วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ป.ป.ส.ระดมผู้เกี่ยวข้องพื้นที่ ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประชุมประชาพิจารณ์แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒

ป.ป.ส.ระดมผู้เกี่ยวข้องพื้นที่ ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประชุมประชาพิจารณ์แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในฐานะหน่วยงานกลางด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำและยกร่างแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศในห้วงปี พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการจัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศในห้วงเวลาดังกล่าวโดยได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ นักวิชาการ และภาคประชาชน ยกร่างแผนฉบับนี้ขึ้นมา โดยดำเนินการใน ๒ ระดับ คือ ระดับประเทศ หรือระดับส่วนกลาง และระดับพื้นที่ภาคทั้ง ๑๐ พื้นที่ของสำนักงาน ป.ป.ส. สำหรับในภาคเหนือ ทั้งภาคเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง ได้มีการยกร่างและจัดทำแผนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ จำเป็นต้องอาศัยการพิจารณากลั่นกรองให้ข้อคิดเห็นจากผู้แทนของหน่วยงานระดับกระทรวง หน่วยงานหลัก และผู้ทรงคุณวุฒิในหลาย ๆ ด้าน เพื่อนำมาประกอบการจัดทำและยกร่างแผนให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด รวมทั้งการจัดให้มีการทำประชาพิจารณ์เพื่อเป็นการเปิดโอกาสสำหรับบุคคลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผนฯ เช่น กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แสดงความคิดเห็นในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการ /กิจกรรมที่ได้ถูกกำหนดขึ้น โดยให้การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ บรรลุวัตถุประสงค์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นของทุกภาคส่วน สำนักงานป้องกันและปรายปรามยาเสพติดภาค ๕ และ ๖ จึงได้จัดทำโครงการประชุมประชาพิจารณ์แผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ พื้นที่ภาคเหนือ ขึ้น เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๗ ณ โรงแรมอมรินทร์ลากูน จังหวัดพิษณุโลก กลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย กลุ่มบุคคล ผู้แทนหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย ผู้แทน ศพส.จ. องค์กรท้องถิ่น ภาคประชาชน ภาคเอกชน กลุ่มเยาวชนและเด็ก นักวิชาการ และสื่อมวลชนฯ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดใน รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส. / ปปส.ภาค ๕-๖ จำนวนประมาณ ๒๓๐ คน วัตถุประสงค์การประชาพิจารณ์ร่างแผนยุทธศาสตร์ เพื่อให้ทราบถึงปัญหายาเสพติดที่แท้จริงในแต่ละพื้นที่รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้กำหนดนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมีข้อมูลที่ถูกต้องมีความน่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชนรวมทั้งมีคุณภาพทางวิชาการ

สำหรับกระบวนการประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ มีนายชลัยสิน โพธิเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ภาค ๖ พร้อมการนำเสนอวีดีทัศน์ สรุปสาระสำคัญแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ การเปิดเวทีอภิปรายและประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อแผนยุทธศาสตร์ โดยคณะกรรมการพิจารณาและปรับปรุงร่างแผน ได้แก่ ผศ.ดร.นพ.อภินันท์ อร่ามรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ /ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย /ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เวทีกลุ่มย่อยอภิปรายเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อแผนยุทธศาสตร์ แบ่งกลุ่มตามประเด็นยุทธศาสตร์ ๖ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม ๑ : ยุทธศาสตร์การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติด กลุ่ม ๒ : ยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ กลุ่ม ๓ : ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติด กลุ่ม ๔ : ยุทธศาสตร์การป้องกันผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด กลุ่ม ๕ : ยุทธศาสตร์การควบคุมปัญหายาเสพติดจากสภาพแวดล้อมกลุ่ม ๖ : ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการอย่างบูรณาการ และกลุ่ม ๗ : ยุทธศาสตร์ภาคประชาชน โดย สำนักงาน ป.ป.ส. รวบรวมข้อคิดเห็นจากการอภิปรายและประชาพิจารณ์ในการปรับปรุงร่างแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ จากนั้นจึงจะเสนอร่างแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ ฉบับสมบูรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอร่างแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ โดยจะแจ้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ แปลงไปสู่การปฏิบัติโดยการจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดรองรับตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์

มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง จัดกิจกรรมงานการแสดงศิลปวัฒนธรรม ประจำปี 2557 ร่วมสืบสานอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน

สำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ร่วมกับ สถาบันการศึกษาในจังหวัดลำปางและจังหวัดใกล้เคียง จัดกิจกรรมงาน "ข่วงวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ประจำปี 2557 และงานมหกรรมกลองศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ" ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ข่วงวัฒนธรรม อาคารสำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ตำบลชมพู อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานพิธีเปิดงาน โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ เล็ก แสงมีอานุภาพ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและคณาจารย์ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ผู้แทนสถาบันการศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งในพื้นที่จังหวัดลำปาง และจังหวัดใกล้เคียง รวม 10 สถาบัน นำนักเรียน นิสิต นักศึกษาในสังกัด ร่วมให้การต้อนรับและเข้าร่วมงานทำกิจกรรมร่วมกัน

กิจกรรมงาน “ข่วงวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ และงานมหกรรมกลองศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ” ได้จัดขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคล ทรงเจริญพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 และเพื่อให้ประชาชนผู้มาร่วมงาน ได้ร่วมกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระราชทานชื่อ “ราชภัฏ” และพระราชทาน “พระราชลัญจกร” ซึ่งเป็นตราประจำพระองค์ ให้เป็นตราประจำของสถาบันราชภัฏ

โดยภายในงาน ได้จัดให้มีกิจกรรมการแสดง นิทรรศการภาพถ่าย “วิถีคนเมือง” และการแสดงวัฒนธรรม 4 ภาค ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนไทยได้ตระหนักถึงคุณค่าในศิลปวัฒนธรรม ของแต่ละชุมชนท้องถิ่น ซึ่งโอกาสนี้ ได้มีสถาบันการศึกษาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค ได้ร่วมกันนำการแสดงศิลปวัฒนธรรมประจำท้องถิ่นของตน มาจัดแสดงภายในงาน รวมมากกว่า 15 การแสดง อาทิเช่น การแสดง “โนราตัวอ่อน” ของ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง, “ฟ้อนขันดอกบูรณฆฏะ” ของ ม.ราชภัฏลำปาง, “ฟ้อนภูกามยาว” ของ ม.พะเยา, ระบำวชิรบุรี นทีศรีราชา” ของ ม.ราชภัฏเพชรบุรี และการแสดง “ฟ้อนล่องน่าน” โดย วิทยาลัยน่าน และ ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ เป็นต้น อีกทั้งภายในงานยังได้จัดให้มีการแสดง เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมทางด้านการแสดงกลอง ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค รวมทั้งหมดถึง 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย พม่า ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลี นอกจากนี้ได้จัดกิจกรรมเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “วิถีคน วิถีกลอง” เปิดเวทีการมีส่วนร่วมเพื่อแสดงความคิดเห็น และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของไทย ทั้งนี้เพื่อให้เด็กและเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ได้ตระหนัก สำนึกรักและหวงแหน เห็นคุณค่าของประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีงาม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสานภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรมที่มีอยู่ ทำนุบำรุงให้มีการเผยแพร่สู่ชุมชน สังคม เพื่อจะดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และคงความเป็นชาติไทยไว้สืบต่อไป




    ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ จ.ลำปาง สนธิกำลังร่วมกันเข้าตรวจสอบโรงงานทำสิ่งประดิษฐ์จากไม้ ตรวจยึดของกลางหลายรายการ หลังได้รับแจ้งมีการแอบลักลอบแปรรูปไม้เถื่อน

กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จากศูนย์ฝึกรบพิเศษที่ 3 ค่ายประตูผา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว กรมทหารพรานที่ 31 กองทัพภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากศูนย์ป้องกันปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ตำรวจภูธรภาค 5 และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในเขตพื้นที่ 3 หน่วย ประกอบด้วย หน่วยบ้านแม่หวด บ้านแม่โป่ง และบ้านแม่ตีบ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ประวิธ ธรรมชาติ ผู้บัญชาการกองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 3 และ ร้อยตรีสมนึก วงศ์สาไฮ หัวหน้าชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วกรมทหารพรานที่ 31 กองทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ฯ เข้าตรวจสอบภายในบริเวณบ้านต้องสงสัย จำนวน 3 หลัง ที่ตั้งอยู่บริเวณท้ายหมู่บ้าน บ้านแม่โป่ง หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านโป่ง อำเภองาว จังหวัดลำปาง หลังได้รับแจ้งว่า ในพื้นที่หมู่บ้านมีการแอบลักลอบแปรรูปไม้เถื่อนกันอย่างโจ๋งครึ่ม

โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ฯ เดินทางเข้าไปถึงยังพื้นที่หมู่บ้าน ได้เข้าทำการตรวจสอบบ้านต้องสงสัย ไม่มีเลขที่บ้าน ซึ่งที่บ้านหลังแรกพบว่า ประตูรั้วหน้าบ้านได้ทำการปิดล๊อคกุญแจไว้ แต่เมื่อมองลอดผ่านประตูเข้าไป กลับพบกลุ่มคนกำลังทำงานอยู่ ในบริเวณพื้นที่ด้านใน ซึ่งเมื่อกลุ่มคนงานดังกล่าวได้เหลือบเห็นเจ้าหน้าที่ฯ ต่างตกใจพากันวิ่งหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง บางคนก็ได้หยิบเอาเครื่องมือช่างติดตัวไปด้วย ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงรีบปีนข้ามรั้วเข้าไปตรวจสอบบริเวณด้านใน และพบว่าบ้านหลังดังกล่าว ได้มีการทำเป็นโรงงานแปรรูปไม้เถื่อน มีอุปกรณ์แปรรูปไม้ แท่นเลื่อย และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ในการแปรรูปไม้จำนวนหนึ่ง และมีกองไม้สักทั้งเก่าและใหม่ซุกซ่อนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ฯ อีกหนึ่งชุด ได้ติดตามร่องรอยกลุ่มคนที่หลบหนีไปยังจุดที่ 2 พบว่ามีบ้านที่อยู่ใกล้ติดกัน ไม่มีเลขที่บ้าน ได้มีการแอบสร้างเป็นโรงงานแปรรูปไม้เช่นเดียวกัน แต่กลุ่มมอดไม้ได้ไหวตัวทันหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว และได้ทิ้งของกลางทั้งหมดเอาไว้ ทั้งนี้จากการติดตามตลอดเส้นทาง เจ้าหน้าที่ฯ พบว่ากลุ่มมอดไม้ได้พยายามนำเอาอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับใช้ในการแปรรูปไม้แอบซุกซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ บริเวณข้างทาง แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ฯ ไปได้ เจ้าหน้าที่ฯ จึงทำการตรวจยึดอุปกรณ์ของกลางทั้งหมดเอาไว้ และได้ทำการขยายผลติดตามต่อเนื่องไปยังจุดที่ 3 ตามที่ได้รับแจ้ง โดยได้เข้าทำการตรวจสอบยังบ้านต้องสงสัย บ้านเลขที่ 72 ซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่พบเจ้าของบ้าน เจ้าหน้าที่ฯ จึงเข้าทำการตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบ โดยเจ้าหน้าที่ฯ ได้พบโรงงานแปรรูปไม้ 1 หลัง และเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับแปรรูปไม้ครบชุด นอกจากนี้ยังพบไม้เถื่อนแอบซุกซ่อนอยู่ทั่วบริเวณบ้านจำนวนมาก เป็นกองไม้สักแปรรูป เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ตรวจยึดไม้ทั้งหมดไว้ ก่อนจะแจ้งให้ ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรงาว เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ จากข้อมูลด้านการข่าวของเจ้าหน้าที่ฯ ทราบว่า โรงงานแปรรูปไม้เถื่อนทั้ง 3 โรงงาน ได้มีการแปรรูปไม้เพื่อผลิตสิ่งประดิษฐ์จากไม้ นำส่งขายทั่วภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน ม้านั่ง เก้าอี้ โต๊ะ และสิ่งของเครื่องใช้ตกแต่งภายในร้านอาหาร รีสอร์ท โดยได้ทำกันอย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งแต่ละวันจะมีการลำเลียงส่งของอย่างไม่ขาดสาย จนกระทั่งได้มีพลเมืองดีแจ้งให้เจ้าหน้าที่ฯ ทราบ และได้เข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งก็พบว่าได้มีการกระทำผิดกฎหมายจริงดังกล่าว



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

ปชส.แม่ฮ่องสอน เสวนาสื่อมวลชน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน เสวนาสื่อมวลชน อาสาสมัครประจำหมู่บ้านและชมชน เพื่อการประชาสัมพันธ์บทบาทหน้าที่ภารกิจของธรรมาภิบาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ที่ห้องประชุมสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอน นางอ่อนศรี ศรีอัมพร ประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประธานการประชุมเวทีเสวนาสื่อมวลชนและอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุกระจายเสียงเพถือการศึกษาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ ๕๐ คนเข้าร่วมกิจกรรม ฯ ดังกล่าว เพื่อการประชาสัมพันธ์ บทบาทหน้าที่ภารกิจของธรรมาภิบาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า คณะกรรมาภิบาลจังหวัด มีหน้าที่ในการสอดส่องและเสนอแนะการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปเป็นตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมือง ตามมาตรา ๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ( ฉบับที่ ๕ ) พ.ศ.๒๕๔๕ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๕๑๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ฑ.ศ.๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ( ฉบับที่ ๗ ) พ.ศ.๒๕๕๐ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงได้วางระเบียบไว้ดังกล่าว



ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

คปป.แม่ฮ่องสอน เดินหน้าปราบปรามผู้ลักลอบตัดไม้

ประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ( คปป ) เดินหน้าปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง

ประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ( คปป มส ) ทั้งนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำ Rood Map การแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ อนุรักษ์ฟื้นฟูและบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายสุทธา สายวาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประธานคณะทำงาน ฯ อำนาจหน้าที่ ๑ การจัดทำแผน Rood Map ที่เกี่ยวข้องด้านการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลานทรัพยากรป่าไม้ อนุรักษ์ฟื้นฟูและบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ๒ ให้ดำเนินการจัดทำแผนแก้ไขการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ทั้งระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาวโดยมุ่งเป้าหมายบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ๓ ในมาตรการระยะกลางและระยะยาวให้บรรจุแผนงาน/โครงการที่มุ่งเน้นให้ราษฎรอยู่ร่วมกับป่าไม้โดยไม่ขัดระเบียบหรือข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้รวบรวมแผนการปฏิบัติโครงการที่เป็นไปได้จริงผลใน Rood Map ดังกล่าว ๔ ให้นำแผน Rood Map เสนอในที่ประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ( คปป มส ) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๗ วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ เพื่อรับการอนุมัติเป็น Rood Map ในระดับจังหวัดต่อไป สรุปผลการปฏิบัติงาน ตั้งแต่ ๑ตุลาคม ๒๕๕๖ – ถึงเดือนสิงหาคม เชือก ๒๕๕๗ คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ สามารถจับกุมผู้ต้องหา ๗๑ คน ๓๖๙ คดี ตรวจยึดไม้สักท่อน ๒,๒๕๘ ท่อน ปริมาตร ๗๗๕.๐๘ ลบม.ไม้สักแปรรูป ๕,๑๘๒ แผ่น ปริมาตร ๑๓๑.๙๐ ลบม. ไม้กระยาเลย ๓๖ ท่อน ปริมาตร ๑๘.๑๔ ลบม.ไม้กระยาเลยแปรรูป ๑,๔๗๐ แผ่น ปริมาตร ๒๕.๘๕ ลบม. ตรวจยึดช้าง ๑ เชือก ตรวจยึดพื้นป่าที่บุกรุก ๖๓๙-๑-๒๑ ไร่ ตรวจยึดบุก ๓,๕๓๔ กิโลกรัม อุปกรณ์กระทำความผิด ๑๙๒ รายการ


ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

ศูนย์ดำรงธรรมแม่ฮ่องสอนมีประชาชนร้องทุกข์จำนวนมาก

ประชาชนร้องทุกข์ให้ศูนย์ดำรงธรรมช่วยแก่ปัญหา ตามคำสั่ง คสช. หลังตั้ง มีประชาชนมาร้องทุกข์มากถึง 123 เรื่อง แก้ไขความเดือดร้อนไปแล้ว 54 เรื่องที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินงาน

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ตามที่ คสช.ได้ให้จังหวัดแต่ระจังหวัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้นมาเมื่อต้นเดือน ส.ค.57 ที่ผ่านมา โดยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานจังหวัด , ฝ่ายปกครอง , อำเภอแต่ละอำเภอ , ฉก.ร.7 , ตำรวจ และหน่วยอื่นอื่น ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมทั้งการประชาสัมพันธ์การประสานงานกับส่วนราชการ เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายสุทธา สายวานิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ฯ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ มีประชาชนส่งเรื่องร้องทุกข์เข้ามาแล้วถึง 123 เรื่อง และ ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องการให้บริการ ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ ไปรษณีย์ ซึ่งได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนไปแล้ว 54 เรื่อง ส่วนที่เหลือจะเป็นเรื่องที่ดินทำกิน การร้องเรียนเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่า และความขัดแย้งของประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐเอกชน และท้องถิ่น ซึ่งเป็นข้อกฎหมาย และกฎระเบียบ ของหน่วยงาน โดยได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการ ตรวจสอบหาข้อมูล ข้อเท็จจริง และร่วมกันบูรณาการในการแก้ไขปัญหา และที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่เดือดร้อนนั้น ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจและให้ความร่วมมือในการแก้ไข ซึ่งบางคนหรือบางกลุ่มอาจจะไม่เข้าใจในเรื่องกฎหมาย เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมก็จะอธิบายจนเข้าใจ และไม่ติดใจในเรื่องที่เดือดร้อน เพราะทุกฝ่ายรวมทั้งประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาร่วมกัน ทำให้แก่ปัญหาความเดือดร้อน


ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดการประชุมร่วมกับชุมชน โครงการพัฒนาชุมชนและถนนสายวัฒนธรรม ครั้งที่ 2

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดการประชุมร่วมกับชุมชน โครงการพัฒนาชุมชนและถนนสายวัฒนธรรม ครั้งที่ 2

นางศันสนีย์ พุกกานนท์ วัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดการประชุมร่วมกับชุมชน โครงการพัฒนาชุมชนและถนนสายวัฒนธรรม ภายใต้โครงการสร้างเสริมและปรับแต่งอัตลักษณ์ เพื่อสร้างเสน่ห์การท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้( 16 กันยายน 2557 )เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ที่ ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดกิจกรรมของชุมชน ตามเส้นทางถนนสายวัฒนธรรม ประจำปี 2557 ต่อไป/



ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน แจ้งเตือนให้ประชาชนป้องกันอันตราย จากฝนตกหนักในช่วง 2-3 วันนี้

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน แจ้งเตือนให้ประชาชนป้องกันอันตราย จากฝนตกหนักในช่วง 2-3 วันนี้

นายเพิ่มวิทยา กันทะทรง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ปภ.แม่ฮ่องสอน ติดตามการตรวจสภาวะอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า พายุใต้ฝุ่น คัลแมกี มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้จะเคลื่อนตัวไปในแนวเกาะไหลำ ประเทศจีน ซึ่งคาดว่าในช่วงระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน 2557 พายุนี้จะมีอิทธิพล ต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยทำให้มีฝนตกเพิ่มมากยิ่งขึ้น

จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่อาศัยที่ราบต่ำริมแม่น้ำไหลผ่าน ที่ราบเชิงเขา เตรียมการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก และอันตรายจากธรรมชาติ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ร่วมทั้งพืชผลทางการเกษตร สำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะบริเวณที่เกิดฝนฟ้าคะนองให้ระมัดระวังอันตราย ปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และระมัดระวังใช้เครื่องมือสื่อสารกลางที่โล่งแจ้งในขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง อันจะทำให้เกิดฟ้าฝ่าได้ หากประชาชนพบเห็นอุบัติเหตุ หรือภัยพิบัติ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดประชุมติดตามผลการดำเนินงาน

คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดประชุมติดตามผลการดำเนินงาน

บ่ายวันนี้ (15 ก.ย. 57) นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสรุปผลการดำเนินการป้องกันปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

จังหวัดแม่ฮ่องสอนมี ROAD MAP หรือแผนระยะสั้น คือดำเนินการในการออกประกาศให้หยุดการนำเคลื่อนที่ไม้แปรรูป การเคลื่อนย้ายไม้เรือนเก่าภายในและนอกเขตจังหวัด ไว้เป็นการชั่วคราว อีกทั้ง จัดตั้งชุดปฏิบัติการ/จุดสกัดป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ โดยสนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และ ทส.ลาดตระเวนตรวจตราในพื้นที่ล่อแหลม ต่อการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ จับกุม รื้อถอน ทำลายพืชผลอาสิน สิ่งปลูกสร้าง และเร่งรัดตรวจสอบกิจการ/โรงงานแปรรูปไม้ โดยใช้เครื่องจักร โรงงานแปรรูปไม้โดยใช้แรงงานคน โรงค้าไม้แปรรูป และโรงค้าไม้สิ่งประดิษฐ์อื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม ทั่วทั้งเขตจังหวัด แผนระยะยาวประสานความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการใช้มาตรการทางสังคม ส่งเสริมภาคประชาชนเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังรักษาป่า/แจ้งเบาะแสการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวชื่นชม อำเภอสบเมย แม่ลาน้อย และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนที่มีผลงานการปราบปรามและการฟื้นฟู ส่วนอำเภอที่เหลือขอให้เร่งทำผลงาน เพื่อหยุดยั้งขบวนการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่าให้ได้



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

คณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชุมคัดเลือกผู้ประสงค์ แสดงความจำนง เข้ารับการคัดเลือกเป็น สปช. ขณะที่มีผู้ถอนตัว 1 คน

คณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชุมคัดเลือกผู้ประสงค์ แสดงความจำนง เข้ารับการคัดเลือกเป็น สปช. ขณะที่มีผู้ถอนตัว 1 คน

เช้าวันนี้( 15 กันยายน 2557)นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นางพนิดา เชาวนปรีชา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน /นายอัครเดช วันไชยธนวงค์ นายกอบจ.แม่ฮ่องสอน /นายสิทธิชัย ประเสริฐศรี ประธาน กกต.ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนางเทพิน พงษ์วดี ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชุมคัดเลือกผู้ประสงค์ แสดงความจำนง เข้ารับการคัดเลือกเป็น เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีผู้แสดงความจำนง เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทั้งหมดจำนวน 19 คน แต่พลอากาศเอกยุทธนา สุกุมลจันทร์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศ ขอถอนตัว

โดยคณะกรรมการ ทำการคัดเลือกแบบไม่เปิดเผยข้อมูลให้เหลือเพียง 5 คน แล้วส่งรายชื่อไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เพื่อทำการคัดเลือกให้เหลือ เพียง 1 คน โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ การปฏิรูปด้านต่างๆ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป


    ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ รับมอบห้องสมุดและทุนการศึกษา จากบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่รับมอบห้องสมุด และทุนการศึกษา จากบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด ที่โรงเรียนเทศบาลวัดสวรรคนิเวศ อำเภอเมืองแพร่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันนี้(15ก.ย.57) ที่โรงเรียนเทศบาลวัดสวรรคนิเวศ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ นายอภิชาติ  โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นประธานในพิธีมอบห้องสมุด และมอบทุนการศึกษาจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ BAM ซึ่งได้จัดทำห้องสมุด BAM สนับสนุนเด็กไทย ก้าวไกลสู่ AEC  พร้อมอุปกรณ์การศึกษาให้แก่ โรงเรียนเทศบาลวัดสวรรคนิเวศ และมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีความประพฤติดี ตั้งใจเรียน แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ได้มีโอกาสในการศึกษาสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนให้ดีขึ้น จำนวน 36 ทุนๆละ 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 108,000 บาท แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดสวรรคนิเวศ โรงเรียนเทศบาลวัดชัยมงคล โรงเรียนเทศบาลวัดเหมืองแดง โรงเรียนเทศบาลวัดหัวข่วง โรงเรียนบ้านวังช้าง และโรงเรียนวัดตอนิมิต

ทั้งนี้บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ BAM เป็นรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน ถือหุ้นโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งอยู่ในกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงิน ได้มีโอกาสช่วยเหลือลูกหนี้ที่สุจริตให้พ้นจากการเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ ที่ผ่านมาได้มอบทุนการศึกษาทุกปีๆละ 1,000 ทุน ๆละ 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 3,000,000 บาท ต่อเนื่องมา 7 ปี รวม 21 ล้านบาท



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

จังหวัดแพร่ จัดโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล ประจำปี 2557

จังหวัดแพร่จัดโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล ประจำปี 2557 เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในแนวทางการดำเนินงานของกองทุน

นางสุภารัตน์ การะเกตุ ประธานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดแพร่กล่าวว่า ทางคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดแพร่ ได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล ประจำปี 2557 ขึ้นในวันนี้(15ก.ย.57) ที่โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ โดยมีนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์  ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานโครงการ ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เพื่อให้คณะกรรมการนำไปขยายผลและปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ประธานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล ทุกตำบล จำนวน 78 คน รองประธาน หรือ เลขานุการ หรือเหรัญญิก ของกองทุนตำบลละ 1 คน จำนวน 78 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน 12 คน คณะติกดตามและสนับสนุนการดำเนินงาน 15 คน และพนักงานของสำนักงาน รวมทั้งสิ้น 190 คน

ในการจัดโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบลครั้งนี้ นอกจากจะมีการบรรยายแนวทางการดำเนินงานของกองทุนฯแล้ว ยังมีการเสนอความคิดเห็นในการปรับปรุงและแก้ไขระเบียบกองทุนฯ ตลอดจนการแบ่งกลุ่มถอดบทเรียนร่วมกัน เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีของจังหวัดแพร่



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือน "พายุ คัลแมกี"

กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนฝนตกหนักในระยะนี้ จากอิทธิพล พายุ คัลแมกี ซึ่งจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 17 กันยายน 2557 นี้

นายวรพัฒน์ ทิวถนอม อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ลงนามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี” (Kalmaegi) ว่า พายุคัลแมกี ได้เคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว และเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (15 ก.ย.57) มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำประมาณ 800 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 18.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 117.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนที่ไปยังเกาะไหหลำ ประเทศจีน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 17 กันยายน 2557 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ในช่วงวันที่ 16-18 กันยายน 2557 โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย

อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กในบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 15-18 กันยายน 2557 นี้




ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์



   

เกิดรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ขนลำไยชนรถยนต์เก๋ง บาดเจ็บ 3 ราย ที่บริเวณถนนสายพะเยา-เชียงคำ บ้านทุ่งต้นศรี ซึ่งถือเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

เมื่อวานนี้ (14 ก.ย.57)ได้เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 18 ล้อ ชนประสานงากับรถยนต์เก๋งที่บริเวณ ถนนสายพะเยา-เชียงคำ กม.ที่ 36 ทางโค้งแยกบ้านทุ่งต้นศรี หมู่ที่ 8 ต.ห้วยลาน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ซึ่งเป็นโค้งมรณะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฏฮ.916 กทม.จอดอยู่ฝังซ้าย ขาขึ้น อ.เชียงคำ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ผู้บาดเจ็บทราบเพียงแค่ ชายและหญิง คนขับได้รับบาดเจ็บ แขนหัก และอีกรายเป็นหญิงได้รับบาดเจ็บ ถูกพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลดอกคำใต้ และใกล้ๆ กันพบรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-1528 สุพรรณบุรี ที่บรรทุกลำไยเต็มคันรถ ตกลงไปอยู่ข้างทางฝั่งขวา มุ่งหน้า อ.ดอกคำใต้ สภาพด้านหน้าขวาของรถพังเสียหาย โดยคนขับรถได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย

จากการสอบถามนายนภดล สิงหา อายุ 33 ปี ชาว ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ คนขับรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 18 ล้อ ซึ่งอยู่ในการอาการตกใจกับเหคุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้ขับรถบรรทุกลำไยมาจาก อ.ป่าแดด จ.เชียงราย เพื่อจะนำผลผลิตมาส่งต่อที่ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ซึ่งก่อนมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งซ้าย ได้มีรถยนต์เก๋งคู่กรณีขับมาด้วยความเร็ว และคร่อมกินเลนส์ขวาเข้ามา ตนเองได้พยายามหักหลบแต่ไม่พ้น ประกอบกับช่วยเกิดเหตุได้มีฝนตกลงมา ทำให้รถยนต์เก๋งพุ่งชนด้านขวารถเทรลเลอร์เข้าอย่างจัง ก่อนที่ตนจะพยายามประคองรถแต่บังคับไม่อยู่รถลื่นไถลตกลงไปข้างทางฝั่งด้านขวาของถนน ทำให้ตนเองและคู่กรณีได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนต่อไป

สำหรับจุดเกิดเหตุบริเวณถนนสายพะเยา-เชียงคำ กม.ที่ 36 ซึ่งเป็นทางโค้ง แยกบ้านทุ่งต้นศรี หมู่ที่ 8 ต.ห้วยลาน อ.ดอกคำใต้ เป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และแต่ละครั้งก็มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ส.ค.57 ที่ผ่านมา ได้เกิดอุบัติเหตุรถเทรลเลอร์ 18 ล้อชนประสานงากับรถบัสโดยสารประจำทาง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 7 ราย ซึ่งปัญหาดังกล่าวทางผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาได้สั่งการให้ขนส่งจังหวัด หาทางแก้ไข เนื่องจากเป็นช่วงทางโค้งลงเขายาว รถใช้ความเร็วค่อนข้างสูง จึงได้สั่งการให้ตั้งจุดตรวจชะลอความเร็วรถ เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น แต่แล้วก็มาเกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก เพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตมีแต่ผู้บาดเจ็บเท่านั้น



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 31 จังหวัดพะเยา จัดงาน "มหกรรมรวมพล คนสร้างสุขสู่ดงเจน"

วันนี้ (15 ก.ย. 57) ที่โรงเรียนบ้านร้อง ต.ดงเจน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา นายสุวิทย์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอภูกามยาว เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมรวมพล คนสร้างสุขสู่ดงเจน” ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 31 จังหวัดพะเยา เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานโครงการตำบลต้นแบบการพัฒนาสังคมและการจัดสวัสดิการสังคมและส่งเสริมให้เกิดตำบลแม่แบบการพัฒนาสังคมและจัดสวัสดิการสังคมที่ได้มาตรฐานในพื้นที่ตำบล/ชุมชน ซึ่งสามารถเป็นแบบอย่างแก่พื้นที่ตำบล/ชุมชน โดยมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

สำหรับกิจกรรมภายในงานมีการแสดงของกลุ่มแม่บ้าน การแสดงวิถีชีวิตของชุมชน การแสดงสินค้าผลผลิตภัณฑ์ชุมชน , เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมตำบล/ชุมชนที่ได้มาตรฐาน



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

อบจ.พะเยา นำรถดั้ม และแม็คโครคอยาว ช่วยกำจัดผักตบชวา หลังลมเหนือพัดเข้าฝั่งตัวเมืองเหนือน้ำกว๊านถูกปกคลุมด้วยผักตบชวากว่า 5,000 ไร่

วันนี้ (15 ก.ย.57) ที่บริเวณกว๊านพะเยา นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อบจ.พะเยา ลงพื้นที่ตรวจสภาพกว๊านพะเยา หลังลมเหนือพัดผักตบชวาปกคลุมผิวน้ำกว๊านกว่า 5,000 ไร่ พร้อมให้นำแม็คโครคอยาว รถดั้ม และกำลังคน เข้าช่วยกำจัดผักตบชวา โดยทางจังหวัดพะเยา ซึ่งนำโดย นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา จังหวัดทหารบก ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 จังหวัดพะเยา โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เทศบาลเมืองพะเยา กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดของศูนย์บำบัดยาเสพติด กองอาสารักษาดินแดนจังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมกำลังแบบบูรณาการช่วยกำจัดผักตบชวา เริ่มจากด้านหน้าบริเวณพ่อขุนงำเมือง ซึ่งถือว่ารุนแรงในรอบ 2 ปี นอกเหนือจากบดบังทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว ทางด้านคุณภาพน้ำที่เริ่มมีการเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาหลายวันที่จะทำให้กว๊านพะเยาสวยงามดังเดิมพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาถ่ายรูป หลังจากนี้จะได้หารือเพื่อหามาตรการแก้ไขต่อไป



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

ททท.สำนักงานแพร่ จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงราย หลังแผ่นดินไหว “มั่นใจ...เชียงราย เที่ยวได้”

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ ซึ่งรับผิดชอบการส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงประสบภัยแผ่นดินไหวขนาด 6.3 แมกนิจูด เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 และมี After Shock ต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในเรื่องภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง และทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าจังหวัดเชียงรายมีการชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลต่อการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวในเขตจังหวัดใกล้เคียงด้วย

ททท. สำนักงานแพร่ (แพร่ น่าน อุตรดิตถ์) จึงได้ร่วมมือกับ ททท. สำนักงานเชียงราย (เชียงราย พะเยา) จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงรายหลังแผ่นดินไหว "มั่นใจ...เชียงราย เที่ยวได้” เมื่อวันที่ 6 – 8 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา โดยได้เชิญผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สื่อมวลชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดแพร่ น่าน และอุตรดิตถ์ จำนวน 80 ท่าน เดินทางไปจังหวัดเชียงราย เพื่อสำรวจแหล่งท่องเที่ยว และสัมผัสความเป็นจริงในพื้นที่ด้วยตนเอง จากนั้นนำข้อมูลความพร้อมของจังหวัดเชียงรายที่ได้พบเห็นมาเผยแพร่ต่อ อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้คณะเดินทาง ยังได้ร่วมกันบริจาคเงินให้กับกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวของจังหวัดเชียงราย เป็นจำนวนเงิน 15,000 บาท อีกด้วย การเดินทางไปจังหวัดเชียงรายตามกิจกรรม "มั่นใจ เชียงรายเที่ยวได้” ครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเชียงรายได้มากขึ้น อันจะส่งผลต่อการเดินทางเชื่อมโยงไปยังจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย

ททท.สำนักงานแพร่ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจเดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางและการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โทรศัพท์ 053717433 หรือสอบถามการเดินทางท่องเที่ยวแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ได้ที่ ททท.สำนักงานแพร่ โทรศัพท์ 0 5452 1127




พวงพยอม  คำมุง / ข่าว

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่สำรวจสภาพปัญหาคลองแม่ข่า เพื่อแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่าเน่าเสียอย่างยั่งยืน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่สำรวจสภาพปัญหาคลองแม่ข่า ในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เดินหน้าโครงการคืนน้ำใสให้คลองแม่ข่าเพื่อแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่าเน่าเสียอย่างยั่งยืน

วันนี้ (15 กันยายน 2557) เวลา 13.00 น. นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำคณผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ประตูระบายน้ำ สะพานแม่ข่า ถนนมหิดล (ฝั่งติดตำบลป่าแดด) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในโครงการคืนน้ำใสให้คลองแม่ข่า ตามแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำแม่ข่าแบบบูรณาการ โดยการปล่อยน้ำดี เพื่อไล่น้ำเสีย โดยทางคณะได้สำรวจสภาพคลองแม่ข่าและชุมชนบริเวณเขตต่อระหว่าง เทศบาลตำบลป่าแดด กับเทศบาลนครเชียงใหม่ และพบปะกับผู้แทนชุมชนตำบลป่าแดด ต่อจากนั้นเดินทางไปยังสะพานแม่ข่า ถนนวงแหวนรอบสอง เพื่อสำรวจสภาพคลองและชุมชนริมคลอง เดินทางไปยังอาคารสูบน้ำแม่ข่า บ้านดอนชัย ตำบลป่าแดด เพื่อสำรวจสภาพน้ำและจุดที่น้ำแม่ข่าถูกปล่อยลงสู่แม่น้ำปิง เป็นจุดท้ายน้ำที่ได้รับผลกระทบ หลังจากนั้นเดินทางไปตำบลสบข่า อำเภอหางดง ซึ่งเป็นจุดบรรจบน้ำแม่ข่ากับแม่น้ำปิง ระหว่างทางสำรวจสภาพพื้นที่ต่างๆ ตามลำน้ำแม่ข่า ผ่าโรงบำบัดน้ำเสียแม่ข่า (บ้านท่าใหม่อิ) ซึ่งยังพบปัญหาว่า หลังจากเริ่มดำเนินการพบขยะลอยมาตลอดสายของคลองแม่ข่าและมากระจุกตัวบริเวณที่ต่างๆ เช่นที่ประตูน้ำ และใต้สะพาน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจช่วงต่อระหว่างเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ ซึ่งน้ำเสียส่วนใหญ่มาจากชุมชน ซึ่งมีอยู่หลายส่วนมีทั้งอาคารขนาดใหญ่ บ้านเรือนราษฎรที่มีการปล่อยสิ่งที่ทำให้น้ำเสื่อมสภาพ นอกจากนั้นยังพบว่ามีการก่อสร้างของส่วนราชการ เป็นการก่อสร้างคานยึดท่อต่อจากนี้จะมีการประชุม เพื่อปรึกษาหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการรื้อออกให้หมดสิ่งไหนก็ตามที่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ขวางลำน้ำ การที่ส่งน้ำมาแล้วจะต้องไม่มีสิ่งใดขวาง เพื่อให้น้ำที่ส่งมาจากลำน้ำชลประทาน น้ำสายที่มาจากอำเภอแม่ริม และสามารถไหลมาอย่างสะดวกเชื่อมโยงในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งมีการบวนการที่ทำให้น้ำสะอาดยิ่งขึ้น จนกระทั่งมาถึงตำบลป่าแดดและไหลไปยังอำเภอหางดง ขณะนี้ยังเห็นขยะที่มีอยู่ สิ่งปฏิกูลต่างที่ยังรวมกันอยู่เป็นโคลนดินอยู่ใต้สะพาน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่กีดขวางลำน้ำรวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมกัน เพื่อที่ให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังและโดยเร็วต่อไป ส่วนเรื่องที่ดินของประชาชนที่อยู่ติดกับลำน้ำแม่ข่า ในส่วนนี้มีการออกโฉนดที่ดิน มาพูดคุยในรายละเอียดว่าจะต้องห่างคลองแม่ข่าเท่าไรต้องใช้หลักของกฎหมายมาเป็นแนวทางปฏิบัติเป็นระเบียบเดียวกันทั้งสายคลองนี้ในระยะทาง 30 กิโลเมตรนี้ จะมีการให้โอกาสทุกๆคนได้นำเสนอข้อเท็จจริงต่างๆ ทางราชการจะไม่ทำอะไรที่เป็นผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา / วิราพร ตันเต/อนันต์ ชุ่มใจ
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ "อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบกับประเทศไทย" ในภาคเหนือ

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ "อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบกับประเทศไทย" ในภาคเหนือ เพื่อเผยแพร่รายงานผลการดำเนินงาน ฯ ตามอนุสัญญาฯ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ให้ทุกภาคส่วนมีความตระหนักในการปฏิบัติตามหลักการของอนุสัญญาฯ

วันนี้ (15 ก.ย.57) เวลา 10.00 น. ณ โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบกับประเทศไทย” ในภาคเหนือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่รายงานผลการดำเนินงาน ฯ ตามอนุสัญญาฯ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ให้ทุกภาคส่วนมีความตระหนักในการปฏิบัติตามหลักการของอนุสัญญาฯ

ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2546 และอนุสัญญาฯ มีผลใช้บังคับกับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2546 ซึ่งประเทศไทยมีพันธะผูกพันที่จะต้องดำเนินการ 4 ประการ ดังนี้
    1. การประกันให้เกิดสิทธิต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในอนุสัญญาฯ
    2. การปฏิบัติให้เกิดสิทธิตามที่รับรองไว้ในอนุสัญญาฯ ด้วยความก้าวหน้า
    3. การเผยแพร่หลักการของสิทธิที่ระบุไว้ในอนุสัญญาฯ อย่างกว้างขวาง
    4. การจัดทำรายงานสถานการณ์และปัญหาอุปสรรคภายในประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติแห่งองค์การสหประชาชาติ และประเทศไทยได้ส่งรายงานผลการดำเนินงานตามอนุสัญญาต่อคณะกรรมการฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคณะกรรมการฯ ได้มีข้อเสนอแนะให้มีการเผยแพร่รายงานผลการดำเนินการฯ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ต่อภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง

สำหรับสาระสำคัญของรายงานประเทศจะครอบคลุม 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย ประเด็นตามกฎหมาย ประเด็นทางตุลาการ กระบวนการยุติธรรม ประเด็นทางการบริหารประเทศของรัฐบาล และมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนข้อเสนอแนะของคณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อไทย จากรายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาฯ ขจัดการเลือกปฏิบัติฯ ที่กรุงเจนีวา พ.ศ.2555 (ฉบับที่ 1-3) จำนวน 34 ข้อ ซึ่งส่งให้ประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ที่เกี่ยวข้องกับภาคเหนือ มีดังนี้

ข้อเสนอแนะข้อที่ 25 ผู้หนีภัยการสู้รบและผู้แสวงหาที่พักพิง เนื่องจากมีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมาร์ ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านอพยพหนีภัยเข้ามาตลอดปี มีสถานที่พักพิงชั่วคราวในจังหวัดตาก ประชาชนประเทศเมียนมาร์มาใช้บริการโรงพยาบาล ฯลฯ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้มาตรการทางกฎหมายและกระบวนการที่เหมาะสมในการคุ้มครองผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงให้สอดคล้องหลักการสากลด้านสิทธิมนุษยชน และให้ลงทะเบียนกับกลไกคณะกรรมการประจำจังหวัด ส่วนข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคเหนือ ได้แก่ ข้อห่วงใยต่อกลุ่มชนเผ่า ชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาจมีปัญหา ความแตกต่างทางภาษา ปัญหาการเงิน ปัญหาสภาพภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์ การไม่จดทะเบียนการเกิด และเป็นบุคคลไร้รัฐ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการ สิทธิทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง

สำหรับการขับเคลื่อนต่อไป – อนาคต ได้แก่ การประกันให้เกิดสิทธิตามอนุสัญญา การปฏิบัติให้เกิดสิทธิตามอนุสัญญา การเผยแพร่หลักการของอนุสัญญาฯ อย่างกว้างขวาง การจัดทำรายงานประเทศ เสนอต่อองค์การสหประชาชาติตามวาระที่กำหนดในอนุสัญญา โดยมีเป้าหมายผลผลิตในปีงบประมาณ 2558 ประกอบด้วย ได้ข้อมูลจากการลงพื้นที่ทั่วประเทศ ได้ร่างรายงานประเทศฉบับต่อไป (ฉบับรวมที่ 4 – 7 โดยเป็นข้อมูล พ.ศ.2552 – 2558) กำหนดส่งรายงานประเทศภายในวันที่ 28 มกราคม 2559


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่