สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า จากกรณีมีผู้ป่วยคือนายอุทัย เวียงคำ ชาวบ้านแม่พวก ตำบลห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแพร่และแจ้งว่าถูกแมงมุมกัด จนกระทั่งถูกตัดขาขวาไปหนึ่งข้าง นั้น วันนี้(24ก.ค.57) ทางทีมแพทย์พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านแม่มุม ซึ่งประกอบด้วย ดร.พัชนี วิชิตพันธุ์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มผู้สนใจศึกษาแมงมุมแห่งประเทศไทย แพทย์หญิงธัญจิรา จิรนันทกาญจน์ จากโรงพยาบาลศิริราช นายแพทย์สุชัย สุเทพารักษ์ จากสภากาชาดไทย และนายแพทย์ธงชัย มีลือการ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพร่ได้ร่วมหารือกับนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลห้วยไร่ บ้านน้ำแรม ตำบลห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากแมงมุมชนิดใด
ทางคณะแพทย์ต่างยืนยันเหมือนกันว่าแม้จะเป็นแผลที่เกิดจากแมงมุมพิษสีน้ำตาลจริงก็ไม่มีอาการและบาดแผลขนาดที่เกิดขึ้นกับนายอุทัย แต่แผลที่เกิดกับนายอุทัยน่าจะเกิดจากการติดเชื้อและแบคทีเรียซึ่งไม่ได้รับการดูแลรักษาบาดแผลตั้งแต่เริ่มแรก
นายแพทย์สุชัย สุเทพารักษ์ จากสภากาชาดไทยกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นแมงมุมพิษสีน้ำตาล ผู้ป่วยคนนี้อาจจะมีแผลติดเชื้อซึ่งอาการอาจจะไม่ใช่พิษแต่เป็นการติดเชื้อ แม้ประเทศไทยจะเจอแมงมุมพิษสีน้ำตาลก็ไม่น่ากลัวมากนัก
แพทย์หญิงธัญจิรา จิรนันทกาญจน์ ยังกล่าวว่าแผลที่เห็นเป็นผลจากการติดเชื้อทำให้คนไข้มีอาการหนัก หากรับพิษจากแมงมุมพิษโดยทั่วไปไม่แย่ขนาดนี้ ซึ่งผุ้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนจนถึงขั้นตัดขา
ด้านนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ กล่าวว่าได้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเช้ามาช่วยดู โดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจะมาดูพื้นที่ก็อยากให้ยืนยันว่าเป็นแมงมุมชนิดไหนแน่ที่กัด และวงจรชีวิตของแมงมุมเหล่านี้เป็นอย่างไร และขอคำแนะนำว่าควรดูแลความเป็นอยู่อย่างไร เพื่อคลายความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งที่พบแมงมุมในพื้นที่เป็นแมงมุมแม่ม่ายสีน้ำตาลจริงๆ ซึ่งมีทั่วไป แต่ไม่ต้องกังวลเพราะพบทั่วไปและแมงมุมก็ไม่กัดคนถ้าไม่ไปนั่งทับเขาและพิษแมงมุมก็ไม่รุนแรงมาก
นอกจากนี้กลุ่มผู้สนใจศึกษาแมงมุมประเทศไทยยังได้ลงพื้นที่ทั้งบ้านนายอุทัย และบริเวณในหมู่บ้าน เพื่อจับแมงมุมและตามล่าหาแมงมุมพิษสีน้ำตาลว่ามีจริงหรือไม่ โดยจะทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน
ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว /พิมพ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น