วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จังหวัดเชียงราย จัดงาน “สืบสาน ดนตรีและเพลงเชียงราย” เทศกาลเชียงรายรำลึก ครั้งที่ 1

จังหวัดเชียงราย จัดงาน"สืบสาน ดนตรีและเพลงเชียงราย” เทศกาลเชียงรายรำลึก Chiangrai Remembrance 2014 ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 14 – 15 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์เชียงราย และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น

นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการจัดงาน"สืบสาน ดนตรีและเพลงเชียงราย” เทศกาลเชียงรายรำลึก Chiangrai Remembrance 2014 ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 15 กุมภาพันธ์ 2557 ณ ลานกาสะลอง โซนทะเลหมอก ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงราย เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์เชียงราย และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น

นายประจญ ปรัชญ์สกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า เป็นความร่วมมือของจุมนุมเก๊าผญาเจียงฮาย ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพล่าซาเชียงราย

โดยภายในงานจะมีนิทรรศการเกี่ยวกับเพลงเชียงรายรำลึก การแสดงมหกรรมเพลงเชียงรายรำลึก ดนตรีพิณเปี๊ยะ ดนตรีซึง ค่าว จ้อย การแสดงคอนเสิร์ตตำนาน 50 ปีเพลงเชียงรายรำลึก ซึ่งเป็นเพลงที่บรรยายถึงความสวยงามทางธรรมชาติของจังหวัดเชียงรายและสุขที่หนุ่มสาวมาได้พบรักกัน การตีกลองปูจาล้านนาโบราณ การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเยาวชน ประชาชน ชาติพันธุ์ต่างๆในจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยการรับทานอาหารแบบขันโตก อาหาร ขนมพื้นเมือง กาดมั่วคัวแลง และการออกร้านของดีเมืองเชียงรายจากกลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นจำนวน 50 กลุ่ม

ในช่วงเปิดงานเทศกาลเชียงรายรำลึก "สืบสาน ดนตรีและเพลงเชียงราย” ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 18.00 น. ซึ่งตรงกับวันมาฆะบูชา ได้จัดให้มีการบรรยายธรรมะชื่อว่า "ธรรมคีตา” โดยท่าน ว.วชิรเมธี พระนักคิดนักเขียน ซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวจังหวัดเชียงราย รวมถึงการแสดงมหกรรมเพลงจากดนตรีพิณเปี๊ยะ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีโบราณของล้านนา จำนวน 86 ตัว เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วย

จ.พะเยา ร่วมกับ อบจ.พะเยา จัดงานสืบสานตำนานไทลื้อ ครั้งที่ 14

จังหวัดพะเยา ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา สมาคมไทลื้อ จังหวัดพะเยา จัดกิจกรรมสืบสานตำนานไทลื้อ ครั้งที่ 14 "สิบสองปันนา-วัฒนธรรมลื้อล้ำค่าสืบสานเปิดม่านประตูสู่อาเซียน" ที่วัดพระธาตุสบแวน ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวไทลื้อ โดยมีชาวไทยเชื้อสายลื้อใน 6 จังหวัดภาคเหนือ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

วานนี้ ( 15 ก.พ.57) ที่วัดพระธาตุสบแวน ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา จังหวัดพะเยา ได้ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา สมาคมไทลื้อ จังหวัดพะเยา จัดกิจกรรมสืบสานตำนานไทลื้อ ครั้งที่ 14 “สิบสองปันนา-วัฒนธรรมลื้อล้ำค่าสืบสานเปิดม่านประตูสู่อาเซียน” เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวไทลื้อ โดยมีชาวไทยเชื้อสายลื้อใน 6 จังหวัดภาคเหนือ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

โดยมี ขบวนแห่ที่ถูกประดับประดาด้วยวัฒนธรรมไทลื้อ การแต่งกาย การแสดงวิถีชีวิต การละเล่นของเด็กๆและชาวไทยลื้อ ได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนในเขตเทศบาลตำบลเชียงคำ อำเภอเชียงคำจังหวัด โดยมีชาวไทลื้อ จาก 6 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน เชียงใหม่ เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

โดยกิจกรรมในงานได้จัดให้มี การจัดแสดงขบวนแห่ของชาวไทลื้อแต่ละพื้นที่ การแต่งกาย การแสดงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทลื้อ การละเล่นของเด็กๆและชาวไทลื้อ การแสดงแสง สี เสียง ที่บอกเล่าวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวไทลื้อจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากแคว้นสิบสองปันนา อพยพเข้าสู่พื้นที่ภาพเหนือหรืออาณาจักรล้านนา ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของชาวไทลื้อ ภายใต้โครงเรื่อง“สิบสองปันนา-วัฒนธรรมลื้อล้ำค่าสืบสานเปิดม่านประตูสู่อาเซียน” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างความสนใจให้กับผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก สำหรับกิจกรรม สืบสานตำนานไทลื้อ เป็นการจัดขึ้นครั้งที่ 14 ที่ทางสมาคมไทลื้อพะเยาได้จัดขึ้น ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง


ข่าวโดย : ทีมข่าว ส.ปชส.พะเยา

อบจ.พะเยา กำหนดจัดโครงการ "อบจ.พบประชาชนจังหวัดพะเยา" ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นี้ ที่โรงเรียนงำเมืองวิทยาคม ในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ เพื่อ ให้บริการประชาชนรับความสะดวกถึงพื้น

นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า อบจ.พะเยา ได้เห็นถึงความสำคัญในการให้บริการประชาชน นอกเหนือจากประชาชนจะได้รับทั้งความสะดวก ทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาในตำบลของตนเอง จึงได้เร่งจัดโครงการ “อบจ.พบประชาชนจังหวัดพะเยา” ในพื้นที่ตำบลป่าซาง ตำบลห้วยลาน อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ที่โรงเรียนงำเมืองวิทยาคม ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการนำเอาหน่วยงานของ อบจ.พะเยา พร้อมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน อาทิ สำนักงานขนส่งจังหวัดพะเยา วิทยาลัยเทคนิคพะเยา สาธารณสุขอำเภอในเขตพื้นที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลป่าซาง ตำบลห้วยลาน บริษัท กรีนวิง เทรดดิ้ง จำกัด สาขาประตูชัย โรงเรียนวิชาชีพธานินธร์พะเยา บริษัท นิ่มซี่เส็งลิสซิ่ง จำกัด สาขาพะเยา เป็นต้น และอบจ.พะเยา จะนำปุ๋ยอินทรีย์ไปมอบให้แก่ประชาชนที่ร่วมงานอีกด้วย

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ยังกล่าวด้วยว่า หน่วยงานที่ร่วมออกหน่วยเคลื่อนที่นั้น นอกเหนือจากการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนแล้ว ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพบปะพูดคุยกับผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นเพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนและนำมาแก้ไขปัญหาต่อไป

อบจ.พะเยาจึงขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรมโครงการ “นายก อบจ.พบประชาชนจังหวัดพะเยา” ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา เตือนเครื่องสำอางที่ลักลอบผสมปรอทไฮโดรควิโนน และกรดวิตามินเอ เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคถึงขั้นหน้าพัง เป็นฝ้า รักษาไม่หาย

นายฉลอง อัครชิโนเรศ นักวิชาการสาธารณสุข (ด้านส่งเสริมพัฒนา) ระดับเชี่ยวชาญ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเครื่องสำอางหลากหลายชนิด หลากหลายรุ่นผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ทั้งในห้างสรรพสินค้า ในตลาดนัด รวมไปถึงที่จำหน่ายทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งจากผลการสุ่มตรวจหาสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางในจังหวัดพะเยา พบเครื่องสำอางที่ลักลอบผสมสารห้ามใช้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี และเครื่องสำอางเหล่านี้มักเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ และมักแสดงข้อความชวนเชื่อต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนและหลงซื้อไปใช้ จนอาจเกิดอันตรายจากสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางขึ้นได้

ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถหลีกเหลี่ยงอันตรายจากการใช้เครื่องสำอางที่ลักลอบผสมสารห้ามใช้ได้ โดยเลือกซื้อเครื่องสำอางจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน เชื่อถือได้ และเลือกซื้อเฉพาะเครื่องสำอางที่แสดงฉลากภาษาไทยที่ชัดเจน อ่านง่าย และมีข้อมูลที่จำเป็นแสดงอยู่ในฉลากครบถ้วน เช่น ชื่อและชนิดเครื่องสำอาง , ส่วนผสม , ชื่อ-ที่อยู่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า , ครั้งที่ผลิต , เดือนปีที่ผลิต , เลขที่ใบรับแจ้ง สำหรับผู้บริโภคที่สงสัยว่าเครื่องสำอางที่ใช้อยู่มีการลักลอบผสมสารห้าใช้หรือไม่ สามารถส่งตัวอย่างเครื่องสำอางเพื่อตรวจหาสารห้ามใช้ได้ที่ ศูนย์รับแจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย.น้อย ประจำโรงเรียนที่เข้าร่วมโรงการ อย.น้อย , อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) , ฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาลชุมชน , สำนักงานสาธารณสุขอำเภอที่ใกล้บ้าน หรือที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคฯ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา โทร.054 – 4409145 – 7



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

เกษตรพะเยาเตือนเกษตรกรที่ทำนาปรังให้ดูน้ำต้นทุน หากประสบภัยแล้งอาจได้ไม่คุ้มกับต้นทุนที่ลงไป แนะควรปลูกพืชชนิดอื่นที่ใช้น้ำน้อยแทน

นายราเชนทร์ สุวรรณหิตาทร เกษตรจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า สถานการณ์การปลูกพืชฤดูแล้งของจังหวัดพะเยาในปีนี้พบว่า เกษตรกรปลูกพืชหลากหลายขึ้น เช่นพืชผัก หอมแดง กระเทียม ยาสูบ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวโพดฝักอ่อน และข้าวนาปรัง ซึ่งพืชที่น่าเป็นห่วงคือ ข้าวนาปรัง เพราะเป็นพืชที่ใช้น้ำมาก ประกอบกับปี้นี้มีความหนาวเย็นนาน หลายฝ่ายประเมินว่าจะมีผลทำให้เกิดความแห้งแล้งรุนแรง ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา ได้แจ้งเตือนเกษตรกรให้ดูแหล่งน้ำต้นทุนที่จะใช้หล่อเลี้ยงแปลงนาของเกษตรกร หากแหล่งน้ำชลประทานหรือแหล่งธรรมชาติไม่เพียงพออาจต้องหาแหล่งน้ำใต้ดินสำรอง

เกษตรจังหวัดพะเยา ยังกล่าวด้วยว่า หากพืชการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้ง ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่เพื่อประสานขอรับการช่วยเหลือจากทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในเบื้อต้น ถ้าเกินกำลังความสามารถของ อปท. ก็จะได้ประสานขอรับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นต่อไป ในส่วนของเกษตรกรที่ยังไม่ได้ลงมือทำนาปรัง ควรหาพืชชนิดอื่นที่ใช้น้ำน้อยปลูกแทน เพื่อป้องกันความเสียหายหากเกิดภัยแล้ง เพราะหากลงทุนไปอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย หากเกษตรกรรายใดมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา โทร.05-887050-1 ต่อ 32 ในวันเวลาราชการ


ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

ตร.จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า ๔ พันเม็ด

เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง บุกเข้าจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า ๔,๐๐๐ เม็ด โดยทหารปะโอนำเข้ามาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เดินทางไปยังสถานีตำรวจจูธรเมืองแม่ฮ่องสอน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองร่วมกันจับกุมตัวนาย มี พันธ์อาจหาญ อายุ ๕๖ ปีเป็นชาวไทยกะเหรี่ยงแดง มีชื่อกะเหรี่ยงว่านายลูโซ อยู่บ้านเลขที่ 90 / 3 หมู่ 8 ต.ผาบ่อง พร้อมยาบ้าจำนวน 4 มัด บรรจุในถุงพลาสติกสีฟ้า 40 ถุง รวม 4,000 เม็ด และฝิ่นดิบอีกจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน เหตุเกิดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้ต้องหา สายรายรายงานว่า ผู้ต้องสงสัย 2 ราย ขับรถจักรยานยนต์ฮอนดร้าเวฟเอส หมายเลขทะเบียน กงม. 878 แม่ฮ่องสอน ซ้อนท้ายกันออกจากช่องทางชายแดนบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอน

จึงได้ติดตามดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด จนทราบว่าชายทั้งสองคนขับรถจักรยายนต์คันดังกล่าวไปจอดไว้ที่บ้านเลขที่ 28 / ส หมู่ที่ 11 บ้านนามะปิน ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ระหว่างผู้ต้องสงสัยทั้ง ๒ คน ลงจากรถจะเดินเข้าในบ้านหลังดังกล่าว ชายคนขับหยิบเอาถุงย่ามที่วางอยู่ตะกร้าหน้ารถสะพายขึ้นไปด้วย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ชายคนขับทิ้งถุงย่ามวิ่งหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชายที่นั่งซ้อนมาด้วยกันได้ ทราบชื่อคือ นายมี พันธ์อาจหาญ อายุ ๕๖ ปี ( หรือนายลูโซ ) จากการสอบสวนนายมี พันธ์อาจหาญ หรือนายลูโซ เบื้องต้นอ้างไม่ทราบชื่อชายคนขับรถที่วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ไปได้ แต่รับสารภาพว่าได้รู้จักกันขณะพากันไปรับยาบ้าและฝิ่นดิบจากนายแงแหละ ซึ่งเป็นทหารชาวปะโอสัญชาติพม่าอาศัยอยู่ภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู เพื่อนำมาส่งให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อโดยนัดหมายส่งยาบ้ากันภายในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน แต่ผิดพลาดหาผู้รับสินค้าไม่พบ จึงเตรียมที่จะนำของกลางไปเก็บซุกซ่อนไว้ที่บ้านญาติภายในหมู่บ้านนามะปินแต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่สะกดรอยตามจับกุมได้เสียก่อน ทั้งนี้ พล.ต.ต.สมสง่า ชรินทร์ ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน ว่ามีจะกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบนำยาเสพติดจากชยแดนเข้ามาจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ใช้แรงงานและกลุ่มวัยรุ่นในเขตพื้นที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน

จึงได้สั่งการให้ พตท. นุกูล บุญคง สว.สภ.หมอกจำแป่ ทำหน้าที่หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย พตต.สมคิด แสงศรี สว.สส. สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน นำกำลังร่วมกับ ตชด. 336 และทหาร ฉก.ร.17 ออกสืบสวนหาตัวกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด จนสามารถจับกุมผู้ต้องดังกล่าวได้ พตท.นุกูล บุญคง หัวหน้าชุดจับกุม ฯ กล่าวว่า “ ก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ากลุ่มขบวนการได้นำยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าซุกซ่อนไว้ภายในศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยชาวพม่าช่องทางบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู เพื่อทยอยลำเลียงส่งออกจำหน่ายให้กับกลุ่มผู้ใช้แรงงานและวัยรุ่นในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน จึงได้ให้สายของเจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อ แต่ปรากกฎว่าระหว่างส่งมอบของกลางกันเกิดผิดพลาดในจุดนัดหมาย จึงได้ตระเวนหาตัวผู้ต้องสงสัย จึงตรวจพบชายสองคนลักษณะตรงกับที่สายรายงานจึงได้ติดตามและเข้าจับกุมสามารถยึดของกลางและผู้ต้องหาได้เพียง 1 ราย ส่วนชายคนขับหนีไปได้หวุดหวิด ซึ่งจะได้ขยายผลตามจับกุมนายแงะแหละ ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นผู้อยุ่เบื้องหลังในการนำยาเสพติดเข้ามาซุกซ่อนภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อนำออกจำหน่ายในเขตพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนต่อไป ด้านนายสุรพล พนัสอำพล ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า “ การจับกุมยาเสพติดได้ในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่ายังมีการเล็ดลอดของยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทางช่องทางชายแดนด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ซึ่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนและเข้มงวดเจ้าหน้าที่ในการสกัดกั้นและตรวจค้นจับกุม โดยเฉพาะภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้ลี้ภัยสงครามจากการสู้รบชาวพม่าที่อยู่ใกล้แนวสันเขตแดน จะต้องมีการเข้าไปเอ็กซเรย์ภายในสวนพักพิงชั่วคราวทุกแห่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กลุ่มขบวนการใช้ศูนย์อพยพเป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติด อาวุธ และสิ่งของผิดกฎหมายทั้งหลายได้ ซึ่งจะต้องมีการเข้าไปกวาดล้างครั้งใหญ่กันต่อไป



ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

คณะทำงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน"เมืองสุขภาวะจัดเวทีประชุมแผนงานสังคมวัฒนธรรม "เครือข่ายชาติพันธุ์แม่ฮ่องสอนสู่การจัดการตนเอง"

คณะทำงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน"เมืองสุขภาวะจัดเวทีประชุมแผนงานสังคมวัฒนธรรม "เครือข่ายชาติพันธุ์แม่ฮ่องสอนสู่การจัดการตนเอง" ที่ห้องประชุมวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน

เช้าวันที่ (14 ก.พ.) ที่ปรึกษาโครงการเมืองสุขภาวะ คณะทำงานหลักของโครงการเมืองสุขภาวะ ผู้แทนเครือข่ายชาติพันธุ์ต่างๆ ภาคีเครือข่ายสังคมวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้งภาครัฐ ประชาสังคม องค์กรชุมชน นักวิชาการด้านชาติพันธุ์ สังคมวัฒนธรรม-สื่อมวลชน ร่วมเวทีประชุมแผนงานสังคมวัฒนธรรม เครือข่ายชาติพันธุ์แม่ฮ่องสอนสู่การจัดการตนเอง ที่วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน เพื่อสำรวจ/นำเสนอแผนงาน ผลการดำเนินงานของแต่ละชาติพันธุ์ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เน้น ไทใหญ่ กะเหรี่ยง ม้ง อีกทั้งเพื่อออกแบบประเด็นและกระบวนการจัดทำฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ออกแบบกลไกและบทบาทคณะทำงานผู้ก่อการและผู้แทนแต่ละชาติพันธุ์ในระดับพื้นที่-จังหวัด สำหรับไทใหญ่โครงสร้างมีคณะกรรมการศูนย์ไทใหญ่ศึกษา แต่ยังไม่มีสภา ขับเคลื่อนผ่านนักศึกษาวิทยาลัยชุมชน มีกิจกรรมส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และด้านเศรษฐกิจ ละเวื้อ มีประชากร 12 หมู่บ้าน ยังไม่มีสภา มีการอบรมให้ความด้านสิทธิในที่ดิน ศิลปวัฒนธรรมมีการละเล่นซอ ปกาเกอะญอ ไม่มีสภา แต่ทำงานเป็นเครือข่ายในทั้ง 7 อำเภอ



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว /ทีมข่าว สวท.แม่ฮ่องสอน เวียงสอน/ภาพ

การประชุมสมัชชาการศึกษา "ครูสอนดี และภาคีเครือข่าย"

สมาคมพัฒนาการศึกษาจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ และคุณภาพเยาวชน (สสค.) สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2 จัดการประชุมสมัชชาการศึกษา "ครูสอนดี และภาคีเครือข่าย" โครงการถักทอเครือข่าย เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาจังหวัดแม่ฮ่องสอน

เช้าวันนี้ (09.00 น.) นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดการประชุม สมัชชาการศึกษา “ครูสอนดี และภาคีเครือข่าย” โครงการถักทอเครือข่าย เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งการจัดงานประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างเครือข่ายครูสอนดี และแกนนำด้านการศึกษาของจังหวัดแม่ฮ่องสอนทุกอำเภอ สร้างการมีส่วนร่วมขององค์กรและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การผลักดันนโยบายด้านการศึกษาของเด็กด้อยโอกาส รวมทั้ง ให้เกิดการทำงานที่เชื่อมโยงกับสมาคมพัฒนาการศึกษาแม่ฮ่องสอน

ด้านนายรุ่งโรจน์ คำมาสาร นายกสมาคมพัฒนาการศึกษาจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า การจัดประชุมสมัชชาการศึกษาครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัดแม่ฮ่องสอน สมาคมพัฒนาการศึกษา สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยการสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ได้จัดการประชุม เวทีสมัชชาการศึกษา “ครูสอนดี” ครูดีเด่น ครุสภา รวมทั้งภาคีเครือข่ายฯ ทุกภาคส่วน อาทิองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ชุมชนผู้ปกครอง สภาเด็กและเยาวชนแห่งชาติจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๑๒๐ คน เพื่อระดมสมอง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ที่มีคุณค่านำสู่ยุทธศาสตร์ การพัฒนาด้านการศึกษา ยกระดับมาตรฐานการศึกษา ของเด็กเยาวชน ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ทั้งในระบบและนอกระบบ ตามบริบทของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เกิดการพัฒนาการขับเคลื่อนถักทอ เป็นเครือข่ายในพื้นที่อย่างครอบคลุม สมาคมพัฒนาการศึกษา จึงได้กำหนดจัดเวทีสมัชชาการศึกษาดังกล่าว ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่อำเภอ เพื่อให้เกิดการพัฒนา ขับเคลื่อนดำเนินงานไปพร้อมๆ กัน โดยครั้งที่ ๑ ณ อำเภอแม่สะเรียง ในวันนี้ ครั้งที่ ๒ อำเภอปาย ครั้งที่ ๓ อำเภอเมือง เป็นลำดับต่อไป



ข่าวโดย : วรสิทธิ์ อุดมพาณิชย์ ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบรางวัลการประกวดครอบครัวหรรษา ในงานฤดูหนาวและงานรื่นเริงประจำปี 2557

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอนมอบรางวัลการประกวดครอบครัวพรรษา เพ้นท์กระเป๋าผ้าระบายสี ในหัวข้อ "อาเซียนสัมพันธ์ สร้างภูมิคุ้มกันทางวัฒนธรรม" ในงานฤดูหนาวและงานรื่นเริงประจำปี 2557

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอนมอบรางวัลการประกวดครอบครัวพรรษา เพ้นท์กระเป๋าผ้าระบายสี ในหัวข้อ “อาเซียนสัมพันธ์ สร้างภูมิคุ้มกันทางวัฒนธรรม” ในงานฤดูหนาวและงานรื่นเริงประจำปี 2557 ค่ำวานนี้(15 ก.พ.) นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการ จ. แม่ฮ่องสอนเป็นประธาน มอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศการประกวดครอบครัวหรรษา เพ้นท์กระเป๋าผ้าระบายสีในหัวข้อ “อาเซียนสัมพันธ์ สร้างภูมิคุ้มกันทางวัฒนธรรม” ในซุ้มนิทรรศการของสำนักงานวัฒนธรรม ในงานฤดูหนาวและงานรื่นเริง จ. แม่ฮ่องสอน ซึ่งผลการประกวดมีดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ครอบครัวพุทธวงษ์ ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาทพร้อมเกียรติบัตร/ รองชนะเลิศได้แก่ ครอบครัวพัชรกีรติและ ครอบครัว วิจิตร ได้รับเงินรางวัล 1,000 และ 500 บาทพร้อมเกียรติบัตร ตามลำดับ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นตามโครงการพัฒนาความร่วมมือ และเชื่อมโยงด้านศิลปวัฒนธรรมกับประเทศอาเซียน และโครงการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม เพื่อสร้างความสัมพันธ์และบรรยากาศที่ครอบครัวอบอุ่นผ่านกิจกรรมทางศิลปะร่วมสมัย



ข่าวโดย : นางสาววาสนา ไข่แก้ว 

นายแพทย์สาธารณสุขลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในเขตตำบลเสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในเขตตำบลเสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เช้าวันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2557) นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมคณะตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในเครือข่ายสุขภาพตำบลเสาหิน ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสล่าเชียงตอง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสล่าเชียงตอง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพซอ และ สถานบริการสาธารณสุขชุมชน 2 แห่ง และเครือข่ายสุขภาพอำเภอแม่สะเรียงให้การต้อนรับ สถานีอนามัยบ้านสล่าเชียงตองเดิมก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2528

ต่อมาปี 2553 ได้ยกสถานะเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในตำบลเสาหินมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนจำนวน 4 คน พนักงานสุขภาพชุมชนชายแดน 2 คน และจำนวนอาสาสมัคร 36 คน ประชากรส่วนใหญ่เป็นไทยใหญ่และ กะเหรี่ยง สภาพพื้นที่เป็นพื้นที่สูงการคมนาคมยากลำบาก อยู่ห่างจากอำเภอแม่สะเรียงประมาณ ๗๐ กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ ๔ ชั่วโมง นอกจากนั้นมีหย่อมบ้านกระจายในพื้นที่ การจัดบริการดูแลสุขภาพเน้นให้บริการเชิงรุกโดยร่วมกับเครือข่ายสุขภาพในพื้นที่เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับบริการครอบคลุมทุกพื้นที่/ เช้าวันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2557)

นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมคณะตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในเครือข่ายสุขภาพตำบลเสาหิน ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสล่าเชียงตอง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสล่าเชียงตอง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพซอ และ สถานบริการสาธารณสุขชุมชน 2 แห่ง และเครือข่ายสุขภาพอำเภอแม่สะเรียงให้การต้อนรับ สถานีอนามัยบ้านสล่าเชียงตองเดิมก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2528 ต่อมาปี 2553 ได้ยกสถานะเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในตำบลเสาหินมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนจำนวน 4 คน พนักงานสุขภาพชุมชนชายแดน 2 คน และจำนวนอาสาสมัคร 36 คน ประชากรส่วนใหญ่เป็นไทยใหญ่และ กะเหรี่ยง สภาพพื้นที่เป็นพื้นที่สูงการคมนาคมยากลำบาก อยู่ห่างจากอำเภอแม่สะเรียงประมาณ ๗๐ กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ ๔ ชั่วโมง นอกจากนั้นมีหย่อมบ้านกระจายในพื้นที่ การจัดบริการดูแลสุขภาพเน้นให้บริการเชิงรุกโดยร่วมกับเครือข่ายสุขภาพในพื้นที่เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับบริการครอบคลุมทุกพื้นที่



ข่าวโดย : นางสาววาสนา ไข่แก้ว 

โครงการปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 เนื่องในวันมาฆบูชาที่วัดป่าบ้านใหม่ สิ้นสุดลงแล้ว

โครงการปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 เนื่องในวันมาฆบูชาที่วัดป่าบ้านใหม่ สิ้นสุดลงแล้ว เช้าวันนี้ (16 ก.พ.2557)  พระครูปัญญาศีลวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านใหม่ เป็นประธานวุฒิบัตรแก่ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 /โรงเรียนยอดดอยวิทยา/โรงเรียนบ้านห้วยเดื่อ โรงเรียนห้องสอนศึกษาและโรงเรียนบ้านป่าลาน ผู้เข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 และเพื่อเสริมสร้างนักเรียนใจเพชร รุ่นที่ 32 เนื่องในวันมาฆบูชา ที่ วัดป่าบ้านใหม่ ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อีกทั้งมุ่งเน้นส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและการปฎิบัติธรรม เพื่อนำธรรมมะไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านใหม่กล่าวให้ปัจฉิมโอวาทว่าขอให้นำคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปใช้ในชีวิตประจำวัน ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านใหม่ยังได้กล่าวถึงกรณีเด็ก 9 ขวบท้องว่า เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ทุกคนมีสติ ป้องกันตนเองอย่าให้มีปัญหาตามมา ส่วนนางสาววีระยา ปร๊ะย่อ นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ที่22 และเด็กชายปิยพล พนมไพร นักเรียนโรงเรียนห้องสอนศึกษา ผู้ที่ผ่านการอบรมกล่าวว่ากลับไปจะนำคำสอนเรื่องความอดทน และสติกลับไปใช้ในชีวิตประจำวัน



ข่าวโดย : นางสาววาสนา ไข่แก้ว 

ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร มอบสิ่งของให้กรมทหารพรานที่ 32 เพื่อนำไปแจกให้ราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่จังหวัดน่าน

ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และมูลนิธิหลวงพ่อปาน มอบสิ่งของให้กรมทหารพรานที่ 32 เพื่อนำไปแจกให้ราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่จังหวัดน่าน

ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 ฐานบ้านปรางค์ ตำบลปัว อำเภอปัวจังหวัดน่าน ท่านเจ้าคุณ พระภาวนากิจวิมล เจ้าอาวาส วัดจันทาราม จังหวัดอุทัยธานี ประธานกิตติมศักดิ์ ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และประธานมูลนิธิหลวงพ่อปาน- พระมหาวีระ ถาวโร พร้อมด้วย หม่อมหลวงเอื้อมสุข กิติยากร ประธานศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชประสงค์ของ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และคณะลูกศิษย์ ได้เดินทางมอบเครื่องอุปโภค บริโภค มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท อาทิเช่น ข้าวสาร อาหารกระป๋อง เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ผ้าห่มกันหนาว และถังน้ำ ขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 20 ถัง และอุปกรณ์ เครื่องกรองน้ำ ให้กับกรมทหารพรานที่ 32 ที่มีที่ตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่ จังหวัดน่าน จำนวน 7 กองร้อย ที่ปฏิบัติการที่อยู่ตามแนวชายแดน จำนวน 3 กองร้อย ตลอดจน มอบให้คณะครูนักเรียนในพื้นที่ตามแนวชายแดน ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านสบปืน ตำบลห้วยโก๋น โรงเรียนบ้านน้ำช้าง ตำบลห้วยโก๋นอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน

ทั้งนี้ ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชประสงค์ ของ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และประธานมูลนิธิหลวงพ่อปาน- พระมหาวีระ ถาวโร ได้ทำการช่วยเหลือราษฎรผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาส และผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร เป็นประจำในทุกๆปี ทั่วประเทศ ในการช่วยเหลือราษฎร ผู้ยากจนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ในพื้นที่ต่างๆ และในครั้งนี้ ได้นำสิ่งของเครื่องอุปริโภคบริโภค ให้กับ กรมทหารพรานที่ 32 จังหวัดน่าน เพื่อที่จะได้นำไปช่วยเหลือราษฎร นำพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดน่าน มูลนิธิ หลวงพ่อปาน จัดตั้งขึ้น ตามพระราชประสงค์ของ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯรัชกาลที่ 9 ที่ต้องการให้ราษฎรผู้ยากจนและผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ทั่วทุกแห่งในประเทศ ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งการมามอบสิ่งครั้งนี้ โดยมี พันเอกธงชัย มีอนันต์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 32 จังหวัดน่าน เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำสิ่งของดังกล่าวนำไปแจกจ่ายให้กับราษฎรในถิ่นทุรกันดารต่อไป

นอกจากนี้ ทางศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มูลนิธิหลวงพ่อปาน ได้มอบถังน้ำ พร้อมเครื่องอุปกรณ์กองน้ำให้แก่กำลังพล ที่อยู่ตามฐานปฏิบัติการต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-ลาว ได้นำไปติดตั้งยังฐานปฏิบัติการของหน่วยทหารพราน ที่มีฐานปฏิบัติการในพื้นที่ต่างๆ ไว้กักเก็บน้ำไว้ใช้ เนื่องจากเข้าฤดูแล้งตามฐานปฏิบัติการต่าง ที่ยังขาดแคลนน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภค เพื่อที่จะได้มีน้ำใช้ ในพื้นที่ต่อไป


สมาน สุทำแปง/ข่าว

สสค.เปิดเวทีเสวนาสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นภาษาละอ่อนนาน

สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน หรือ สสค.เปิดเวทีเสวนาสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นภาษาละอ่อนนาน สืบสานอนุรักษ์ประเพณีและศิลปะดั่งเดิมในถิ่นเกิดให้เยาวชนน่านเรียนรู้และรักษา

ว่าที่ร้อยตรี สมเดช อภิชยกุล ประธานสภาวิทยาลัยชุมชนน่าน เป็นประธานเปิดเวทีเสวนาสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นภาษาละอ่อนน่าน ณ ลานข่วงเมืองน่าน อ.เมือง จ.น่าน โดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน หรือ สสค. ผู้เข้าร่วมประกอบด้วย ตัวแทนเยาวชนนักเรียนนักศึกษา จากตำบลงอบ อ.ทุ่งช้าง ตำบลกองควาย ตำบลสะเนียน อ.เมืองน่าน โดยมีคณะครู-นักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ร่วมรับฟังกว่า 100 คน เพื่อเป็นการปลูกฝังให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ได้มีตระหนักรักในถิ่นบ้านเกิดของตนเอง เกิดความภาคภูมิใจที่จะเรียนรู้และรักษามรดกที่บรรพบุรุษได้อนุรักษ์มาอย่างงต่อเนื่อง และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีใน พื้นที่ 6 ตำบล ใน 3 อำเภอ คือ ต.สะเนียน ต.กองควาย อำเภอเมืองน่าน ต.ไชยวัฒนา ต.ศิลาเพชร อำเภอปัว ต.งอบ ต.ปอน อำเภอทุ่งช้าง ดังนั้น สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน หรือ สสค. ได้มุ่งเน้นยกระดับการพัฒนาการเรียนรู้ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้และได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นแบบอย่างที่ดีด้านความเสียสละส่วนตนเพื่อส่วนรวม

การเปิดเวทีเสวนาสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นภาษาละอ่อนน่าน เป็นการจัดขึ้น เพื่อสืบสานอนุรักษ์ประเพณีและศิลปะดั่งเดิมในถิ่นเกิดให้เยาวชนน่านเรียนรู้และรักษา และตระหนักรักในถิ่นบ้านเกิดของตนเอ ทำให้เยาวชนได้เรียนรู้วิถีดั่งเดิมในอดีตที่สืบสานต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น อีกทั้งจะยังเป็นการปลูกฝังให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ตระหนักถึงคุณค่าที่จะอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นน่านให้ยั่งยืน และเป็นพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้ทุกคนมีความรู้รับรู้เรื่องราว รักในแดนดินของตน มีความอดทน อดกลั้น มีจิตสาธารณะ เสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวมของบ้านเมือง และใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา โดยมีผู้ใหญ่ให้ความสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เยาวชนชาวน่านได้สืบสานต่อ เพื่อสืบสานอนุรักษ์ประเพณีและศิลปะดั่งเดิมในถิ่นเกิดให้เยาวชนน่านเรียนรู้และรักษาไว้สืบไป



รดา บุญยะกาญจน์ /ข่าว

จังหวัดเพชรบูรณ์ เดิน-วิ่งสู่ชีวิตใหม่มะขามหวานมินิ-ฮาล์ฟมาราธอนสัญจรน้ำตกตาดหมอก ครั้งที่ 14

เช้าวันนี้ (16 ก.พ.) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานปล่อยตัวนักกีฬา เดิน-วิ่งสู่ชีวิตใหม่มะขามหวานมินิ-ฮาล์ฟมาราธอนสัญจรน้ำตกตาดหมอก ครั้งที่ 14 ณ อุทยานแห่งชาติตาดหมอก ตำบลนาป่า อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการวิ่งรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์ และส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายให้มีสุขภาพที่แข็งแรง กระตุ้นผู้รักสุขภาพให้หันมาออกกำลังกายและอนุรักษ์ธรรมชาติ และส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยการแข่งขันแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ วิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. วิ่งมินิมาราธอน 10.5 กม.วิ่งเพื่อสุขภาพ 3.5 กม.และประเภทครอบครัว จุดปล่อยตัวจากบริเวณอุทยานฯ โดยผู้เข้าเส้นชัยอันดับ 1 " 5 ทุกประเภท จะได้รับถ้วยรางวัลและเหรียญที่ระลึก สำหรับผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันจะได้รับเสื้อและเหรียญที่ระลึกทุกคน

น้ำตกตาดหมอกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ห่างตัวเมืองเพียง 15 กิโลเมตร มีธรรมชาติที่เงียบสงบ เป็นเพชรเม็ดงามของป่าอีสานตะวันตก ที่รอคอยผู้มาเยือน มีน้ำตกตาดหมอกที่มีความสูงกว่า 300 เมตร สถานที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญในการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง

พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมประกอบพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆะบูชา

เวลา 20.00 น. วันที่ (14 ก.พ. 57) ที่วัดเพชรวราราม พระอารามหลวง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ นายสุชาติ ราษฎร์ดุษดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานประกอบพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา โดยมีพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าร่วมในกิจกรรมเป็นจำนวนมาก สำหรับจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้จัดพิธีเวียนเทียนตามวัดต่าง ๆ พร้อมกันทั่วทั้งจังหวัด แต่จุดที่พุทธศาสนิกชนไปร่วมกันเป็นจำนวนมาก มีที่บริเวณพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ พุทธอุทยานเพชรบุระ วัดมหาธาตุ พระอารามหลวง และวัดเพชรวราราม พระอารามหลวง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์

จัดพิธีบวงสรวงติดพระเนตรพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ (พระศรีอริยเมตไตรย)

เมื่อวันที่ (14 ก.พ.57) คณะทำงานวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว นำโดย ท่านพระครูปลัดปารมี สุรยุทโธเจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดพิธีบวงสรวงติดพระเนตรพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ (พระศรีอริยเมตไตรย) พระมหาวิหารพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเพื่อประดิษฐานไว้ในพระเศียรองค์ที่ 5 โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานอัญเชิญหินพระเนตร มีพุทธศานิกชนร่วมงานจำนวนมาก ส่วนใหญ่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร อาทิ พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล และราชชนิกูล คหบดี

การก่อสร้างเพื่อเป็นการร่วมน้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหาวโรกาสเฉลิมฉลองพระชนม์มายุ ๘๕ พรรษา ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ของปวงชนชาวไทย อีกทั้งเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงอยู่คู่แผ่นดินไทยสืบต่อไป

พระมหาวิหารพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ฐานมีขนาดความกว้าง ๔๑ เมตร ยาม ๗๒ เมตร และสูง ๔๕ เมตร แบ่งเป็น ๖ ชั้น โดยส่วนของชั้นที่ ๑ และ ๒ ได้จัดเป็นที่พักของผู้เข้าปฏิบัติธรรม ส่วนบริเวณอื่นๆนั้น ใช้เป็นที่ประกอบศาสนากิจ ได้แก่ การสวดมนต์ ฟังธรรม และการปฏิบัติภาวนา

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ทอดพระเนตรโครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ตำบลเทพนคร อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

เมื่อเวลา 11.45 น.วันนี้ ( 16 ก.พ.57 ) พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ประทับเครื่องบินพระที่นั่งจากท่าอากาศยานทหารดอนเมือง มายังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 46 โดยมีนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการเฝ้ารับเสด็จ จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และราษฎร เฝ้ารับเสด็จ ก่อนจะเสด็จเข้าสู่ภายในพระวิหารหลวงพ่อพุทธชินราช ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธชินราช ทรงกราบ ทรงถวายถาดไทยธรรมแก่พระธรรมเสนานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เสด็จออกจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จไปยังหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ตำบลเทพนคร อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำพุทธศาสนิกชนในจังหวัดพิษณุโลกแสดงตนเป็นพุทธมามกะ หลังจากนั้นได้ร่วมเวียนเทียนรอบวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราชเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา ที่หน้าวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 โดยมีพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดพิษณุโลก กว่า 1,000 คน นุ่งขาว ห่มขาว เข้าร่วมพิธี โดยก่อนเวียนเทียน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานฝ่ายฆราวาสจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นพระศรีรัตนมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก รูปที่ 2 ประธานฝ่ายสงฆ์กล่าว สัมโมทนียคาถา ถึงความสำคัญของวันมาฆบูชา ประธานในพิธีนำนักเรียน นักศึกษา พุทธศาสนิกชน ร่วมประกอบพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ หลังจากนั้นได้ร่วมเวียนเทียนรอบวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิษณุโลกเพื่อความเป็นสิริมงคล

สำหรับวันมาฆบูชา ได้รับการยกย่องว่าเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันหนึ่ง เนื่องจากได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา โดยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระสงฆ์สาวกที่มาประชุมพร้อมกันทั้ง 1,250 รูปนั้นได้มาประชุมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น เอหิภิกขุอุปสัมปทา หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง พระสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6 และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกคำหนึ่งว่า วันจาตุรงคสันนิบาต หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4 ดังนั้นวันมาฆบูชา พุทธศาสนิกชนชาวไทยจึงนิยมทำบุญตักบาตรในตอนเช้า ร่วมกันบำเพ็ญบุญกุศลความดีอื่น ๆ เช่น ไปวัดรับศีล งดเว้นการทำบาปทั้งปวง ถวายสังฆทาน ปล่อยนกปล่อยปลา ฟังพระธรรมเทศนา และร่วมเวียนเทียนในตอนเย็นและค่ำเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว

พุทธศาสนิกชน ชาวจังหวัดลำพูน และ นักท่องเที่ยว ร่วมประกอบพิธี แห่ผ้าห่มองค์พระบรมธาตุหริภุญชัยขนาด ยาวที่สุดในโลก เนื่องในวันมาฆบูชา

พุทธศาสนิกชน ชาว จังหวัดลำพูน และ นักท่องเที่ยว บำเพ็ญกุศล เนื่องในวันมาฆบูชา โดย ร่วมกันประกอบ พิธี แห่ผ้าห่มองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย ขนาดยาวที่สุดในโลก

ค่ำวันที่ ( 14 กุมภาพันธ์ 2557 ) พุทธศาสนิกชนหลายภาคส่วน ร่วม บำเพ็ญกุศล เนื่องในวันมาฆบูชา โดยนาย สุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน , นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนได้นำ ผู้บริหารหน่วยงานราชการ ผู้นำชุมชนในเขตเทศบาลเมืองลำพูน ร่วมเดินขบวน แห่ ผ้าห่มองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย เนื่องในวันมาฆบูชา ซึ่งยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร จากหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนไป ยัง วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร โดยภายในขบวน มีการจัด ขันดอก , ตุงพระบฏ , เสลี่ยงขัน , ต้อมก้อม , เสลี่ยงสัตภัณฑ์ , เสลี่ยงแว่นสายตาพระเจ้า , เสลี่ยงพระพุทธรูป เสลี่ยงหีบ อภิธรรม , รถแห่โคม , ขบวนพระสงฆ์ และ ขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระธาตุ โดย เยาวชน จากสถานศึกษา ในจังหวัดลำพูน ประกอบด้วย ร.ร. เมธีวุมิกร , ร.ร. ส่วนบุญโญปถัมภ์ และ ร.ร. จักรคำคณาทร ก็ได้ร่วมเดินขบวนในครั้งนี้ด้วย ซึ่ง หลังจากที่ขบวนผ้าห่มองค์พระธาตุฯ มาถึงวัดพระธาตุหริภุญชัยแล้ว พุทธศาสนิกชนก็ได้ร่วม กัน นำผ้า ไปห่มองค์พระธาตุ แล้วร่วมประกอบพิธีเวียนเทียน ฟังธรรม และ ปฏิบัติสมาธิ เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งบรรยากาศในบริเวณวัด เป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีพุทธศาสนิกชน ชาวจังหวัดลำพูน และ นักท่องเที่ยว ร่วมประกอบพิธี เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ จังหวัดลำพูน ได้จัดโครงการพบพระพบธรรมในวัน ธรรมสวนะ ( ไหว้พระสวดมนต์เย็น ) ซึ่ง ทุกวัด ในจังหวัดลำพูนจะมีการจัด กิจกรรมสวดมนต์ ฟังธรรม และ ปฏิบัติสมาธิ ในวันพระ และ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา .


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

จ.ลำพูน จัดการแข่งขันแรลลี่ท่องเที่ยวเมืองหละปูน ตามรอยครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา

จ.ลำพูน จัดการแข่งขันแรลลี่ท่องเที่ยวเมืองหละปูน ตามรอยครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา มุ่งส่งเสริมและประชาสัมพันธ์เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัด

ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลเมืองลำพูน เชิงสะพานท่าขาม อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธีเปิดการจัดการแข่งขันแรลลี่ท่องเที่ยวเมืองหละปูน ครั้งที่ 2 มี นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และนางดวงเดือน สดแสงจันทร์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด โดย ว่าที่พันตรี เกรียงไกร กาญจนคูหา ประธานสภาทนายความจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ชมรมทนายความจังหวัดลำพูน และสภาทนายความจังหวัดลำพูน จัดการแข่งขันแรลลี่ท่องเที่ยวเมืองหละปูน ครั้งที่ 2 ภายใต้ชื่อ ตามรอยครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดลำพูน และเผยแพร่ของดีเมืองลำพูน เส้นทางเริ่มต้นจากอำเภอเมืองลำพูน ผ่านอำเภอป่าซาง อำเภอบ้านโฮ่ง และสิ้นสุดที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ระหว่างทางมีการแวะสถานที่สำคัญ เช่น วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง อุโบสถครูบาเจ้าศรีวิชัย และวัดพระเจ้าตนหลวง อำเภอบ้านโฮ่ง หลังสิ้นสุดการแข่งขันเวลาประมาณ 17.30 น. จะมีการสังสรรค์ รับประทานอาหารเย็นและประกาศผลการแข่งขัน มอบรางวัลประเภทต่างๆ

รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า กิจกรรมแรลลี่ท่องเที่ยวเมืองหละปูน ถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือจากหลายฝ่ายในจังหวัด ที่จะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชิงประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีในการขับขี่ที่ปลอดภัย เชื่อว่าจะสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันและผู้ร่วมงานได้เป็นอย่างดี



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

งานไม้แกะสลัก และของดีอำเภอแม่ทา ประจำปี 2557 เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

งานไม้แกะสลัก และของดีอำเภอแม่ทา ประจำปี 2557 เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าไม้แกะสลักของอำเภอแม่ทาแหล่งแกะสลักไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ที่ศูนย์โอท็อปทาทุ่งหลวง บ้านหนองยางฟ้า ตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน นายสุรพันธ์ ศรีบุรี นายอำเภอแม่ทา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนให้การต้อนรับ นายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ในโอกาสมาเป็นประธานเปิดงานไม้แกะสลัก และของดีอำเภอแม่ทา ประจำปี 2557 โดย นายอำเภอแม่ทา กล่าวต้อนรับว่า อำเภอแม่ทา ประกอบด้วย 6 ตำบล 71 หมู่บ้าน พื้นที่ประมาณ 751.60 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 39,353 คน เป็นแหล่งผลิตไม้แกะสลักที่เก่าแก่ สร้างอาชีพและรายได้จำนวนมหาศาลให้กับประชาชนในอำเภอแม่ทา สร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจให้แก่อำเภอแม่ทา และทำให้อำเภอแม่ทาเป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยมีรายได้หมุนเวียนของงานแกะสลัก ประมาณ 25 ล้านบาทต่อเดือน ไม้แกะสลักแม่ทาเป็นไม้แกะสลักที่มีความงดงาม ประณีต มีเอกลักษณ์เฉพาะ ถือได้ว่าเป็นแหล่งแกะสลักไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ยิ่ง นอกจากนั้น อำเภอแม่ทายังมีสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ ทั้งเชิงอนุรักษ์และเชิงวัฒนธรรม อีกทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สำคัญและหลากหลายประเภท

การจัดงานไม้แกะสลักและของดีอำเภอแม่ทา เป็นความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน อำเภอแม่ทา เทศบาลตำบลทาทุ่งหลวง องค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ กลุ่มผู้นำชุมชนและผู้ประกอบการไม้แกะสลักแม่ทา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอาชีพดั้งเดิมของชาวอำเภอแม่ทาที่เป็นต้นฉบับการแกะสลักของจังหวัดลำพูน เป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งไม้แกะสลักอำเภอแม่ทาให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าไม้แกะสลัก ช่วยสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้แก่ประชาชนในท้องถิ่น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูนและประเทศชาติโดยรวม ภายในงานจัดให้มีการแสดงและจำหน่ายสินค้าไม้แกะสลักของดีอำเภอแม่ทาและผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดลำพูน นิทรรศการไม้แกะสลัก “ต้นกำเนิดไม้แกะสลักแม่ทาหละปูน” นิทรรศการศิลปินแห่งชาติ และศิลปินท้องถิ่นในสาขาศิลปะการช่างฝีมือ สาขาทัศนศิลป์ด้านประติมากรรม ด้านการแกะสลัก 3 มิติ สัมผัสบรรยากาศกาดหมั้ววิถีชีวิต “คนลุ่มน้ำทา” ดื่มดำกับความงดงามของไม้แกะสลักรูปเหมือนเจ้าแม่จามเทวี อายุเก่าแก่ 500 ปี สัมผัสรอยพระบาทจิ๋ว และดูเงาพระธาตุ ณ ลานวัฒนธรรมวัดหนองยางไคล เลือกซื้อสินค้า ลดกระหน่ำ 10-30 % การแข่งขันแกะสลักไม้สุดยอดฝีมือคนลุ่มน้ำทา ขบวนรถแห่ไม้แกะสลักและของดีอำเภอแม่ทา การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งรวมพลคนท้องถิ่น ท้องที่ การแข่งขันแกะสลักไม้ ประเภทเยาวชน การประกวดรำวงย้อนยุค

ทั้งนี้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557 จะมีการประกวดแข่งขันการทำสีไม้แกะสลัก การแข่งขันแกะสลักไม้สุดยอดฝีมือคนลุ่นน้ำทา รอบตัดสิน การแสดงซอพื้นเมือง การประกวดธิดาไม้แกะสลักของดีอำเภอแม่ทา ปี 2557 ขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว ชมและเลือกซื้อสินค้าดีราคาถูกในงานไม้แกะสลักและของดีอำเภอแม่ทา จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

เครือข่ายสมาชิกโอทอป จังหวัดลำพูน ร่วมนำผลิตภัณฑ์มาแสดง และ จัดจำหน่ายในงาน OTOP Mobile to the factory and festival 2014

กลุ่มผู้ประกอบการ ผลิตภัณฑ์ โอทอป ของ จังหวัดลำพูน กว่า 50 ราย ร่วมนำผลิตภัณฑ์มาแสดง และ จัดจำหน่ายในงาน OTOP Mobile to the factory and festival 2014 เพื่อ ให้ ผู้บริโภค และ นักท่องเที่ยว ได้เลือกชม เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ที่มีชื่อเสียงของ จ.ลำพูน เป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ โอทอป และ ให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ประสบการณ์ ในการจัดจำหน่าย และ ด้านการตลาด โดย จัดระหว่าง วันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ 2557

ที่ สวนเฉลิมพระเกียรติ พรรษา ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน สำนักงานพัฒนาชุมชน จังหวัดลำพูน , กลุ่มเครือข่าย โอทอป จังหวัดลำพูน และ เทศบาลตำบลเวียงยอง ได้ร่วมกัน จัด งานมหกรรม แสดง และ จำหน่าย ผลิตภัณฑ์โอทอป ในงาน OTOP Mobile to the factory and festival 2014 โดยนาย นาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการ จังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดงาน ซึ่ง ภายในงาน มี ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ โอทอป ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดลำพูน นำผลิตภัณฑ์ มา แสดง และ จัดจำหน่าย กว่า 50 รายการ และ บนเวทีกลาง ยังมีการ แสดง ทางศิลปวัฒนธรรม พื้นบ้าน ให้ผู้ร่วมงานได้รับชม
นายสุเทพ ธนกุล ประธานเครือข่าย โอทอป จ.ลำพูน กล่าว่า การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่ กลุ่มผู้ประกอบการ จะมีช่องทางในการจำหน่าย สินค้า ประชาสัมพันธ์ ให้ สินค้า ของตนเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการ จะได้ นำประสบการณ์ที่ได้ จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ในงาน ไปปรับปรุง พัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น

ทางด้าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนกล่าวว่า ในช่วง ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยว จาก ต่างจังหวัดเดินทางมายังจังหวัดลำพูน เป็นจำนวนมาก ถือเป็นโอกาส ที่ผู้ประกอบการจะเพิ่มยอดจำหน่ายให้มากขึ้นนอกจากนี้ ในปี ประเทศไทยจะเข้าสู่ ประชาคมอาเซียน กลุ่มผู้ประกอบการควรมีการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ ของตนให้ตรงกับความต้องการของ ผู้บริโภค ในกลุ่มอาเซียน และ ชาวต่างชาติ จาก ประเทศอื่น ๆ ด้วย .


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

ชมรมมอญหริภุญชัย จ.ลำพูน เป็นเจ้าภาพจัดงานวันรำลึกบรรพชนมอญ เปิดโอกาสให้ชาวไทยเชื้อสายมอญทั่วประเทศได้มาร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพชน

ชมรมมอญหริภุญชัย จ.ลำพูน เป็นเจ้าภาพจัดงานวันรำลึกบรรพชนมอญ ครั้งที่ 67 เปิดโอกาสให้ชาวไทยเชื้อสายมอญทั่วประเทศได้มาร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพชนมอญ และพบปะสังสรรค์ฉันท์พี่น้อง

ชมรมมอญหริภุญชัย จังหวัดลำพูน เป็นเจ้าภาพจัดงานวันรำลึกบรรพชนมอญ ครั้งที่ 67 และกลุ่มชาติพันธุ์จังหวัดลำพูน ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2557 ที่วัดเกาะกลาง ตำบลบ้านเรือน อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน มี นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธีเปิด โดย นายทองคำ ท้ายนาวา ประธานชมรมมอญหริภุญชัย จังหวัดลำพูน กล่าวว่า การจัดงานวันรำลึกบรรพชนมอญ ของชมรมมอญหริภุญชัย จังหวัดลำพูน และชาวไทยเชื้อสายมอญทั่วประเทศ เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวไทยเชื้อสายมอญทั่วประเทศได้มาร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพชนมอญ เป็นการประชุม พบปะสังสรรค์ ฉันท์พี่น้อง ที่เกิดจากความรัก ความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชนมอญ รวมทั้งความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และมีจิตสำนึกในการสืบสานมรดกของชาวไทยเชื้อสายมอญให้คงอยู่ เคียงคู่กับชนชาวไทยและกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ในประเทศไทย

รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ประเทศไทยประกอบไปด้วยชนหลายเชื้อชาติ ซึ่งความหลากหลายเหล่านี้ ไม่ทำให้เกิดปัญหาในความเป็นชาติไทยแต่อย่างใด ในทางตรงข้ามความหลากหลายทางเชื้อชาติกลับเป็นมนต์เสน่ห์อันน่าประทับใจแก่ผู้ประสบพบเห็น เสน่ห์ที่ว่าคือความงดงามของศิลปวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตของแต่ละเชื้อชาติที่อนุรักษ์รักษาไว้และนำมาเผยแพร่ให้บรรพชนรุ่นหลัง ดังเช่น คนไทยเชื้อสายมอญทั่วประเทศที่มาร่วมงานวันรำลึกถึงบรรพชนและรวมพลังกลุ่มชาติพันธุ์จังหวัดลำพูน เป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกท่านมีความรักในความเป็นคนไทยเชื้อชาติมอญและพร้อมที่จะอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมให้คงไว้ตลอดไป โดยไม่ลืมความเป็นคนไทยที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด มีการกล่าวสรรเสริญสดุดีบรรพชนมอญ นำโดย พระสมุบรรเจิด สุริยะโชโต ประธานชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพมหานคร ความบางตอนว่า ขอให้เราร่วมกันรำลึกถึงบรรพชนผู้มีความกตัญญูกตเวที ยึดมั่นในพระศาสนา จิตใจเปี่ยมล้นด้วยเมตตากรุณา สร้างแต่คุณงามความดี ผู้เป็นลูกหลานขอสัญญาว่า จะสืบทอดความเป็นมอญให้คงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีตลอดไป จากนั้นมีการมอบธงสัญลักษณ์งานวันรำลึกบรรพชนมอญให้กับเจ้าภาพจัดงานวันรำลึกบรรพชนมอญ ครั้งที่ 68 ปี 2558 ได้แก่ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

ภายในงานมีพิธีอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพชนมอญผู้ล่วงลับ นิทรรศการวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมมอญและกลุ่มชาติพันธุ์จังหวัดลำพูน การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านมอญและกลุ่มชาติพันธุ์ อาทิเช่น สินค้ามอญจากพระประแดง สมุทรปราการ บางกระดี่ ปทุมธานี บ้านเสากระโดง พระนครศรีอยุธยา เกาะเกร็ด นนทบุรี บ้านโป่ง ราชบุรี กาดมั่วครัวแลงของมอญและชาวล้านนา และการแสดงทางวัฒนธรรมจากชุมชนมอญทั่วประเทศ



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง จัดกิจกรรมเทศกาลแห่งความรัก ในงาน "คชบาลสานรัก เที่ยวบอกรัก @ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย"

สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จังหวัดลำปาง ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตศูนย์ลำปาง ชมรมถ่ายภาพจังหวัดลำปาง และหน่วยงานองค์กรภาคเอกชน จัดกิจกรรมร่วมฉลองเทศกาลแห่งความรักวันวาเลนไทน์ ในงาน "คชบาลสานรัก เที่ยวบอกรัก @ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลำปาง" ซึ่งได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ที่ บริเวณลานอเนกประสงค์ ทางเข้าลานแสดงช้าง ของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มีนายเด็ดดวง อนุกูล นายอำเภอห้างฉัตร เป็นประธานเปิดงาน โดยมีคณะสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดลำปาง และนักท่องเที่ยวชาย-หญิง ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ มีทั้งเป็นคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกัน และคู่รักที่แต่งงานแล้ว ได้ให้ความสนใจพาคู่รักและครอบครัว เข้าเยี่ยมชมกิจกรรมการแสดงช้าง และร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ทางศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ได้จัดขึ้น เพื่อฉลองเทศกาลแห่งความรักร่วมกัน อย่างคึกคัก

โดยในพิธีเปิด ได้มีการนำช้างเข้ามามีส่วนร่วม เป็นสื่อกลางในการแสดงออกถึงความรัก ด้วยการให้ช้างร่วมกับประชาชน และนักท่องเที่ยว ปล่อยลูกโป่งสีชมพู เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความรัก จำนวน 99 ลูก ขึ้นสู่ท้องฟ้าประกาศ “รักของฉัน…ไร้พรมแดน ในเทศกาลวันแห่งความรัก” ซึ่งได้ทำให้ผู้ร่วมงานสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของความรัก ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสดใส ทั่วพื้นที่มีแต่สีชมพู ซึ่งเป็นสีแห่งความรัก สีแห่งการปกป้อง และเป็นสีที่แสดงถึงการมีน้ำใจดี มีจิตใจกว้างขวาง รวมถึงยังเป็นสัญลักษณ์ของการทะนุถนอม ทำให้ผู้ร่วมงานรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ทั่วบริเวณงาน

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมงานดังกล่าว เพื่อเป็นการส่งเสริมความรักความผูกพันในครอบครัว และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง ในปีแห่งการท่องเที่ยวนครลำปาง “แอ่วลำปางม่วนแต๊หนา” อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม สร้างจิตสำนึกให้ผู้ร่วมงานและนักท่องเที่ยว ได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อธรรมชาติ เพื่อจะร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรในพื้นที่ไว้ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป สำหรับกิจกรรมงานฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก ครั้งนี้มีกำหนดจัดงานไปจนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 15.30 น. ที่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ซึ่งภายในงานได้กำหนดกิจกรรมต่างๆ ไว้มากมาย อาทิเช่น กิจกรรมพาคนรักชมการแสดงช้าง, กิจกรรมนั่งช้างชมธรรมชาติ, กิจกรรมเที่ยวบอกรัก ในเส้นทาง “ไหว้สาบูชารัก” ในดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นมงคล ภายในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย และ กิจกรรมถ่ายภาพคู่รักกับช้าง Share & Check in ผ่าน Fan page ของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ในบรรยากาศกลิ่นอายแห่งความรัก ของซุ้มดอกไม้ และ จุดถ่ายภาพภายในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง เป็นต้น



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ข้าราชการ และประชาชนชาวลำปางทุกหมู่เหล่า ประกอบพิธีวางพวงมาลา และบวงสรวง อนุสาวรีย์ พ่อเจ้าทิพย์ช้าง ร่วมรำลึกถึงเกียรติคุณ และคุณงามความดี

จังหวัดลำปาง ร่วมกับ เทศบาลนครลำปาง จัดทำพิธีวางพวงมาลา บวงสรวง และถวายเครื่องสักการะ ต่ออนุสาวรีย์เจ้าพระยาสุลวลือไชยสงคราม หรือ พ่อเจ้าทิพย์ช้าง อดีตเจ้าผู้ครองนครลำปาง ที่ บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพระยาสุลวลือไชยสงคราม ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานพิธี นำคณะกลุ่มทายาทเจ้านายฝ่ายเหนือ ลูกหลาน(เจ้าเจ็ดตน) ตระกูล ณ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ พะเยา เชียงราย น่าน พร้อมกับคณะเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ข้าราชการพลเรือน อัยการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนในจังหวัดลำปาง ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงถวายเครื่องสักการะ

การจัดทำพิธีวางพวงมาลา บวงสรวง และถวายเครื่องสักการะ ต่ออนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง ถือเป็นประเพณีที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ในฐานะพ่อเมือง และกลุ่มลูกหลานสืบสายเจ้าเจ็ดตน ได้ถือปฏิบัติกระทำสืบทอดต่อๆ กันมา นับตั้งแต่ในสมัยอดีต เพื่อเป็นการบูชาสักการะต่อดวงทิพย์วิญญาณของบรรพกษัตริย์แห่งนครลำปาง และเพื่อเป็นการขอขมา แสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตา อันเป็นการแสดงความเคารพต่อบรรพชนผู้ล่วงลับ โดยในพิธีได้ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา สวดทักษิณานุประทาน เพื่อบำเพ็ญบุญ อุทิศส่วนกุศลถวาย แด่ดวงทิพย์วิญญาณ เจ้าพระยาสุลวลือไชยสงคราม หรือ พ่อเจ้าทิพย์ช้าง และการประกอบพิธีวางพวงมาลา พิธีพราหมณ์บวงสรวงเครื่องสังเวย ตามโบราณประเพณี เพื่อเป็นการสักการะต่อดวงวิญญาณ และสดุดีวีรกรรม สรรเสริญพระเกียรติ พ่อเจ้าทิพย์ช้าง ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนชาวลำปาง ได้ร่วมกันรำลึกถึงพระเกียรติคุณ และคุณงามความดี ของพ่อเจ้าทิพย์ช้าง ที่ได้มีต่อประชาชนชาวนครลำปาง ในฐานะอดีตเจ้าผู้ครองนคร ซึ่งได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญ กอบกู้บ้านเมืองนครลำปาง ให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของพม่า ทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขร่มเย็น และเจริญรุ่งเรืองสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

เจ้าพระยาสุลวลือไชยสงคราม มีนามเดิมว่า “ทิพย์จักร” มีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ้านปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เป็นพรานป่าผู้มีความสามารถ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด กำลังกายแข็งแรง รู้จักและเชี่ยวชาญ ชำนาญในการใช้อาวุธ ซึ่งในระหว่างปี พ.ศ 2270-2275 ในสมัยนั้นนครลำปาง ได้ถูกข้าศึกพม่าเข้ามายึดครอง เจ้าพระยาสุลวฤาไชยสงคราม ได้นำทัพเข้าต่อสู้ศัตรูผู้รุกราน จนได้รับชัยชนะ และได้รับสถาปนาขึ้น ครองนครลำปาง ในปี พ.ศ. 2275 นานถึง 27 ปี โดยได้ถึงแก่พิราลัยในปี 2302 รวมอายุได้ 85 ปี และถือเป็นต้นตระกูลของเจ้าเจ็ดตน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสกุล ณ ลำปาง ณ ลำพูน และ ณ เชียงใหม่.
ดูคลิป http://youtu.be/nmeKnEtYt1s


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ชาวลำปางร่วมปฏิบัติธรรม เวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา

พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดลำปาง ร่วมกันนุ่งขาวปฏิบัติธรรม แสดงตนเป็นพุทธมามกะ ประกอบพิธีสวดมนต์ เวียนเทียน ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เนื่องในวันมาฆบูชา วันแห่งความรักอันบริสุทธิ์ในพระพุทธศาสนา

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นางอินทิรา สุภาแสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง ภริยา ได้ร่วมกันนำพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดลำปาง นุ่งขาวเข้าวัด ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา ละความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ เพื่อร่วมแสดงพลังธรรม สืบทอดพระพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา วันแห่งความรักอันบริสุทธิ์ในพระพุทธศาสนา ที่ พระอุโบสถวัดพระเจดีย์ซาวหลัง พระอารามหลวง ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยมีพระราชจินดานายก เจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระเจดีย์ซาวหลัง เป็นประธานสงฆ์ นำพระภิกษุ–สามเณร กว่า 30 รูป เข้าร่วมพิธี พร้อมนำพุทธศาสนิกชน ร่วมกันสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และร่วมกันเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ จำนวน 3 รอบ เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ แห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเจริญจิตภาวนาแผ่เมตตาถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
โดยในการประกอบพิธี พระราชจินดานายก เจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระเจดีย์ซาวหลัง ได้กล่าวประทานโอวาทแสดงพระธรรมเทศนา เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลในธรรม ตามหลัก โอวาทปาฏิโมกข์ ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคำสอนที่ได้กล่าวถึงความรักอันบริสุทธิ์ ในพระพุทธศาสนา ที่มีด้วยกัน 3 ประการ กล่าวคือ การสอนให้รู้จักรักเพื่อนร่วมโลก ด้วยการละความชั่ว, การสอนให้รู้จักรักเพื่อนร่วมโลกและรักตนเอง ด้วยการทำความดี และการสอนให้รู้จักรักตนเอง ด้วยการทำจิตใจให้บริสุทธิ์ พร้อมเน้นย้ำให้พุทธศาสนิกชน ได้นำหลักธรรมดังกล่าวไปประพฤติปฏิบัติให้เป็นกิจวัตร ซึ่งจะเป็นสิ่งที่นำพา ความเป็นสิริมงคล และความสุขมาสู่ชีวิต รวมทั้งนำความสงบสุขมาสู่สังคมส่วนรวมด้วย

สำหรับวันมาฆบูชา ถือเป็นวันแห่งความรักทางธรรม ที่มีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนา กล่าวคือ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักธรรม “ โอวาทปาฏิโมกข์” ที่ทรงแสดงนั้น เป็นสิ่งที่แสดงถึงความรัก อันเป็นความรักที่ประกอบด้วยเมตตาธรรม ปรารถนาดีต่อกันโดยเว้นจากการทุจริต และวันมาฆบูชา ยังเป็นวันที่ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กัน 4 ประการ ได้แก่ เป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็น พระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา 6 และพระสงฆ์ทั้งหมดล้วนได้รับการอุปสมบทโดยตรงจาก องค์สมเด็จพระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเป็น “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” และจากเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้นนี้เอง ทำให้ “วันมาฆบูชา” มีอีกชื่อหนึ่งว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต”
ดูคลิป http://youtu.be/C3ic9Lgcf0M



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ผู้ว่าราชการ จ.ลำปาง ให้การต้อนรับ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ในโอกาสเดินทางเข้าเยี่ยมเยือนคาราวะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในพื้นที่

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ให้การต้อนรับ นายลุตฟี ราอุฟ (H.E. Mr.Lutfi Rauf) เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย และคณะ ในโอกาสเดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในเรื่องต่างๆ ทั้งด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชนของทั้งสองฝ่าย ที่ ห้องรับรอง ชั้น3 ศูนย์ราชการจังหวัด ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์สร้างไมตรีอันดีระหว่างกัน โดยมีนายสำเริง ไชยเสน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง นายอนุวัตร ภูวเศรษฐ์ ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง และนายเริงณรงค์ ณียวัฒน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง ร่วมให้การต้อนรับ และเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน

การเข้าเยี่ยมคารวะ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ นายลุตฟี ราอุฟ (H.E. Mr.Lutfi Rauf) เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ได้ให้ความสนใจต่อจังหวัดลำปาง ทั้งในด้านเศรษฐกิจการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ด้านสังคมความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งประชาชนในพื้นถิ่น และประชาชนพี่น้องชาวมุสลิม ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดลำปาง รวมทั้งได้สนใจต่อสภาพการณ์ปัญหาด้านยาเสพติด ด้านภัยธรรมชาติ ด้านการเมือง และด้านการศึกษา โดยการพูดคุย เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ได้กล่าวให้ความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่น และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดลำปาง พร้อมได้กล่าวให้ข้อมูลถึงแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ไทย-อินโดนีเซีย ที่ได้จัดเตรียมจะให้มีการเชื่อมสานสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรม ด้านความเป็นอยู่ เนื่องจากประเทศไทย ในหลายๆ พื้นที่มีพี่น้องชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งได้กล่าวถึงการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน การร่วมมือทางด้านวิชาการ ในการพัฒนาปัจจัยต่างๆ ที่จะมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลร่วมกัน ทังนี้ เพื่อจะเป็นแนวทางเชื่อมสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้แนบแน่น เตรียมความพร้อมรองรับเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558

โอกาสนี้ก่อนการอำลาทั้ง 2 ฝ่าย ได้มอบของที่ระลึกให้แก่กัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน โดยนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และนายอนุวัตร ภูวเศรษฐ์ ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง ได้มอบเอกสารหนังสือข้อมูลที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับจังหวัดลำปาง พร้อมกับมอบของที่ระลึก “รถม้าจำลอง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนครลำปาง ให้แก่นายลุตฟี ราอุฟ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ในครั้งนี้ด้วย.
ดูคลิป http://youtu.be/EtnB3EA7YSg



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร พระราชทานพวงมาลาตั้งหน้าหีบศพ อดีตข้าราชการบำนาญจังหวัดลำปาง

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร พระราชทานพวงมาลาตั้งหน้าหีบศพ อดีตข้าราชการบำนาญจังหวัดลำปาง ที่ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 19.00 น. ที่วัดคะตึกเชียงมั่น อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง อัญเชิญพวงมาลาพระราชทานจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร และพวงมาลาพระราชทานในพระนามาภิไธย พระเจ้าวรวงเธอ พระองค์ศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติตยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณวรีนารีรัตน์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พร้อมดอกไม้เพลิงพระราชทาน 5 ช่อ วางหน้าหีบศพนายราเชนท์ ไชยวงค์ ข้าราชการบำนาญ สังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ด้วยนายราเชนท์ ไชยวงค์ ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุจังหวัดลำปาง ได้ถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทในกองงานสานสายใยรักแห่งครอบครัว ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมารและพระเจ้าวรวงเธอพระองค์ศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่งสำหรับญาติผู้วายชนม์


ข่าวโดย : อธิชัย ต้นกันยา

จ.ลำปาง จัดกิจกรรมส่งความสุข ฉลองวันแห่งความรัก มอบเป็นของขวัญให้แก่คู่รักใหม่ และหวนรำลึกความหวานให้กับคู่รักเก่า ในงาน "เทศกาลวันแห่งความรัก แต่งงานบนรถม้า"

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นางอินทิรา สุภาแสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง ร่วมเป็นคู่รักเวดดิ้ง ขึ้นนั่งบนรถม้านำขบวนคู่รักบ่าว-สาว ทั้งคู่รักเวดดิ้ง และคู่รักพรีเวดดิ้ง แห่ไปตามถนนสายรอบเวียงลำปาง เป็นกิจกรรมเริ่มต้นเปิดงาน "เทศกาลวันแห่งความรัก แต่งงานรถม้า" เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลวันวาเลนไทน์ และเพื่อเป็นการส่งความสุข มอบความหวาน ให้เป็นของขวัญแก่คู่รักทุกคู่ที่เข้าร่วมขบวนแห่ ซึ่งตลอดเส้นทางมีประชาชน นักท่องเที่ยว และสื่อมวลชนจากทุกแขนง ใน จ.ลำปาง จำนวนมาก ได้ให้ความสนใจยืนตามทางเท้าเฝ้ารอชมขบวนแห่ของคู่รักบ่าว-สาว พร้อมกับถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก

โดยในขบวนแห่ มีทั้งคู่รักเวดดิ้ง ของคณะผู้มีเกียรติที่มีชื่อเสียงในจังหวัดลำปาง คณะผู้บริหารหน่วยงานองค์กรต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งคู่รักของประชาชนทั่วไป ที่มาเข้าร่วมขบวนแห่เพื่อหวนรำลึกถึงความหวานซึ้งในอดีต ร่วมกับคู่รักพรีเวดดิ้ง ของหนุ่ม-สาว ที่กำลังสุกงอมและได้ตกลงแต่งงานกัน เข้าร่วมขบวนแห่ครั้งนี้ รวมมากกว่า 40 คู่ โดยขบวนแห่ได้เริ่มต้นออกจากสถานีรถไฟนครลำปาง มาสิ้นสุดขบวนที่ บริเวณลานร่ำเปิงลำปาง หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่าลำปาง ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร และในโอกาสนี้ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เป็นตัวแทนแขกผู้ใหญ่ ขึ้นกล่าวอวยพรแก่คู่รักพรีเวดดิ้ง ที่ได้แต่งงานกันในครั้งนี้ พร้อมได้เป็นประธานพิธี มอบทะเบียนสมรสให้กับคู่รักพรีเวดดิ้งทุกคู่ พร้อมกับได้มอบทุนการศึกษา ให้แก่บุตร ธิดา ของสารถีรถม้า ในจังหวัดลำปาง จำนวน 20 ทุนๆ ละ 1,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20,000 บาท

สำหรับ “งานเทศกาลวันแห่งความรัก แต่งงานบนรถม้า” ถือเป็นกิจกรรมใหม่ของจังหวัดลำปาง ซึ่งได้จัดขึ้นในปีนี้ เป็นปีแรก เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด หลังการประกาศของ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ที่ได้ประกาศให้ปี 2557 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวนครลำปาง โดยกิจกรรม “แต่งงานบนรถม้า” เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่จะนำนครลำปาง ไปสู่เป้าหมาย ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมความรักความผูกพันในครอบครัว และเป็นกิจกรรมส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่จะทำให้ ประชาชนชาวลำปาง และนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาเที่ยวในเมืองลำปาง ได้มีกิจกรรมความบันเทิงร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อจะผลักดันให้นครลำปาง เป็นนครแห่งความสุข สมดั่งเจตนารมณ์ ปีแห่งการท่องเที่ยวนครลำปาง “แอ่วลำปางม่วนแต้หนา” โดยภายในงานได้จัดกิจกรรมต่างๆ ไว้มากมาย อาทิเช่น การออกร้าน Wedding Fair ของห้างร้านต่างๆ, การจัดนิทรรศการด้านการท่องเที่ยวของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.แม่เมาะ), ชมรมถ่ายภาพแม่เมาะ, สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ และอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ตลอดจนได้จัดให้มีการแสดงศิลปะพื้นบ้าน ของนักเรียน นักศึกษา, การแสดงละครจากกลุ่มศิลปิน “โรงละครเล็ก ณ หนา” และกิจกรรมนั่งรถม้าชมเมือง ในราคาพิเศษรอบละ 100 บาท
ดูคลิป http://youtu.be/1N2H4RQMeLA


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

จ.ลำพูน เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวเลือกชมเลือกซื้อสินค้า ในงาน OTOP ช้อปสบายสไตล์ลำพูน ระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์นี้

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลำพูนจัดโครงการ OTOP Mobile To The Factory and Festival 2014 ระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ศูนย์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดย นายสุเทพ ธนกุล ประธานเครือข่ายโอท็อปจังหวัดลำพูน กล่าวว่า กรมพัฒนาชุมชนได้สนับสนุนงบประมาณ ประจำปี 2557 เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าโอท็อปให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการโอท็อป สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมความร่วมมือการช่วยเหลือกันระหว่างชุมชนกับโรงงาน ชุมชนกับแหล่งท่องเที่ยว สนับสนุนและพัฒนาให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการโอท็อปได้เรียนรู้ทักษะด้านการบริหารจัดการและการตลาด รวมถึงการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการโอท็อปด้านความรู้ ความเข้าใจในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอนาคต กิจกรรมครั้งนี้ใช้ชื่องานว่า OTOP ช้อปสบายสไตล์ลำพูน มีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอท็อปเด่นในจังหวัดลำพูน จากอำเภอต่างๆ กว่า 50 บูธ จำหน่ายในราคาพิเศษ อาทิ ผ้าทอยกดอก ผ้าไหม ผ้าฝ้าย เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ อาหารพื้นเมือง ลำไยอบแห้ง น้ำผึ้ง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และอื่นๆ อีกมากมาย การให้คำปรึกษาเรื่องการแพทย์แผนไทย จากสมาคมแพทย์แผนไทยหริปุญไจยลำพูน กิจกรรมการแสดงวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตชาวลำพูน เช่น กาดหมั้วครัวแลง การแสดงบนเวที

ขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวเลือกชมเลือกซื้อสินค้า และร่วมกิจกรรมในงาน OTOP ช้อปสบายสไตล์ลำพูน ระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ศูนย์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

พุทธศาสนิกชนชาวลำพูนและนักท่องเที่ยวร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557

พุทธศาสนิกชนชาวลำพูนและนักท่องเที่ยวร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 น้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ที่วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 109 รูป เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวร่วมทำบุญจำนวนมาก เพื่อร่วมแสดงความสักการะน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับกิจกรรมในช่วงเย็น ตั้งแต่เวลา 17.30 น. จะมีพิธีแห่ผ้าห่มพระบรมธาตุเจ้าหริภุญชัยจากจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนมายังวัดพระธาตุหริหริภุญชัย วรมหาวิหาร เพื่อประกอบพิธีห่มผ้าพระบรมธาตุเจ้าหริภุญชัย จากนั้น จะมีพิธีเปิดโครงการพบพระพบธรรมในวันธรรมสวนะ (ไหว้พระ-สวดมนต์เย็น) จังหวัดลำพูน ประจำปี 2557 พิธีเวียนเทียน และรับฟังพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ เนื่องในวันมาฆบูชา นอกจากนี้ พุทธศาสนิกชนยังรักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาและทำการแผ่เมตตา ประดับธงชาติ ธงเสมาธรรมจักรและประทีปโคมไฟ รวมทั้งงดเว้นสิ่งเสพติดและอบายมุขทั้งปวง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย

วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญของชาวพุทธเถรวาทและวันหยุดราชการในประเทศไทย "มาฆบูชา" ย่อมาจาก "มาฆปูรณมีบูชา" หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ตกช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน (ปีอธิกมาส) ก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 3 หลัง (วันเพ็ญเดือน 4) วันมาฆบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธ เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา โดยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระสงฆ์สาวก 1,250 รูปได้มาประชุมพร้อมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง พระสงฆ์ที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6 และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ดังนั้น จึงเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4

ปัจจุบันวันมาฆบูชาได้รับการประกาศให้เป็นวันหยุดราชการในประเทศไทย โดยพุทธศาสนิกชนทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ พระสงฆ์และประชาชนประกอบพิธีต่างๆ เช่น การตักบาตร การฟังพระธรรมเทศนา การเวียนเทียน เป็นต้น เพื่อบูชารำลึกถึงพระรัตนตรัยและเหตุการณ์สำคัญดังกล่าวที่ถือได้ว่า เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประทานโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งกล่าวถึงหลักคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญความดีให้ถึงพร้อม และการทำจิตของตนให้ผ่องใส เพื่อเป็นหลักปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนทั้งมวล นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.2549 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันมาฆบูชาเป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ" เนื่องจากในสังคมไทยปัจจุบัน หญิงสาวมักเสียตัวในวันวาเลนไทน์ หลายหน่วยงานจึงพยายามรณรงค์ให้วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรักอันบริสุทธิ์ แทน ซึ่งในปี พ.ศ.2557 วันมาฆบูชาตรงกับ วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ตามปฏิทินสุริยคติ




ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

พุทธศาสนิกชนในจังหวัดลำปาง ทุกหมู่เหล่า ร่วมทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร และร่วมเจริญจิตภาวนาทำบุญสร้างกุศล เนื่องในวันมาฆบูชา

คณะสงฆ์จังหวัดลำปาง ร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง จัดกิจกรรม "วันแห่งความรักทางธรรม" นำพุทธศาสนิกชนทำบุญสร้างกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ที่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พระอารามหลวง ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีพระจินดารัตนาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ นำพระภิกษุสงฆ์-สามเณร 50 รูป ประกอบพิธีสวดมนต์ และออกรับบิณฑบาต จากพุทธศาสนิกชน อุบาสก อุบาสิกา เนื่องในวันมาฆบูชา โดยมีนายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง นำพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดลำปาง และเยาวชนเด็กนักเรียน จำนวนกว่า 300 คน เข้าวัดทำบุญสร้างกุศลร่วมกัน

โดยพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดลำปาง และเยาวชนเด็กนักเรียน ได้ร่วมกันสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และได้ร่วมกันนำข้าวสารอาหารแห้งทำบุญใส่บาตร ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ทำกิจกรรมบำเพ็ญกุศล สร้างความดีร่วมกัน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งในโอกาสนี้ พระจินดารัตนาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พร้อมด้วย พระครูสิริรัตนโสภิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ได้ร่วมกันกล่าวสัมโมทนียคาถา ให้ความรู้ในเรื่อง บทบาทและหน้าที่ของเด็กและเยาวชน และพุทธศาสนิกชน กับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันแห่งความรัก ให้แก่ผู้ร่วมพิธีได้รับฟัง เพื่อส่งเสริมพัฒนาด้านคุณธรรม จริยธรรม พร้อมกับการฝึกปฏิบัติเจริญจิตภาวนานั่งสมาธิ ร่วมเรียนรู้ถึงหลักธรรมคำสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ เพื่อจะได้รับความรู้ เกิดทักษะของความเป็นผู้นำ เกิดความตระหนักรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม อันจะนำไปสู่การเป็นผู้กระทำดี ประพฤติดี ตามหลักธรรมคำสอน และสามารถที่จะนำหลักธรรมนั้นไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างพุทธศาสนิกชน กับหลักธรรมคำสอนเข้าด้วยกัน อันจะเป็นการจรรโลงรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญมั่นคง ยั่งยืนสืบต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับในช่วงเวลาค่ำ เวลาประมาณ 20.00 น. ที่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พระอารามหลวง แห่งนี้ เหล่าบรรดาข้าราชการ อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป จะได้ร่วมกันประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล เข้าวัดปฏิบัติธรรม สมาทานศีล และแสดงตนเป็นพุทธมามกะ พร้อมประกอบพิธีเวียนเทียนร่วมกัน เนื่องในวันมาฆบูชา ด้วย
ดูคลิป http://youtu.be/4zy23rD5UgI



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

จังหวัดลำปาง จัดหน่วยเคลื่อนที่ ออกให้บริการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน ในพื้นที่อำเภอแม่ทะ

หน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดลำปาง บูรณาการร่วมกัน จัดกิจกรรมโครงการ "หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนจังหวัดลำปาง" ที่ บริเวณลานอเนกประสงค์ บ้านหลุกใต้ หมู่ที่ 12 ตำบลนาครัว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง มีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง นำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค บริจาคมอบให้แก่ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ยากไร้ ในพื้นที่ตำบลนาครัว โดยมีคณะผู้บริหารจากหน่วยงานองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด-อำเภอ ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลนาครัว และเขตพื้นที่ใกล้เคียง จำนวนมากกว่า 500 คน เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการฯ

โครงการ ”หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนจังหวัดลำปาง” เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ประสงค์ให้มีการนำบริการทุกประเภทจาก ส่วนราชการ องค์กรสาธารณกุศล และภาคเอกชน ออกมาให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ ที่ห่างไกลความเจริญ เป็นการบริการในเชิงรุก ทั้งนี้เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ได้รับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ เพื่อจะสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้ในทุกๆ ด้านอย่างเหมาะสม อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการของรัฐ ได้โดยสะดวก รวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่ายในการติดต่อราชการ ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานของรัฐ กับประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนค่านิยมและความคิดของประชาชน ให้เอื้อต่อการพัฒนาสังคม ชุมชน ท้องถิ่น และส่งเสริมให้ชาวบ้าน ได้น้อมนำเอาแนวพระราชดำริ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปปรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต

สำหรับการจัดงาน ได้มีหน่วยงานจากส่วนราชการประจำจังหวัดลำปาง และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่อำเภอแม่ทะ รวมจำนวน 58 หน่วยงาน ได้ร่วมกันออกหน่วย ให้บริการนอกสถานที่ แก่พี่น้องประชาชน ซึ่งมีการให้บริการที่หลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น การจัดนิทรรศการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิต การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพอนามัย รวมถึงได้มีการนำสินค้าราคาถูกมาจัดจำหน่ายภายในงาน เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย บรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน อีกทั้งได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการตรวจร่างกาย รักษาโรค แจกยาเวชภัณฑ์ และให้บริการอุดฟัน ถอนฟัน ตลอดจนได้มอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือแก่ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ยากไร้

โดยในโอกาสนี้ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นางอินทิรา สุภาแสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง และคณะผู้บริหาร พนักงาน เจ้าหน้าที่สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ได้ร่วมกันมอบสิ่งของช่วยเหลือดังกล่าว ประกอบด้วย มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภค-บริโภค ให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ จำนวน 100 ถุง, มอบพันธุ์ปลา 100 ถุง รวม 50,000 ตัว ให้แก่ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่, มอบเงินช่วยเหลือ แก่ผู้มีรายได้น้อยไร้ที่พึ่ง จำนวน 6 ราย มอบเงินสงเคราะห์แก่ผู้พิการ จำนวน 4 ราย และมอบอุปกรณ์กายบำบัด ให้แก่ผู้พิการอีกจำนวน 8 ราย
ดูคลิป http://youtu.be/60mHk1azGpI



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบเครื่องแบบนักเรียน ให้แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 อำเภอปาย

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบเครื่องแบบนักเรียน ให้แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน และคณะ นำสิ่งของพระราชทาน และอุปกรณ์การเรียน มอบให้แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 451 ชุด เพื่อเด็กนักเรียนจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษา โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดตั้งขึ้นตามโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ชายแดนตามแนวพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดตั้งโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สำหรับเด็กชาวไทภูเขา ตามแนวชายแดนและเด็กด้อยโอกาสที่ประสบปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานเงินทุนผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูประถัมภ์ เป็นค่าก่อสร้างอาคาร ปัจจุบันมีนักเรียนจำนวน 451 คน มีบุคลากรจำนวน 50 คน ซึ่งเด็กนักเรียนมีความรู้สึก ซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานการศึกษาทางไกล ผ่านดาวเทียม ถ่ายทอดสดจาก โรงเรียนวังไกล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้ นักเรียนได้รับการศึกษาทันเหตุการณ์ ความก้าวหน้าของโลกในยุคปัจจุบัน พร้อมทั้งทั้งปฎิญานตนว่า จะประพฤติตนเป็นคนดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิด ร่วมทั้งจะตั้งใจเรียน ให้สมกับเป็น ลูกราชประชานุเคราะห์



ข่าวโดย : ศุภวัฒน์ สมบูรณ์

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน จัดงานเทศกาลปาย..รักสุดขอบฟ้า ปีที่ 6 เนื่องในเทศกาลวันแห่งความรัก โดยมีคู่รักกว่า 30 คู่ร่วมงาน

เช้าวันที่ (14 ก.พ.57 )  นายวิศณุ อรุณบำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน นำคู่รัก 33 คู่ ร่วมกัน ทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เนื่องในเทศกาลวันแห่งความรัก ที่เบลวิลลา อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในงานเทศกาลปาย..รักสุดขอบฟ้า ปีที่ 6 ในปีนี้มีบ่าว สาว 4 คู่มาจัดพิธีแต่งงานในงานนี้ จากนั้นคู่รักเดินทางไปกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอปาย ได้แก่วัดศรีดอนชัย ซึ่งเป็นวัดแรกของอ.ปาย วัดน้ำฮู นมัสการหลวงพ่ออุ่นเรือน พระพุทธรูปซึ่งมีน้ำซึมออกจากเศียรตลอดเวลา เจดีย์อนุสรณ์สถานพระสุพรรณกัลยา รับประทานอาหารจีนยูนาน ที่บ้านสันติชล ชมพระอาทิตย์ตกดินที่วัดพระธาตุแม่เย็น ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ต



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมเวียนเทียนทางน้ำรอบวัดติโลกอาราม กลางกว๊านพะเยาในคืนวันมาฆบูชาเป็นจำนวนมาก

ช่วงค่ำวันนี้ (14 ก.พ.57) ที่บริเวณท่าเรือวัดติโลกอาราม จังหวัดพะเยา ต่างคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและประชาชนที่สนใจมาเข้าร่วมกิจกรรมเวียนเทียนทางน้ำรอบวัดติโลกอาราม กลางกว๊านพะเยา ในคืนวันมาฆบูชาเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้จังหวัดพะเยาได้ใช้ขบวนเรือพายพื้นบ้าน จำนวนกว่า 50 ลำ ร่วมเวียนเทียนทางน้ำบริเวณวัดติโลกอาราม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มีอายุกว่า 500 ปี ที่จมอยู่ภายในบริเวณกว๊านพะเยา ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 20 แล้ว ขณะที่บรรยากาศการเวียนเทียน หลายวัดในจังหวัดพะเยา โดยเฉพาะที่วัดศรีโคมคำพระอารามหลวง หรือ วัดพระเจ้าตนหลวง

ได้มีพุทธศาสนิกชนทั้งในและต่างจังหวัดร่วมพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา เป็นจำนวนมากเช่นกัน
สำหรับกิจกรรมนั่งเรือพายเวียนเทียนทางน้ำรอบวัดติโลกอาราม กลางกว๊านพะเยานั้น ปีหนึ่งจะจัดขึ้นเพียง 3 ครั้งเท่านั้น คือในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ซึ่งวัดติโลกอารามถือเป็นวัดร้างที่ถูกค้นพบตามแผ่นศิลาจารึก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์แห่งล้านนาเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2019-2029 มีอายุเก่าแก่มากกว่า 500 ปี วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นวัดที่มีผู้ปกครองเมืองพะเยาได้สร้างถวาย เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแก่พระเจ้าติโลกราช ในฐานะทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรล้านนา



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ