วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดพิธีเปิดศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่อย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2557

จังหวัดเชียงใหม่จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องรับรอง ชั้น 1 โดยกำหนดพิธีเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2557 โดยประชาชนสามารถไปรับบริการได้ทุกวัน เวลาราชการ

นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557 ประกาศ ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2557 เรื่องจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานระดับจังหวัด และให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการในจังหวัดสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเสมอภาค มีคุณภาพ รวดเร็ว ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจ โดยสาระสำคัญของประกาศดังกล่าว มีดังนี้
    1. ให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้นในจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร ให้คำปรึกษา รับเรื่องปัญหาความต้องการและข้อเสนอแนะของประชาชน และทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการร่วมตามมาตรา 32 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 โดยจัดตั้งขึ้น ณ ศาลากลางจังหวัดหรือสถานที่อื่นตามที่เห็นสมควร โดยประกาศให้ประชาชนทราบด้วย
    2. ให้ทุกกระทรวง กรม ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ สนับสนุนการดำเนินการของศูนย์ดำรงธรรมทั้งด้านวัสดุ อุปกรณ์ และบุคลากร ให้สามารถบริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
    3. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการการบริหารจัดการร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ขั้นตอน และวางแนวทางการปฏิบัติภายในศูนย์ดำรงธรรม
    4. ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมและการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตามข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ
    5. ในกรณีจำเป็นจะต้องดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์ดำรงธรรมให้สามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาล การป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติ การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ การคุ้มครองป้องกันและช่วยเหลือประชาชนผู้ด้อยโอกาสให้ได้รับความเป็นธรรม และการบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคมตามนโยบายของรัฐบาล ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจสั่งการ บังคับบัญชา กำกับ ดูแล บรรดาข้าราชการและพนักงานของรัฐในเขตจังหวัด ยกเว้นข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอัยการ ข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พนักงานในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และข้าราชการในสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัด
    6. ให้กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่กำกับดูแลและอำนวยการให้การบริหารงานของศูนย์ดำรงธรรมและการบริหารงานจังหวัดดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยมีการประชุมส่วนราชการในจังหวัดเพื่อหารือแนวทางการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2557 โดยที่ประชุมมีมติให้จัดตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้น ณ ห้องรับรองชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยกำหนดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2557 เวลา 11.00 น. ทั้งนี้ประชาชนสามารถไปขอรับบริการได้ในวันและเวลาราชการ ซึ่งจะมีบุคลากรซึ่งเป็นผู้แทนจากส่วนราชการในจังหวัดเชียงใหม่มาให้บริการในวัน และ เวลาราชการ


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

สสส.จัดประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สู่ความยั่งยืน สอจร.6 (ภาคเหนือ) ที่เชียงใหม่

สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยแผนงานสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) จัดประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สู่ความยั่งยืน สอจร.6 (ภาคเหนือ) ในระหว่างวันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2557 ที่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่

วันนี้ (24 ก.ค.57) เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สู่ความยั่งยืน สอจร.6 (ภาคเหนือ) ซึ่งสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยแผนงานสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) จัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2557 ที่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีส่วนร่วมในการปฏิบัติและสร้างแนวทางในการพัฒนาศักยภาพแกนนำ เครือข่าย และพี่เลี้ยงของภาคเหนือให้ดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งมาจาก 17 จังหวัดภาคเหนือกว่า 200 คนเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ โดยภาคเช้าของวันแรกเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานและบทบาทของพี่เลี้ยง สอจร.ภาคเหนือ โดย นางพิมพ์จันทร์ โพธิ์สาวัง และ นางบุษบา ชัยศรีสวัสดิ์สุข ต่อด้วยการเสวนากิจกรรมเด่นในปีที่ผ่านมา และกิจกรรมที่ได้รับรางวัลจากงานสัมมนาอุบัติเหตุแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ประกอบด้วย ผลงานห้องสถานศึกษา ผลงานวิชาการชนะเลิศอันดับ 1 ผลงานองค์กรต้นแบบ รางวัล Prime minister Award ส่วนภาคบ่ายเป็นกิจกรรมเพื่อการพัฒนาศักยภาพการทำงานของเครือข่าย และกิจกรรมเพื่อหาแนวทางในการประสานงานของ สอจร.ภาคเหนือ

สำหรับวันที่ 2 ของการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สู่ความยั่งยืน สอจร.6 (ภาคเหนือ) ในภาคเช้า จะเป็นการบรรยายเรื่อง ความสำคัญและประโยชน์ของ Ranking ภาคเหนือ ต่อด้วยกิจกรรมกลุ่มเพื่อค้นหาผลงานเด่นแต่ละจังหวัด นำสู่การถอดบทเรียน และเสนอสู่ผลงานระดับภาค ส่วนภาคบ่ายจะเป็นการนำเสนอผลงานกลุ่มและอภิปราย ทั้งนี้ข้อมูลสถิติจากหลายแหล่งระบุตรงกันว่ารถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะบนท้องถนนที่มีอันตรายมากที่สุดทั้งในช่วงเวลาปกติ และช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ โดยในช่วงเวลาปกติพบการเกิดอุบัติเหตุ 39% เทศกาลปีใหม่ 77% และ สงกรานต์ 73% ของจำนวนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุ โดยมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุมากที่สุด และจากการสำรวจพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วประเทศกว่า 1 ล้านสองแสนราย ในปี พ.ศ.2554 พบว่ามีผู้ขับขี่สวมหมวกนิรภัยเพียงร้อยละ 54 และผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัยเพียงร้อยละ 24 ส่วนในปี 2555 พบผู้ขับขี่มีการสวมหมวกนิรภัย 52% ผู้โดยสารมีการสวมหมวกนิรภัย 20% โดยสถิติจังหวัดที่มีอัตราการสวมหมวกนิรภัยสูงสุดในปี 2553 – 2555 คือ กรุงเทพมหานคร ส่วนจังหวัดที่มีอัตราการสวมหมวกนิรภัยต่ำสุดในปี 2553 – 2554 คือ นราธิวาส และในปี 2555 พบผู้ขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์มีการสวมหมวกนิรภัยต่ำสุดคือ บึงกาฬ รองลงมาคือ จังหวัดลำพูน ดังนั้นในปีนี้ สอจร.จึงกำหนดเป้าหมายในการดำเนินงานโดยเน้นให้มีการสวมหมวกนิรภัยครบ 100% โดยมุ่งหวังเพื่อลดความสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุโดยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับอันตรายน้อยที่สุด


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

สนข.จัดประชุมระดมความคิดเห็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายเหนือ ระยะที่ 2 พิษณุโลก-เชียงใหม่

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นประชาชนโครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลก – เชียงใหม่ เพื่อนำเสนอสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวเส้นทางที่เหมาะสม ขอบเขตการดำเนินงาน และรูปแบบแนวเส้นทางเลือก พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน

วันนี้ (24 กรกฎษคม 2557) เวลา 09.00 น. ณ ห้องอิมพีเรียลบอลรูม โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 2 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลก – เชียงใหม่ เพื่อนำเสนอสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวเส้นทางที่เหมาะสม ขอบเขตการดำเนินงาน และรูปแบบแนวเส้นทางเลือก พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคประชาชนจากจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เข้าร่วมการสัมมนากว่า 500 คน

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากกระทรวงคมนาคม มีนโยบายที่จะพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทางประกอบด้วย สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา กรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-พัทยา เป็นยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับพัฒนาการคมนาคมและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงจะเป็นระบบขนส่งที่ทันสมัย มีความรวดเร็ว ตรงเวลา มีความปลอดภัยสูง เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และกระจายความเจริญไปยังภูมิภาคต่างๆของประเทศ ขณะเดียวกันศักยภาพของรถไฟความเร็วสูงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในหลากหลายด้าน อาทิ ลดระยะเวลาการเดินทาง สู่จังหวัดตามแนวเส้นทางได้หลายแห่ง รวดเร็วกว่ารถยนต์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างประเทศสามารถนั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองมายังสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเดินทางต่อไปยังภูมิภาคต่างๆ พัฒนาเมืองการค้าและการลงทุน ในพื้นที่ตามแนวเส้นทาง สร้างโอกาสใหม่ธุรกิจ ทั้ง SMEs และ OTOP ได้มาเผยแพร่ในสถานีรถไฟ สร้างงาน สร้างรายได้สู่ประชาชนในท้องถิ่น คุ้มค่าระยะยาว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รถไฟความเร็วสูง ใช้พลังงานไฟฟ้า ก่อให้เกิดมลพิษน้อยกว่าขนส่งรูปแบบอื่น ลดกรนำเข้าเชื้อเพลิง ในภาคการขนส่งของประเทศ

ปัจจุบัน สนข.ได้ดำเนินการศึกษาและออกแบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ – พิษณุโลกแล้วเสร็จ และได้ดำเนินการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลก – เชียงใหม่ ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ เพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ในการสัมมนาได้นำเสนอผลการคัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด คือเส้นทางตัดใหม่ช่วงจังหวัดสุโขทัย-ลำปาง เริ่มต้นจากจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อจากแนวรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ ระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ-พิษณุโลก) ประกอบด้วย 5 สถานี ได้แก่ สถานีสุโขทัย ศรีสัชนาลัย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ โดยเป็นสถานีใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ สถานีสุโขทัย ห่างจากตัวเมือง 6 กม. และสถานีศรีสัชนาลัย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กม. ส่วนอีก 3 สถานีได้แก่ สถานีลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ โดยใช้พื้นที่ของสถานีรถไฟเดิมซึ่งอยู่ในตัวเมือง มีศูนย์ซ่อมบำรุงที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมระยะทางทั้งสิ้น 296 กิโลเมตร

สำหรับเส้นทางแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ 1.ช่วงพิษณุโลก-ลำปาง เมื่ออกจากพิษณุโลก แนวเส้นทางยังคงใช้พื้นที่ในเขตทางรถไฟเดิม ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 12 จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปทางทิศตะวันตกผ่านพื้นที่อำเภอพรหมพิราม อำเภอกงไกรลาสก่อนถึงสุโขทัยเลี้ยวขวาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยผ่านอำเภอศรีสำโรง อำเภอสวรรคโลก และอำเภอศรีสัชนาลัย จากนั้นแนวเส้นทางจะเบี่ยงขวาไปทางทิศเหนือ ผ่านอำเภอวังชิ้นเข้าสู่อำเภอลอง ยกระดับรถไฟข้ามทางหลวงหมายเลข 1023 แล้วเป็นอุโมงค์ลอดใต้ทางหลวงหมายเลข 11 (เด่นชัย-แขวงลำปาง) ขนานไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านอำเภอแม่ทะ เข้าสู่สถานนีรถไฟลำปาง 2.ช่วงลำปาง-เชียงใหม่ จะมีแนวเส้นทางตัดใหม่และใช้พื้นที่เขตทางรถไฟเดิม โดยผ่านทางช่วงหนองวัวเฒ่า-สถานีห้างฉัตร เส้นทางรถไฟอยู่ในเขตทางรถไฟเดิม จากสถานีห้างฉัตร-ลำพูน เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่ เริ่มจากสถานีห้างฉัตร จะเบี่ยงแนวไปทางซ้ายของทางรถไฟเดิมไป อำเภอแม่ทา ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 11 และทางรถไฟเดิมบริเวณสถานีศาลาแม่ทา จากนั้นบรรจบเข้ากับทางรถไฟเดิมบริเวณ กม.647+000 ก่อนถึงสถานีรถไฟลำพูนประมาณ 10 กิโลเมตร จากนั้นวิ่งไปตามเขตทางรถไฟเดิมจนถึงสถานีรถไฟเดิมจนถึงสถานีรถไฟลำพูนและช่วงลำพูน-เชียงใหม่จะอยู่ในเขตทางรถไฟ

สำหรับหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมมากที่สุด จะเปรียบเทียบและให้คะแนนครอบคลุมปัจจัยหลัก 3 ด้าน ได้แก่ด้านวิศวกรรม เช่น ระยะเวลาในการเดินทาง ความสามารถในการเข้าถึงระบบรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน เช่น ค่าก่อสร้างและเวนคืน ผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ เป็นต้น และด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น คุณภาพอากาศทรัพยากรป่าไม้ แหล่งโบราณคดีและประวัติศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายพิษณุโลก-เชียงใหม่ มีพื้นที่ที่ต้องตัดแนวเส้นทางใหม่และผ่านภูเขาสูง และในส่วนตำแหน่งที่ตั้งสถานีรถไฟความเร็วสูง มีการพิจารณารายละเอียดและกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด เช่น มีที่ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางเมืองในระยะ 1-5 กม. มีโครงข่ายเชื่อมโยงกับถนนสายหลักรองรับ ประชาชนสัญจรเข้าสู่สถานีได้อย่างสะดวก และเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสในการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองสูง เป็นต้น รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์ทุกด้านอย่างรอบคอบ

จากการรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมา พบว่าประชาชนให้การตอบรับโครงการดี เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจว่าการมีรถไฟความเร็วสูงไม่ใช่เพียงแค่มีรถไฟวิ่งเข้ามาที่สถานี แต่เป็นการอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ เดินทางมายังแต่ละจังหวัดได้ง่ายขึ้นที่ราคาที่ไม่แพงจนเกินไป คาดว่าจะสามารถแข่งขันกับการเดินทางโดยเครื่องบินได้ โครงการนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่จังหวัดที่มีเส้นทางรถไฟพาดผ่านให้เกิดการขยายตัวเป็นเมืองใหญ่ เป็นหัวเมืองหลักที่กระตุ้นให้เกิดการจ้างงานจากจังหวัดใกล้เคียง สำหรับการคัดเลือกบริษัทที่มาดำเนินการ ขณะนี้มีประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และฝรั่งเศส ที่ให้ความสนใจ ซึ่งรัฐบาลจะเปิดกว้างให้กับทุกประเทศในการแข่งขัน โดยจะมีการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยี และให้แต่ละบริษัทแข่งขันในด้านราคา ซึ่งไม่ได้ดูเฉพาะการเสนอราคาตอนต้น แต่ดูราคาตลอดอายุการใช้งาน โครงการสร้างทางรถไฟระดับพื้น โครงการสร้างทางรถไฟยกระดับช่วงสั้น ในระดับ 15 เมตร หากผ่านชุมชนให้รถสามารถสัญจรได้ การหารือการเชื่อมต่อของ 2 ฝั่ง หากผ่านพื้นที่นาจะมีทางเชื่อมผ่านให้ประชาชนผ่านได้ จะมีการศึกษาในการเปิดจุดผ่านต่างในตำแหน่งที่เหมะสม จะทำสะพานช่วงสั้นเป็นหลัก ทางรถไฟระดับพื้นจะมีการกั้นตลอดแนว ในการทำงานโครงการแต่ละจังหวัดมีตัวแทนส่งเข้าไปทุกจังหวัดที่รถไฟผ่านจะให้ความเห็นในการทำงาน ผลการศึกษาในทางวิชาการมีการคุ้มค่าในการลงทุน ส่วนประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยในการลงพื้นที่ ผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาในงานที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ มีหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบในโครงการ ขอให้ประชาชนที่มารับฟังให้คำแนะนำในเอกสาร

หลังจากนี้จะมีการสัมมนาครั้งที่ 3 เพื่อนำเสนอผลสรุปโครงการในทุกด้านอีกครั้งประมาณปลายเดือนกันยายน 2557 หลังจากนั้น สนข. จะนำเสนอรายงาน EIA ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน และนำเสนอสรุปผลการศึกษาโครงการต่อกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาต่อไป โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่ www.thaihispeedtrain.com/chiangmai_phase2


ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/อนันต์ ชุ่มใจ
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

พสกนิกรชาวจังหวัดน่าน จัดพิธีสืบชะตาหลวง ถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุครบ 62 พรรษา 28 กรกฎาคม 2557

เช้าวันนี้ (24 ก.ค.57) ที่พระอุโบสถวัดพระธาตุแช่แห้งพระอารามหลวง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และพสกนิกรชาวจังหวัดน่าน ทุกหมู่เหล่าทำพิธีสืบชะตาหลวงสวดมนต์เจริญภาวนาถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวโรกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 62 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2557

การจัดพิธีสืบชะตาหลวงครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวโรกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 62 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ทางคณะสงฆ์จังหวัดน่าน และพสกนิกรชาวจังหวัดน่าน ได้พร้อมใจกันสวดมนต์เจริญภาวนา ทำวัตร บทสวดนมัสการพระอรหันต์แปดทิศ มงคลจักวาฬ อัคคัปปะสา ทะสุตตะคาถา คือ ด้วยอนุภาพแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทั้งปวง ทุกข์โรคภัย และเวรกรรมทั้งหลาย จงพินาศไป และด้วยอนุภาพแห่งทั้งหลายทั้งปวงพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสงฆรัตนะ ด้วยอำนาจพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ สี่หมื่นแปดธรรมขันธ์ ทั้งหลายทั้งปวงที่ถวายทานให้ผู้เลิศนั้น ย่อมเจริญ อายุ วรรณะ ยศ เกียรติคุณ สุขะ พละ สุขสวัสดิ์พิพัฒมงคลทั้งปวง แก่ผู้ปฏิบัติตนให้เจริญรุ่งเรือง โดยมีพระราชคุณาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ทั้งนี้ เพื่อแสดงความจงรักภักดี น้อมลำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยตลอดมา พสกนิกรชาวจังหวัดน่าน จึงได้พร้อมใจกันจัดขึ้น เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 62 พรรษา วันที่28 กรกฎาคม 2557 เพื่อให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารทรงพระเจริญ ทรงมีพระเกษมสำราญ แทรงเป็นพระมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยตลอดกาลนาน

ในโอกาสนี้ นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยเหล่าข้าราชการทหารตำรวจ พ่อค้าประชาชน นักเรียนนิสิตนักศึกษา ทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 62 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ที่จะมาถึงนี้


สมาน  สุทำแปง  ภาพ/ข่าว
    

ผู้ว่าฯ น่าน เข้าพื้นที่อำเภอบ่อเกลือตรวจสอบรอยดินแยก

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย พ.อ.จตุรภัทร วงศ์ศรีเผือก ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 31 อำเภอปัว และนายวิรัช วรรณมาลิกพันธ์ นายอำเภอบ่อเกลือ พันตำรวจเอกชาตรี ทหยะวัฒน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร อำเภอบ่อเกลือ เจ้าหน้าแขวงการทางน่านที่ 2 และนายนิธิวัฒน์ นิธินันท์ธาร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรอยดินแยกบ้านก่อก๋วงใน หมู่ที่ 11 ตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือ หลังมีฝนตกลงมาในพื้นที่และเกิดดินแยกเป็นทางยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งขณะนี้ได้มีการทรุดตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านก่อก๋วงใน ประมาณ 60 ครัวเรือน กว่า 300 คน ไม่สามารถใช้รถยนต์สัญจรผ่านเส้นทางนี้ได้ ซึ่งรอยแยกดังกล่าวเกิดจากฝนที่ตกหนักทำให้น้ำเซาะดินเป็นร่อง ประกอบกับเป็นภูเขาที่ลาดสูงส่งผลให้น้ำมีแรงเชี่ยวมากขึ้นจึงทำให้เกิดแนวรอยแยกและดินทรุดตัว

ทั้งนี้ หลังจากประชุมหารือร่วมกับหลายฝ่าย นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมช่วยเหลือชาวบ้านทันที โดยประกาศห้ามใช้รถยนต์สัญจรผ่านเส้นทางรอยแยก และเตือนประชาชนให้ระมัดระวังจุดรอยแยกดังกล่าว พร้อมสั่งการให้ระดับพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องปริมาณน้ำฝน และรอยแยกที่อาจทรุดตัวเพิ่มขึ้น ส่วนข้อกังวลที่ดินจะสไลด์ลงไปทับอีก 7 หมู่บ้าน คาดการณ์ว่าอาจเป็นได้ยาก แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง



สมาน  สุทำแปง  ภาพ / ข่าว

อ.ท่าวังผาร่วมกับอ.เวียงสา แถลงข่าวการจัดงานมหกรรมแข่งเรือประเพณี อ.ท่าวังผาและงานประเพณีแข่งเรือวันออกพรรษา อ.เวียงสา ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ ประจำปร 2557

ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลเวียงสา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน อำเภอท่าวังผาร่วมกับอำเภิเวียงสา ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานแข่งเรือประเพณีอำเภอท่าวังผา ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2557 โดยความร่วมมือของชมรมเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ร่วมกับอำเภอท่าวังผา สภาวัฒนธรรมอำเภอท่าวัง และการจัดงานประเพณีแข่งเรือวันออกพรรษา อำเภอเวียงสา ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2557 โดยความร่วมมือของอำเภอเวียงสา เทศบาลตำบลเวียงสา สภาวัฒนธรรมอำเภอเวียงสา และชมรมเรือแข่งอำเภอเวียงสา เพื่อเป็นการส่งเสริม สืบสาน อนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ซึ่งเรือแข่งจังหวัดน่าน จะมีลักษณะแตกต่างจากเรือแข่ง ของจังหวัดอื่น คือ ลำตัวเรือจะ มีรูปทรงลักษณะเพรียวลม หัวเรือทำเป็นรูปพญานาค ซูคอสง่าอ้าปาก เขี้ยวโง้ง งอนสูงมีลิ้นแลบออกมาให้เห็น ติดภู่ห้อยหัวและหาง ตกแต่งหัวท้ายและลำเรือเป็นลักษณะลายไทย งดงามวิจิตรพิสดาร ดูสวยงามมาก

โดยการจัดงานมหกรรมแข่งเรือประเพณีของอำเภอท่าวังผา ประจำปี 2557 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 14 กันยายน 2557 และจะมีการแข่งขันเรือประเพณี ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ ในวันที่ 13 - 14 กันยายน 2557 ณ ท่าน้ำเชิงสะพานท่าวังผาบ้านท่าค้ำ อำเภอท่าวังผา ในส่วนของการจัดงานประเพณีแข่งเรือวันออกพรรษา อำเภอเวียงสา ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2557 นั้นมีกำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 8 ตุลาคม 2557 และจะมีการแข่งขันเรือประเพณีวันออกพรรษา อำเภอเวียงสา ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ ในวันที่ 7 – 8 ตุลาคม 2557 ณ บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำน่าน (ท่าน้ำบ้านปากกล้วย)



สรายุทธ  ประเสริฐนิรมล  ภาพ / ข่าว

จังหวัดน่าน เจรจาการค้าพร้อม ลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง ร่วมกับกลุ่มนักธุรกิจจากเมืองคุณหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน

วันนี้ (24 ก.ค.57) ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเทวราช อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านพร้อมด้วยส่วนราชการ คณะนักธุรกิจจังหวัดน่าน ให้การต้อนรับ นายวิจิตร หยาง นายกสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและความร่วมมือการค้าอาเซียนจีน ที่นำคณะนักธุรกิจจีนเดินทางมาร่วมประชุมและเจรจาความร่วมมือ การค้าการลงทุนกับผู้ประกอบการในจังหวัดน่าน พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนกลุ่ม 2 กับนักธุรกิจคุณหมิง และสถาบันการศึกษา ในด้านการพัฒนาจังหวัดน่าน ,การแลกเปลี่ยนนักเรียน ,ด้านวิชาชีพเทคนิค และอาชีวะ , ความร่วมมือการออกแบบและก่อสร้าง โครงการอสังหาริมทรัพย์ , ความร่วมมือทางด้านสินค้าการเกษตร , ด้านการท่องเที่ยวและผลิตภัณท์สินค้าโอทอปของจังหวัดน่าน โดนนักธุกิจจากเมืองคุณหมิงให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาธิผลิตภัณฑ์ชา เครื่องเงิน ผลไม้แปรรูป ที่กลุ่มผลิตและแปรรูปในจังหวัดน่านนำมาออกบูทแนะนำในครั้งนี้ด้วย หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมและลงนามบันทึกความร่วมมือแล้วคณะนักธุรกิจจากประเทศจีน ได้แบ่งกลุ่ม ลงพื้นที่ดูสถานที่และกิจกรรมโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดน่านรวม 6 จุด ได้แก่ การลงพื้นที่ศึกษางานการขุดเจาะอุโมงค์ทำถนน งานด้านสินค้าการเกษตร งานด้านอสังหาริมทรัพย์ งานด้านการศึกษา งานด้านการทิ่องเที่ยวและงานด้านระบบไฟฟ้า LED และโซล่าเซล์

จากการเดินทางมาเจรจาการค้าและลงนาม MOU ในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีนโยบายให้นักธุรกิจร่วมลงทุนธุรกิจกับต่างประเทศและยังสอดคล้องกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยนักธุรกิจจีน มีแนวทางในการดำเนินการลงทุนในภูมิภาคนี้มากขึ้น และจังหวัดน่าน ถือเป็นจังหวัดที่ 2 ที่มีการลงนามความร่วมมือ ต่อจากจังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยจังหวัดน่านหวังว่าการพบปะเจรจาการค้าและลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นความร่วมมือที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองประเทศ และยังเป็นการพัฒนาความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศให้มีความเข้มแข็งในการลงทุนมากยิ่งขึ้นในอนาคต



ศรายุทธ  ประเสริฐนิรมล  ภาพ / ข่าว

จังหวัดน่าน จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน

นายพิชัยลักษณ์ เพชรบุรีกุล ปลัดจังหวัดน่าน แจ้งว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องต่าง ๆ จังหวัดน่านจึงได้จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน ขึ้น ณ ห้องศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดน่าน (GIS) ชั้นล่าง ศาลากลางจังหวัดน่าน หมายเลขโทรศัพท์ 0-5471-0232 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 เพื่อทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร ให้คำปรึกษา รับเรื่องปัญหาความต้องการและข้อเสนอแนะของประชาชน และทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการร่วมตามมาตร 32 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2256

ปลัดจังหวัดน่าน แจ้งต่อว่า จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ หากมีความประสงค์จะแจ้งปัญหาความต้องการหรือข้อเสนอแนะที่จะให้จังหวัดน่านได้รับรู้ในการให้ความช่วยเหลือเรื่องใด ๆ ตลอดจนการขอรับคำปรึกษา และข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้ติดต่อไปที่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน ณ ห้องศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดน่าน (GIS) ชั้นล่าง ศาลากลางจังหวัดน่าน ถนนสุริยพงษ์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน หมายเลขโทรศัพท์ 0-5471-023 ในวันและเวลาราชการ


พวงพยอม  คำมุง / ข่าว

ส.ปชส.พะเยา ติวเข้มเครือข่ายประชาสัมพันธ์หนุนแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต

วันนี้ (24 ก.ค.57) ที่ ห้องพรมาลี โรงแรมพะเยาเกทเวย์ นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์ สนับสนุน การแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต เรื่อง “สื่อฯ..กับการรับมือสาธารณภัยและภาวะวิกฤต” โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการเกิดปัญหา การให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤตของภาครัฐ ตลอดจนแนวทางในการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ของประชาชน นำไปสู่การปฏิบัติตนเพื่อช่วยลดผลกระทบที่รุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ โดยมี สื่อมวลชน ผู้จัดรายการวิทยุ และอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อป.มช) ในพื้นที่จังหวัดพะเยา จำนวน 40 คน เข้าร่วมสัมมนาฯ

นางอาภาภรณ์ นาควัชระ ประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะหน่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์ของรัฐ มีหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์นโยบาย และการดำเนินงานภาครัฐ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับสาธารณภัยและวิกฤตการณ์ ที่เป็นภัยคุกคามจากธรรมชาติ และภัยที่เกิดจากมนุษย์ จึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้มีความรู้ ความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติ นโยบาย และมาตรการภาครัฐในการป้องกันแก้ไขปัญหา การฟื้นฟูและการเยียวยาซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ดีในการป้องกันการเกิดภัยในสภาวะปกติ เตรียมความพร้อมสถานการณ์เพื่อลดความสูญเสียและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และร่วมใจแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดสาธารณภัยและวิกฤตการณ์ต่างๆ

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ คือ นายสัลเลข คำใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา และนายปาโมกข์ ปิงเมือง หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ได้มาร่วมเสวนาในหัวข้อ “สื่อฯกับการรับมือแผ่นดินไหว เรื่องที่ไม่ไกลตัว” และ “สื่อฯกับการรับมือสถานการณ์น้ำ” โดยมีนางสุดา ดูงาม นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ สวท.พะเยา เป็นผู้ดำเนินรายการ นอกจากนี้ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพะเยา (สวท.พะเยา) FM 95.25 MHz ได้ทำการถ่ายทอดเสียงการเสวนา ตั้งแต่เวลา 10.00 – 11.00 น. เพื่อให้ประชาชนทางบ้านได้ติดตามรับฟังด้วย


ข่าวโดย : ทีมข่าว ส.ปชส.พะเยา
หน่วยงาน : ส.ปชส.พะเยา

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา จัดสัมมนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต "สื่อฯ..กับการรับมือสาธารณภัยและภาวะวิกฤต"

วันนี้ (24 ก.ค.57) นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์ สนับสนุน การแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต เรื่อง “สื่อฯ..กับการรับมือสาธารณภัยและภาวะวิกฤต” ณ ห้องพรมาลี โรงแรมพะเยาเกทเวย์ ซึ่งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการเกิดปัญหา การให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤตของภาครัฐ ตลอดจนแนวทางในการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ของประชาชน นำไปสู่การปฏิบัติตนเพื่อช่วยลดผลกระทบที่รุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ โดยมี สื่อมวลชน ผู้จัดรายการวิทยุ และอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อป.มช) ในพื้นที่จังหวัดพะเยา จำนวน 40 คน เข้าร่วมสัมมนาฯ

นางอาภาภรณ์ นาควัชระ ประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะหน่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์ของรัฐ มีหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์นโยบาย และการดำเนินงานภาครัฐ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับสาธารณภัยและวิกฤตการณ์ ที่เป็นภัยคุกคามจากธรรมชาติ และภัยที่เกิดจากมนุษย์ จึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้มีความรู้ ความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติ นโยบาย และมาตรการภาครัฐในการป้องกันแก้ไขปัญหา การฟื้นฟูและการเยียวยาซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ดีในการป้องกันการเกิดภัยในสภาวะปกติ เตรียมความพร้อมสถานการณ์เพื่อลดความสูญเสียและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และร่วมใจแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดสาธารณภัยและวิกฤตการณ์ต่างๆ

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ คือ นายสัลเลข คำใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา และนายปาโมกข์ ปิงเมือง หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ได้มาร่วมเสวนาในหัวข้อ “สื่อฯกับการรับมือแผ่นดินไหว เรื่องที่ไม่ไกลตัว” และ “สื่อฯกับการรับมือสถานการณ์น้ำ” โดยมีนางสุดา ดูงาม นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ สวท.พะเยา เป็นผู้ดำเนินรายการ นอกจากนี้ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพะเยา (สวท.พะเยา) FM 95.25 MHz ได้ทำการถ่ายทอดเสียงการเสวนา ตั้งแต่เวลา 10.00 – 11.00 น. เพื่อให้ประชาชนทางบ้านได้ติดตามรับฟังด้วย



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา จัดงานคืนความสุขให้แก่ประชาชน ตามนโยบายของ คสช.

ช่วงค่ำวานนี้ (24 ก.ค.57) ที่สนามที่ว่าการอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา อำเภอดอกคำใต้ ได้ร่วมกับ จังหวัดทหารบกพะเยา , องค์การบริหารส่วนจังหวัด , สำนักงานการค้าภายในจังหวัด จัดงานคืนความสุขให้แก่ประชาชน โดยมีนายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานเปิดงานฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามนโยบายของ คสช.ในการคืนความสุขให้แก่ประชาชน โดยภายในงานมีการแสดงดนตรีของทหารจังหวัดทหารบกพะเยา , การแสดงของนักเรียนนักศึกษา , การจัดคาราวานสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ซึ่งมีประชาชนสนใจร่วมงามเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้จังหวัดพะเยาจะมีการจัดงานคืนความสุขให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องจนครบ ทั้ง 9 อำเภอ รวมถึงการจัดกิจกรรมคืนความสุขของส่วนราชการต่างๆ ที่จัดขึ้นทุกวันศุกร์ ณ บริเวณข่วงวัฒนธรรม ริมกว๊านพะเยาด้วย


ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

การประกวดผลงานการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ จังหวัดแพร่ ประจำปี 2557

โรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์ ชนะเลิศการประกวดผลงานการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ จังหวัดแพร่ ประจำปี 2557 ในระดับมัธยม ในขณะที่โรงเรียนสรอยเสรีวิทยา ชนะเลิศประเภทเครื่องแต่งกาย

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่ ได้ดำเนินโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ปี 2557 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้ทราบถึงแนวทางในการลดปริมาณขยะและการนำขยะหรือของเหลือใช้ไปดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ก่อนนำไปกำจัด และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะขยะมูลฝอย พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนได้มีเวทีในการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และร่วมทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดกิจกรรมประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ประจำปี 2557 ขึ้น ณ หอประชุมโรงเรียนเจริญราษฎร์ อำเภอเมืองแพร่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 โดยมีนายชูเกียรติ พงศ์ศิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน

ผลการตัดสินปรากฏว่า ประเภทสิงประดิษฐ์ของใช้ภายในบ้าน ระดับประถมไม่มีโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประกวด รางวัลชนะเลิศระดับมัธยมได้แก่ผลงานม้านั่งรักษ์สิ่งแวดล้อม จากโรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์ อำเภอร้องกวาง รองชนะเลิศอันดับ 1 ไดแก่ผลงาน กุหลาบป่า จากโรงเรียนบ้านน้ำริน (คุรุราษฎร์รังสรรค์) รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ผลงาน กระดาษพาเพลิน จากโรงเรียนเจริญราษฎร์ ส่วนรางวัลการแต่งกายจากวัสดุเหลือใช้ โรงเรียนสลอยเสรีวิทยา คว้ารางวัลชนะเลิศในผลงาน แฟชั่นจากกล่องนม รองชนะเลิศอันดับ 1 เป็นของโรงเรียน สาธิตบ้านเชตวัน รองชนะเลิศอันดับ 2 เป็นของโรงเรียน ร้องกวางอนุสรณ์

การประกวดผลงานการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ครั้งนี้ ทีมที่ชนะเลิศทั้งสองประเภทจะได้รับรางวัลเงินสด 5,000 บาท พร้อมทั้งได้รับการเสนอผลงานเพื่อเข้าประกวดในระดับประเทศต่อไป รองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัลเงินสด 3,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเงินสด 2,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร โดยทั้งหมดจะเข้ารับรางวัลพร้อมเกียรติบัตรจากผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ในวันประชุมคณะกรมการจังหวัดแพร่ประจำเดือนสิงหาคม 2557

ทีมแพทย์หลายแห่งยืนยันพร้อมกันกรณีนายอุทัยที่ป่วยถูกแมงมุมกัด จริงๆแล้วแผลไม่รุนแรงอย่างที่เป็นแต่เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียและผลข้างเคียงที่ตามมา

แพทย์โรงพยาบาลศิริราชยืนยันพร้อมกับแพทย์โรงพยาบาลแพร่กรณีนายอุทัยที่ป่วยถูกแมงมุมกัด จริงๆแล้วแผลไม่รุนแรงอย่างที่เป็นแต่เป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย  ขณะที่กลุ่มผู้สนใจศึกษาแมงมุมประเทศไทยลงพื้นที่ตามล่าแมงมุมพิษสีน้ำตาลในพื้นที่บ้านแม่พวก อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า จากกรณีมีผู้ป่วยคือนายอุทัย เวียงคำ ชาวบ้านแม่พวก ตำบลห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแพร่และแจ้งว่าถูกแมงมุมกัด จนกระทั่งถูกตัดขาขวาไปหนึ่งข้าง นั้น วันนี้(24ก.ค.57) ทางทีมแพทย์พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านแม่มุม ซึ่งประกอบด้วย ดร.พัชนี วิชิตพันธุ์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มผู้สนใจศึกษาแมงมุมแห่งประเทศไทย แพทย์หญิงธัญจิรา จิรนันทกาญจน์ จากโรงพยาบาลศิริราช นายแพทย์สุชัย สุเทพารักษ์ จากสภากาชาดไทย และนายแพทย์ธงชัย มีลือการ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพร่ได้ร่วมหารือกับนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลห้วยไร่ บ้านน้ำแรม ตำบลห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากแมงมุมชนิดใด

ทางคณะแพทย์ต่างยืนยันเหมือนกันว่าแม้จะเป็นแผลที่เกิดจากแมงมุมพิษสีน้ำตาลจริงก็ไม่มีอาการและบาดแผลขนาดที่เกิดขึ้นกับนายอุทัย แต่แผลที่เกิดกับนายอุทัยน่าจะเกิดจากการติดเชื้อและแบคทีเรียซึ่งไม่ได้รับการดูแลรักษาบาดแผลตั้งแต่เริ่มแรก

นายแพทย์สุชัย สุเทพารักษ์ จากสภากาชาดไทยกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นแมงมุมพิษสีน้ำตาล ผู้ป่วยคนนี้อาจจะมีแผลติดเชื้อซึ่งอาการอาจจะไม่ใช่พิษแต่เป็นการติดเชื้อ แม้ประเทศไทยจะเจอแมงมุมพิษสีน้ำตาลก็ไม่น่ากลัวมากนัก

แพทย์หญิงธัญจิรา จิรนันทกาญจน์ ยังกล่าวว่าแผลที่เห็นเป็นผลจากการติดเชื้อทำให้คนไข้มีอาการหนัก หากรับพิษจากแมงมุมพิษโดยทั่วไปไม่แย่ขนาดนี้ ซึ่งผุ้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนจนถึงขั้นตัดขา

ด้านนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ กล่าวว่าได้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเช้ามาช่วยดู โดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจะมาดูพื้นที่ก็อยากให้ยืนยันว่าเป็นแมงมุมชนิดไหนแน่ที่กัด และวงจรชีวิตของแมงมุมเหล่านี้เป็นอย่างไร และขอคำแนะนำว่าควรดูแลความเป็นอยู่อย่างไร เพื่อคลายความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งที่พบแมงมุมในพื้นที่เป็นแมงมุมแม่ม่ายสีน้ำตาลจริงๆ ซึ่งมีทั่วไป แต่ไม่ต้องกังวลเพราะพบทั่วไปและแมงมุมก็ไม่กัดคนถ้าไม่ไปนั่งทับเขาและพิษแมงมุมก็ไม่รุนแรงมาก

นอกจากนี้กลุ่มผู้สนใจศึกษาแมงมุมประเทศไทยยังได้ลงพื้นที่ทั้งบ้านนายอุทัย และบริเวณในหมู่บ้าน เพื่อจับแมงมุมและตามล่าหาแมงมุมพิษสีน้ำตาลว่ามีจริงหรือไม่ โดยจะทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน



ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน บูรณาการหน่วยงานทางสังคมในพื้นที่อำเภอปางมะผ้า และอำเภอปาย ออกจัดระเบียบสถานประกอบการตาม พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน บูรณาการหน่วยงานทางสังคมในพื้นที่อำเภอปางมะผ้า และอำเภอปาย ออกจัดระเบียบสถานประกอบการตาม พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑

วันนี้(๒๔ ก.ค. ๒๕๕๗) นางศันสนีย์ พุกกานนท์ วัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมกับตำรวจภูธรและฝ่ายปกครอง อำเภอปางมะผ้า และอำเภอปาย ออกจัดระเบียบสถานประกอบการตาม พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม และสร้างแนวทางการปฏิบัติให้เป็นแนวทางเดียวกัน เพื่อบูรณาการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ชุมชนและสังคม ในหลายมิติ ร่วมกับมิติวัฒนธรรม

ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

หลายหน่วยงานใน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน สนธิกำลังออกปฎิบัติการตรวจยึดคืนผืนป่า


หลายหน่วยงานใน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน สนธิกำลังออกปฎิบัติการตรวจยึดคืนผืนป่า

วันนี้ (24 ก.ค.57) พันตำรวจเอกดาวฤกษ อยู่สวัสดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสบเมย พร้อมด้วยพันตำรวจโทอำนวย มีศรฤทธิ์ รองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรสบเมย พร้อมด้วย ชุดสืบสวน ตำรวจตระเวนชายแดน ทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังปฏิบัติการตรวจยึดคืนผืนป่า บ้านแม่คะ - บ้านกองอูน จำนวน 4 แปลง ดังนี้แปลงที่ 1. เนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน19 ตารางวา แปลงที่ 2 เนื้อที่ 6 ไร่ 22 ตารางวา แปลงที่ 3. เนื้อที่ 9 ไร่2 งาน 95 ตารางวา แปลงที่ 4. เนื้อที่ 1 ไร่ 85 ตารางวา

ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

อำเภอขุนยวมจัดโครงการ อำเภอยิ้มเคลื่อนที่ สร้างปรองดองความสมานฉันท์

อำเภอขุนยวมจัดโครงการ อำเภอยิ้มเคลื่อนที่ สร้างปรองดองความสมานฉันท์

วันนี้ ( 24 ก.ค. 57) นายพงศ์พีระ ชูชื่น นายอำเภอขุนยวม นำส่วนราชการในอำเภอ จัดโครงการอำเภอยิ้มเคลื่อนที่ ที่บ้านหางปอน ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีประชาชน จำนวน150คนร่วมงาน พร้อมกันนี้ได้แจกพันธุไม้ ให้บริการตรวจสุขภาพ ตัดผมฟรี มีการแสดงดนตรี และร่วมรับประทานอาหารร่วมชาวบ้าน เพื่อเป็นการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ตามนโยบาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

จ.ลำปาง จัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคสับปะรดผลสด ร่วมคืนความสุขให้แก่เกษตรกร

สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง เชิญชวนประชาชนรับมอบความสุข ร่วมใส่ใจดูแลสุขภาพบริโภคสับปะรดผลสดขจัดโรค "หนึ่งวัน หนึ่งครอบครัว หนึ่งหัว ไม่ต้องมัวไปหาหมอ" โดยได้จัดกิจกรรมรณรงค์ ส่งเสริมการบริโภคสับปะรดขึ้น ที่บริเวณลานจอดรถสวนสาธารณะเขลางค์นคร ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีนายสมพร เจียรประวัติ เกษตรจังหวัดลำปาง นายชัยณรงค์ กาฬมณี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง และนายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอเมืองลำปาง ร่วมกันเป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ฯ โดยมีเยาวชนเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป รวมทั้งนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาพักผ่อนและออกกำลังกายในบริเวณสวนสาธารณะ ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมทำกิจกรรมฯ จำนวนมาก

นายสมพร เจียรประวัติ เกษตรจังหวัดลำปาง กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรระดับชาติและระดับจังหวัด ประจำปี 2557 โดยทางสำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง ได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อเป็นมาตรการช่วยเหลือ กระจายผลผลิตสับปะรดของจังหวัดลำปาง ในช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ท้องตลาดจำนวนมาก จนอาจเกิดภาวะผลผลิตล้นตลาด อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่จังหวัดลำปาง ให้สามารถจำหน่ายสับปะรดผลสดได้ด้วยตัวของเกษตรกรเอง โดยไม่ต้องถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี และความสุขเพิ่มมากขึ้น ในการนี้เกษตรจังหวัดลำปาง ได้กล่าวถึงคุณค่าทางโภชนาการของสับปะรด ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้ง 32 ประการ เช่น สับปะรดช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ต้านอนุมูลอิสระชะลอความแก่ รักษาโรคความดันโลหิตสูง อาการแผลเป็นหนอง อาการหวัด บรรเทาอาการของโรคบิด และช่วยขับปัสสาวะ เป็นต้น พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนให้พี่น้องประชาชน หันมาบริโภคสับปะรดเพื่อสุขภาพสร้างความสุขให้แก่ตนเอง และเพื่อรวมเป็นพลัง “คนลำปาง ฮักกั๋นแต้หนา” ร่วมกันคืนความสุขให้แก่เกษตรกรชาวลำปาง

สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้จัดให้มีกิจกรรมร่วมแบ่งปันความสุข จัดการแข่งขันกินสับปะรดขึ้น ด้วยการนำสับปะรดผูกเชือกห้อยไว้กับราวไม้ ภายใต้กติกาให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันเอามือไขว้หลัง กัดกินสับปะรดให้ได้มากที่สุด ภายในเวลา 5 นาที โดยการแข่งขันมี นายสมพร เจียรประวัติ เกษตรจังหวัดลำปาง นายชัยณรงค์ กาฬมณี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง และนายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอเมืองลำปาง ได้เข้าร่วมทำการแข่งขันด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของกองเชียร์ ที่มายืนคอยลุ้นให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสับปะรดแกว่งไปมาทำให้ผู้แข่งขันไม่สามารถกัดกินสับปะรดได้ บางคนได้แค่ใช้ลิ้นสัมผัส บางคนถูกสับปะรดแกว่งโดนหัวบ้าง โดนหน้าบ้าง ส่วนผู้ที่กัดกินสับปะรดได้ก็ต้องใช้วิธีกระโดดเข้างับ โดยผู้ชนะการแข่งขัน ได้แก่ นายสุทธิพงษ์ ยะสะโน นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคลำปาง ได้รับเงินรางวัล 1,000 บาท

ทั้งนี้มาตรการรณรงค์ส่งเสริมการบริโภคสับปะรด ดังกล่าว ทางจังหวัดลำปาง ได้ประสานกับหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชน ทำการเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรสามารถนำสับปะรดผลสด มาวางจำหน่ายให้แก่ประชาชนผู้บริโภคได้เอง ไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ในบริเวณพื้นที่ 3 แห่ง คือ พื้นที่บริเวณด้านหน้าสวนสาธารณะเขลางค์นคร, ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีลำปาง และด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาลำปาง

ดูคลิป http://youtu.be/0jzxLENiyFc


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

ศาลจังหวัดลำปางจัดโครงการร่วมใจไกล่เกลี่ย ประจำปี พ.ศ. 2557

ศาลจังหวัดลำปางนัดไกล่เกลี่ยคดีเงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเกือบ 140 คดี ภายใน 31 กรกฎาคมนี้ เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของคู่ความในการยุติข้อพิพาท ก่อให้เกิดความสมานฉันท์ รู้รักสามัคคี และมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม

วันที่ 24 กรกฎาคม 2557 นายเฉลิม เบ็ญมาศ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดลำปางเป็นประธานในการเปิดโครงการร่วมใจไกล่เกลี่ย ประจำปี พ.ศ 2557 ที่บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารศาลจังหวัดลำปาง เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการระงับข้อพิพาททางเลือกโดยเฉพาะด้านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อให้คู่ความได้มีโอกาสเลือกใช้ ควบคู่ไปกับการพิจารณาคดีของศาลในการยุติคดีหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ด้วยความสะดวก รวดเร็วประหยัด และเป็นธรรม โดยมีบุคลากรในศาลและบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถซึ่งผ่านการฝึกอบรม เป็นผู้ให้ความรู้และช่วยเหลือคู่ความ รวมทั้ง เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาและยุติข้อพิพาทให้แก่คู่ความ ตลอดจาการรณรงค์เผยแพร่ความรู้ด้านการระงบข้อพิพาททางเลือกต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่ประชาชน

นอกจากนี้ศาลจังหวัดลำปางยังได้กำหนดให้ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึง เดือน กรกฎาคม ของทุกปีเป็นเดือนแห่งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยกำหนดเป้าหมายจำนวนคดีที่จะนำเข้าสู่การไกลเกลี่ยข้อพิพาทโดยมีจำนวนคดีที่ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของแต่ละศาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ของคดีในแต่ละเดือนที่ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่ศาลดำเนินการอยู่เป็นปกติ และดีสามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จไมน้อยกว่าร้อยละ 80 ของคดีทีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งจากการดำเนินงานโครงการร่วมใจไกล่เกลี่ยประจำปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จจำนวน 39 คดีคิดเป็นร้อยละ 52

โอกาสนี้ ได้นัดไกล่เกลี่ยคดีกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาจำนวน 60 คดี ให้คณะผู้ประณีประนอมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของกองทุน ทั้งนี้ มีคดีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเข้าสู่การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศาลจังหวัดลำปางประมาณ 137 คดี โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสำนักงานทนายพีระชัย สำนักงานทนายวราวุฒิ สำนักงานทนายสุภาพร และสำนักงานทนายอรนุช รวม 4 สำนักงาน ซึ่งจะทำการไกล่เกลี่ยไปจนถึงวันที่ 31 กรกฏาคม 2557


ข่าวโดย : พัชรียา เขียวถา นศ.ฝึกประสบการณ์ มร.ลป
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

คณะอนุกรรมการพิจรณาคัดเลือก หน่วยงานและโครงการดีเด่นของชาติลงพื้นที่ตรวจผลงาน บริษัทปูนซีเมนต์ลำปาง ในโครงการ SCG รักษ์น้ำเพื่ออนาคต

คณะอนุกรรมการพิจรณาคัดเลือก หน่วยงานและโครงการดีเด่นของชาติลงพื้นที่ตรวจผลงาน บริษัทปูนซีเมนต์ลำปาง ในโครงการ SCG รักษ์น้ำเพื่ออนาคต

(24 ก.ค.57) เช้าวันนี้ ที่อาคาร C-Cement พลโทสบโชค ศรีสาคร ประธานคณะทำงาน พร้อม คณะอนุกรรมการพิจารณาคัดเลือก หน่วยงานและโครงการดีเด่นของชาติลงพื้นที่ตรวจผลงาน ของบริษัทปูนซีเมนต์ลำปาง ในโครงการ SCG รักษ์น้ำเพื่ออนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกบุคคล หน่วยงาน และโครงการดีเด่นของชาติ ประจำพุทธศักราช 2557 โดยมีนายพรรพต ปันทรส รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด และนายบวร วรรณศรี ผู้จัดการชุมชนสัมพันธ์ และอนุรักษ์ธรรมชาติ ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอโครงการ SCG รักษ์น้ำเพื่ออนาคต ที่ทางบริษัทปูนซิเมนต์ลำปาง ได้ส่งเข้าประกวดแก่คณะอนุกรรมการฯ

ด้านนายวีรยศ อ้นสำราญ ผู้จัดการกิจกรรมเพื่อสังคม เอสซีจี กล่าวว่า ทางบริษัทปูนซิเมนต์ลำปาง ได้ร่วมกับชุมชนบ้านสา และชุมชนต่างๆ ในพื้นที่อำเภอแจ้ห่ม จ.ลำปาง สร้างฝายชะลอน้ำ โดยได้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 และเริ่มทำอย่างจริงจัง ในปี พ.ศ. 2550 จากนั้นได้ส่งผลงานเข้าประกวดในปี 2557 เป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อโครงการว่า “ SCG รักษ์น้ำเพื่ออนาคต” ซึ่งเครือซิเมนต์ไทย ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์น้ำเพราะตระหนักว่า น้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ทั้งในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม และเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธรรมชาติมีความสมดุล จึงส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำด้วยการสนับสนุนชุมชนสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อคืนสมดุลสู่ธรรมชาติ ตลอดจนช่วยพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน


ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

จังหวัดลำปางจัดเสวนา ลำปางแบรนด์ นครแห่งวัฒนธรรมล้านนา เปิดประตูการค้าอาเซียน

จังหวัดลำปางจัดเสวนา ลำปางแบรนด์ นครแห่งวัฒนธรรมล้านนา เปิดประตูการค้าอาเซียนประชาคมระดมความคิดเห็นต่อการสร้างตราสัญลักษณ์ลำปาง

นาย ฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ประธานเปิดการเสวนาโครงการลำปางแบรนด์ นครแห่งวัฒนธรรมล้านนา เปิดประตูการค้าอาเซียนจังหวัดลำปาง ที่ โรงแรมลำปางเวียงทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยเป้าหมายของโครงการลำปางแบรนด์ คือการมีตราสัญลักษณ์ของจังหวัดลำปาง ที่มีเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวจังหวัดลำปางเกิดการสรรค์สร้างธุรกิจที่มีเอกลักษณ์ก่อให้เกิดกระแสท่องเที่ยวจังหวัดลำปางให้มากขึ้น

กิจกรรมแรกของโครงการคือการจัดการประชุมประชาคม ระดมความคิดเห็นต่อ การสร้างตราสัญลักษณ์ลำปาง เพื่อรับฟังและระดมความคิดเห็นต่อการจัดสร้างตราสัญลักษณ์ลำปาง หรือลำปางแบรนด์ โดย หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคศึกษาและประชาชนที่สนใจทั่วไป เพื่อสะท้อนถึงอัตลักษณ์ที่โดเด่นของจังหวัดลำปาง และทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดลำปางในอนาคต เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในมาเยือนลำปาง

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น ภายใต้โครงการ ด้านการประชาสัมพันธ์กิจกรรมท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวและบริการท่องเที่ยวดึงดูดในการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศสนใจ ประทับใจ รู้จักจังหวัดลำปางอย่างแพร่หลายมากขึ้น และส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในจังหวัดลำปางเพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี


ข่าวโดย : ณัฐพร ขัดทองงาม /น.ศ ฝึกประสบการณ์ มร.ลป
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

หน่วยงานทุกภาคส่วนใน จ.ลำปาง บูรณาการร่วมกัน จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ ออกบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่ประชาชน ในพื้นที่อำเภอเกาะคา

จังหวัดลำปาง เหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง และหน่วยงานองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดลำปาง บูรณาการร่วมกัน จัดกิจกรรม "คนลำปาง ฮักกั๋นแต้หนา" เพิ่มเติมความสุขให้แก่ประชาชนชาวลำปาง ตามโครงการ "หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่ประชาชนจังหวัดลำปาง" ร่วมนำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค บริจาคช่วยเหลือให้แก่ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ยากไร้ พร้อมจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ครบวงจรออกให้บริการแก่ประชาชน ที่โรงเรียนไหล่หินวิทยา หมู่ที่2 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง มีนายสุรพล สัตยารักษ์ ปลัดจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นางอินทิรา สุภาแสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการฯ โดยมีคณะผู้บริหาร จากหน่วยงานองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการในระดับจังหวัด-อำเภอ ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลไหล่หิน และในเขตพื้นที่ตำบลใกล้เคียง รวมกว่า 500 คน เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการฯ

โครงการ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่ประชาชนจังหวัดลำปาง” เป็นกิจกรรมที่ทางจังหวัดฯ ได้จัดทำขึ้น ด้วยการนำการบริการทุกประเภท จากหน่วยงานทุกภาคส่วนมาให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ ทั้งนี้เพื่อร่วมเดินหน้ากิจกรรมมอบความสุข สร้างความรัก ความสามัคคีปรองดอง ให้เกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ ทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นการดำเนินกิจกรรมในเชิงรุก ให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ได้ลงพื้นที่มารับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการที่แท้จริงของประชาชน เพื่อจะได้ร่วมกันหาแนวทางช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ตลอดจนเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนค่านิยมและความคิดของประชาชน ให้เอื้อต่อการพัฒนาสังคม ชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมให้ชาวบ้าน ได้น้อมนำเอาแนวพระราชดำริ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปปรับใช้เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่

สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มี 62 หน่วยงาน ในพื้นที่ จ.ลำปาง ได้ร่วมกันจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ออกให้บริการด้านต่างๆ แก่ประชาชนอย่างครบวงจร ซึ่งได้จัดให้มีการบริการที่หลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น การจัดนิทรรศการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิต, การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย, การให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพอนามัย รวมถึงการจำหน่ายสินค้าราคาถูก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน อีกทั้งได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการตรวจร่างกาย รักษาโรค และแจกยาเวชภัณฑ์ฟรี พร้อมกันนี้ทางเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง ได้นำสิ่งของและเงินช่วยเหลือมามอบให้แก่ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ยากไร้ในพื้นที่ตำบลไหล่หินด้วย โดยในโอกาสนี้ นายสุรพล สัตยารักษ์ ปลัดจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง ได้ร่วมกับคณะผู้บริหาร สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด กิ่งกาชาดอำเภอ รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำชุมชน มอบสิ่งของช่วยเหลือดังกล่าวให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภค-บริโภค ให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ จำนวน 100 ถุง, มอบพันธุ์ปลายี่สกให้แก่กลุ่มเกษตรกร 100 ถุง, มอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้พิการ 10 ราย, มอบเงินสงเคราะห์แก่ผู้มีรายได้น้อยไร้ที่พึ่ง จำนวน 10 ราย มอบรถสามล้อโยก 1 คัน และมอบอุปกรณ์กายบำบัดให้แก่ผู้พิการ รวม 8 ราย


ดูคลิป http://youtu.be/j1ATaGghrac


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

จังหวัดลำพูน กำหนดจัดพิธี เจริญพระพุทธมนต์นพเคราะห์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 62 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ณ วัดพระธาตุหริภุญ

นายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า จังหวัดลำพูน ได้กำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์นพเคราะห์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 62 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 13.39 น. เป็นต้นไป ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร อำเภอเมืองลำพูน

การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์นพเคราะห์เฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งนี้ จะจัดให้มีการประกอบพิธีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และการประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 62 พรรษา 28 กรกฎาคม 2557

จึงขอเชิญ ข้าราชการ และ พุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบำเพ็ญกุศล โดยทั่วกัน



ข่าวโดย : นศ. ฝึกประสบการณ์ นางสาวเกศกนก แสงจันทร์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำพูน จัดจำหน่ายเสื้อเชิ้ตลายมาสคอตกีฬา การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภาค 5 ครั้งที่ 31 " หริภุญไชยเกมส์ " เพื่อหารายได้ในการสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬา

นายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า จังหวัดลำพูน ได้รับเกียรติจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีเยาวชนแห่งชาติ ภาค 5 ครั้งที่ 31 " หริภุญไชยเกมส์ "ในระหว่างวันที่ 21 – 30 พฤศจิกายน 2557 จังหวัดลำพูน จึงได้จัดทำเสื้อเชิ้ตลายมาสคอตกีฬา ( ชาย – หญิง ) ขึ้น เพื่อเป็นการต้อนรับการแข่งขันกีฬาเยาวชนที่จะถึง และหารายได้สนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬา ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้สวมใส่ในการรับชมการแข่งขัน และในโอกาสต่างๆ ด้วย

สำหรับเสื้อที่จัดทำ เป็นเสื้อเชิ้ต แบบอัดผ้ากาว ทำด้วยผ้าเนื้อดี มีทั้งแบบชายและหญิง หลากหลายขนาด มี ช้างปู้ก่ำงาเขียว หรือ มาสคอตกีฬา ในชนิดกีฬาต่างๆ เป็นลวดลาย โดย ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดลำพูน เป็นผู้จัดทำจำหน่าย ในราคาตัวละ 450 บาท ซึ่งรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย จะใช้เป็นเงินสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้

ผู้สนใจสั่งซื้อเสื้อ หรือ สอบถามรายละเอียด และสั่งซื้อ ได้ที่ ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดลำพูน หมายเลขโทรศัพท์ 053 – 535 498


ข่าวโดย : นศ. ฝึกประสบการณ์ นางสาวเกศกนก แสงจันทร์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับ หอการค้าไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะกรรมการจรรยาบรรณหอการค้าไทย และหอการค้าจังหวัด กำหนดจัดงานมอบรางวัล บรรษัทภิบาลดีเด่น 5 ภูมิภาค ( ภาคเหนือ ) ในวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2557 ณ

นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ร่วมกับ หอการค้าไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะกรรมการจรรยาบรรณหอการค้าไทย และหอการค้าจังหวัด ได้กำหนดจัดงานมอบรางวัล บรรษัทภิบาลดีเด่น 5 ภูมิภาค ( ภาคเหนือ ) ในวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุม สะโล็ป คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์หริภุญชัย จังหวัดลำพูน

สำนักงาน ป.ป.ช. ได้กำหนดแผนงานเพื่อเชื่อมโยงในกระบวนการพัฒนาความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ช. และหอการค้าไทย ในการขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมหลักบรรษัทภิบาล ให้เกิดเป็นรูปธรรม จึงได้จัดกิจกรรมขับเคลื่อนกลไก ธรรมาภิบาล ภาคธุรกิจเอกชน โดยการ มอบรางวัล บรรษัทภิบาลดีเด่น เพื่อยกย่องเชิดชูกลุ่มผู้ประกอบการค้าหรือสมาชิกหอการค้าจังหวัด ที่มีแนวทางในการประกอบธุรกิจการค้าด้วยหลักบรรษัทภิบาล โปร่งใส รักษาความสุจริต และ ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างค่านิยมความมีจริยธรรมและจรรยาบรรณ

ในการมอบรางวัล ครั้งนี้ นอกจากมีการมอบรางวัล บรรษัทภิบาลดีเด่น 5 ภูมิภาค แล้ว จะจัดให้มีการเสวนาเรื่อง “ ก้าวแรกของธุรกิจ ร่วมคิด ร่วมสร้างบรรษัทภิบาล ” อีกด้วย


ข่าวโดย : นศ. ฝึกประสบการณ์ นางสาวเกศกนก แสงจันทร์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำพูน เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ สังกัดกรมการปกครอง ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

จังหวัดลำพูน จัดการอบรมเตรียมความพร้อม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง ให้สามารถปรับบทบาท ภารกิจ ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558

ที่ ห้องประชุม โรงแรม กัซซัน มารีน่า อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน เจ้าหน้าที่ สังกัด ฝ่ายปกครอง ในจังหวัดลำพูน เข้าร่วม การอบรม เตรียมความพร้อม ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดย ที่ทำการปกครองจังหวัดลำพูน ได้จัดขึ้น เมื่อ วันที่ 12 – 13 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยมีนายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดการอบรม ซึ่ง การอบรมในครั้งนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อม ในการสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับ บทบาทหน้าที่ภารกิจ ของเจ้าหน้าที่ เมื่อเกิดการรวมเป็นประชาคมอาเซียน เพื่อ ให้ข้าราชการ ฝ่ายปกครอง ได้ ขับเคลื่อน แผนแม่บท ของกรมการปกครอง ต่อประชาคมอาเซียน ในระดับพื้นที่ให้เกิด ผลสัมฤทธิ์สูงสุด ซึ่ง ผู้เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายอำเภอ , ปลัดอำเภอ , เจ้าพนักงานปกครอง จาก ที่ทำการปกครองทั้ง 8 อำเภอ จำนวน 172 คน เข้าร่วมการอบรม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนกล่าวว่า ในปี 2558 ประเทศไทยจะเข้าร่วมประชาคมอาเซียน เพื่อสร้างความร่วมมือ ทางการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรม เจ้าหน้าที่ ในสังกัดกรมการ ปกครอง กระทรวงมหาดไทย จะต้องเรียรู้ ปรับตัว และเตรียมการให้มีความพร้อมกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น


ข่าวโดย : นศ. ฝึกประสบการณ์ นางสาวเกศกนก แสงจันทร์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

เทศบาลตำบลป่าซาง จัดกิจกรรมปรองดอง สมานฉันท์ คืนความสุขให้ประชาชน 24 กรกฎาคม 2557

นายสุพจน์ ปันสุรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าซาง เปิดเผยว่า จากที่เทศบาลตำบลป่าซางจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ระดับท้องถิ่นขึ้น เพื่อดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน สร้างความรู้ความเข้าใจ และทัศนคติที่ดีในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และเป็นการสร้างบรรยากาศของความปรองดองให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รู้รักและสามัคคีกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนา คุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นให้มีความผาสุกต่อไป .เป็นต้นไป

โดยภายในงานพบกับกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิเช่น การฉายวีดีทัศน์ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติฯ การแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมรับฟังและร่วมร้องเพลงเพื่อคืนความสุขให้กับประชาชน การออกบูธ ประชาสัมพันธ์และโชว์รถยนต์ จากบริษัทโตโยต้า ล้านนา จำกัด การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกธงฟ้าราคาประหยัด จากสำนักงานการค้าภายในจังหวัดลำพูน

เทศบาลตำบลป่าซาง จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมปรองดอง สมานฉันท์ คืนความสุขให้ประชาชน ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป ณ ศูนย์แสดงศิลปหัตถกรรมสาธิตฯ เทศบาลตำบลป่าซาง


ข่าวโดย : นศ. ฝึกประสบการณ์ นางสาวเกศกนก แสงจันทร์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

อบจ.ลำพูน หารือนำนักศึกษาจีนร่วมแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมไทย-จีน ในจังหวัดลำพูน

อบจ.ลำพูน ร่วมหารือผู้บริหารเครือข่ายสถานศึกษาในจังหวัดลำพูน แสวงหาความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศ นำนักศึกษาจีนจากมหาวิทยาลัยเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมไทย-จีน ในจังหวัดลำพูน

เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2557 ที่ห้องประชุมกาสะลอง สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้จัดประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานโครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมไทย-จีน ร่วมกับผู้บริหารของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 เขต 2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35 ผู้บริหารโรงเรียนสังกัด อบจ.ลำพูน ผู้แทนสถาบันการศึกษาเอกชนในจังหวัดลำพูน โดยมีศาสตราจารย์ชะภิพร เกียรติคชาธาร ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน มาให้คำแนะนำแนวทางการดำเนินงานในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมไทย - จีน ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานงานทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน ระหว่าง อบจ.เชียงใหม่ กับ มหาวิทยาลัยเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน มาแล้วถึง 6 รุ่น โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการดำเนินการแนวทางทำบันทึกข้อตกลงโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยนและวัฒนธรรมไทย - จีน เพื่อนำนักศึกษาจีนจะมาทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม เพื่อแลกเปลี่ยนการอ่าน การพูด และการเขียนภาษา และเผยแพร่วัฒนธรรมจีนในสถานศึกษาสังกัด อบจ.ลำพูน โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา มัธยมศึกษา โรงเรียนเอกชน

ทั้งนี้ จะได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำงานโครงการฯ ในการกำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน การพิจารณากลั่นกรองโรงเรียนที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการ โดยตั้งเป้าหมายนำนักศึกษาจีนแลกเปลี่ยนจำนวน 40 คน เริ่มการเรียนการสอนภาษาจีน ตั้งแต่ระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 - วันที่ 3 มีนาคม 2558

องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จะเปิดรับสมัครโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป ถึง วันที่ 15 สิงหาคม 2557 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริหารการศึกษา กองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.ลำพูน เบอร์โทรศัพท์ 053-597-260 ต่อ 114


ข่าวโดย : นศ. ฝึกประสบการณ์ นางสาวเกศกนก แสงจันทร์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

ทหาร และ ประชาชน ร่วม พิธี ปลูกต้นไม้ และ บวชป่า เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ พุทธอุทยานชัยยะสุขังปางประทีป อ.ลี้ จ.ลำพูน

สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำพูน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในอำเภอลี้ จัดโครงการ ปลูกต้นไม้ และ บวชป่า เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหา มหาราชินี ที่ พุทธอุทยานชัยยะสุขังปางประทีป อ.ลี้ จ.ลำพูน เพื่อ ให้ทุกภาคส่วน ได้ตระหนักถึงปัญหาโรคร้อน โดย มีประชาชน เยาวชน ร่วมพิธี เป็นจำนวนมาก

วานนี้ ( 23 กรกฎาคม 2557 ) ประชาชนชาว อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ร่วม โครงการ ปลูกต้นไม้ และ บวชป่า เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ ในโอกาส วันสิ่งแวดล้อมโลก ที่ พุทธอุทยานชัยยะสุขังปางประทีป อ.ลี้ จ.ลำพูน โดยมี นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธาน เปิดโครงการ และ มี เจ้าหน้าที่ทหาร จาก กองกำลังรักษาความสงบแห่งชาติ กองพลทหารราบที่ 7 ส่วน แยก 2 และ ส่วนแยก 1 ประจำ จ.ลำพูน , หัวหน้าส่วนราชการ จ.ลำพูน , พระสงฆ์ , เยาวชน และ นักเรียน ร่วมกิจกรรมด้วย

นายสุวรรณทัสน์ ธนัญชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำพูน กล่าวว่า การจัดโครงการในครั้งนี้ มี วัตถุประสงค์ เพื่อ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ใน วโรกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2557 ที่ พระองค์ ทรงมี พระราชเสาวนีย์ เน้นย้ำให้ ชาวไทยทุกคน ช่วยกันรักษาผืนแผ่นดิน ให้สมกับที่ได้อยู่ อาศัยมาด้วยความสุข ให้รู้จักคุณค่า ในทรัพยากร ที่สำคัญ ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยกันปลูกต้นไม้ และ ทรงย้ำว่า อยากมีน้ำ ก็ต้องไม่ตัดป่า ซึ่งกิจกรรมในโครงการ จะช่วยส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนใน อำเภอลี้ ได้ตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรป่าไม้ รัก หวงแหน และ ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ ฟื้นฟูธรรมชาติ รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนใช้ทรัพยากร ป่า และ น้ำอย่างมีคุณค่า โดยการ ปลูกต้นไม้ และ บวชป่า มีโดย มี พระครูอินทวุฒิคุณ เจ้าคณะอำเภอลี้ เป็นประธานสงฆ์ ในการประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้น พระสงฆ์ , ประชาชน ได้ร่วมประกอบ พิธีบวชป่า และ ปลูกต้นไม้ อาทิ ต้นสัก , ต้นจามจุรี และ ต้นไม้ให้ผลกินได้ จำนวน 800 ต้น

พุทธอุทยาน ชัยยะสุขังปางประทีป ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2550 โดยได้รับอนุญาต ขอใช้พื้นที่ ป่าจากกรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 เพื่อเป็นพุทธอุทยาน เฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศล สดุดี เทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ใช้เป็นศูนย์รวมในการ ประกอบ พิธีทางศาสนา และ กิจกรรม เนื่องในโอกาสสำคัญ และ เป็นแหล่งเรียนรู้ แก่ เยาวชน และ ประชาชนทั่วไป .


ข่าวโดย : อรณิชา อินทา
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จ.ลำพูน จัดสภากาแฟ ครั้งที่ 7 หวังกระตุ้นทุกภาคส่วนเดินหน้าสนับสนุนช่วยเหลือพัฒนาจังหวัด

จ.ลำพูน จัดสภากาแฟ ครั้งที่ 7 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนในจังหวัด หวังกระตุ้นทุกภาคส่วนเดินหน้าสนับสนุนช่วยเหลือพัฒนาจังหวัด

จังหวัดลำพูนจัดสภากาแฟ ครั้งที่ 7 ณ เฮือนดาหลารีสอร์ท ตำบลป่าสัก อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มีเฮือนดาหลา รีสอร์ท นำโดย นางอุไรวรรณ เหลืองวรานันท์ เป็นเจ้าภาพ ในบรรยากาศแบบร่มรื่นใต้เงาไม้ ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน สภากาแฟเป็นการประชุมนอกรูปแบบ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนในจังหวัดลำพูน มีกำหนดจัดสภากาแฟเดือนละหนึ่งครั้ง สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของทุกภาคส่วนในบรรยากาศที่เป็นกันเอง นำไปสู่การประสานงานและเสริมสร้างความร่วมมือในการทำงานระหว่างกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลปัญหาความต้องการ พร้อมข้อเสนอแนะ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการและพัฒนาจังหวัดให้สอดคล้องกับความต้องการและสถานการณ์ โดยมี นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายจำลอง เณรแย้ม ปลัดจังหวัดลำพูน นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน พันโทธนารักษ์ ปองสิทธิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองพลทหารราบที่ 7 ส่วนแยก 1 จังหวัดลำพูน พันเอกจิตติวัศร์ ศรสุวรรณ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนและสื่อมวลชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ ได้มีการส่งมอบถ้วยกาแฟจำลองขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการจัดสภากาแฟให้กับ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำพูน นำโดย นายสุวรรณทัสน์ ธนัญชัย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำพูน เป็นเจ้าภาพครั้งต่อไป



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525519
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

ขนส่งลำพูน เปิดรับแจ้งข้อมูลเบื้องต้นการสำรวจรถตู้โดยสาร VIP ตั้งแต่วันที่ 21-25 กรกฎาคม 2557

นายสมควร ลี่วัฒนายิ่งยง ขนส่งจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 21-25 กรกฎาคม 2557 สำนักงานขนส่งจังหวัดลำพูนเปิดรับแจ้งข้อมูลเบื้องต้นในการสำรวจรถตู้โดยสาร VIP (รถตู้ป้ายดำ) ที่เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถนำรถมาวิ่งให้บริการในลักษณะเช่าเหมาเป็นระยะเที่ยว ซึ่งจะมีลักษณะการขนส่ง และพื้นที่ทำการขนส่งแตกต่างกันหลายรูปแบบ ทั้งนี้ เพื่อการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจากการสำรวจไปสู่กระบวนการพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป

สืบเนื่องจากการดำเนินการตามนโยบายการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มุ่งเน้นเสริมสร้างความปลอดภัยและความพึงพอใจในการใช้บริการของประชาชน สำนักงานขนส่งจังหวัดลำพูนร่วมกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองพลทหารราบที่ 7 ส่วนแยก 1 จะดำเนินการสำรวจข้อมูลตู้โดยสาร VIP (รถตู้ป้ายดำ) ที่เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถนำรถมาวิ่งให้บริการในลักษณะเช่าเหมาเป็นรายเที่ยว ซึ่งมีลักษณะการขนส่ง และพื้นที่ทำการขนส่ง และพื้นที่ทำการขนส่งที่แตกต่างกัน เช่น จ้างเหมาทั่วไป, รับ – ส่งพนักงาน, รับ – ส่งผู้บริหารหน่วยงาน, รับนักท่องเที่ยวให้กับโรงแรม บริษัทนำเที่ยว เป็นต้น โดยข้อมูลที่ได้จากการสำรวจทั้งหมด จะรวบรวมนำส่งไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อการร่วมกับกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ม.2 รอ.) ดำเนินการพิจารณาตามกระบวนการที่เหมาะสมต่อไป

ดังนั้น สำนักงานขนส่งจังหวัดลำพูนจึงขอแจ้งให้เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถที่นำรถไปให้บริการในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ได้ไปแจ้งข้อมูลพร้อมนำสำเนาทะเบียนรถ โดยให้ไปติดต่อได้ที่กลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดลำพูน ตั้งแต่วันที่ 21-25 กรกฎาคม 2257 ในเวลาราชการ หากมีข้อสงสัยประการใด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 5352 5545


ข่าวโดย : อรณิชา อินทา
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จ.ลำพูน กำหนดจัดงานมหกรรมปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้คนในชาติ วันที่ 26 กรกฎาคมนี้

จ.ลำพูน กำหนดจัดงานทำบุญตักบาตรฟังธรรม งานมหกรรมปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้คนในชาติ วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2557

นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป จังหวัดลำพูน กำหนดจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ภายใต้ชื่อ งานมหกรรมปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้คนในชาติ ในวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2557 เวลา 06.30 น. ณ พระวิหารหลวง วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เพื่อสร้างความปรองดองและคืนความสุขให้คนในชาติ อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความสมานฉันท์และพร้อมที่จะร่วมมือร่วมใจกันเดินหน้าประเทศไทยไปสู่ความสงบสุข จึงขอเชิญชวนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ บุคลากรในหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม งานมหกรรมปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้คนในชาติ โดยพร้อมเพรียงกัน



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525519
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

จ.ลำพูน เชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาลำไยปี 2557 ถึงวันที่ 25 กรกฎาคมนี้

จ.ลำพูน เชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาลำไยปี 2557 ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2557

นายอาณัติ วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า จังหวัดลำพูนได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาลำไยปี 2557 ซึ่งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2557 และมีระยะเวลาโครงการ ระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม 2557 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 โดยให้ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการทุกมาตรการได้ ตั้งแต่วันที่ 21-25 กรกฎาคม 2557 ในวันเวลาราชการ ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 กระจายลำไยออกนอกแหล่งผลิต จะได้รับการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและค่าขนส่ง กิโลกรัมละ 2.50 บาท ผู้เข้าร่วมโครงการต้องกระจายผลผลิตลำไยออกจากแหล่งผลิตไปตลาดปลายทางเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 400 กิโลเมตร และผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนต่อเมื่อราคาลำไยสดช่อ เกรด A รายวันตามประกาศของสำนักงานการค้าภายในจังหวัดลำพูน มีราคาต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14.39 บาท เท่านั้น ด้านการเสริมสภาพคล่องในการซื้อลำไยสดกระจายออกนอกแหล่งผลิต จะได้รับการสนับสนุนเงินชดเชยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 3 ให้แก่สถาบันเกษตรกร (กลุ่ม เกษตรกร สหกรณ์) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงิน คือ ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย และธนาคาร SME เพื่อเสริมสภาพคล่องในการซื้อลำไยกระจายไปยังตลาดปลายทางนอกแหล่งผลิต ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมโครงการได้ โดยหากเป็นสถาบันเกษตรกร (กลุ่ม เกษตรกร สหกรณ์) สมัครได้ที่ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดลำพูน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สมัครได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดลำพูน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมัครได้ที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน

มาตรการที่ 2 ส่งเสริมการแปรรูปลำไย ทั้งการแปรรูปลำไยอบแห้งทั้งเปลือกและแปรรูปลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง ให้ผู้เข้าร่วมโครงการที่กู้เงินจากสถาบันการเงิน คือ ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย และธนาคาร SME ได้ซื้อลำไยสดมาแปรรูป โดยทางราชการจะชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกินอัตราร้อยละ 3 ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ คือ สถาบันเกษตรกร (กลุ่ม เกษตรกร สหกรณ์) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการ ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดลำพูน ทั้งนี้ ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ หรือ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดลำพูน เลขที่ 94 หมู่ที่ 3 ตำบลต้นธง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน หมายเลขโทรศัพท์ 0-5351-1120 หรือหมายเลข 0-5351-2468 ในวันเวลาราชการ


ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525519
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

จังหวัดกำแพงเพชร สร้างความปรองดองสมานฉันท์ฯ ผ่านโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ที่หอประชุม ชั้น 3 วัดคูยาง พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร พระธรรมภาณพิลาส เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการประชุมโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 โดยมี นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และมีพระสงฆ์จากทุกอำเภอในจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน เข้าร่วมประชุม

โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ถือเป็นโครงการที่ช่วยสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ โดยใช้มติทางศาสนาผ่านโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ในดำริสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ปีงบประมาณ 2557 เพื่อปลุกจิตสำนึกของคนในชาติให้มาร่วมกันรักษาศีล 5 อันเป็นการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม สร้างความสุข ความสงบร่มเย็นแก่ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชน ได้รับการส่งเสริมให้ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนา เห็นคุณค่าของการรักษาศีล 5 และสามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม อันจะนำมาสู่ความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ สำหรับการรักษาศีล 5 เป็นพื้นฐานสำคัญ ที่ทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนตนเอง และไม่เบียดเบียนคนอื่น ส่งผลให้สังคมสงบสุขร่มเย็น ดังที่บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวว่า "ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง บุคคลใดชำระศีลให้บริสุทธิ์แล้ว ย่อมเป็นเหตุให้พ้นจากความทุจริต จิตจะร่าเริงแจ่มใส และเป็นทางหยั่งลง มหาสมุทร คือ พระนิพพาน” โดยหากหมู่บ้านใดนำไปปฏิบัติได้ ประชาชนย่อมจะอยู่เย็นเป็นสุขจะเกิดความสงบสุข และจะส่งผลให้ประเทศเกิดความสงบสุข ไม่ต้องทุกข์ ไม่หวาดระแวงซึ่งกันและกัน อันเป็นการพัฒนาจิตใจของประชาชน ให้อยู่ในกรอบของศีลธรรมอันดีงามสืบไป

จังหวัดกำแพงเพชรจัดโครงการหมู่บ้านถือศีล 5 ขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด มี วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและสร้างความตระหนักให้พุทธศาสนิกชนนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไปปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้นำชุมชนในอันที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมในหมู่บ้าน ให้เป็นสังคมที่มีแต่ความสุข ความเจริญและความก้าวหน้าต่อไป


นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว
นายรวีโรจน์ ส่องศรี ประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร / ตรวจ

จังหวัดเพชรบูรณ์ เร่งปราบปรามยาเสพติดและวางแนวทางการปฏิบัติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า จากการเร่งรัดดำเนินการภายใต้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องการปราบปรามยาเสพติดและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดติด ช่วงเดือนมิถุนายน 2557 สามารถจับกุมผู้กระทำผิด ได้รวม 608 ราย อำเภอที่จับกุมมากที่สุด ได้แก่ อำเภอหล่มสัก 151 ราย วิเชียรบุรี 103 ราย เมืองเพชรบูรณ์ 102 ราย หล่มเก่า 48 ราย หนองไผ่ 44 ราย ศรีเทพ 36 ราย บึงสามพัน 36 ราย เขาค้อ 28 ราย ชนแดน 26 ราย วังโป่ง 20 ราย น้ำหนาว 14 ราย เป็นบุคคลในพื้นที่ 546 ราย นอกพื้นที่ 62 ราย พื้นที่จับกุมมากที่สุด เทศบาลเมืองหล่มสัก 26 ราย ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก 26 ราย ตำบลบ่อรัง ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี แห่งละ 21 ราย

 ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ในเขตภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดเพชรบูรณ์ มีสถิติการจับกุมคดียาเสพติดมากที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินการอย่างจริงจังของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถิติสูงขึ้นและปรากฏเป็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่มิได้หมายความว่าจังหวัดเพชรบูรณ์มีการแพร่ระบาดรุนแรง จึงขอให้ประชาชนได้เข้าใจว่าจังหวัดได้เร่งรัดดำเนินการอย่างจริงจังซึ่งหลายคดีก็ได้รับความร่วมมือจากประชาชนแจ้งเบาะแส ขอให้มั่นใจว่าพื้นที่เพชรบูรณ์มีความปลอดภัยน่าท่องเที่ยว

สำหรับแนวทางต่อไป จะปฏิบัติการเข้มข้น ให้กองกำลังรักษาความสงบทหาร ตำรวจ ปกครอง กดดัน ป้องปราม ตรวจค้น ปิดล้อม ตั้งด่าน ตั้งจุดตรวจ จับกุมอย่างเต็มที่ ทำการกวาดบ้านสีขาว จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเพาะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะกดดันผู้ค้า ผู้ลำเลียงยุติบทบาท ควบคุมเครือข่าย จัดตั้งชุดสืบสวนขยายผล ยึด อายัดทรัพย์สินทุกคดีที่มีเงื่อนไข ปฏิบัติการกวาดล้างให้หมดสิ้น และสร้างภูมิคุ้มกันโดยเร็ว ต่อไป

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นประธาน ตรวจคัดเลือกศูนย์เรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจ พอเพียง ผู้นำอช.ดีเด่นฯ อำเภอหล่มสัก

วันนี้ (24 กค.57) เวลา10.00 น. นายสุชาติ ราษฎร์ดุษดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นประธาน ตรวจคัดเลือกศูนย์เรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจ พอเพียง ผู้นำอช.ดีเด่นฯ ร่วมกับคณะกรรมการ ระดับจังหวัด บ้านท่าดินแดง ตำบลท่าอิบุญ อำเภอหล่มสัก เพื่อคัดเลือกเป็น หมู่บ้านและผู้นำดีเด่น ของจังหวัดเพชรบูรณ์ และรับพระราชทาน รางวัลจากสมเด็จ พระเทพฯ โดยมี นายไพศาล สุขปัญญา พัฒนาการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยพัฒนาการอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มแม่บ้าน บ้านท่าดินแดง ม.9 ตำบลท่าอิบุญ อำเภอหล่มสักให้การ ต้อนรับและนำเสนอ ผลงานให้กรรมการ จังหวัดพิจารณา จำนวน 200 คน

โอกาสนี้ ได้นำความห่วงใยจาก นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ในเรื่องการ ประกอบอาชีพ การเกษตรโดยเฉพาะ อย่างยิ่งเกษตรกรผู้ทำนา ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สั่งการให้ทุกอำเภอดูแลเรื่องการ ส่งเสริมการลดต้นทุน การผลิต และได้ มอบหมายให้ นายอำเภอ ผู้กำกับ เกษตรอำเภอตรวจสอบดูแลเรื่องราคาปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชให้ จำหน่ายแก่เกษตรกร ด้วยราคาเป็นธรรม ขอให้พี่น้องทุกท่านได้ รับทราบในความตั้งใจ ของท่านผู้ว่าวิเชียร จันทรโณทัยในอันที่จะพัฒนาจังหวัดเพชรบูรณ์ให้พี่น้องมีความอยู่ เย็นเป็นสุข คืนความสุขให้กับพี่น้องชาวท่าอิบุญ เพชรบูรณ์ทุกคน

ชาวเพชรบูรณ์ประกาศเจตนารมณ์ หน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองแสดงพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน

ชาวเพชรบูรณ์ประกาศเจตนารมณ์ หน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองแสดงพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน

วันนี้ (24 ก.ค.57) ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่ารชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นำเครือข่ายพลังคนต้นน้ำ ข้าราชการ ประชาชน ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ 5 ภาคี ตามรอยพ่อของแผ่นดินในโครงการ”พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน”ปีที่ 2 The 2nd Annual Campaing on "The Power of Human Energy:A Journey Inspired by The King” จากนั้น ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง ปั่นจักรยานนำขบวนพลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน ไปที่สวนปราชญ์เกษตรอินทรีย์ชีวภาพสาขาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเรียนรู้การจัดการดินกับ ลุงวิชัย ใต้ระหัน ปราชญ์ชาวบ้าน โดยมีนักแสดง ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ ร่วมกิจกรรม การเก็บผัดสดปลอดสาร และร่วมบรรยายเรื่องการฟื้นฟูดิน การทำเกษตรฟื้นฟูดิน บนพื้นที่แค่ 3 ไร่ ซึ่งคุณลุงวิชัย เล่าว่าได้แรงบรรดาลใจมาจากหนังสือคำสอนของพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับปรัชญาพอเพียง จึงนำมาประยุกต์ตามหนังสือคำสอนของในหลวง จนประสบความสำเร็จ และเป็นต้นแบบการทำเกษตรพอเพียงให้กับประชาชนชาวไทยต่อไป

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 ประชุมหารือการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงในพื้นที่ ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 79/2557

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 ประชุมหารือการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงในพื้นที่ ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 79/2557

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 ร่วมกับ จังหวัดเพชรบูรณ์ เชิญผู้ประกอบการวิทยุชุมชน ร่วมประชุมหารือแนวทางปฏิบัติการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงในพื้นที่ ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 79/2557 ขอความร่วมมือผู้ประกอบการปฏิบัติโดยเคร่งครัด ล่าสุดมีวิทยุในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับอนุญาตออกอากาศแล้ว 14 แห่ง

วันนี้ (24 กค.57) เวลา 09.30 น. ที่แหล่งสมาคมนายทหารค่ายพ่อขุนผาเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ นายกฤษณ์ คงเมือง ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกับ พันเอกถนัดพล โกศัยเสวี เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 เป็นประธานในการประชุมการปฏิบัติในการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงในพื้นที่ โดยมี ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์ นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้บริหารสถานีวิทยุกระจายเสียงของรัฐ และผู้ประกอบวิทยุกระจายเสียงชุมชนในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวนกว่า 80 สถานี เข้าประชุม

ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อหารือการปฏิบัติในการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงให้เป็นไปตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 79/2557 เรื่อง เงื่อนไขในการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ และตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เรื่อง แนวทางในการปฏิบัติของสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการในการออกอากาศตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 79/2557

ด้านพันเอกถนัดพล โกศัยเสวี เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 ใช้แนวทางการพูดคุยชี้แจงทำความเข้าใจ ไม่มีการตรวจยึดสถานีวิทยุชุมชนแต่อย่างใด ซึ่งได้รับความร่วมมือด้วยดีมาตลอด ขณะเดียวกันได้ประสานงาน กสทช.เขต 10 พิษณุโลก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการวิทยุชุมชน ในการยื่นขอใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการและตรวจมาตรฐานทางเทคนิคเครื่องส่ง ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป พร้อมกล่าวขอความร่วมมือผู้ประกอบการวิทยุชุมชนได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ จากประกาศทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว วิทยุชุมชนที่จะออกอากาศได้ ต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ใช้เครื่องส่งที่ผ่านการตรวจสอบและเป็นไปตามมาตรฐานทางเทคนิค และจะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ทำ นำเข้า มี ใช้ ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม และตั้งสถานีวิทยุคมนาคม ตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่สำนักงาน กสทช. ประกาศรายชื่อให้ออกอากาศได้ตามปกติ มิฉะนั้น จะถูกเพิกถอนใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง โดยต้องยุติการออกอากาศทันที และจะต้องตัดสัญญาณเข้ารายการของ คสช. เมื่อมีการแจ้งประกาศหรือคำสั่งทุกครั้ง ซึ่งล่าสุดมีวิทยุในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับอนุญาตออกอากาศแล้ว 14 แห่ง

อบจ.พิษณุโลก ขอเชิญนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมในเทศกาลชิมกาแฟแก่งซอง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ประจำปี 2557

อบจ.พิษณุโลก ขอเชิญนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมในเทศกาลชิมกาแฟแก่งซอง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ประจำปี 2557

นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่าด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชมรมผู้ประกอบการล่องแก่ง กำหนดจัดงานเทศกาลชิมกาแฟแก่งซอง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ประจำปี 2557 ขึ้นในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม 2557 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลกให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ได้กำหนดให้มีพิธีเปิดงานในวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 ณ บริเวณลำน้ำเข็กเชิงสะพานบ้านท่าข้าม หมู่ที่ 5 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป สำหรับการล่องแก่งลำน้ำเข็กจะเริ่มต้นจากบริเวณบ้านทรัพย์ไพรวัลย์ ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง ล่องไปสู่บริเวณตอนบนของน้ำตกแก่งซอง ความพิเศษจะอยู่ที่การเริ่มต้นจากกระแสน้ำนิ่ง ในระดับ 1 และเข้าสู่ความสนุกสนานท้าทายขึ้นตามลำดับจนกระทั่งถึงระดับสูงสุด ในระดับ 5 ในช่วงท้าย ซึ่งลำน้ำเข็กจะขนานไปกับทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก – หล่มสัก รวมระยะทางในการล่องแก่งประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการล่อง ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งการล่องแก่งลำน้ำเข็ก ถือว่าเป็นกิจกรรมล่องแก่งที่มีชื่อเสียงติด 1 ใน 5 แห่งของประเทศไทย เนื่องจากมีกระแสน้ำไหลผ่านเกาะแก่งมากมายตามระดับความยากง่ายตลอดเส้นทางและมีความปลอดภัยสะดวกในการเดินทาง เพราะรถยนต์สามารเข้าถึงจุดล่องแก่งโดยไม่ต้องเดินเท้าอีก ซึ่งนอกจากกิจกรรมการล่องแก่งด้วยเรือยางแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้ชิมลิ้มรสกาแฟแก่งซอง ซึ่งเป็นกาแฟท้องถิ่นพันธุ์อราบิก้า ต้นตำรับที่มีความเข้มและหอมหวาน ตามแบบฉบับกาแฟแก่งซอง ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ในร้านต่างๆตามเส้นทางล่องแก่งลำน้ำเข็กอีกด้วย ดังนั้นในหน้าฝนปีนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกจึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมค้นหาประสบการณ์การผจญภัย สัมผัสความสุข สนุกสนาน ตื่นเต้น และท้าทายได้ในเทศกาลชิมกาแฟแก่งซอง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ของจังหวัดพิษณุโลกตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป

นักเตะชมรมคนบ้านบ้าน โชว์ฟอร์มถล่มทีมผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น อำเภอบางกระทุ่ม ในการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกระชับความสัมพันธ์ ตามโครงการ สวท.สัญจร ผูกมิตร ใกล้ชิดชุมชน ครั้งที่ 4

อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นำทีมนักเตะชมรมคนบ้านบ้าน เตะบอลกระชับมิตร กับทีมผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น อำเภอบางกระทุ่ม โดยผลการแข่งขัน นักเตะชมรมคนบ้านบ้าน โชว์ฟอร์มสมคำล่ำลือ ถลุงเจ้าถิ่นไปแบบขาดลอย 6 ประตูต่อ 2

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่สนามโรงเรียนราษฎร์ดำริ หมู่ที่ 1 บ้านย่านยาว ตำบลโคกสลุด อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก เป็นการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกระชับความสัมพันธ์ ตามโครงการ สวท.สัญจร ผูกมิตร ใกล้ชิดชุมชน ครั้งที่ 4 ระหว่าง ทีมเยือนนักเตะชมรมคนบ้านบ้าน นำทีมโดย นาย ปรีชา เรืองจันทร์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นำทีมแข้งซุปตาร์ รุ่นอาวุโส ทีมชมรมคนบ้านบ้านพบกับทีม ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ของอำเภอบางกระทุ่ม นำโดย นาย ธงชัย ทุ่งโพธิ์แดง นายอำเภอบางกระทุ่ม เริ่มเกมการแข่งขัน เป็นฝ่ายเจ้าถิ่น ที่เปิดเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง และมาได้ 2 ประตู ต่อเนื่อง จากการประสานงานอย่างเป็นระบบให้ ให้แฟนคลับเจ้าถิ่นได้เฮ กันก่อน ตั้งแต่ช่วงต้นเกม แต่หลังจากนั้น แข้งซุปตาร์ รุ่นอาวุโส ชมรมคนบ้านบ้าน ปรับแทคติก เปลี่ยนแผนการเล่นใหม่ พร้อมส่งแข้งสำรองลงสนาม ทำให้รูปเกมกลับมาดูดีขึ้น และมาได้ 2 ประตูรวดเช่นกัน ทำให้กลับมาเสมอกัน 2 ประตูต่อ 2 ก่อนที่กรรมการจะเป่าหมดเวลาในครึ่งแรก เริ่มเกมส์กันต่อในครึ่งเวลาหลัง ทีมเยือน โหมบุกหนัก แบบชาวบ้านที่มาเชียร์เรียกว่า พับสนามบุก เล่นเอากองหลัง และผู้รักษาประตูของเจ้าถิ่นต้องทำงานหนัก แต่สุดท้ายก็ต้านไม่ไหว ทีมเยือนมาได้ยิงประตูเพิ่มได้อีก 4 ประตูรวด ทำให้จบเกมส์การแข่งขัน นักเตะชมรมคนบ้านบ้าน บุกมาเผาเครื่อง เจ้าถิ่นไปแบบขาดลอย 6 ประตูต่อ 2

จังหวัดพิษณุโลกจัดการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำเดือนกรกฎาคม2557 โดยมีส่วนราชการและสื่อมวลชนเข้าร่วมการแถลงข่าวกันอย่างพร้อมเพรียง

จังหวัดพิษณุโลกจัดการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำเดือนกรกฎาคม2557 โดยมีส่วนราชการและสื่อมวลชนเข้าร่วมการแถลงข่าวกันอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่โรงแรมวังแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายระพี ผ่องบุพกิจ จังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำเดือนกรกฎาคม2557 ของจังหวัดพิษณุโลก โดยมีหัวหน้าส่วนราชการจากหลายหน่วยงานมาร่วมชี้แจงและตอบข้อซักถาม แก่สื่อมวลชนที่มาร่วมรับฟังการแถลงข่าว โดยในการแถลงข่าวในครั้งนี้มีเรื่องที่น่าสนใจ อาทิเช่น การชี้แจงการจัดระเบียบสังคมเด็กและเยาวชนของจังหวัดพิษณุโลก การจัดระเบียบรถรับส่งนักเรียน การจัดระเบียบรถแท็กซี่ในกรณีไม่กดมิเตอร์ โดย พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก นายวิรัช พิพัฒสัตยานุวงศ์ อัยการจังหวัดพิษณุโลก และนางกัญญ์ฐญาณ์ ภู่สวาสดิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก ส่วนตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ชี้แจงและตอบข้อซักถามในเรื่องผลการปฏิบัติราชการในห้วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 1 - 20 กรกฎาคม 2557 โดยมีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ 1 ราย ในคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่บริเวณคันคลองชลประทาน หมู่ 5 ตำบลจอมทอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก จับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด 284 รายได้ผู้ต้องหา 296 คนของกลางเฮโลอิน 23,700 กรัม กัญชาแห้ง 102 กรัม ยาบ้า 13,908 เม็ด ยาไอซ์ 37,048 กรัม การสรุปผลสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดพิษณุโลก

โดยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ฤดูกาลผลิตปี 2557/58 โดยเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก การจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สรุปสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ และการออกกฎหมายห้ามขายห้ามดื่มเหล้าในเขตสถานีรถไฟและบนรถไฟ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก การขยายเวลาการเปลี่ยนขอใช้สิทธิเลือกตั้ง และการแจ้งย้ายอาคารที่ทำการใหม่ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดพิษณุโลก การเตรียมจัดกิจกรรมโครงการจักยานรวมใจ ผองไทยสุขภาพดี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและโครงการพัฒนาโปรแกรมทักษะสร้างความคุ้นเคยกับน้ำสำหรับเด็ก โดยศูนย์อนามัยที่ 9 พิษณุโลก การสรุปข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานหรือ จปฐ. และข้อมูลพื้นฐาน ปี 2557 ของจังหวัดพิษณุโลก โดยพัฒนาการจังหวัดพิษณุโลก และการเตรียมจัดกิจกรรมในโครงการศรีสุขนาฏกรรม วัฒนธรรมอาเซียน เฉลิมพระเกียรติวันแม่แห่งชาติ โดยวัฒนธรรมจังหวัดและสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เป็นต้น

สวท.พิษณุโลก จัดโครงการ สวท.สัญจร ผูกมิตร ใกล้ชิดชุมชน ครั้งที่ 4 ที่ตำบลโคกสลุด อำเภอบางกระทุ่ม

สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพิษณุโลก จัดโครงการ สวท.สัญจร ผูกมิตร ใกล้ชิดชุมชน ครั้งที่ 4 ที่โรงเรียนราษฎร์ดำริ หมู่ที่ 1 บ้านย่านยาว ตำบลโคกสลุด อำเภอบางกระทุ่ม

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนราษฎร์ดำริ หมู่ที่ 1 บ้านย่านยาว ตำบลโคกสลุด อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก นายนุกูล นาคคชฤทธิ์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ร่วมจัดโครงการ สวท.สัญจร ผูกมิตร ใกล้ชิดชุมชน ครั้งที่ 4 นายนุกูล นาคคชฤทธิ์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพิษณุโลกกล่าวว่า การจัดโครงการ สวท.สัญจร ผูกมิตร ใกล้ชิดชุมชน เป็นการ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานีฯกับประชาชนชนที่รับฟังรายการในพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหาและสอบถามความต้องการด้านประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าว เพื่อนำมาปรับปรุงให้สอดคล้องต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งจะทำการหมุนเวียนไปตามแต่ละอำเภอ เดือนละ 1 ครั้ง พร้อมกันนี้ได้ร่วมจัดกิจกรรมกับประชาชนในพื้นที่ โดยบูรณาการหน่วยราชการในจังหวัดพิษณุโลกออกให้บริการ เช่น อำเภอยิ้ม อำเภอบางกระทุ่ม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 36 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานเกษตร สถานีพัฒนาที่ดิน สถานีไฟป่า สถานีเพาะชำกล้าไม้ จังหวัดทหารบกพิษณุโลกและทหารจากกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 กองทัพภาคที่ 3 พร้อมชมรมคนบ้านๆ สำหรับการจัดโครงการ สวท.สัญจร ผูกมิตร ใกล้ชิดชุมชน ที่จัดขึ้นในวันนี้ ได้จัดให้มีกิจกรรมเวทีเสวนาเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่และศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีงาม โดยถ่ายทอดเสียงผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพิษณุโลก ระบบ เอเอ็มความถี่ 1026 กิโลเฮิร์ท จากนั้นได้จัดให้มีพิธีมอบหลังคาห้องประชุมโรงเรียนราษฎร์ดำริ จัดกิจกรรมคลีนิคฟุตบอลให้กับเด็กและเยาวชนมีการฝึกสอนทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล โดยวิทยากรจากชมรมคนบ้านๆ พร้อมทั้งจัดแข่งขันฟุตบอลระหว่างเด็กและเยาวชนที่ผ่านการฝึกสอน และทีมผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นกับประชาชน ตำบลโคกสลุด อีกทั้งภาคค่ำ ได้จัดกิจกรรมปูสื่อรับประทานอาหารเย็นลักษณะข้าวหม้อ แกงหม้อ แนะนำทีมงานของ สวท.พิษณุโลก พร้อมร่วมสนุกกับวงดนตรีจากจังหวัดทหารบกพิษณุโลก