วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สาธารณสุขจังหวัดลำปาง แจ้งให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยง ณ สาธารณสุขทุกแห่งในจังหวัดลำปาง


นพ.ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง แจ้งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปี 2557 ซึ่งเริ่มฉีดวันที่ 1 พฤษภาคม 2557 และกำหนดช่วงรณรงค์การฉีดช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม –31 กรกฎาคม 2557 ในกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1. กลุ่มบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและไข้หวัดนก กลุ่มที่ 2. ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย 7 กลุ่ม ได้แก่ 1). ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือด ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน2). บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 3).หญิงมีครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 4). เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 5). ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6). ผู้ป่วยโรคธาลัสเซียเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และ 7). บุคคลโรคอ้วนที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม

จึงขอเชิญชวนกลุ่มเสี่ยงไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่หน่วยบริการสาธารณสุขทุกแห่งในจังหวัดลำปาง ที่โรงพยาบาลลำปาง โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.ลำปาง
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

กฟผ.แม่เมาะ ยืนยันโรงไฟฟ้าและเขื่อน ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่ จ.เชียงราย


ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า2 ยืนยัน ระบบการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะและเขื่อนโดยรอบ ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่ จ.เชียงราย พร้อมให้ความมั่นใจโครงสร้างของโรงไฟฟ้าและเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรง เนื่องจากมีการออกแบบและตรวจสอบตามมาตรฐานสากล

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 18.08 น. ที่บริเวณ ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.3 ริกเตอร์ ซึ่งหลายจังหวัดใกล้เคียงรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน เช่น จ.พะเยา จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำปาง อาจได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนจนส่งผลไปยังระบบการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ

นายพลฤทธิ์ เศรษฐกำเนิด ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า2 ยืนยันว่า “โครงสร้างของโรงไฟฟ้าแม่เมาะและเขื่อนโดยรอบ ได้ถูกออกแบบไว้ให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี จากการตรวจสอบผลกระทบแรงสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่พบความเสียหายใดๆ โดยเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเขื่อนแม่จางประมาณ 20% ของค่าการออกแบบรองรับ ซึ่งถือว่าไม่ส่งผลใดๆ ต่อโครงสร้างของเขื่อน ในส่วนของโรงไฟฟ้าแม่เมาะไม่พบว่าโครงสร้างของโรงไฟฟ้าได้รับผลกระทบ ระบบการผลิตยังสามารถดำเนินการได้เป็นปกติ ซึ่ง กฟผ.แม่เมาะ ได้มีการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างเขื่อนและโรงไฟฟ้าตามมาตรฐานสากลอยู่เสมอ”

ด้าน นายวีรชัย ไชยสระแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษาโยธา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า “เขื่อนต่างๆ ของ กฟผ. ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางที่เขื่อนขนาด 7.0 ริกเตอร์ ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ จ.เชียงราย ครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อเขื่อนของ กฟผ. เช่น เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์, เขื่อนภูมิพล จ.ตาก, เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี และเขื่อนวชิราลงกรณ์ จ.กาญจนบุรี จึงขอให้ประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัย”



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.ลำปาง
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

กกพ.ปรับค่าเอฟทีงวด พ.ค. – ส.ค. 57 เพิ่มขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย กฟผ.รับภาระส่วนต่าง ลดภาระประชาชน

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2557 อีก 10.00 สตางค์ต่อหน่วย ผลมาจากราคาเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าลง โดยปรับขึ้นน้อยกว่าความเป็นจริงที่ต้องปรับขึ้น 13.94 สตางค์ต่อหน่วย และให้ กฟผ.รับภาระส่วนต่าง เพื่อลดภาระผู้ใช้ไฟฟ้า

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2557 มีมติปรับขึ้นค่าเอฟที (ft)ในงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2557 เพิ่มขึ้น 10.00 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าเอฟทีในงวดดังกล่าว เท่ากับ 69.00 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มต่ำกว่าความเป็นจริงที่ต้องเพิ่มขึ้น 13.94 ต่อหน่วย โดย กฟผ. ต้องรับภาระต้นทุนส่วนที่เหลือคือ 3.94 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,247 ล้านบาท เป็นการชั่วคราว เพื่อลดภาระของประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า

การคำนวณค่า เอฟทีในงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2557 เท่ากับ 72.94 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งหากจัดเก็บตามต้นทุนที่คำนวณได้ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเอฟทีที่ได้เรียกเก็บจากผู้ใช้ ไฟฟ้าในงวดที่ผ่านมาจำนวน 59 สตางค์ต่อหน่วย ค่าเอฟทีจะเพิ่มขึ้น 13.94 สตางค์ต่อหน่วย กกพ. จึงให้ กฟผ. รับภาระต้นทุนส่วนที่เหลือคือ 3.94 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อลดภาระของประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า โดยปัจจัยที่มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสำหรับค่าเอฟทีในงวดนี้ มาจากการคาดการณ์ความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้นร้อยละ 2.8 จากช่วงเดียวกันของปี 2556

ทั้งนี้ จากมติ กกพ. ดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน กกพ. จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน – 7 พฤษภาคม 2557 ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บ ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟทีสำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.ลำปาง
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

เทศบาลเมืองเขลางค์นคร ขอเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง สท. แทนตำแหน่งที่ว่าง วันอาทิตย์ที่ 18 พ.ค.นี้


นายอมร ทองประดิษฐ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองเขลางค์นคร กล่าวว่า ตามที่ กกต.ลำปาง กำหนด ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร เขตเลือกตั้งที่ 2 ตำบลชมพู แทนตำแหน่งที่ว่าง ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2557 โดยมีผู้สมัคร 2 คน คือหมายเลข 1 นายประสิทธิ์ ก๋าทอง สังกัดกลุ่มพลังไทย หมายเลข 2 นายประสิทธิ์ สีตาบุตร สังกัดกลุ่ม พัฒนาเมืองเขลางค์นคร ขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ที่หน่วยเลือกตั้ง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ ให้ แจ้งเหตุไม่สามารถไปใช้สิทธิ ก่อนวันเลือกตั้ง คือ ตั้งแต่วันที่ 5 - 11 พฤษภาคม 2557 และหลังจากวันเลือกตั้ง คือ ตั้งแต่วันที่ 18 – 24 พฤษภาคม 2557 โดยสามารถแจ้งได้ที่ สำนักทะเบียนท้องถิ่น เทศบาลเมืองเขลางค์นคร

ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองเขลางค์นคร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอีกครั้งสำคัญ ขณะนี้ในส่วนของการเตรียมการจัดการเลือกตั้งได้ดำเนินการพร้อมแล้ว และคาดว่าน่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิอย่างน้อยร้อยละ 60 และแม้จะเป็นเพียงการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างเพียงตำแหน่งเดียว ก็อยากให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ให้ความสำคัญ

จึงอยากจะขอเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 ได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2557 ลงคะแนนเลือกตั้ง รับบัตร 1 ใบ กาได้ เบอร์เดียว ณ หน่วยเลือกตั้งที่มีชื่อ (ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น.)เพื่อมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองท้องถิ่นของเรา



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.ลำปาง
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง



ขอเชิญประชาชนร่วมปฏิบัติธรรม วันวิสาขบูชา


จังหวัดลำปางจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลวันวิสาขบูชา ระหว่างวันที่ 11- 17 พฤษภาคม 2557

วันวิสาขบูชา วันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา ซึ่งในปีนี้ตรงกับ วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม 2557 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และตามที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นวันสำคัญสากล ซึ่งเมื่อวันวิสาขบูชามาถึงพุทธศาสนิกชนทั่วโลกจะมีการปฏิบัติบูชาเป็นพิเศษ ด้วยการทำบุญตักบาตร ให้ทาน รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา ปฏิบัติธรรม เจริญจิตภาวนาและการเวียนเทียน และมีการกำหนดให้วันที่ 11-17 พฤษภาคม 2557 เป็นสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลวันวิสาขบูชา

และในวันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม 2557 ณ วัดพระเจดีย์ซาวหลังพระอารามหลวง อำเภอเมืองลำปาง โดยตั้งแต่เวลา 7.00 น. จะมีพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง การปฏิบัติธรรม ฟังธรรมเทศนา และในเวลา 19.30 น. จะมีกิจกรรมการเวียนเทียน ซึ่งจะจัดขึ้นที่พระอารามหลวง ของจังหวัดลำปาง ทั้ง 4 แห่ง คือ วัดพระเจดีย์ซาวหลังพระอารามหลวง วัดบุญวาทย์วิหาร วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามและวัดจองคำ จึงขอเชิญชวนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาชนในจังหวัดลำปางร่วมกิจกรรมดังกล่าว และร่วมรณรงค์การลด ละ เลิกอบายมุขในโอกาสวันสำคัญนี้



ข่าวโดย : กมลรัตน์ เพ็ชรแสนงาม
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

จังหวัดลำปาง เตือนประชาชนที่อยู่บนพื้นเสี่ยงภัย เฝ้าระวังอันตรายอันเกิดจากแผ่นดินไหว


นายฤทธิพงษ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า จังหวัดลำปางได้รับแจ้งจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธาณภัย กรณีการเกิดแผ่นดินไหวบนบกขนาด ๖.๓ ตามมาตรวัดริกเตอร์ ที่ความลึก ๑๐ กิโลเมตร ศูนย์กลางที่ละติดจูด ๑๙.๘๔ องศาเหนือลองจิจูด ๙๙.๖๖ องศาตะวันออก บริเวณ ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เมื่อเวลา ๑๘.๐๘ น. ของวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ รู้สึกสั่นไหวในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและเกิดแผ่นดินไหวตามมา อีกหลายครั้ง อาจมีผลทำให้หินหน้าผาแผ่นดินถล่มเคลื่อนตัวลงมา ในระยะนี้ได้

เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้อองกันและแก้ปัญหาภัยธรรมชาติอันเกิดจากแผ่นดินไหว อาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน จังหวัด ได้สั้งการให้อำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัด (อาคาร บ้านเรือน สถานที่ราชการ สถานศึกษา วัด โบราณสถาน อาคารชุมนุมคน อาคารพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงบ้านเรือนที่อยู่ริมหน้าผา ที่ลาดเชิงเขา) ทราบเกี่ยวกับภัยอันเกิดจากหินหน้าผาและแผ่นดินถล่มเคลื่อนตัวลงมา (landslide) ให้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากแผ่นดินไหวในระยะนี้ โดยประชาสัมพันธ์ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านและเครือข่ายวิทยุสมัครเล่นสถานีโทรทัศน์และเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นให้ครอบคลุม ทุกพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น อาสาสมัครในท้องที่

ทั้งนี้จังหวัดลำปาง ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังติดตามตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัย เส้นทาง เขื่อน ฝาย อ่าง คันกั้นน้ำ และแหล่งท่องเที่ยงทางธรรมชาติที่มีประชาชนใช้บริการจำนวนมากรวมทั้งพื้นที่ของเอกชนถ้าไม่มีความมั่นคงแข็งแรงพิจราณาแล้วเป็นอันตรายให้อพยพประชาชนไปในที่ปลอดภัย และแก้ไขโดยด่วน รวมทั้งให้ใช้ประโยชน์จาก “มิสเตอร์เตือนภัย” ที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยงภัย


ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.ลำปาง
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ ในนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ "เตาเผาชีวมวลไร้ควัน" รณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และการเผาในที่โล่ง


กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ให้ความรู้เกี่ยวกับ "เตาเผาชีวมวลไร้ควัน" นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยลดมลพิษ ลดหมอกควัน ภายใต้โครงการ "รณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างจิตสำนึกป้องกัน ลดการเผาในที่โล่งและหมอกควัน" ซึ่งได้ทำการเปิดฝึกอบรมให้แก่ตัวแทนภาคีเครือข่ายหน่วยงานองค์กรต่างๆ ที่ ห้องผาไท โรงแรมทิพย์ช้าง ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยมีนายเสริมยศ สมมั่น รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดการฝึกอบรม พร้อมเป็นผู้แทนมอบ "เตาเผาชีวมวลไร้ควัน" ต้นแบบ จำนวน 31 เตา ให้แก่องค์กรเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เครือข่ายองค์กรชุมชน สถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่อำเภอต่างๆ ทั้ง 10 อำเภอ ของจังหวัดลำปาง

การฝึกอบรมดังกล่าว ทางกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำขึ้น เพื่อต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรม “เตาเผาขยะชีวมวลไร้ควัน” ทั้งความรู้ด้านเทคนิค วิธีการสร้าง และการใช้งาน ให้แก่บุคลากรขององค์กรภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ผ่านการอบรม ได้นำความรู้ไปเผยแพร่สู่ประชาชน และเกษตรกรในชุมชนท้องถิ่น ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกร ได้มีความรู้ถึงวิธีการกำจัดขยะชีวมวล เช่น กิ่งไม้ ตอซัง และฟางข้าว อย่างถูกวิธี อันจะเป็นการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันในเชิงรุก ให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการยกระดับบทบาทของชุมชน และภาคส่วนต่างๆ ในสังคม ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างทัศนคติที่ดี เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมของประชาชนในพื้นที่ ให้เอื้อต่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด

โดยนายเสริมยศ สมมั่น รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวเผยว่า “เตาเผาขยะชีวมวลไร้ควัน” ที่จัดสร้างขึ้นนี้ มีคณะทีมวิจัย จากศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นผู้คิดค้น ออกแบบ และพัฒนา พร้อมได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ซึ่งเตาเผาที่คิดค้นขึ้นได้นี้ เป็นเตาเผาที่มีประสิทธิภาพสูง และทางกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมาย ที่จะนำเตาเผาไปใช้ประโยชน์ เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยจะใช้เตาเผาเป็นเครื่องมือ สำหรับกำจัดสิ่งของเหลือทิ้ง จากการทำการเกษตร แทนการเผาในที่โล่งของเกษตรกร เนื่องจากเตาเผาดังกล่าว จะปล่อยก๊าซพิษ หรือมีควันที่เกิดจากการเผาไหม้น้อยมาก เมื่อเทียบกับการเผาในที่โล่งแบบเดิมๆ นอกจากนี้ในการเผาแต่ละครั้งเกษตรกร จะมีผลผลิตพลอยได้จากการเผา เป็นถ่านเชื้อเพลิง สำหรับใช้ในการหุงต้มอาหาร ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ในชีวิตประจำวันได้ สำหรับ “เตาเผาขยะชีวมวลไร้ควัน” ที่ทางกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำขึ้นนี้ ถือเป็นเตาเผาต้นแบบ ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ เพียงเตาละ 5,000 บาท และมีความสามารถในการเผาครั้งละ 50 กิโลกรัม คิดโดยเฉลี่ยประมาณ 500 กิโลกรัมต่อวัน โดยในการฝึกอบรม ทางกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้นำเตาเผาต้นแบบ มามอบให้กับองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ จ.ลำปาง ได้นำไปใช้ โดยมีความมุ่งหวังที่จะให้หน่วยงาน องค์กรในระดับพื้นที่ ได้นำไปพัฒนาต่อยอด ให้เตามีขนาดใหญ่ และมีประสิทธิภาพที่สูงมากยิ่งขึ้น ต่อไป

ดูคลิป http://youtu.be/hHrUCLHg43Q



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

แม่ฮ่องสอน จัดชุดเฉพาะกิจ 8 ชุดปฏิบัติการ เข้าเอ็กซเรย์พื้นที่บ้านทุ่งป่าคา พบไม้สักท่อนกว่า 700 ท่อนกระจายทั่วหมู่บ้าน


บ่ายวันนี้ (6 พ.ค 57) นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่ 16 สาขาแม่สะเรียง พ.อ.คชาชาต บุญดี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 พันเอกชายแดน กฤษณสุวรรณ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 พร้อม ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ลาน้อย เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าท่าผาปุ้มและห้วยชมภู ตำรวจตระเวนชายแดน 337 และ จนท.ตร.สภ.แม่ลาหลวง นำหมายศาลเข้าตรวจค้น บ้านเรือนของชาวบ้าน บ้านทุ่งป่าคา หมู่ที่ 8 ตำบลแม่ลาหลวง อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยในวันนี้ศาลได้ออกหมายค้นจำนวน 8 หลังคาเรือน แต่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจค้นได้เพียง จำนวน 5 หลังคาเรือน เนื่องจากสภาพอากาศเริ่มค่ำ ประกอบกับแต่ละหลังที่เข้าทำการตรวจค้นพบไม้สักท่อนซุกซ่อนไว้ในบ้านจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการตรวจยึดและชักลากมาเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย เฉพาะภายในบ้านตรวจยึดได้ จำนวน 87 ท่อน ส่วนวันพรุงนี้เจ้าหน้าที่จะขอหมายศาลเพิ่ม และเร่งเข้าตรวจค้นตามหมายศาล คาดว่าจะแล้วเสร็จน่าจะให้เวลา ถึง 10 วัน

ขณะเดียวกันในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดชุดเฉพาะกิจ 8 ชุดปฏิบัติการ เข้าเอ็กซเรย์พื้นที่ในหมู่บ้าน สามารถตรวจนับไม้สักท่อนขนาดใหญ่ ได้จำนวน 710 ท่อน ไม้แปรรูปจำนวน กว่า 300 แผ่น ส่วนใหญ่จะมีขนาดความยาว 3 เมตร ที่ซุกซ่อนไว้ตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ทั้งบริเวณข้างบ้าน ใต้ถุนบ้าน สวนหลังบ้าน แล้วปกปิดไว้ด้วยใบไม้หญ้าแห้ง โดยไม้ทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจวัดขนาด และเตรียมชักลากไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย


ข่าวโดย : นวรัตน์ ศรีแก้วเลิศ
    หน่วยงาน : สวท.แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน

กลุ่มยุทธศาสตร์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) เตรียมจัดฝึกอบรมเครือข่ายเพื่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ


กลุ่มยุทธศาสตร์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) เตรียมจัดฝึกอบรมเครือข่ายเพื่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์

กลุ่มยุทธศาสตร์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่ ) เตรียมจัด ฝึกอบรมเครือข่าย เพื่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้โครงการหมู่บ้านเชิงนิเวศ ECO Village ส่งเสริมพัฒนาหมู่บ้านเชิงนิเวศสู่การเป็นหมู่บ้านน่าอยู่ย่างยั่งยืน ECO Village ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ที่ ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ราษฏรและ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและผู้ใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งในด้านกฎหมายและด้านการอนุรักษ์ มีส่วนร่วมในการการดูแลรักษาพื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนี่งในการที่จะกระจายความรู้ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ การเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์ ในด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างเครือข่ายในการร่วมกันดูแลป่าอนุรักษ์ให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ตอบสนองยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอน 1 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมการฟื้นฟูและอนุรักษ์แบบองค์รวม เพื่อสร้างสรรค์ บรรยากาศที่สวยงาม มีเสน่ห์ สามารถอำนวยประโยชน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการท่องเที่ยวตลอดไป


ข่าวโดย : เวียงสอน ดอนแก้ว / ทีมข่าว สวท.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

คณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้รับ บริการหรือทายาท ตามมาตรา 41 แห่ง พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยที


คณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้รับ บริการหรือทายาท ตามมาตรา 41 แห่ง พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยที่รับความเสียหาย ตามมาตรา 41 ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน

วันที่ 6 พฤษภาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้รับ บริการหรือทายาท ตามมาตรา 41 แห่ง พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายยุทธชัย ปาณศรี ประธานอนุกรรมการ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้แทนหน่วยบริการโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ และผู้แทนผู้รับบริการ ได้ร่วมประชุมที่ ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับผู้ปกครอง ดญ ตติยา สุนันสิริชาติ ที่ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มหัวฟาดพื้น จำนวนสี่แสนบาทถ้วน หลังจากที่คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องฯ ได้มีการสอบข้อเท็จจริงและรับฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายแล้ว ได้มีมติพิจารณาจ่าย เงินเบื้องต้นให้กับผู้ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือซึ่งเป็นครอบครัวของ ผู้ ป่วยที่ได้รับความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข ซึ่งเป็นไปด้วยเหตุสุดวิสัย เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวดังกล่าว ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีข้อเสนอต่อการพัฒนาคุณภาพบริการ ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะหน่วยงานเลขานุการ จะได้นำข้อเสนอพัฒนาคุณภาพบริการให้เกิดความมั่นใจต่อไป



ข่าวโดย : สมหมาย กล้าณรงค์ / อปมช.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

ผู้ประกอบการไทยกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 ร่วมเมียนมาร์ทำบันทึกข้อตกลงการค้าการลงทุน


เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ที่ห้องประชุมโรงแรมอิมพิเรียลธาราแม่ฮ่องสอน คณะผู้แทนกลุ่มผู้ประกอบการค้าจากประเทศเมียนมาร์ จากเมืองมัณฑะเล ตองอู ตองยี และลอยก่อ จำนวน 25 คน ได้เดินทางมาหารือความร่วมมือและเจรจาการค้ากับคณะผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ตามโครงการระบบโครงสร้างเมืองรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ซึ่ง ประกอบด้วย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยมีนายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นประธานในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการประกอบธุรกิจการค้าการลงทุน โดยได้นำผู้ประกอบการในกลุ่มจังหวัด เข้าร่วมทำข้อตกลง ทั้งนี้เพื่อเปิดตลาดด้านการค้าขายกับกลุ่มผู้ประกอบการของเมียนมาร์

นายโกโกจี ประธานกรรมการหอการค้าเมืองตองยี กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้นับว่าได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะผู้ประกอบการแต่ละประเภทได้พบกันโดยตรงและสามารถตกลงที่จะประกอบธุรกิจการค้ากันได้ ส่วนการเปิดตลาดการค้าระหว่างประเทศไทยกับเมียนมาร์ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการมีตลาดทางเลือกเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ทางเมียนมาร์กำลังอยู่ระหว่างการเปิดตลาดการค้าไปสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถ้าผู้ประกอบการของไทยเดินทางไปเมียนมาร์ทางช่องทางชายแดนแม่ฮ่องสอน ก็จะทำให้ประชาชนที่อยู่ระหว่าง 2 ข้างทางมีโอกาสในการจำหน่ายสินค้า และยังสามารถเดินทางไปเที่ยวชายทะเลของเมียนมาร์ได้ด้วย

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ขณะนี้ช่องทางจุดผ่อนปรนบ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม รัฐบาลได้อนุมัติในหลักการให้เป็นด่านถาวร ซึ่งขั้นตอนต่อไปทางจังหวัดก็จะดำเนินการขอใช้พื้นที่ป่าไม้ โดยจะมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการตามบทบาทและหน้าที่ของแต่ละกรม ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีการนำสินค้าอุปโภคบริโภคส่งออกและมีการนำเข้าสินค้าจากเมียนมาร์ ซึ่งการสร้างเส้นทางยังชะลออยู่เนื่องจากงบประมาณยังมีปัญหา ส่วนให้สินค้านำเข้าและส่งออกก็จะใช้อำนาจของผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนอนุญาตให้ดำเนินการได้


ข่าวโดย : สมาน ต้นใส/สวศ.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : สวศ. แม่ฮ่องสอน

จังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดทำแผนปฏิบัติการฉุกเฉินแก้ไขปัญหาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่มจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี 2557 เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์แผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้น


จังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดทำแผนปฏิบัติการฉุกเฉินแก้ไขปัญหาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่มจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี 2557 เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์แผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้น เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกัน

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา แรงสะเทือนถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน หากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อาจได้รับผลกระทบจากภัยแผ่นดินไหวดังกล่าว ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์แผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้น จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการฉุกเฉินแก้ไขปัญหาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่มจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี พ.ศ. 2557 ขึ้น เพื่อเป็นกรอบการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมพร้อมวางแผนรับมือกับสถานการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลให้การปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไป



ข่าวโดย : เวียงสอน ด อนแก้ว / ทีมข่าว สวท.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแพร่จัดโครงการเสริมสร้างพัฒนาและสนับสนุนเครือข่ายเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัว

บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแพร่จัดโครงการเสริมสร้างพัฒนาและสนับสนุนเครือข่ายเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัวภาคประชาชน เพื่อให้เกิดความตระหนักและการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า จากปัญหาสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัว ชุมชน เมือง ประเทศและระดับโลก พร้อมกับการเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ ได้เจริญรุดหน้าไปมาก ในทางกลับกันสังคมมีปัญหาด้านการค้าประเวณี การค้ามนุษย์ การล่วงละเมิดทางเพศ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และก่อนวัยอันควร ความยากจน ครอบครัวแตกแยก และพัฒนาจนไปสู่ปัญหาสังคมอื่นๆ

ทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแพร่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 จึงได้จัดโครงการเสริมสร้างพัฒนาและสนับสนุนเครือข่ายเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัวภาคประชาชนขึ้น เพื่อให้คนในสังคมเกิดความตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการกระทำความรุนแรงในครอบครัว และเกิดการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง ร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วยผู้นำชุมชน ครู เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเหล่า บ้านกวาง บ้านกาศ จำนวน 50 คน มีนายธนากร อึ้งจิตรไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมในวันนี้ (7พ.ค.57)



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์        

จังหวัดแพร่ ระดมความคิดเพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการท่องเที่ยว

จังหวัดแพร่ระดมความคิดเพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดใหม่ เน้นเทคนิคดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะพัก เที่ยว กิน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า เช้าวันนี้ (7 พ.ค.57) ที่ห้องไอยรา โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาตามโครงการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดใหม่ ภาคเหนือตอนบนกลุ่ม 2 โดยศูนย์ปฏิบัติการร่วมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนกลุ่ม 2 ทั้งนี้เพื่อให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้มีมุมมองในการส่งเสริมและผลักดันการท่องเที่ยวในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดแพร่ และเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม แวะพัก รับประทานอาหารและซื้อของชำร่วย ของที่ระลึก ซึ่งจะทำให้ก่อเกิดอาชีพ ก่อเกิดรายได้อย่างครบวงจรในพื้นที่

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่กล่าวว่า จังหวัดแพร่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางผ่านไปยังจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยจะแวะที่จังหวัดแพร่ ทางจังหวัดจึงอยากให้ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันว่าทำยังไงที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปให้แวะพักค้างแรม และเที่ยว พร้อมจับจ่ายซื้อของภายในจังหวัด แทนการผ่านไปเฉยๆ จึงได้นำวิทยากรจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาให้ความรู้ เพิ่มศักยภาพแก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานที่พัก ร้านขายของชำร่วยของที่ระลึก และผู้เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่จำนวน 60 คน



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์        

อุตุนิยมวิทยาเตือนฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงในระยะนี้

กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนอาจเกิดฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก เกิดขึ้นได้ในระยะในช่วงวันที่ 8-13 พฤษภาคมนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า จากการคาดหมายลักษณะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ว่า ในช่วงวันที่ 8-13 พฤษภาคม 2557 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีฝนฟ้าคะนองลดลง และอากาศ ร้อนขึ้นในตอนกลางวัน สำหรับในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค. ลมตะวันตกพัดนำความชื้นจากอ่าวเบงกอลเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเพิ่มขึ้น

ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2557 ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะภาคเหนือ ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง จึงขอให้ประชาชนและส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามพยากรณ์อากาศ และตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง กิ่งไม้ ต้นไม้ ป้ายโฆษณา ที่ไม่มั่นคงและแข็งแรง หากพบให้ดำเนินการื้อถอนออกหรือดำเนินการให้เกิดความปลอดภัย เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์



   

ขอเชิญชวนข้าราชการ ประชาชนร่วมโครงการรวมน้ำใจช่วยเหลือชาวนา

ขอเชิญชวนข้าราชการ ประชาชนร่วมโครงการรวมน้ำใจช่วยเหลือชาวนา ด้วยการร่วมสมทบเงินเข้ากองทุน ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ตามธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ได้จัดทำโครงการกอวงทุนช่วยเหลือชาวนา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินตามมุ๔ลค่าใบประทวนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 นั้น

เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรที่ประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการผลิตทางการเกษตรในฤดูกาลผลิตรอบใหม่ และค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่จำเป็น จังหวัดแพร่จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป ร่วมสมทบเงินเข้ากองทุน ช่วยเหลือเกษตรกรได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

จังหวัดแพร่ เตือนประชาชนระมัดระวังภัยจากแผ่นดินไหว

จังหวัดแพร่เตือนประชาชนระมัดระวังภัยจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอาคาร บ้านเรือน สถานที่ราชการ สถานศึกษา วัด โบราณสถานให้เตรียมการระมัดระวัง

นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่กล่าวว่า ตามที่เกิดแผ่นดินไหวบนบกขนาด 6.3 ริกเตอร์ ที่ความลึก 10 กิโลเมตร ศูนย์กลชางอยู่ที่บริเวณตำบลห้วยทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เมื่อเวลา 18.08 น. ของวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 รู้สึกสั่นไหวในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและเกิดแผ่นดินไหวตามมาหรืออาฟเตอร์ช็อคอีกหลายครั้ง อาจส่งผลให้เกิดหินหน้าผาถล่มหรือเคลื่อนตัวในระยะนี้

เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ปัญหาภัยธรรมชาติอันเกิดจากแผ่นดินไหว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน บ้านเรือน จึงขอให้อำเภอทุกอำเภอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเช่น อาคาร บ้านเรือน สถานที่ราชการ สถานศึกษา วัด โบราณสถาน อาคารชุมนุมคน อาคารพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงบ้านเรือนที่อยู่ริมหน้าผาที่ลาดเชิงเขา ทราบเกี่ยวกับภัยอันเกิดจากหินหน้าผาและแผ่นดินถล่มเคลื่อนตัวลงมา โดยให้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากแผ่นดินไหวในระยะนี้

นอกจากนี้ยังกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังติดตามตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัยเส้นทาง เขื่อน อ่าง ฝาย คันกั้นน้ำ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพื้นที่เอกชน ถ้าไม่มีความปลอดภัยเป็นอันตรายให้อพยพประชาชนไปในที่ปลอดภัยและทำการแก้ไขโดยด่วน และให้จัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง  หากเกิดเหตุในพื้นที่ให้รายงานให้จังหวัดทราบ ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-5453-3680 โทรสาร 0-5452-2513



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์



พนันฟุตบอลปัญหาที่ต้องร่วมมือกันแก้ไข

พนันฟุตบอล เป็นปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมที่นับจะทวีความรุนแรงขึ้น จะเห็นได้จากช่วงเวลาการปิดภาคเรียนของนักเรียนนักศึกษา ซึ่งตรงกับช่วงเวลาของการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลของต่างประเทศต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของคนไทย จากข้อมูลพบว่า สถานประกอบการ /ร้านค้า/ร้านอาหาร ที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมาก ใช้วิธีตั้งจอฉายภาพการถ่ายทอดการแข่งขัน เพื่อดึงดูดให้ผู้คนทั่วไปเข้าไปใช้บริการ       จากปัญหาดังกล่าวหากหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องไม่เร่งดำเนินการป้องกันและแก้ไข สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสังคมจนกลายเป็นเป็นปัญหาสังคม การพนันคือต้นเหตุแห่ง ปัญหาหนี้สิน การฆ่าตัวตาย การลักทรัพย์ การขู่กรรโชกทรัพย์ การทำร้ายร่างกาย การค้าประเวณี และที่สำคัญคือปัญหายาเสพติด ซึ่งสภาพเช่นนี้เป็นการคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของคนในสังคม ที่ไม่อาจประเมินความเสียหายได้

ที่ผ่านมา จังหวัดแพร่ได้สั่งการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดกวดขันสถานประกอบการ/ร้านค้า/ร้านอาหารที่มีการจำหน่ายสุรา เช่น การขออนุญาตในการจำหน่ายสุรา การจำหน่ายสุราไม่เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด การจำหน่ายสุราให้กับเด็ก รวมถึงการปล่อยให้เด็กเข้าไปใช้บริการในสถานบริการที่ซึ่งกฎหมายห้ามไว้ โดยกำชับให้ทุกหน่วยเพิ่มความถี่ในการเข้มงวดกวดขันตามตามรางการแข่งขัน และให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเฉียบขาด

อย่างไรก็ตามการเล่นพนันฟุตบอลยังคงมีอยู่ เหตุจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการติดต่อสื่อสาร ที่ได้การพัฒนาจนยากที่จะควบคุม การควบคุมการเล่นการพนันคงไม่สามารถแก้ไขได้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคลหนึ่งเท่านั้น หากแต่ทุกคนและทุกฝ่ายต้องร่วมมือการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงเห็นผลเป็นรูปธรรม ที่สำคัญที่สุดคือผู้ปกครอง ที่ต้องเฝ้าระวัง เฝ้าสังเกตพฤติกรรมบุตรหลาน รวมถึงบุคคลในครอบครัว อย่างใกล้ชิด

การเฝ้าติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลเพื่อเพิ่มเติมทักษะในการเล่นให้กับผู้ที่ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอล หรือการชมเพื่อความสุขให้กับตนเองถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ถ้าเกมส์ฟุตบอลที่ต้องอดหลับอดนอน เพื่อรอเชียร์ทีมขวัญใจกลายเป็นเกมส์ที่ต้องทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ทุกคนในสังคมคงไม่สมควรที่จะส่งเสริม หากแต่สมควรร่วมกันต่อต้านจนถึงที่สุด




วัชระ เพชรพลอย

อาคารเรียน 4 ชั้นโรงเรียนแม่ใจวิทยาคม อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา เกิดรอยร้าวแตกที่ใต้อาคารชั้นสอง ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนประสานโยธาจังหวัด ส่งวิศวกรเข้าตรวจสอบโครงสร้างแล้ว

ที่โรงเรียนแม่ใจวิทยาคม อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เพียง 25 กิโลเมตร อาคารเรียนหลังใหม่สูง 4 ชั้น 18 ห้องเรียน ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ คือที่รอยต่อคานชั้น 1กับชั้น 2 เกิดแตกร้าวเป็นแนวกว้าง นอกจากนี้ยังพบรอยแตกที่เป็นร่องลึกที่บริเวณรอยต่อคานชั้น 2 ริมกำแพงด้านทิศตะวันออกของตัวอาคาร และรอยร้าวยาวตลอดถึงด้านหลังอาคาร ขณะที่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมาประชุมเตรียมความพร้อมชั้น ม.1 ได้จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้

นายวิเชียร ทาทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนแม่ใจวิทยาคม กล่าวว่า อาคารนี้สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2551 เป็นอาคาร 4 ชั้น 18 ห้องเรียน หลังเกิดแผ่นดินไหวได้มาสำรวจเบื้องต้นและรายงานความเสียหายไปยัง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 36 แล้ว พร้อมประสานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ส่งทีมวิศวกรมาตรวจสอบรอยแตกร้าวที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบกับโครงสร้างอาคารหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลก่อนเปิดภาคเรียนปกติในวันที่ 16 พ.ค.57

ด้านนายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวถึงผลการสำรวจความเสียหายแผ่นดินไหว ว่า ทุกอำเภอรายงานมาแล้วไม่มีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย มีเพียงรอยร้าวยาว 5 เมตร ที่องค์พระธาตุศรีปิงเมือง ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา และรอยแตกร้าวที่โรงเรียนแม่ใจวิทยาคม โดยทางจังหวัดได้สั่งการให้ทุกอำเภอเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนหากเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

จังหวัดพะเยา แถลงข่าวเตรียมจัดงานเทศกาลลิ้นจี่และของดีเมืองพะเยา ประจำปี 2557 ระหว่าง 16 – 25 พฤษภาคมนี้ ณ สนามข้างสถานีขนส่งจังหวัดพะเยา

วันนี้ (7 พ.ค.57) ที่สวนลิ้นจี่ ผู้ใหญ่ศรีทน ติ๊บเมืองมา หมู่ที่ 8 ต.ศรีถ้อย อ.แม่ใจ จังหวัดพะเยา นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลลิ้นจี่และของดีเมืองพะเยา ประจำปี 2557 ซึ่งปีนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 25 พฤษภาคม 2557 ที่บริเวณสนามข้างสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพะเยา เพื่อเป็นการระบายผลผลิตลิ้นจี่ที่ปีนี้ คาดว่าจะสามารถระบายลิ้นจี่ออกสู่ตลาดในการจัดงานกว่า 300 ตัน ขณะที่ผลผลิตลิ้นจี่ที่ปีนี้คาดว่าจะมีมากถึง 9,283 ตัน แต่อย่างไรก็ตามทางจังหวัดพะเยา ได้ขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วน รวมถึงคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานฯ ได้เร่งประชาสัมพันธ์เชิญชวนและกระตุ้นให้ประชาชน เกิดการบริโภคผลผลิตลิ้นจี่ ทั้งในพื้นที่และในต่างจังหวัด โดยตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้ได้อย่างน้อยที่สุดต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของผลผลิตทั้งหมด

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย ขบวนแห่ลิ้นจี่และของดีเมืองพะเยา , กิจกรรมสาธิตการประกอบอาหารจากลิ้นจี่ , การจำหน่วยผลผลิตลิ้นจี่คุณภาพกว่า 120 ร้านค้า , การจำหน่ายสินค้าโอทอป ฯลฯจังหวัดพะเยาจึงขอเชิญชวนประชาชน ผู้สนใจ ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เที่ยวชมงานและซื้อลิ้นจี่คุณภาพดีได้ในงานเทศกาลลิ้นจี่และของดีเมืองพะเยา ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 16 – 25 พฤษภาคมนี้ พร้อมชมขบวนแห่ลิ้นจี่ และของดีแต่ละอำเภอ โดยจะมีพิธีเปิดงานในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ที่บริเวณสนามข้างสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพะเยา



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งประชาสัมพันธ์ลิ้นจี่คุณภาพ ในสวนลิ้นจี่แม่ใจ จ.พะเยา คาดผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งประเทศ 50,000 ตัน ด้าน จ.พะเยาแถลงข่าว เตรียมจัดงานเทศกาลลิ้นจี่ และของดีเมืองพะเยาปี 57 16 – 25 พฤษภาคมนี้ ณ สนามข้างสถานีขนส่งจังหวัดพะเยา

วันนี้ (7 พ.ค.57) ที่สวนลิ้นจี่ นายศรีทน ติ๊บเมืองมา ผู้ใหญบ้านหมู่ที่ 8 ต.ศรีถ้อย อ.แม่ใจ จังหวัดพะเยา นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคเหนือ พร้อมด้วยนายไพรัช หวังดี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร , นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา , ผู้แทน ธกส.และผู้แทน อตก.ได้ร่วมเวทีเสนาประชาสัมพันธ์ลิ้นจี่คุณภาพปี 2557 (เพื่อพัฒนาองค์กรผู้ผลิตผลไม้ดีในระดับประเทศ) ที่กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับสำนักงานเกษตรกรจังหวัดพะเยา และสำนักงานเกษตรกรและสหกรณ์จังหวัดพะเยา จัดขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์ลิ้นจี่คุณภาพดี ให้ประชาชนได้รับทราบ เกิดการบริโภค และซื้อขายผลผลิต ที่กำลังออกสู่ตลาด เพื่อให้เกษตรกรสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต และการตลาดกับผู้ประกอบการได้ล่วงหน้า และทันเวลา และเพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานเทศกาลลิ้นจี่ และของดีเมืองพะเยา ปี 2557 ด้วย

นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคเหนือ กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าผลผลิตลิ้นจี่ทั้งหมด จะออกสู่ตลาดราว 50,000 ตัน ราคานั้นก็เป็นไปตามกลไกของตลาด โดยภาครัฐจะเน้นกระจายผลผลิต การบริหารจัดการอุปสงค์ อุปทานในพื้นที่อื่น เช่น กทม.และเขตอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีหลายหน่วยงานที่จะช่วยกันระบายสินค้าออกสู่ตลาดโดยเร็ว สำหรับจังหวัดพะเยาซึ่งเป็นศูนย์รวมลิ้นจี่ มีล้งมากมายที่มีศักยภาพในการระบายผลผลิต ก็จะมีการระบายผลผลิตออกสู่ผู้บริโภค เพื่อลดการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง นอกจากนี้ ภาครัฐจะพยายามให้เกษตรกรจำหน่ายสินค้าเอง ที่ อตก. ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ อตก.เปิดพื้นที่จำหน่ายให้เกษตรกรโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มวันที่ 15 พ.ค.เป็นต้นไป และยังให้บริการช่องทางการตลาดแก่เกษตรกร ด้วย และในวันที่ 21 พ.ค.นี้ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย อตก.ก็จะมีการจัดงานเทศกาลลิ้นจี่ของดี 4 จังหวัด(เชียงใหม่ น่าน พะเยา และเชียงราย) ภาคเหนือ ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถระบายผลผลิตลิ้นจี่ได้เป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ได้ร่วมกันแถลง การจัดงานเทศกาลลิ้นจี่และของดีเมืองพะเยา ประจำปี 2557 ซึ่งปีนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 25 พฤษภาคม 2557 ที่บริเวณสนามข้างสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพะเยา เพื่อเป็นการระบายผลผลิตลิ้นจี่ที่ปีนี้ ที่คาดว่าจะสามารถระบายลิ้นจี่ออกสู่ตลาดในการจัดงานครั้งนี้ กว่า 300 ตัน

ขณะที่ผลผลิตลิ้นจี่ที่ปีนี้คาดว่าจะมีมากถึง 9,283 ตัน แต่อย่างไรก็ตามทางจังหวัดพะเยา ได้ขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วน รวมถึงคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานฯ ได้เร่งประชาสัมพันธ์เชิญชวน และกระตุ้นให้ประชาชน เกิดการบริโภคผลผลิตลิ้นจี่ ทั้งในพื้นที่และในต่างจังหวัด โดยตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้ได้อย่างน้อยที่สุด ต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของผลผลิตทั้งหมด

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย ขบวนแห่ลิ้นจี่และของดีเมืองพะเยา , กิจกรรมสาธิตการประกอบอาหารจากลิ้นจี่ , การจำหน่วยผลผลิตลิ้นจี่คุณภาพกว่า 120 ร้านค้า, การจำหน่ายสินค้าโอทอป , กิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ผลผลิตลิ้นจี่คุณภาพ ซึ่งผลผลิตลิ้นจี่ของจังหวัดพะเยา ได้น้ำจากต้นน้ำกว๊านพะเยา ทำให้รสชาติลิ้นจี่ของจังหวัดพะเยา หวานกรอบอร่อยกว่าจังหวัดอื่นๆ และการจัดงานดังกล่าวยังเป็นการระบายผลผลิตลิ้นจี่อีกทางหนึ่งด้วย จังหวัดพะเยาจึงขอเชิญชวนประชาชน ผู้สนใจ ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เที่ยวชมงานและซื้อลิ้นจี่คุณภาพดีได้ในงานเทศกาลลิ้นจี่และของดีเมืองพะเยา ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 16 – 25 พฤษภาคมนี้ พร้อมชมขบวนแห่ลิ้นจี่ และของดีแต่ละอำเภอ โดยจะมีพิธีเปิดงานในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ที่บริเวณสนามข้างสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพะเยา



ข่าวโดย : ทีมข่าว ส.ปชส.พะเยา
หน่วยงาน : ส.ปชส.พะเยา

ผู้ว่าฯน่าน ร่วมประชุมทางไกลกับรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านร่วมประชุมทางไกลกับศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย(ส่วนปฏิบัติการ)โดยมีรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน สรุปผลกระทบจากเหตุการณ์เเผ่นดินไหวในจังหวัดเชียงราย

นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านได้ประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมร่วมกับศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย(ส่วนปฏิบัติการ) เรื่องผลกระทบที่เกิดจากเเผ่นดินไหวจังหวัดเชียงราย โดยมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานในที่ประชุมหารือร่วมกับผู้ว่าราชการ 13 จังหวัดในภาคเหนือ (เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน อุตรดิถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก นครสวรรค์ พิจิตร)

ในส่วนจังหวัดน่าน ผู้ว่าราการจังหวัดน่านได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกสำรวจความเสียหายอย่างละเอียดร่วมถึงมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นรายงานให้เเล้วเสร็จภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 เพื่อทางจังหวัดน่านจะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมเรื่องความเสียหายพร้อมเเจ้งรายละเอียดให้กรมป้องกันเเละบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยทราบ

นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ออกสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสรุปสาระสำคัญของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์แรงสั่นสะเทือนของเเผ่นดินไหวมีดังนี้

    1.วัดพระธาตุเขาน้อยอุโบสถมีรอยเเตกร้าวเล็กน้อยเพิ่มจากรอยเดิมจากเหตุการณ์แรงสั่นสะเทือนจาก เเผ่นดินไหวในประเทศลาว เมื่อปี พ.ศ. 2554
    2.วัดภูมินทร์มีรอยร้าวเล็กน้อยหลายจุดบริเวณพระอุโบสถ วิหาร  จากรอยร้าวเดิม
    3.หลังคามีวัดดู่ใต้ ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน มีการแตกและร่อน
    4.พระอุโบสถวัดศิริธาดา ตำบลริม อำเภอท่าวังผา มีรอยร้าวเล็กน้อย
    5.ตึกผู้ป่วยโรงพยาบาลสองเเคว อำเภอสองแควมีรอยร้าวตามตัวอาคารผู้ป่วย แต่ไม่กระทบโครงสร้าง พื้นฐาน

ทางจังหวัดน่านรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากเเผ่นดินไหวในจังหวัดเชียงราย โดยได้ดำเนินการประสานงานหน่วยงานในพื้นที่ตรวจสอบเเละช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้นเเล้ว



บุษรินทร์ บุญมี / ข่าว

จังหวัดน่าน ขับเคลื่อนโครงการ 1 อำเภอ 1 ลุ่มน้ำ 1 ธนาคารต้นไม้ ตามวาระจังหวัดน่าน “สร้างเมืองน่านน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ”

จังหวัดน่าน ประชุมวิทยากรขับเคลื่อนโครงการ 1 อำเภอ 1 ลุ่มน้ำ 1 ธนาคารต้นไม้ ตามวาระจังหวัดน่าน "สร้างเมืองน่านน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ” เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติ และเพิ่มพื้นที่ป่าแหล่งต้นน้ำ

นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานการประชุมวิทยากรโครงการ 1 อำเภอ 1 ลุ่มน้ำ 1 ธนาคารต้นไม้ ตามวาระจังหวัดน่าน 2013-2017 "สร้างเมืองน่านน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ” โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานเกษตรจังหวัดน่าน สนง.ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน กอ.รมน.จ.น่าน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดน่าน นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริฯ และนายพันธุ์ชัย วัฒนชัย ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริฯ เข้าร่วมประชุม

สืบเนื่องจากการประชุมสัมมนาวิชาการ "รักษ์ป่าน่าน” ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับกองทัพบก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 ณ ศูนย์การเรียนรู้และบริหารวิชาการเครือข่ายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานในการสัมมนาและทรงบรรยายเรื่อง การสร้างสำนึกให้เด็กและเยาวชนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การพัฒนาเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าแหล่งต้นน้ำ และขับเคลื่อนการดำเนินงานตามวาระจังหวัดน่าน "สร้างเมืองน่านน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ” ซึ่งจังหวัดน่าน ได้กำหนดจัดอบรมโครงการ 1 อำเภอ 1 ลุ่มน้ำ 1 ธนาคารต้นไม้ ทั้ง 15 อำเภอ ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มๆ ละ 3 อำเภอๆ ละ 30 คน รวม 90 คน/กลุ่ม เพื่อเรียนรู้กระบวนการเข้าใจ เข้าถึง การพัฒนา ตามแนวทางโครงการปิดทองหลังพระฯ ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ตลอดจนออกสำรวจสภาพทั่วไปของชุมชน จัดทำแผนเพื่อการพัฒนา และศึกษาดูงานตามวาระจังหวัดน่าน

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามวาระจังหวัดน่าน"สร้างเมืองน่านน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ” ต้องได้รับการบูรณาการจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทุกคน เข้ามามีส่วนร่วมในการเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ร่วมกันผลักดันให้จังหวัดน่านได้รับการพัฒนา และขับเคลื่อนการดำเนินงาน ตามวาระจังหวัดน่าน "สร้างเมืองน่านน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ” อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ต่อไป



รดา บุญยะกาญจน์ / ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

จังหวัดน่าน ขอเชิญร่วมงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน ได้รับแจ้งจาก นายอุดมศักดิ์ คำมูล เกษตรจังหวัดน่าน ว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดน่าน ร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดกิจกรรมโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และงานวันเกษตรกร ในวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม 2557 ณ หน่วยประสานงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว มีกิจกรรมด้านการเกษตรมากมายบริการให้กับเกษตรกร

นายอุดมศักดิ์ คำมูล เกษตรจังหวัดน่าน แจ้งว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดน่าน ร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 12 หน่วยงาน จัดให้บริการด้านความรู้ คำแนะนำ นิทรรศการด้านการเกษตรทั้งด้านวิชาการเรื่องดิน น้ำ พืช เรื่องปุ๋ย ด้านการทำบัญชีครัวเรือน ด้านการสหกรณ์ ด้านกฎหมายที่ดิน การบริการผ่าตัดทำหมัน รักษาโรคสัตว์เลี้ยง การประกวดกระเช้าผักพื้นบ้านชาวเขา การประกวดลิ้นจี่พันธุ์ฮงฮวย การแสดงของเด็กนักเรียนชาวเขา ตลอดจนการจำหน่ายสินค้าเกษตรราคาถูก ปลอดภัย โดยเฉพาะลิ้นจี่คุณภาพดีที่สุดในจังหวัดน่าน และร่วมทำบุญทอดผ้าป่าแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้าน ที่สำนักงานเกษตรอำเภอปัวเตรียมไว้บริการ โดยมีกติกาให้เกษตรกรนำเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านที่ตนเองมีอยู่มาแลกเปลี่ยนกับเมล็ดพันธุ์ผักที่ราชการเตรียมไว้ให้เป็นการกระจายพันธุ์ต่อไปด้วย จึงขอเชิญชวนเกษตรกรและผู้สนใจในพื้นที่อำเภอปัว และอำเภอใกล้เคียง มาร่วมกิจกรรมและรับบริการ ในวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม 2557 ณ หน่วยประสานงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยพร้อมเพรียงกัน



พวงพยอม  คำมุง / ข่าว

ผวจ.น่าน เร่งให้ทุกหน่วยงานสำรวจ ตรวจสอบ ฟื้นฟู ซ่อมแซม ศาสนสถาน และสถานที่ที่ได้รับความเสียหาย เหตุกรณีเเผ่นดินไหวที่จังหวัดน่าน

ผวจ.น่าน สั่งกำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งสำรวจ ตรวจสอบ ฟื้นฟู ซ่อมแซม ศาสนสถาน อาคาร และสิ่งก่อสร้างที่มีรอยร้าว จากเหตุกรณีเกิดเเผ่นดินไหวที่จังหวัดน่าน พร้อมแนะให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในจังหวัดภาคเหนือ ที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน พะเยา เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลาประมาณ 18.08 น. ซึ่งมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ ตำบลทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย ความลึกจากแผ่นดินประมาณ 7 กิโลเมตร ขนาด 6.3 ริกเตอร์ และจังหวัดน่านได้รับผลกระทบจากกรณีแผ่นดินไหวในพื้นที่ จำนวน 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 พระอุโบสถวัดพระธาตุเขาน้อย อำเภอเมืองน่าน พบพระอุโบสถมีรอยเเตกร้าวเล็กน้อย จุดที่ 2 โรงพยาบาลสองแคว อำเภอสองแคว พบรอยร้าวตามตัวอาคาร และการขยับตัวของอาคารหลายจุด จุดที่ 3 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร พบรอยร้าวจากผิวนอกเล็กน้อย และจุดที่ 4 วัดภูมินทร์ พบรอยร้าวผิวนอกบ้างเล็กน้อยเนื่องจากปูนที่ก่อฉาบเสื่อมสภาพ ซึ่งสองจุดหลังเป็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นเดิม

ทางด้าน นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดน่าน ได้มีการเฝ้าระวังและออกสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย และให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ส่วนอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดน่าน เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 4 แห่ง ไม่มีผลกระทบใดๆ จากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้ นอกจากนี้จังหวัดน่านได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทางสื่อทุกรูปแบบ เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ เรื่อง แผ่นดินไหวและการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เตรียมการป้องกันและอันตราย อันเกิดจากแผ่นดินไหวด้วย



รดา บุญยะกาญจน์ / ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ป้องกันและระมัดระวังอันตรายจากเหตุแผ่นดินไหว

จังหวัดน่าน แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ให้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังแผ่นดินถล่ม อันเกิดจากเหตุแผ่นดินไหว

นายนิติวัทธน์ นิธินันท์ธาร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน ในฐานะกรรมการและเลขานุการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวบนบก ขนาด 6.3 ตามมาตราวัดริกเตอร์ ที่ความลึก 10 กิโลเมตร ศูนย์กลางที่ละติจูด 19.84 องศาเหนือ ลองติจูด 99.66 องศาตะวันออก บริเวณตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เมื่อเวลา 18.08 น. ของวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ทำให้รู้สึกสั่นไหวหลายพื้นที่ของภาคเหนือ และเกิดแผ่นดินไหวตามมา (aftershoch) อาจมีผลให้หินหน้าผาแผ่นดินถล่มเคลื่อนไหวตัวลงมา (landslide) ในระยะนี้

ดังนั้น จึงขอแจ้งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยวงภัยทราบ เกี่ยวกับอันตรายอัน เกิดจากหินหน้าผา และแผ่นดินถล่มเคลื่อนตัวลงมา (landslide) และขอให้ประชาชนได้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตราย ที่อาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันเกิดจากแผ่นดินไหวในระยะนี้ด้วย



รดา บุญยะกาญจน์ / ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เชิญชวนร่วมทำบุญกองผ้าป่าพุทธมณฑลทอดถวายเนื่องในวันวิสาขบูชา


สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่เชิญชวนร่วมทำบุญกองผ้าป่าพุทธมณฑลทอดถวายเนื่องในวันวิสาขบูชา โดยเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญได้ภายในวันที่ 8 พฤษภาคม 2557

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธาร่วมจัดกองผ้าป่าพุทธมณฑล ทอดถวายเนื่องในวันวิสาขบูชาซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสมทบทุนเงินรายได้ใช้ในการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล สถานที่สำคัญของชาติ ซึ่งการดำเนินการทอดผ้าป่าพุทธมณฑลในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2557 ตรงกับวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.00 น ณ พุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งการดำเนินงานเป็นไปตามความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ซึ่งมีมติให้จัดทอดผ้าป่าพุทธมณฑลในวันวิสาขบูชาของทุกปี พร้อมกับการขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเวียนเทียนและถวายผ้าป่าพุทธมณฑล ดังนั้น จังหวัดเชียงใหม่จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมทำบุญสมทบกองทุนผ้าป่าพุทธมณฑลในครั้งนี้ โดยสามารถร่วมบริจาคทางธนาณัติสั่งจ่ายในนามผู้อำนวยการสำนักพุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170 หรือประสานส่งเงินร่วมทำบุญได้ที่กลุ่มอำนวยการและกิจการพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5311-2671 โทรสาร 0-5311-2672 ภายในวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 เพื่อรวบรวมส่งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในนามจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงานประเพณีใส่ขันดอกบูชาอินทขิล ปี 2557


จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เทศบาลนครเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมการจัดงานประเพณีใส่ขันดอกบูชาอินทขิล ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 25 – 31 พฤษภาคม 2557 และพิธีออกอินทขิล ในวันที่ 1 มิถุนายน 2557

วานนี้ (6 พฤษภาคม 2557) เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ โดยในวาระ การจัดงานประเพณีใส่ขันดอกบูชาอินทขิล แถลงโดย นายบพิตร วิทยาวิโรจน์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และ อาจารย์เสถียร นันทวงศ์ ประธานชมรมศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ กล่าวว่า งานประเพณีใส่ขันดอกบูชาอินทขิล ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 25 – 31 พฤษภาคม 2557 และพิธีออกอินทขิล ในวันที่ 1 มิถุนายน 2557 กำหนดการประเพณีใส่ขันดอกบูชาเสาอินทขิล ในปีนี้ทางวัดได้บูรณะวิหารอินทขิลใหม่ ทำให้พื้นที่จัดกิจกรรมเปลี่ยนไป โดยรอบวิหารอินทขีลทางวัดจะจัดระเบียบเองทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับวิหารใหม่ มีการจัดดนตรีพื้นเมืองสมโภชเสาอินทขิลตลอด 7 วัน 7 คืน มีพิธีเปิดงานประเพณีใส่ขันดอกบูชาเสา อินทขิล (หลักเมืองเชียงใหม่) โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานเริ่มจากลั่นฆ้องชัย 9 ครั้ง พระสงฆ์ในวิหารอินทขีลเจริญชัยมงคลคาถา พิธีสรงน้ำพระพุทธรูปฝนแสนห่า และประธานนำประชาชนใส่ขันดอก และเวลา 17.00 น.ทุกวันมีเจริญพระพุทธมนต์โดยพระสงฆ์ 9 รูป ส่วนออกอินทขิลที่ 1 มิถุนายน เวลา 10.00 น.พระสงฆ์ 108 รูปเจริญพระพุทธมนต์ และเวลา 13.00 น. มีพิธี ยกฉัตรหลังคาวิหารอินทขีลหลักเมืองเชียงใหม่ เป็นเสร็จพิธี

พิธีบูชาเสาอินทขิลหรือเสาหลักเมือง ซึ่งชาวเชียงใหม่เชื่อว่าเป็นเสาหลักที่สร้างความมั่นคง การอยู่ดีมีสุขให้คนเชียงใหม่ อินทขิลหรือเรียกว่า เสาหลักเมืองเชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่ทราบดีว่า ทุกๆปีจะต้องมีพิธีสักการบูชาเสาอินทขิล เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจเป็นศิริมงคลให้แก่ชีวิต ให้แก่ชาวบ้านชาวเมืองรวมทั้งผู้ที่ทำเกี่ยวกับเกษตร โดยการเพาะปลูก โดยงานดังกล่าวได้อัญเชิญพระเจ้าฝนแสนห่าอันเป็นพระพุทธรูปที่บันดาลให้ฝนตก มาเป็นประธานในขบวนแห่และมีการสวดคาถาอินทขิลของ หมู่สงฆ์ด้วย พิธีบูชาเสาอินทขิล พิธีนี้กระทำ โดยการจุดธูปเทียนบูชาอินทขิลกับรูปกุมภัณฑ์และฤๅษี ทั้งนี้เพื่อให้บ้านเมืองอยู่สงบสุขร่มเย็น ช่วงเวลาสำหรับทำพิธีบูชาเสาอินทขิล คือ ช่วงปลายเดือน 8 ต่อต้นเดือน 9 วิหารอินทขิลจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการบูชาตั้งแต่เช้า ซึ่งจะต้องทำพิธีบูชาดังนี้ เครื่องบูชามี ข้าวตอกดอกไม้และเทียน 8 สวย พลู 8 สวย ดอกไม้เงิน 1 ผ้าขาว 1 รำ ช่อขาว 8 ผืน มะพร้าว 2 แคนง กล้วย 2 หวี อ้อย 2 เล่ม ข้าว 4 ควัก (กระทง) แกงส้ม แกงหวาน อย่างละ 4โภชนะอาหาร 7 อย่าง ใส่ขันบูชา



ข่าวโดย : ไผท สุวรรณเสวตร/พรไพลิน นุชเครือ
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

ขนส่งกำหนดบัญญัติ 10 ประการคุมเข้มรถบรรทุก


สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่กำหนดบัญญัติ 10 ประการคุมเข้มรถบรรทุก เพื่อเป็นการเสริมสร้างความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการตลอดจนสร้างความเป็นมืออาชีพให้กับธุรกิจการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก

วานนี้ (6 พฤษภาคม 2557) เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ โดยในวาระ ขนส่งกำหนดบัญญัติ 10 ประการคุมเข้มรถบรรทุก แถลงโดย นางวราภรณ์ วรพงศธร หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เพื่อเป็นการเสริมสร้างความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการตลอดจนสร้างความเป็นมืออาชีพให้กับธุรกิจการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ประกอบธุรกิจวัตถุอันตราย ในการควบคุมกำกับดูแลการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก

จึงได้จัดทำบัญญัติ 10 ประการ เพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกถือปฏิบัติ ได้แก่ 1. ห้ามใช้ผู้ขับรถที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือถูกพักใช้ เพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 50,000 บาท 2. ห้ามใช้ผู้ขับรถติดต่อกันนานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 50,000 บาท 3. ควบคุมดูแลไม่ให้ผู้ขับรถเสพสุรา ยาเสพติดหรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทขณะปฏิบัติหน้าที่ขับรถ ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4. ควบคุมดูแลให้ผู้ขับรถใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดและขับชิดขอบทางด้านซ้าย ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 50,000 บาท 5. จัดทำประวัติคนขับรถและรายงานอุบัติเหตุ (ถ้ามี) 6. ไม่ใช้รถไม่จดทะเบียนเสียภาษี หรือมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรือเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบไม่ถูกต้อง ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 50,000 บาท 7. ไม่บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 50,000 บาท 8. รถบรรทุกวัตถุอันตรายต้องติดตั้งระบบ GPS ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 50,000 บาท 9. รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ต้องใช้อุปกรณ์สำหรับยึดตู้คอนเทนเนอร์ (TWIST LOCK) ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 50,000 บาท 10. จัดให้มีป้ายสะท้อนแสงหรือไฟกระพริบสำหรับใช้เมื่อรถเสีย สำหรับรายละเอียดอื่นๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิชาการขนส่ง โทร 0-5327-0411 และ 08-1721-7999



ข่าวโดย : ไผท สุวรรณเสวตร/พรไพลิน นุชเครือ
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557


จังหวัดเชียงใหม่กำหนดจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2557 เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณ ของพระองค์ผู้ทรงเป็นดวงประทีปของชาวโลก

วานนี้ (6 พ.ค.57) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนายการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ในการแถลงข่าวครั้งนี้ มีวาระ การจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557 แถลงโดย นางพรรณิภา หงส์ทอง นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่จัดงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2557 โดยกำหนดพิธีเปิดงานในวันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2557 เวลา 13.00 น. ณ พุทธสถานเชียงใหม่ ในวันเดียวกันก็มีการจัดนิทรรศการของศูนย์กองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา (พุทธกิจ45ปี) การแสดงปาฐกถาเรื่อง “ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะพินาศ” และพิธีมอบเกียรติมอบให้ผู้ที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2557 มีการจัดนิทรรศการของเครือข่ายปลอดเหล้า ณ ลานเจดีย์ วัดพันอ้น ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 เวลา 19.00 น. มีกิจกรรมการเดินขบวนแห่โคมไฟวิสาขบูชา ตั้งแต่พุทธสถานไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร และกิจกรรมไหว้สาป๋าระมีเตียวขึ้นดอยสุเทพฯ ณ ลานครูบาศรีวิชัย

นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กล่าวต่อว่า ในระหว่างสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา จะมีการติดตั้งธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร ประดับตกแต่งป้ายวิสาขบูชารำลึกบูชาด้วยผ้าสี ซุ้มประตูวัด หน่วยราชการ สถานศึกษา อาคารบ้านเรือน ถนนสายหลัก 3 สาย 4 แจ่งคูเมือง และความร่วมร่วมมือพุทธศาสนิกชน ผู้ประกอบการ งดเว้นการฆ่าสัตว์และอบายมุข สถานบริการและสถานบันเทิงหยุดการในวันวิสาขบูชา 1 วัน



ข่าวโดย : ไผท สุวรรณเสวตร /พัชรินทร์ คำนาศักดิ์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

กระทรวงมหาดไทย ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคเหนือ ติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหว และแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2557) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีการประชุมทางไกลผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และแนวทางการช่วยเหลือระยะเร่งด่วน

นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการเกิดเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 18.08 น. ได้ให้คณะผู้เชี่ยวชาญ ด้านโยธาธิการและผังเมือง ทำการตรวจสอบสถานที่สำคัญๆ อาทิ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ไม่มีความเสียหาย รวมไปถึงสถานที่อื่นๆ โรงพยาบาล โรงเรียน ไม่มีความเสียหาย การให้ความช่วยเหลือได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยพร้อมจัดตั้งศูนย์รับบริจาค เพื่อนำเงินและสิ่งของไปช่วยเหลือพี่น้องชาวจังหวัดเชียงราย

ด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ 5 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ และน่าน จัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ พร้อมตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย รวมถึงเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ศอร.ปภ.ช.) ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเป็นศูนย์กลางแก้ไขปัญหาและประสานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/พรไพลิน นุชเครือ
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ จัดสภากาแฟ พบปะหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานแบบ ไม่เป็นทางการ


จังหวัดเชียงใหม่ จัดสภากาแฟ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 1/2557 เพื่อเปิดโอกาสให้หัวหน้าส่วนราชการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการประสานความร่วมมือกันนอกรอบในการทำงานร่วมกันให้เป็นไปอย่างใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างบูรณาการและยั่งยืน

วันนี้ (7 พ.ค. 57) เวลา 07.00 น. นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกิจกรรมสภากาแฟจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 1/2557 ณ ห้องประชุมเลควิว โรงแรมกรีนเลค รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบปะหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานอย่างไม่เป็นทางการ หรือสภากาแฟ ครั้งแรก โดยมี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เป็นเจ้าภาพ มีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานทั้งฝ่ายพลเรือน ตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ และนายอำเภอ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการแนะนำหัวหน้าส่วนราชการที่มาอยู่ใหม่ และนายนาวิน สินธุสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่คนใหม่ พร้อมมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่เป็นทางการ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าจะมีการจัดกิจกรรมพบปะวาระยามเช้าในลักษณะนี้ เดือนละ 1 ครั้ง โดยจะมีการหมุนเวียนหน่วยงานที่จะเป็นเจ้าภาพ เพื่อเปิดโอกาสให้หัวหน้าส่วนราชการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการประสานความร่วมมือกันนอกรอบในการทำงานร่วมกันให้เป็นไปอย่างใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างบูรณาการและยั่งยืน

สำหรับประเด็นที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ฝากให้ส่วนราชการได้มีการประสานงานและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่และแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างบูรณาการ อาทิ การรายงานผลกระทบแผ่นดินไหว 5 พฤษภาคม 2557 โดยศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยเขื่อน ฝ่ายจัดการความปลอดภัย ส่วนวิศวกรรมบริหาร สำนักชลประทานที่ 1 กรมชลประทาน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเพื่อรับสิ่งของช่วยเหลือประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหว เป็นต้น



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

องค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทย เปิดโครงการปฐมฤกษ์สร้างฝายและปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ


องค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทย ร่วมกับอำเภอแม่แจ่ม องค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาจร และวุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดเชียงใหม่ จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติสร้างฝายชะลอน้ำแบบถาวร 100 ฝาย ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 1,000 ต้น เพื่อเทิดพระเกียรติแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

นายพัลลภ สุวรรณมาลิก ประธานวุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 57 ที่ผ่านมาว่า เนื่องจากหมู่บ้านแม่หอย ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีสภาพภูเขาที่สลับซับซ้อน ประชากรส่วนใหญ่เป็นเผ่ากะเหรี่ยงทั้งหมด ประกอบอาชีพการเกษตร และทำไร่ข้าวโพดซึ่งมีการบุกรุกพื้นที่ป่าและทำลายระบบนิเวศ

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และป้องกันอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง องค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทยจึงได้ประสานความร่วมมือกับกลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งในและนอกอำเภอแม่แจ่มได้จัดทำโครงการฝายชะลอน้ำเพื่อลดการบุกรุกป่า เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 87 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2557 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2557 โดยจะมีการเปิดโครงการปฐมฤกษ์สร้างฝาย 100 ฝายและปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 1,000 ต้น ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 ณ หมู่บ้านแม่หอย หมู่ 12 ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเทิดพระเกียรติแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถฯ อีกทั้งยังช่วยเก็บกักน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง ช่วยป้องกันไฟป่า และช่วยฟื้นฟูสภาพป่าให้อุดมสมบูรณ์เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอนาคตอีกด้วย



ข่าวโดย : วสันต์ มีจินดา /พัชรินทร์ คำนาศักดิ์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

โครงการค่ายเยาวชน "ปลูกป่า รักกระบือไทย"

โครงการค่ายเยาวชน "ปลูกป่า รักกระบือไทย" โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 ค่ายพระปิ่นเกล้า จัดกิจกรรมค่ายเยาวชน เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และมีพัฒนาการด้านสังคม อารมณ์ ร่างกาย และยังได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน

วานนี้ (6 พ.ค.57) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนายการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ในการแถลงข่าวครั้งนี้ มีวาระ โครงการค่ายเยาวชน “ปลูกป่า รักกระบือไทย” แถลงโดย ร.อ.วรปรัชญ์ กาศสกุล นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 กล่าวว่า การจัดกิจกรรมโครงการค่ายเยาวชน “ปลูกป่า รักกระบือไทย” โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 ค่ายพระปิ่นเกล้า จัดกิจกรรมค่ายเยาวชน โดยนำโครงการเกษตรผสมผสานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาร่วมกับการเรียนรู้ การฝึกควบคุมกระบือ ตามโครงการกระบือบำบัด มาจัดเป็นกิจกรรมให้แก่เยาวชน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และมีพัฒนาการด้านสังคม อารมณ์ ร่างกาย และยังได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการดำเนินกิจกรรมจะใช้เวลา 1 วัน ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. โดยแบ่งเป็น 3 สถานีคือ สถานีที่ 1 ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และกิจกรรมสันทนาการ สถานีที่ 2 การทำอาหาร โดยให้เยาวชนนำผลผลิตจากแปลงผัก ไข่ไก่ ไข่นกกระทา มาหัดทำอาหารด้วยตนเอง สถานีที่ 3 ทำความรู้จักกระบือไทย โดยให้เยาวชนรู้จักชีวิตกระบือ ให้อาหาร สัมผัส หัดบังคับ และขี่กระบือ สถานที่ดำเนินกิจกรรมกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 ค่ายพระปิ่นเกล้า หลังเสร็จกิจกรรมจะได้รับใบประกาศนียบัตร เยาวชนที่สนใจจะร่วมกิจกรรมต้องมีอายุระหว่าง 5 - 13 ปี



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/คริษฐ์ ศุกรภาส
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ร่วมกับ กรมการข้าว จัดงาน "วันเกษตรกร" พร้อมแจกเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน


สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ร่วมกับ กรมการข้าว จัดงาน "วันเกษตรกร" พร้อมแจกเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน เพื่อให้เกษตรกรได้ระลึกถึงความสำคัญของอาชีพการเกษตรและร่วมมือประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่อาชีพขิงตน รวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศชาติ

วานนี้ (6 พ.ค.57) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนายการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ในการแถลงข่าวครั้งนี้ มีวาระ การจัดงาน “วันเกษตรกร” แถลงโดย ดร.อารดา นิรันตรายกุล ผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ กล่าวว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ร่วมกับ กรมการข้าว จัดงาน “วันเกษตรกร” พร้อมแจกเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานได้รับมอบจากกรมการข้าว จำนวน 5,000 ซอง ซึ่งถือเป็นพันธุ์ข้าวดีและเป็นมงคลสำหรับเกษตรกรไทย การปรับปรุงการผลิตข้าว การปลูกข้าวโพดเหลื่อมด้วยพืชตระกูลถั่วไม่ไถไม่เผา การปลูกพืชพักในโรงเรือน ทั้งยังจัดนิทรรศกาลวันเกษตรกรและวันพืชมงคล โดยมี นิทรรศกาลประวัติพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ โดยกรมการข้าว นิทรรศการเทศโนโลยีการทำนาขั้นบันไดบนพื้นที่สูง นิทรรศการข้าวพันธุ์ใหม่ กข 53 และยังมีตลาดนัดสินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรในภาคเหนือได้รับเมล็ดพันธุ์ข้าวและความรู้จากการจัดนิทรรศการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ร่วมกับ กรมการข้าว จัดงาน “วันเกษตรกร” ในระหว่างวันที่ 9 – 13 พฤษภาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. ณ สวนเกษตรทฤษฏีใหม่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/คริษฐ์ ศุกรภาส
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับสมัครคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข.)


สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับสมัครคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข.) เพื่อเป็นกลไกดำเนินงานในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานให้กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.erc.or.th โดยส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับมาที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ระหว่างวันที่ 9 - 30 พฤษภาคม 2557 หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมที่ ฝ่ายคุ้มครองสิทธิประโชยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน โทร.02 207 3599 ต่อ 890-1

นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) จะเปิดรับสมัครผู้แทนผุ้ใช้พลังงานเข้าเป็นคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข.ป เพื่อเป็นกลไกดำเนินงานในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานให้กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 เพื่อให้ผู้ใช้พลังงานที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติ วาระการดำรงต่ำแหน่ง อำนาจหน้าที่ และจำนวน คพข. ที่จะมีในแต่ละจังหวัด รวมทั้งดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.erc.or.th และส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับมาที่ สำนักงาน กกพ. ระหว่างวันที่ 9 – 30 พฤษภาคม 2557 หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมที่ ฝ่ายคุ้มครองสิทธิประโยชนื สำนักงาน กกพ. โทร 02 207 3599 ต่อ 890-1 ทั้งนี้เอกสารและหลักฐานที่ผู้สมัครต้องยื่นมาพร้อมกับในสมัคร รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 2 รูป สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาทุกฉบับผู้สมัครต้องเข้ารับรองว่า สำเนาถูกต้องและลงชื่อกำกับไว้ด้วย ผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ สัญชาติไทย อายุไม่ต่ำวกว่า 20 ปี แต่ไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามรถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ ไม่เป็นบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังโดยหมายศาล เว้นแต่ความผิดลหุโทษหรือความผิดโดยประมาท ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ไม่เป็นบุคคลติดยาเสพติดให้โทษ และมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ในจังหวัดนั้น เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน ก่อนวันสมัคร

ทั้งนี้ทางสำนักงาน กกพ. จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ในวันที่ 19 มิถุยายน 2557 ทางเว็ปไซต์ของสำนักงาน กกพ. www.erc.or.th ทั้งยังจะปิดประกาศ ณ ศาลากลางทุกจังหวัด และแจ้งเป็นหนังสือไปยังอยู่สมัครตามที่อยู่ วิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็น คพข. จะใช้วิธีการจับสลากรายชื่อผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติเข้ารับการสรรหาเป็น คพข. และจะแจ้งผลการจับสลากสรรหา คพข. ให้ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาได้รับทราบในวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ผู้สมัครที่ได้รับการสรรหาจะต้องจัดส่งแบบตอบรับมายังสำนักงานคระกรรมาการกับกำกิจการพลังงานภายใน 7 ส่วนรายชื่อผู้ที่ได้รับสรรหาเป็น คพข. และบัญชีรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาที่ไม่ผ่านการจับสลาก เพื่อให้เป็นบัญชีสำรองของแต่ละจังหวัดเรียงตามจังหวัดละไม่เกิน 10 คน พร้อมทั้งรายชื่อผู้ใช้พลังงานที่ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรภาคเอกชนของแต่ละจังหวัดในวันที่ 9 กรกฎาคม 2557 โดยจะประกาศทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. หนังสือพิมพ์รายวันไม่น้อยกว่า 1 ฉบับ และยังปิดประกาศ ณ ศาลากลางทุกจังหวัด



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/คริษฐ์ ศุกรภาส
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย สำรวจพื้นที่ความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย

วันนี้ (7 พ.ค. 57) เวลา 09.30 น. ณ ห้องอู่หลง ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมทางไกลผ่านระบบ Video conference กับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และ 14 จังหวัดในภาคเหนือ เพื่อติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวภาคเหนือ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์) ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองผู้บัญชาการ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน เข้าร่วมประชุมโดยมี นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล รองอธิบดีกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเลขาฯ

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ได้ชี้แจงถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2557 โดยที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวภาคเหนือ มีภารกิจคือ พิจารณาการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าภายใน 15วัน และพิจารณาแนวทาง แก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยใช้งบประมาณจำนวน 500 ล้านบาท โดยคณะกรรมการดังกล่าวได้มีการแบ่งงานเป็น 4 ส่วนคือ การสำรวจความเสียหายสถานที่ราชการ รวมทั้งเขื่อนต่างๆ การสำรวจเส้นทางคมนาคม การสำรวจสถานที่ทั่วไป และการช่วยเหลือชาวบ้าน โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือชาวบ้านเป็นหลัก แต่ต้องเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง สำหรับงบประมาณ 500 ล้านบาท ที่ตั้งไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยไม่รวมวัด โรงเรียน หรือส่วนราชการ



นันทวรรณ กันคำ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ 
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ)ยืนยันข่าวลือเขื่อนแม่สรวยแตก ไม่เป็นความจริง และลงพื้นที่สำรวจพร้อมทีมสภาวิศวกร

จากกรณีมีการโพสต์ข้อความผ่าน Facebook ว่าเขื่อนแม่สรวย จังหวัดเชียงราย จะแตกเนื่องจากได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทีมงานสภาวิศวกร ได้ลงพื้นที่สำรวจเขื่อนแม่สรวย พร้อมยืนยันไม่พบรอยร้าว มีความมั่งคงแข็งแรงเพียงพอ รองรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ถึง 7.0 ริกเตอร์ ข่าวที่ถูกโพสต์ผ่าน Social Network จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ฝากถึงประชาชนอย่าตระหนกตกใจกับข่าวดังกล่าว และเตือนผู้โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ มีความผิดทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบที่มาของข่าวลือ


นันทวรรณ กันคำ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ
 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำเครื่องอุปโภค บริโภคพระราชทาน มอบให้แก่ราษฎรที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2557 จำนวน 5,000 ชุด

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ มีวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย ทั่วประเทศ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นำเครื่องอุปโภค บริโภคพระราชทาน มอบให้แก่ราษฎรที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2557 จำนวน 5,000 ชุด โดยมีนายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นประธานการมอบ ดังนี้

      1. วันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ในพื้นที่อำเภอพานและอำเภอแม่สรวย เวลา 08.30 น. ณ อบต.ธารทอง จำนวน 1,000 ครัวเรือน เวลา 10.30 น. ณ อบต.เจริญเมือง จำนวน 500 ครัวเรือน เวลา 13.00 น. ณ อบต.ทรายขาว จำนวน 500 ครัวเรือน เวลา 14.30 น. ณ อบต.สันกลาง จำนวน 300 ครัวเรือน และเวลา 16.30 น. ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สรวย จำนวน 200 ครัวเรือน
      2. วันที่ 9 พฤษภาคม 2557 ในพื้นที่อำเภอแม่ลาว เวลา 09.00 น. ณ โรงเรียนบ้านห้วยส้าน ต.ดงมะดะ จำนวน 1,000 ครัวเรือน เวลา 10.30 น. ณ อบต.โป่งแพร่ จำนวน 1,000 ครัวเรือนและเวลา 13.30 น. ณ เทศบาลตำบลป่าก่อดำ จำนวน 500 ครัวเรือน

จังหวัดเชียงราย พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2557

วันนี้ (7 พ.ค. 57) นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ออกประกาศให้ประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง หรือบางส่วนไปแจ้งขอรับการช่วยเหลือได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัยโดยด่วน พร้อมสั่งการให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสบภัยเร่งสำรวจ ประเมินความเสียหายเพื่อขอรับการช่วยเหลือจากจังหวัดภายในวันที่ 15 พ.ค. 2557 นี้

นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ยังแจ้งอีกว่า รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณไว้เป็นกรณีพิเศษแล้ว เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย โดยสั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเอกสารหลักฐานความเสียหายในพื้นที่เพื่อขอรับความช่วยเหลือโดยเร็ว


 นันทวรรณ กันคำ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ 
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

จังหวัดลำพูน เตรียมความพร้อมเกษตรกรปลูกข้าว เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ โดยมุ่งลดต้นทุนการผลิตได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ จำหน่ายได้ราคาดี


สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำพูน พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัด จัดงานแถลงข่าว"เตรียมความพร้อมเกษตรกรไทย เริ่มต้นใหม่ฤดูกาลผลิต" โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะให้บริการและสนับสนุนการผลิตทางการเกษตรแก่เกษตรกร

เมื่อวานนี้ ( 6 พฤษภาคม 2557 ) ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในงานแถลงข่าว “เตรียมความพร้อมเกษตรกรไทย เริ่มต้นใหม่ฤดูกาลผลิต” โดยมีสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำพูน พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจงถึงความพร้อมที่จะให้บริการและสนับสนุนการผลิตทางการเกษตรแก่เกษตรกรทั้งด้านการเพาะปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ และด้านประมง เพื่อร่วมกันวางแผนการผลิต ให้ได้ผลผลิตที่ดี มีราคาเหมาะสม เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์พืชที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีการจัดการดินและน้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของพืช มีระบบป้องกันโรคศัตรูพืช ผลผลิตมีคุณภาพโดยเฉพาะ ข้าว ซึ่งเป็นพืชทางเศรษฐกิจหลักของเกษตรกรจังหวัดลำพูน ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นพร้อมกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับการผลิตข้าวในจังหวัดลำพูน มีการผลิตข้าวทั้งเพื่อบริโภคและเพื่อจำหน่าย มีการปลูกข้าวทั้งนาปีและนาปรัง ใช้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพในการปลูกได้แก่ กข.6 , ขาวดอกมะลิ 105 และข้าวสันป่าตอง 1 โดยมุ่งส่งเสริมการผลิตข้าวปลอดภัยได้มาตรฐาน ลดต้นทุนในการผลิต ส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์ การเน้นคุณภาพเพื่อยกระดับสินค้าเกษตรกร และการแปรรูปข้าว ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าของข้าวภายในจังหวัด


ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.อบจ. (แทนตำแหน่งที่ว่าง) เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอป่าซาง


นายเอกพงค์ ทุนอินทร์ ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอป่าซาง ด้วยคะแนน 7,753 คะแนน

นางนิชาดา ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ตามที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนได้ประกาศรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน (แทนตำแหน่งที่ว่าง) เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอป่าซาง ซึ่งมีผู้มาสมัครรับเลือกตั้งจำนวน 2 ราย ได้แก่ หมายเลข 1 นายวีรเดช หลวงโปธา หมายเลข 2 นายเอกพงศ์ ทุนอินทร์ และได้จัดให้มีการเลือกตั้งฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2557 ผลปรากฏว่า หมายเลข 1 นายวีรเดช หลวงโปธา ได้คะแนน 2,578 คะแนน หมายเลข 2 นายเอกพงศ์ ทุนอินทร์ ได้คะแนน 7,753 คะแนน ส่งผลให้ นายเอกพงศ์ ทุนอินทร์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอป่าซาง

โดยมีประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 11,421 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิ 16,816 คน คิดเป็นร้อยละ 67.92 บัตรดี 10,331 ใบ คิดเป็นร้อยละ 90.46 บัตรเสีย 293 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.56 และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 797 ใบ คิดเป็นร้อยละ 6.98


ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

งานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัยจังหวัดลำพูน ประจำปี 2557 เริ่มแล้ว


จังหวัดลำพูน จัดงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย ระหว่างวันที่ 6-13 พฤษภาคม ศกนี้ โดยได้จัดพิธีอัญเชิญน้ำสรงพระราชทาน จัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนสรงน้ำตลอด 7 วัน

เมื่อตอนบ่ายวานนี้ ( 6 พฤษภาคม 2557 ) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูนได้จัดพิธีอัญเชิญน้ำสรงพระราชทาน และผ้าห่มพร้อมด้วยเครื่องราชสักการะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน โดยมีนายจำลอง เณรแย้ม ปลัดจังหวัดลำพูน เป็นประธานพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และข้าราชการ นักเรียนนักศึกษาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ขบวนได้ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านเส้นทางสารภี- ลำพูน สายเก่า (ถนนต้นยาง) ตลอดระยะทางมีประชาชนโปรยข้าวตอกดอกไม้สักการะ ขบวนได้เคลื่อนผ่านประตูช้างสี ไปตามเส้นทางในเขตเทศบาลเมืองลำพูนเข้าสู่วัดพระธาตุหริภุญชัยฯ ในตอนค่ำ มีคณะฟ้อนเล็บฟ้อนต้อนรับน้ำสรงพระราชทาน พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา โดยมี นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานอัญเชิญน้ำสรงพระราชทานประดิษฐานบนบุษบก และแห่ผ้าห่มเวียนรอบองค์พระบรมธาตุฯ และอัญเชิญผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย โดยจะประกอบพิธีสรงน้ำองค์พระบรมธาตุฯในตอนบ่ายวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 และได้เปิดให้ประชาชนได้ทำบุญสรงน้ำและมีการประกวด การแข่งขัน ด้านวัฒนธรรมทุกวัน

พระบรมธาตุหริภุญชัย เป็นจอมเจดีย์องค์หนึ่งในจำนวนจอมเจดีย์ 8 องค์ของประเทศไทยที่มีอายุเกินหนึ่งพันปี ปัจจุบันองค์พระบรมธาตุหริภุญชัยมีอายุ 1,115 ปี และเป็นพระราชประเพณีอันสืบมาแต่โบราณกาลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานน้ำสรงและผ้าห่มพร้อมด้วยเครื่องราชสักการะ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาประจำทุกปี จึงขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมพิธีสรงน้ำองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูนจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2557



ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน สั่งการให้ทุกอำเภอสำรวจความเสียหายจากกรณีแผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย เพื่อให้การช่วยเหลือ


เช้าวันนี้ ( 7 พฤษภาคม 2557 ) ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้ร่วมประชุมทางไกลกับ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไปตรวจความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วโดยทันทีเมื่อเกิดแผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติอื่นๆ ให้มีการสำรวจความมั่นคงแข็งแรงของอาคารสูง ควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรม และให้ทุกจังหวัดได้ฝึกซ้อมการป้องกันและแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดสถานการณ์แผ่นดินไหว นอกจากนี้ ยังเตรียมแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารให้มีความมั่นคง แข็งแรงอีกด้วย

ทางด้านจังหวัดลำพูน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้สั่งการให้นายอำเภอเร่งสำรวจความเสียหายที่อาจเกิดจากแผ่นดินไหวอย่างละเอียดทุกหมู่บ้าน รวมทั้งโรงเรียน วัด ถนน และสิ่งสาธารณะประโยชน์ต่างๆ เพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือต่อไป สำหรับอ่างเก็บน้ำในจังหวัดลำพูน แม้ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนก็ได้สั่งการให้โครงการชลประทานลำพูนสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันความเสียหาย



ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน แจงเศษแผ่นทองหุ้มยอดองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย ที่ร่วงหล่นลงมาสู่พื้น ไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหวแต่อย่างใด


จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าว บริเวณยอดองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย ในวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว โดยมีแผ่นทองร่วงหล่นลงสู่พื้นนั้น นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ( 6 พฤษภาคม 2557 ) ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ซึ่งได้เป็นประธานพิธีเปิดงานสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย ก็ได้สำรวจองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย ไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด สิ่งที่ร่วงหล่นมาเป็นแผ่นสีทองเคลือบโลหะที่หุ้มยอดองค์พระบรมธาตุฯ เกิดจากลมพายุฝนฟ้าคะนอง เมื่อคราวเกิดพายุฤดูร้อนที่ผ่านมา ได้พัดแผ่นสีทองที่ชำรุดร่วงหล่นมาดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหว

ทางด้านคณะกรรมการวัดฯ ซึ่งได้ตรวจสอบกรณีนี้แล้ว ได้ยืนยันว่าแผ่นสีทองที่ร่วงหล่นลงมา เกิดมาก่อนหน้านี้แล้วนานนับเดือน เกิดจากลมพายุ ไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหวแต่อย่างใด หลังจากเสร็จสิ้นงานสรงน้ำองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย แล้วคณะกรรมการวัดฯจะได้หารือกับเจ้าคณะจังหวัดและคณะสงฆ์ เพื่อจะได้จัดการซ่อมแซมต่อไป



ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

อุตุนิยมวิทยาลำพูน เผย ระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาล สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน ประชาชนควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

นายวิชัย ตินโนเวช ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาลำพูน เปิดเผยว่า สภาวะอากาศทั่วไป ช่วงวันที่ 8-13 พฤษภาคม 2557 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีฝนฟ้าคะนองลดลง และอากาศร้อนขึ้นในตอนกลางวัน จากนั้น ในช่วงวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2557 ลมตะวันตกพัดนำความชื้นจากอ่าวเบงกอล เข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเพิ่มขึ้น สำหรับช่วงวันที่ 8-11 พฤษภาคม 2557 ภาคเหนือมีอากาศร้อนขึ้นในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2557 ภาคเหนือจะมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง จังหวัดลำพูน อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส

ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาลำพูน กล่าวด้วยว่า ระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาล สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน ประชาชนควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยวโดยเฉพาะลิ้นจี่และลำไย ชาวสวนควรเก็บกวาดผลที่เน่าเสียและร่วงหล่น ไปกำจัดให้ถูกวิธี ไม่ควรกองสุมไว้ในบริเวณสวน เพื่อเป็นการตัดวงจรชีวิตของโรคและแมลงศัตรูพืช ระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรที่จะปลูกพืชรอบใหม่ ควรจัดเตรียมระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขังในบริเวณแปลงปลูก เมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน รวมทั้งคลุกเมล็ดพันธุ์และชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525565
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

ผู้ว่าฯ ลำพูน ยืนยัน จ.ลำพูน ไม่มีรายงานความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

ผู้ว่าฯ ลำพูน ยืนยัน จ.ลำพูน ไม่มีรายงานความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขณะเดียวกันยังคงเฝ้าระวังและสั่งการให้ทุกอำเภอเร่งตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร อ่างเก็บน้ำ สิ่งสาธารณะประโยชน์ เพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน

นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference ที่ห้องประชุม POC ศาลากลางจังหวัดลำพูน กับ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ที่ห้องประชุมอู่หลง ศาลากลางจังหวัดเชียงราย และผู้ว่าราชการจังหวัด 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน ในการนี้ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเหตุแผ่นดินไหวสำรวจความเสียหายในพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 การดำเนินการเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2557 แต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวภาคเหนือ มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีภารกิจ การพิจารณาแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท แบ่งงานออกเป็น 4 ส่วน คือ สำรวจความเสียหายสถานที่ราชการ รวมทั้งเขื่อนต่างๆ สำรวจเส้นทางคมนาคม สำรวจสถานที่ทั่วไป และช่วยเหลือประชาชน

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า จังหวัดลำพูนไม่มีรายงานความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เพียงรับรู้ได้ว่าเกิดการสั่นไหว ขณะที่ในส่วนของวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ไม่ได้รับความเสียหายเช่นกัน อีกทั้งอาคารสูงมีไม่มากนักและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม จังหวัดลำพูนยังคงเฝ้าระวังและได้สั่งการให้ทุกอำเภอเร่งสำรวจประเมินความเสียหายของอาคารบ้านเรือน ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร ถนน อ่างเก็บน้ำ สิ่งสาธารณะประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ไม่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนเร่งสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525565
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมผ่านระบบ Video Conference กับทางกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และ ๑๔ จังหวัดภาคเหนือ ติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวภาคเหนือ

ตามที่เกิดสถานการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๘ น. ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ส่งผลให้สิ่งสาธารณูปโภค อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายในบริเวณกว้าง รวมทั้งมีประชาชนเสียชีวิตและได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนกรณีดังกล่าวและเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นภายหน้า กระทรวงมหาดไทยจึงกำหนดจัดประชุมติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวภาคเหนือ ในการประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference กับทางกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และ ๑๔ จังหวัดภาคเหนือ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ) เป็นประธานในการประชุมพร้อมชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗

โดยที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวภาคเหนือ โดยมี นายปลอดประสพ สุรัชวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีภารกิจคือ การพิจารณาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าภายใน ๑๕ วัน และพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว ใช้งบประมาณ ๕๐๐ ล้านบาท ในการซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวได้มีการแบ่งงานเป็น ๔ ส่วน คือ สำรวจความเสียหายทางสถานที่ราชการ รวมทั้งเขื่อนต่าง ๆ เช่น เขื่อนแม่สรวย สำรวจเส้นทางคมนาคม สำรวจสถานที่ทั่วไป และการช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการให้ความรู้แก่ประชาชนที่ยังวิตกกังวลในการกลับเข้าไปอยู่ในบ้านที่แตกร้าวในการสร้างความเชื่อมั่นที่จะกลับเข้าไปอาศัยในบ้าน การให้ความรู้เรื่อง Afterchock การบำรุงขวัญ การบริหารการข่าว และ การเตรียมการจัดทำแผนซ้อมแผนรับภัยธรรมชาติ เป็นต้น

โดยในส่วนของจังหวัดอุตรดิตถ์ นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ที่ห้องประชุมตรอนตรีสินธุ์ ชั้น ๕ ศาลากลางจังหวัดฯ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ น. ซึ่งในที่ประชุมมีการรายงานความเสียหายและติดตามสถานการณ์ของจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ และน่าน ทั้งนี้จังหวัดอุตรดิตถ์นั้นได้มีการติดตามเกี่ยวกับผลกระทบและศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ จากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ เขื่อนสิริกิติ์ โดยสามารถรับความสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวตามมา (Afterchock) ได้ครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา ๐๗.๕๘ น.ของวันที่ ๖ พ.ค.๕๗ และได้รับการยืนยันว่าเขื่อนสิริกิติ์มีความมั่นคงแข็งแรง

จังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการผู้นำสตรีรุ่นใหม่ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้มีศักยภาพในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน

จากการที่รัฐบาลมีนโยบายในการยกระดับและพัฒนาศักยภาพสตรีและองค์กรสตรี โดยกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนในการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ เพื่อเป็นแหล่งเงินทุน ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบทบาทสตรีให้มีศักยภาพและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยการขับเคลื่อนของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยในวันนี้ (๗ พ.ค. ๕๗) ที่ห้องประชุมคัทลียา โรงแรมฟรายเดย์ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการผู้นำสตรีรุ่นใหม่ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและบทบาทสตรีรุ่นใหม่ให้เป็นพลังสร้างสรรค์ประเทศและส่งเสริมบทบาทผู้นำสตรีในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน

ซึ่งมีคุณยุพิน ท้าวเทพ ประธานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อม ดร.ขนิษฐา กาญจนรังสินนท์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และ รอง ผอ.สำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ นายกุศล เกษประสิทธิ์ พัฒนาการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยพัฒนาการอำเภอ เจ้าหน้าที่ และสตรีในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ "Smart Lady Thailand ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” จำนวน ๑๐๐ คน เข้าร่วมประชุมครั้งนี้

จังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุมเชิงอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ตามโครงการเสริมพลังทางสังคมและการมีส่วนร่วมของเครือข่าย ปี ๒๕๕๗

วันนี้ (๗ พ.ค. ๕๗) ที่ศาลาประชาคมจังหวัดอุตรดิตถ์ นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ตามโครงการเสริมพลังทางสังคมและการมีส่วนร่วมของเครือข่าย ปี ๒๕๕๗ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นอาสาสมัคร อพม.ระดับตำบล ๖๗ ตำบล รวม ๖๗ คน เข้าร่วมกิจกรรมสอดคล้องตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ส่งเสริมให้ผู้มีจิตอาสาร่วมทำหน้าที่เป็นกลไกดำเนินงานในรพดับพื้นที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนในชุมชนของตนเอง มีภารกิจสำคัญ คือ การชี้เป้า เฝ้าระวังการเชื่อมกลุ่มเดิม – เสริมสร้างกลุ่มใหม่ และร่วมใจจัดทำแผนชุมชน ปัจจุบันจังหวัดอุตรดิตถ์มี อพม.จำนวนทั้งสิ้น ๑,๑๒๕ คน ครอบคลุม ทุกหมู่บ้าน และมีการคัดเลือกแกนนำในระดับต่าง ๆ คือ ระดับอำเภอ ๙ อำเภอ ระดับตำบล ๖๗ ตำบล