปัญหาร่วมด้านสิ่งแวดล้อมของพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเครือข่าย LA21 ภาคเหนือ ที่มีความรุนแรง และจำเป้นต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากสารมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาในที่โล่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์

ดังนั้นเพื่อให้เกิดพลังและกระบวนการการเรียนรู้ในการขับเคลื่อนกิจกรรม “การลดการเผา” ในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเครือข่าย LA21 ภาคเหนือ อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมาย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดกิจกรรมการรณรงค์เครือข่าย LA21 ภาคเหนือ “หมู่เฮาฮ้อยหญ๋า บ่อเผาป่า เพิ่มปื้นตี้สีเขียว” ขึ้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือ กระบวนการทำงาน และเป้นแรงผลักดัน กระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนกิจกรรมเชิงพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม สามารถเป็นแบบอย่างการทำงานในพื้นที่ พร้อมทั้งเกิดการเรียนรู้ พึ่งพาช่วยเหลือกันในระดับภาคต่อไป

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเครือข่าย LA21 ภาคเหนือ และ ชมรมกสิกรรมธรรมชาติกำแพงเพชร จึงได้ร่วมทำพิธีลงนามข้อตกลงด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหา ในวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ณ ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าเซรามิก และหัตถอุตสาหกรรม อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง


ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์

กกต.ลำพูน เร่งประชุมชี้แจงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาให้เป็นไปโดยสุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรม

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูนเร่งประชุมชี้แจงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาให้เป็นไปโดยสุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรม

ที่ห้องไอยเรศ เวียงศิริรีสอร์ท ลำพูน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูนจัดประชุมชี้แจงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2557 เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาครบวาระในวันที่ 1 มีนาคม 2557 โดย นางพิมประไพ ดิชวงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน กล่าวว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมายังพบปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งและการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมีสถิติลดลง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูนจึงจัดประชุมชี้แจงเพื่อซักซ้อมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้การลงทะเบียนเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิเลือกตั้ง การจัดทำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งและการกำหนดหน่วยเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้ผู้เกี่ยวข้องทราบแนวทางปฏิบัติของสำนักทะเบียนตามที่ระเบียบกำหนด ตลอดจนเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรวมผลคะแนนเลือกตั้งในระดับอนุกรรมการประจำอำเภอ นำไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่เป็นไปโดยสุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรม


ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

พ่อเมืองลำพูน ชี้ จ.ลำพูน รักษาแชมป์ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งอันดับ 1 ของประเทศไว้ได้ แสดงถึงศักยภาพของทุกฝ่ายในการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง

นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มอบนโยบายแก่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน นายทะเบียนอำเภอ ผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอ นายทะเบียนท้องถิ่น ผู้ช่วยนายทะเบียนท้องถิ่น หัวหน้าศูนย์ทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดลำพูน และพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน ในการประชุมชี้แจงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2557 เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาครบวาระ ในวันที่ 1 มีนาคม 2557 ที่ห้องไอยเรศ เวียงศิริรีสอร์ท ลำพูน ว่า ขอแสดงความยินดีกับจังหวัดลำพูนที่สามารถรักษาแชมป์ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งอันดับ 1 ของประเทศไว้ได้ นับเป็นสมัยที่ 10 แล้ว แม้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา จะมีเวลาเตรียมตัวน้อย ประสบปัญหาการประสานข้อมูลไม่ตรงกัน แสดงถึงศักยภาพของทุกฝ่ายในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ขอให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาพโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อเลือกคนดี มีความรู้ ความสามารถมาเป็นผู้แทนของชาวลำพูน และรักษาแชมป์ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งอันดับ 1 ของประเทศไว้อีกสมัยหนึ่ง

การประชุมชี้แจงเพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะช่วยกันกำหนดแนวทางในการจัดการเลือกตั้ง รวมทั้งแก้ไขปัญหา อุปสรรค จากการเลือกตั้งที่ผ่านมาให้สำเร็จ ลุล่วง ไปได้ด้วยดี ตลอดจนทำให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2557 เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม โดยเฉพาะนายอำเภอ ปลัดอำเภอ ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ถือได้ว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ในการจัดการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม รวมทั้งสนับสนุนภารกิจในการเลือกตั้งแก่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดด้วยดีตลอดมา ดังนั้นในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา วันที่ 30 มีนาคม 2557 ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือ ร่วมใจจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

จ.ลำพูน ประชุมแผนการบริหารจัดการน้ำ ระดับจังหวัด ครั้งที่ 2

ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดลำพูน ร่วม ประชุม รับทราบ แนวทางการ ดำเนินโครงการ บริหารจัดการน้ำ ซึ่ง โครงการ บริหารจัดการน้ำ ในจังหวัดลำพูน มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 874 โครงการ

เช้าวันนี้ ( 24 กุมภาพันธ์ 2557 ) ที่โรงแรมลำพูนวิลล์ นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธาน การประชุม โครงการจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบ บูรณาการจังหวัดลำพูน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้บริหารจาก 8 อำเภอ เข้าร่วมประชุม ซึ่ง จังหวัดลำพูน ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ลงสำรวจในพื้นที่ ของจังหวัดลำพูน ซึ่งได้รับข้อมูล จาก หน่วยงานราชการ , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น , กำนัน , ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึง ประชาชนในพื้นที่ ได้นำเสนอ ความต้องการ ในพื้นที่ ลุ่มน้ำ ทา , ลุ่มน้ำลี้ , ลุ่มน้ำกวง , ลุ่มน้ำปิง โดย มี ผศ.มนตรี ศิริจันทร์ชื่น และ นาย สุรสิงห์ แสงโสด และ ทีมงาน จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เป็นผู้รวบรวมข้อมูล และ รายงาน การดำเนินโครงการ

ในพื้นที่จังหวัดลำพูน มี โครงการ ปรับปรุง จัดการทรัพยากรน้ำ โดยงบประมาณ ของหน่วยงานราชการ จำนวน 874 โครงการ แบ่งเป็น โครงการขุดลอก คูคลอง ต่าง ๆ 37 โครงการ , การก่อสร้าง ระบบส่งน้ำ ระบบฝาย 28 โครงการ , ครงการซ่อมแซมปรับปรุง 5 โครงการ , โครงการก่อสร้างปรับปรุง บ่อน้ำ บ่อดิน บ่อบำบัดน้ำเสีย 44 โครงการ , โครงการก่อสร้าง สระเก็บน้ำ , สระประมง 645 โครงการ , โครงการก่อสร้าง ฝายทดน้ำ 77 โครงการ และ โครงการ อื่น ๆ 38 โครงการ


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

สำนักงาน ก.พ. เปิดรับสมัครสอบภาค ก. ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๔ – ๒๔ มีนาคมนี้

สำนักงาน ก.พ. เปิดรับสมัครสอบความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๔ – ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ที่เว็บไซต์ job3.ocsc.go.th

สำนักงาน ก.พ. กำหนดเปิดรับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ประจำปี ๒๕๕๗ สำหรับผู้สำเร็จการศึกษา หรือผู้ที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๕๗ ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) อนุปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันกับคุณวุฒิดังกล่าวข้างต้นที่ ก.พ. รับรอง

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะสมัครสอบ จะต้องดำเนินการสมัครสอบและพิมพ์แบบฟอร์มการชำระเงิน ระหว่างวันที่ ๔ – ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ที่เว็บไซต์ job3.ocsc.go.th จากนั้นนำแบบฟอร์มไปชำระเงินค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบและเลือกศูนย์สอบ ที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ ๔ – ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗

ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. จะประกาศรายชื่อผู้สมัครสอบ กำหนดวัน เวลา สถานที่สอบ และให้ผู้สมัครพิมพ์บัตรประจำตัวสอบ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ที่เว็บไซต์ดังกล่าว ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากประกาศรับสมัครสอบทางอินเตอร์เน็ตได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.พ. www.ocsc.go.th


ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์

อบจ.ลำพูน เปิดศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยท้องถิ่น และมอบวิทยุสื่อสารแบบมือถือให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นำร่อง 5 อำเภอ

ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยท้องถิ่นองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันของเครือข่ายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างจังหวัดลำพูน องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และทุกอำเภอในจังหวัดลำพูน โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จัดพิธีรับมอบวิทยุสื่อสารแบบมือถือให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นำร่อง 5 อำเภอ อำเภอลี้ อำเภอทุ่งหัวช้าง อำเภอบ้านโฮ่ง อำเภอป่าซาง และอำเภอเวียงหนองล่อง รวม 310 เครื่อง เพื่อนำไปใช้ในการประสานงานแจ้งเหตุ การเกิดภัยพิบัติ การประสานงานด้านการป้องปรามยาเสพติด การประสานงานด้านการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 รวมทั้งการประสานในการดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งก่อนจะมีการส่งมอบวิทยุสื่อสารอย่างเป็นทางการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนได้จัดการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายภาคีการพัฒนาท้องถิ่นจังหวัดลำพูน ในหัวข้อ "การป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดจากสาธารณภัย" มีเนื้อหาเกี่ยวกับการตรวจสอบเฝ้าฟังวิทยุ กฎหมายวิทยุคมนาคม การใช้เครื่องวิทยุคมนาคม โดยวิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เขต 9 เชียงใหม่ คาดหวังว่า จะทำให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายภาคีที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ ใช้วิทยุสื่อสารได้อย่างถูกต้อง และช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพสูงสุด


ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

ทต.บ้านกลาง เตรียมรับมือภัยแล้งด้วย 3 โครงการใหญ่ คาดจะสามารถกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนได้กว่า 1 แสนลูกบาศก์เมตร

ทต.บ้านกลาง เตรียมรับมือภัยแล้งด้วย 3 โครงการใหญ่ คาดจะสามารถกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนและผลิตน้ำประปาแจกจ่ายให้ประชาชน เพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตรในช่วงหน้าแล้งได้กว่า 1 แสนลูกบาศก์เมตร

นายประสิทธิ์ จันทกลาง นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน เปิดเผยว่า ตำบลบ้านกลางประสบกับปัญหาภัยแล้งซ้ำซากเป็นประจำทุกปี มีประชาชน และประชากรแฝงที่มาทำงานในพื้นที่ ได้รับผลกระทบกว่าหมื่นคน ที่ผ่านมาเทศบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาให้ประชาชน โดยใช้รถบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตรกรรม แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาชั่วคราวเท่านั้น รวมถึงการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลในพื้นที่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องขุดเจาะในระดับที่ลึกมาก 200-300 เมตร ประกอบกับในน้ำบาดาลมีปริมาณฟลูออไรด์เจือปนในระดับสูงเกินมาตรฐาน ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนในระยะยาว เทศบาลตำบลบ้านกลางจึงได้จัดเตรียมแผนงาน โครงการในอนาคตไว้ จำนวน 3 โครงการ คือ โครงการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 3, 7 และ 11 โครงการก่อสร้างขุดสระแก้มลิง เพื่อกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนที่น้ำไหลหลาก จากหมู่ที่ 5 มายังหมู่ 2 และเก็บเป็นน้ำดิบไว้ใช้ผลิตน้ำประปา ซึ่งใช้งบประมาณของเทศบาล ตามเทศบัญญัติปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5 ล้านบาท มีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 5 ไร่ ลึก 10 เมตร สอดคล้องกับโครงการที่เทศบาลได้รับการสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ปีงบประมาณ 2556 และโครงการก่อสร้างระบบประปาผิวดินขนาดใหญ่ และขุดสระกักเก็บน้ำ พื้นที่ไม่น้อยกว่า 6 ไร่ ลึก 15 เมตร จำนวน 9.8 ล้านบาท

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะดำเนินการในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านท่าล้อ-ศรีคำ คาดว่าจะสามารถกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน และผลิตน้ำประปาแจกจ่ายให้ประชาชน ได้ใช้น้ำสะอาด เพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตรกรรมในช่วงหน้าแล้งได้กว่า 1 แสนลูกบาศก์เมตร



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน เผย การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคใต้ดินเขตเมืองเก่ามุ่งสู่การเป็นถนนไร้สายใกล้สำเร็จแล้ว

นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน เผย การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคใต้ดินของถนนที่มีความสำคัญทางด้านวัฒนธรรมในเขตเมืองเก่ามุ่งสู่การเป็นถนนไร้สายใกล้สำเร็จแล้ว พร้อมกำหนดจัดงานส่งมอบภูมิทัศน์เมืองเก่าให้ชาวลำพูน วันที่ 6 มีนาคม 2557

นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน เปิดเผยว่า เทศบาลเมืองลำพูนร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดลำพูนและผู้ประกอบกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมดำเนินโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคใต้ดินเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองลำพูน เพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชน สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้เขตเมืองเก่าลำพูน มีสภาพภูมิทัศน์เรียบร้อย งดงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองและชุมชนให้น่าอยู่ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2555 ดำเนินการปรับปรุงและวางระบบจำหน่ายไฟฟ้าเป็นเคเบิ้ลใต้ดิน (Underground Cable) โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดลำพูน และเจาะ ดึง ลากท่อ งานร้อยสายใต้ดินการสื่อสารและโทรคมนาคม โดยบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บนถนนสายหลัก ถนนอินทยงยศ ตั้งแต่แยกประตูช้างสี ถึงแยกประตูลี้ ถนนวังขวาเฉพาะซอย 1 ถนนอินทยงยศ เฉพาะซอย 1 และ 2 ถนนราชวงค์ ถนนวังซ้าย ถนนสายหน้าวัดชัยมงคล ถนนภาติกาวงค์ บัดนี้ การดำเนินโครงการฯ ใกล้จะสิ้นสุดกระบวนการแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดลำพูน ได้รื้อถอนเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า รวมทั้ง ผู้ประกอบกิจการด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมเริ่มรื้อสายการสื่อสาร ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองลำพูน กำหนดจัด งานส่งมอบภูมิทัศน์เมืองเก่าให้ชาวลำพูน ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 09.09 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย โดยจะดำเนินการรื้อถอนเสาไฟฟ้าทุกต้น สายไฟฟ้า และสายการสื่อสาร ให้สิ้นสุดในวันนั้น เป็นการส่งมอบภูมิทัศน์เมืองเก่าให้ชาวลำพูนอย่างสวยงาม เทศบาลเมืองลำพูนจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นเกียรติและรับมอบถนนไร้สายเพื่อร่วมกันสานฝันเมืองเก่าลำพูนต่อไป ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลเมืองลำพูน โทรศัพท์หมายเลข 0-5356-1524



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

ทต.ป่าซาง กำหนดจัดโครงการอบรมสร้างเสริมสุขภาพประชาชน วันอังคารที่ 4 มีนาคมนี้

ทต.ป่าซาง กำหนดจัดโครงการอบรมสร้างเสริมสุขภาพประชาชน วันอังคารที่ 4 มีนาคม 2557 หวังประชาชนมีสุขภาวะที่ดีขึ้นทั้งทางด้านสุขภาพ การดำเนินชีวิต เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการทำงาน

นายสุพจน์ ปันสุรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าซาง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลป่าซางมีนโยบายและให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมและดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นอย่างมาก มีการจัดกิจกรรมโครงการเพื่อเสริมสร้างสุขภาพแก่ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพเป็นงานด้านสาธารณสุขที่เป็นการสร้างกระบวนการเพิ่มสมรรถนะให้ประชาชน ได้มีความสามารถในการควบคุมและพัฒนาสุขภาพตนเอง ส่งผลให้มีสุขภาวะที่ดีขึ้นทั้งทางด้านสุขภาพ การดำเนินชีวิต เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการทำงาน โดยกระบวนการจัดกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชนจะช่วยกระตุ้นในเรื่องแนวคิด การปลูกจิตสำนึก เพิ่มความรู้ ความเข้าใจในหลักการสร้างเสริมสุขภาพอย่างยั่งยืน ในปี 2557 เทศบาลตำบลป่าซางกำหนดจัดโครงการอบรมสร้างเสริมสุขภาพประชาชน เทศบาลตำบลป่าซาง ประจำปี 2557 ขึ้น ในวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2557 เวลา 08.30–16.30 น. ณ โรงยิมสนามกีฬาเทศบาลตำบลป่าซาง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เพื่อให้ความรู้ด้านกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพแก่ประชาชน ภายใต้ความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพเพื่อให้เกิดกระบวนการและเกิดกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพอย่างครอบคลุม ทั่วถึงและยั่งยืน
ประชาชนผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลป่าซาง โทรศัพท์หมายเลข 0–5352–1007 ต่อ 16 ในวันและเวลาราชการ



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดเลย ชุมนุมติดตามเงินส่วนต่างค่าข้าวโพดตามโครงการแทรกแซง

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.เพชรบูรณ์ ประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตทางการเกษตรระดับจังหวัด พิจารณาการแก้ไขปัญหาแทรกแซงราคาข้าวโพด กรณีเงินส่วนต่างที่รัฐบาลจัดสรร ซึ่งขณะนี้งบประมาณของจังหวัดเพชรบูรณ์ ยังเหลือเพียง 78 ล้านบาท แต่ยังเหลือเกษตรกรอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับ และเกิดปัญหารายชื่อเกษตรกรซ้ำซ้อน และในช่วงแรก ๆ การจัดสรรโควต้าให้ผู้ค้าบางรายเกินกรอบ 55% และมีบางรายเกิน 100% โดยนายวิเชียรให้ชี้แจงให้เคลียร์ และนายชัยยันต์ ยอดคำ พาณิชย์จังหวัด ชี้แจงว่าช่วงต้นมีข้อตกลงให้ตรวจก่อนจ่ายก่อน แต่ภายหลังมีมติคณะกรรมการฯ.ให้จัดสรรให้ผู้ค้าอย่างทั่วถึงโดยกำหนดกรอบจ่าย 55% จึงต้องมาพิจารณาหามติกันใหม่ ในวงเงินที่เหลือ 78 ล้าน ขณะที่เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดทั้งจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดเลย รอฟังผลด้านหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัด มีนายกฤษณ์ คงเมือง ปลัดจังหวัด ลงมารับข้อเรียนร้อง ตัวแทนเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ จะขอให้จ่ายของเพชรบูรณ์ให้ครบก่อน ทำให้เกษตรกรจากจังหวัดเลยไม่พอใจ เคลื่อนย้ายไปรวมตัวปิดทางขึ้นบันไดศาลากลางจังหวัด ต่อไป

ประมงจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดฝึกอบรมเลี้ยงสัตว์น้ำตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

วันนี้ (24 ก.พ.57) เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์เรียนรู้ไร่สีอำพัน ต.น้ำร้อน อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ นายสุชาติ ราษฎร์ดุษดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานการฝึกอบรมเกษตรกรหลักสูตร ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแบบครบวงจร โดยใช้นวัตกรรม เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้และพัฒนาการเลี้ยงสัตว์น้ำตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ในสภาวะปัจจุบันจะเห็นได้ว่าปริมาณสัตว์น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีปริมาณลดน้อยลงจำนวนมาก สืบเนื่องมาจากแหล่งน้ำตื้นเขินเองตามธรรมชาติ ถูกประชาชนบุกรุกเพื่อครอบครองถือกรรมสิทธิ์ หรือนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่นก่อสร้างถนนหนทาง และความต้องการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคมีเพิ่มมากขึ้น ตามสัดส่วนจำนวนประชากรของประเทศ จากสภาวะดังกล่าวการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคเป็นสิ่งสำคัญ

ประมงจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงจัดการฝึกอบรมเกษตรกรหลักสูตร ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแบบครบวงจร โดยใช้นวัตกรรม เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ด้านการเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยการนำพืชอาหารสัตว์มาประยุกต์ใช้ในการเลี้ยง เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตปลานิลให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดภายในจังหวัดเพชรบูรณ์ และให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ มีรายได้เป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลัก สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ในครัวเรือน

ด้านนายสุชาติ ราษฎร์ดุษดี รอง ผวจ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ต้องการให้เกษตรกรทุกท่านที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแบบครบวงจรโดยใช้นวัตกรรมได้ดำเนินกิจกรรมด้านการประมง ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เกิดการผลิตอาหารที่มีความปลอดภัย และเพื่อการค้าขายในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะมีผลต่อการพัฒนาด้านการประมงให้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น จนมีผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการของจังหวัด ประเทศ หรือเพื่อการส่งออกไปขายในต่างประเทศ รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป