วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

นายกรัฐมนตรี ประชุมผู้บริหารระดับสูงและ ผวจ.17 จังหวัดภาคเหนือในการเตรียมการป้องกันภัยแล้ง ไฟป่า และหมอกควัน

นายกรัฐมนตรีประชุมผู้บริหารระดับสูงและ ผวจ. 17 จังหวัดภาคเหนือเพื่อมอบนโยบายในการป้องกันภัยแล้ง ไฟป่าและหมอกควัน ในวันนี้ (27 ก.พ.57) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ โดยการป้องกันปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ได้เน้นย้ำให้นำแนวคิดเรื่องเกษตรอินทรีย์มาปรับใช้ทดแทนแนวคิดเรื่องการเผา ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์กลางการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ และการนำแนวทาง 2P 2R มาปรับใช้ ส่วนการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแนวทางการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทุกมิติ และมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่โดยชี้แจงสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยของรัฐบาลแก่ประชาชน

วันนี้ (27 ก.พ.57) เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษาจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อมอบนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปี 2557 และการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2557 ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2557 ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์มาตรการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้ประสบภัย โดยมีการประสานการปฏิบัติและสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2553-2557 โดยให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งระดับจังหวัดและอำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ของอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ และแบ่งหน้าที่การปฏิบัติอย่างชัดเจนและเป็นระบบ

ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปี 2557 นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ได้มอบหมายให้ส่วนราชการและจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดหมอกควันและไฟป่า โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน และ ตาก ได้นำไปใช้ในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในช่วงฤดูแล้ง โดยเน้นย้ำการนำแนวคิดในเรื่องเกษตรอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาเผยแพร่และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่แทนแนวคิดเรื่องการเผา เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างจริงจัง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์กลางการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ โดยในแต่ละพื้นที่ให้มีการแบ่งพื้นที่และภารกิจ พร้อมทั้งกำหนดหน่วยงานในการรับผิดชอบที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดการบูรณาการของหน่วยงาน สามารถนำจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานมาผสมผสานการทำงานร่วมกัน และให้นำแนวทาง 2P 2R มาปรับใช้ให้เกิดความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหามิให้มีการเผาในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเข้มข้น คุมเข้มมิให้มีการเผาในพื้นที่เสี่ยงช่วงวิกฤตหมอกควัน ภายใต้การทำงานของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ในทุกระดับ และสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และดับไฟป่ามิให้ขยายวงกว้าง

ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2557 นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กบอ. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันวางแนวทางการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมในทุกมิติ โดยเน้นการบริหารจัดการน้ำ และการกระจายน้ำแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง ควบคู่กับการวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระดับพื้นที่ โดยให้ชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน และเกษตรกรเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยของรัฐบาล โดย น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ให้เร่งสำรวจปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ เป่าล้างบ่อบาดาลเดิมและขุดบ่อบาดาลใหม่ เพื่อให้ประชาชน ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมมีน้ำใช้อย่างเพียงพอและทั่วถึง น้ำเพื่อการเกษตร ให้ประสานการจัดทำฝนหลวง และเร่งสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน พร้อมทั้งให้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย งดเว้นการทำนาปรัง น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ ให้วางแผนเปิด-ปิดประตูน้ำและปล่อยน้ำจากเขื่อนให้สัมพันธ์กับช่วงระยะเวลาที่น้ำทะเลหนุน เพื่อ มิให้น้ำประปาได้ผลกระทบจากค่าความเค็มของน้ำทะเล

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ได้ลงพื้นที่บริเวณดอยสุเทพ เพื่อชมการจัดทำปุ๋ยหมักด้วยวัสดุเหลือใช้ทางธรรมชาติและใบไม้ รวมทั้งร่วมทำแนวกันไฟกับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

ชุมชนบ้านน้ำล้อม เขตเทศบาลเมืองน่านดำเนินโครงการพัฒนาเมืองคืบหน้าไปได้ร้อยละ 70 แล้ว

จากการที่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้อนุมัติงบประมาณให้ ชุมชนบ้านน้ำล้อม เทศบาลเมืองน่าน ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 1,933,790 บาท เพื่อพัฒนาเมือง นั้น ความคืบหน้าสามารถดำเนินงานไปถึงร้อยละ 70 แล้ว ซึ่ง นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า โครงการพัฒนาเมืองที่ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองน่านที่กำลังดำเนินงาน ณ ขณะนี้มีเพียงแห่งเดียว คือ ชุมชนบ้านน้ำล้อมซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองน่านที่ ในการพัฒนาเมืองตามโครงการ"ข่วงคนอายุยืน ฟื้นอัตลักษณ์เมืองเก่าน่าน เล่าขานตำนานชุมชน" ที่ได้นำเสนอและรับการจัดสรรงประมาณมาแล้ว และนี้กำลังดำเนินการอยู่ซึ่งผ่านไปได้ร้อยละ 70 แล้ว

ในส่วนของเทศบาลเมืองน่านนั้น ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่ดูแลชุมชนในเขตเทศบาล ทางเทศบาลได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือชุมชนบ้านน้ำล้อมด้วยการเป็นหน่วยงานกลางที่ประสานกับชุมชนด้วยการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแนวทางการจัดทำแผนงานโครงการรวมถึงหลักเกณฑ์ต่างๆ ส่งให้ชุมชนเพื่อให้ชุมชนได้นำไปเผยแพร่ต่อพี่น้องชาวบ้านได้รับทราบพร้อมทั้งร่วมกันพิจารณา ช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผน เทศบาลเป็นเพียงหน่วยงานที่แนะนำเรียกง่ายๆว่าเป็นพี่เลี้ยงในการจัดทำแผนของชุมชน ชุมชนได้คิดและวางแผนกันเองพร้อมกับทำประชาคมชุมชนเพื่อให้ได้ข้อยุติ แล้วจึงนำมาส่งยังเทศบาลเพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของโครงการพัฒนาเมืองพิจารณา


นิสารัชต์ นิลสว่าง/ข่าว, ศรายุทธ ประเสริฐนิรมล/ภาพ

น่าน หลายพื้นที่เตรียมความพร้อมหลังพบแหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่งเริ่มแห้งขอด โดยจังหวัดได้ประกาศภัยแล้งแล้ว 2 อำเภอ

วันนี้ 27 ก.พ. 57 จากการที่จังหวัดน่าน ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(ภัยแล้ง)ในพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดน่าน คืออำเภอเฉลิมพระเกียรติ ในพื้นที่หมู่ที่ 1 – 7 ตำบลห้วยโก๋น หมู่ที่ 1 – 15 ตำบลขุนน่าน รวม 2 ตำบล 22 หมู้บ้าน และที่อำเภอปัวในพื้นที่ หมู่ 4,6,7,10 ตำบลศิลาเพชร หมู่ที่ 1,3,4,5,7,8 ตำบลไชยวัฒนา หมู่ที่ 2,3 ตำบลวรนคร หมู่ที่ 2,3,6 ตำบลศิลาแลง หมู่ที่ 1-11 ตำบลอวน หมู่ที่ 1,3,5,6 ตำบลแงง หมู่ที่ 1,5 ตำบลปัว หมู่ที่ 1-13 ตำบลสภาน หมู่ที่ 1,8 ตำบลเจดีย์ชัย รวมทั้งสิ้น 9 ตำบล 47 หมู่บ้าน ซึ่งส่งผลให้พื้นที่และทรัพย์สินทางการเกษตร(พืชไร่/พืชสวน/นาข้าว)ได้รับความเสียหาย จังหวัดน่านโดยผู้ว่าราชการจังหวัดน่านได้อาศัยอำนาจตามระเบียบกระทรวงการคลัง พ.ศ.2556 ข้อ 20(2)วรรคท้าย ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(ภัยแล้ง) เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบเป็นการเร่งด่วนแล้ว

ส่วนในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา นายสุพจน์ มูลฐี นายกอบต.นาเหลือง นำเจ้าหน้าที่เร่งออกสำรวจแหล่งน้ำธรรมชาติภาย หลังจากชาวบ้านใน 7 หมู่บ้าน จำนวนกว่า 1 พันครัวเรือน เริ่มได้รับความเดือดร้อนจากภาวะภัยแล้ง โดยพบว่าแหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่งเริ่มแห้งขอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ลำห้วยนาเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญของตำบลนาเหลือง ระดับน้ำลดลงต่ำมากจนถึงพื้นดิน ส่งผลเครื่องสูบน้ำประปาของหมู่บ้านไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาแจกจ่ายไปตามบ้านเรือนต่างๆได้ ส่งผลให้ชาวบ้านเริ่มขาดแคลนน้ำกิน น้ำใช้ ต้องเร่งนำกระสอบทรายกั้นในลำห้วยเป็นระยะๆ เพื่อกักน้ำไว้ให้ชาวบ้านได้ตักมาใช้ ขณะที่พื้นที่การเกษตร 3 พันกว่าไร่ ที่ชาวบ้านหันมาปลูกถั่วเหลือง และข้าวโพด แทนการทำนาปรังเนื่องจากเป็นพืชที่ใช้น้ำหล่อเลี้ยงน้อยกว่า ขณะนี้ก็มีสภาพใบเหลือง แห้งเหี่ยว ร่วง และเริ่มยืนต้นตาย เพราะเริ่มขาดน้ำ ด้านนายสมสาย ภูคำอ้ายผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านนาเหลืองใน ต.นาเหลือง อ.เวียงสา จ.น่าน เปิดเผยว่า ปีนี้ภัยแล้งมาเร็ว และแล้งจัดมาก โดยชาวบ้าน หมู่ 1 มีจำนวน 226 หลังคาเรือน กำลังเดือนร้อนขาดน้ำกิน น้ำใช้ อย่างหนัก ต้องอาศัยรถน้ำของ อบต.นาเหลืองขนน้ำ เข้ามาให้เพราะบ่อน้ำบาดาลที่ขุดไว้ตามบ้านแห้งขอด รวมทั้งแหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆก็ลดลงจนถึงพื้นดินไม่เพียงพอใช้ นอกจากนี้พื้นที่การเกษตรปลูกยางพารา ถั่วเหลือง และข้าวโพด 2 พันกว่าไร่ก็เริ่มใบเหลือง ใบร่วง เพราะขาดน้ำ จนแทบจะไม่สามารถปลูกอะไรได้แล้ว



ศรายุทธ  ประเสริฐนิรมล  ภาพ / ข่าว

สรรพากรพื้นที่น่าน แจ้งยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายประจำปี 2556

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน ได้รับแจ้งจากสำนักงานสรรพากรพื้นที่น่าน ว่า ด้วยขณะนี้ถึงกำหนดเวลาที่ผู้มีเงินได้จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปี 2556 จึงขอให้ผู้มีเงินได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส บำเหน็จ บำนาญ ค่านายหน้า ค่าส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทำ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม การให้เช่าทรัพย์สิน เช่าซื้อทรัพย์สิน วิชาชีพอิสระ วิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลป์ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี การรับเหมา การประกอบธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือกิจการอื่น ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2556 โดยสามารถยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2557 ที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่จังหวัดน่าน / สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา / ศูนย์เรียนรู้ มุ่งสู่คุณภาพการให้บริการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง อาคารพัสดุ สำนักงานสรรพากรพื้นที่น่าน ถนนสุมนเทวราช ติดกับศาลากลางจังหวัดน่าน ตรงข้ามสวนสาธารณะศรีเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ในวันและเวลาราชการ สำหรับการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านอินเตอร์ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 8 เมษายน 2557 ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร http://www.rd.go.th/ หรือติดต่อสอบถามได้ที่ 0-5478-3683-5

และด้วยขณะนี้เป็นเวลาที่หน่วยงานผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ภาครัฐบาล องค์การของรัฐ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตลอดจนผู้ประกอบธุรกิจทั่วไป จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ประจำปี 2556 (แบบ ภ.ง.ด.1 ก และ แบบภ.ง.ด.1 ก พิเศษ เพื่อสรุปการจ่ายเงินได้และจำนวนเงินภาษีที่ได้นำส่งไว้ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว โดยสามารถยื่นแบบแสดงรายการให้ยื่นได้ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่หน่วยงานผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ตั้งอยู่ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 หรือติดต่อสอบถามได้ที่ 0-5478-3683-5


พวงพยอม  คำมุง

ขอเชิญร่วมงานบรรพชาอุปสมบทหมู่วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม

จังหวัดน่าน ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมงานบรรพชาอุปสมบทหมู่ ณ วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม ในพระสังฆราชูปถัมภ์ บ้านผาตูบ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

พระครูกิตติจันทโรภาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม ในพระสังฆราชูปถัมภ์ บ้านผาตูบ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน กำหนดจัดโครงการบรรพชาอุปสมบท ภาคฤดูร้อนพระพลังแผ่นดิน รุ่นที่ 1 ในระหว่างวันที่ 8-27 มีนาคม 2557 และจัดกิจกรรมเจริญพระพุทธมนต์ 9 วัด (ไหว้พระ 9 วัด) ในวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2557 เพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยมีกำหนดการบรรพชาอุปสมบท โกนผมในวันที่ 1 มีนาคม 2557 เวลา 12.00 น. และบวช ในวันที่ 8 มีนาคม 2557 เวลา 10.30 น. ณ วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม ในพระสังฆราชูปถัมภ์

นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมการตักบาตรพระใหม่ ในวันอาทิตย์ ที่ 9 มีนาคม จนถึงวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2557 เริ่มเวลา 05.55 น. ถึง 08.00 น. แบ่งสายบิณฑบาต ออกเป็น 2 สาย ได้แก่ สายที่ 1 เริ่มรับบิณฑบาต ที่หน้าโรงแรมน่าฟ้าธานินทร์ ถึงหน้าโรงเรียนบ้านดอนศรีเสริมกสิกร สายที่ 2 เริ่มรับบิณฑบาต บริเวณด้านทิศตะวันตกของสวนศรีเมือง ถึงหน้าร้านชินวัฒนา ส่วนกิจกรรมไหว้พระ 9 วัด ที่เมืองนันทบุรี กำหนดจัดในวันที่ 16 มีนาคม 2556

ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่าน เข้าร่วมร่วมงานบรรพชาอุปสมบทหมู่ ในวันที่ 8 มีนาคม 2557 ณ วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม ในพระสังฆราชูปถัมภ์ บ้านผาตูบ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ร่วมทำบุญตักบาตรพระใหม่ ในช่วงวันที่ 9 – 28 มีนาคม 2557 ณ สถานที่ดังกล่าว ตลอดจนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมการบรรพชาอุปสมบท และกิจกรรมไหว้พระ 9 วัด ที่เมืองนันทบุรี อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน


รดา บุญยะกาญจน์ /ข่าว

จังหวัดน่าน ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

จังหวัดน่าน ดำเนินงานสืบต่องานด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เน้น 3 ฐานทรัพยากร ประกอบด้วย ทรัพยากรกายภาพ ทรัพยากรชีวิภาพ และทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญา

นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.จังหวัดน่าน) เพื่อรับทราบข้อสรุปในภาพรวมในการดำเนินงาน โครงการ อพ.สธ. และหน่วยงานร่วมสนองพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ซึ่งผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2556 ที่ผ่านมากิจกรรมของ อพ.สธ. มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงาน และมีหน่วยงานที่ร่วมสนองพระราชดำริโครงการ ประกอบด้วย อำเภอเชียงกลาง ตชด.324 ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ ตชด.325 ธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์จังหวัดน่าน สพฐ.น่าน เขต 2 โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม โรงเรียนสาราธรรมวิทยาคาร วิทยาลัยการอาชีพเวียงสา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาน่าน และอำเภอภูเพียง

สำหรับแผนแม่บทของโครงการ อพ.สธ. ประกอบด้วย 3 ฐานทรัพยากร ได้แก่ ฐานทรัพยากรกายภาพ ฐานทรัพยากรชีวิภาพ และฐานทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญา และมีกิจกรรมสนับสนุนการดำเนินงาน 8 กิจกรรม ดังนี้คือ กิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืช กิจกรรมสำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช กิจกรรมปลูกรักษาพันธุกรรมพืช กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช กิจกรรมศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช กิจกรรมวางแผนพัฒนาพันธุ์พืช กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช และกิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช

ส่วนแผนการปฏิบัติงานตามโครงการฯ ในปีงบประมาณ 2557 จังหวัดน่าน ได้ดำเนินการจัดทำโครงการตามกิจกรรมสนับสนุน รวม 8 กิจกรรม ทั้งนี้เพื่อพัฒนาบุคลากรในด้านการอนุรักษ์พัฒนาทรัพยากรพันธุกรรมพืชให้มีความรู้ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของพันธุกรรมพืช และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนชาวไทยต่อไป



รดา บุญยะกาญจน์ /ข่าว

ชมรมคนรู้ใจ มอบทุนอาหารกลางวันและสิ่งของที่จำเป็นแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านใหม่ อ.เมือง จ.พะเยา

เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.57) ชมรมคนรู้ใจ ซึ่งนำโดย นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานมอบเงินทุนอาหารกลางวันจำนวน 20,000 บาท แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านใหม่ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานต่างๆ มอบสิ่งของให้กับทางโรงเรียนซึ่งประกอบด้วย ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดพะเยา มอบอุปกรณ์กีฬาจำนวน 1 ชุด , สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด มอบลูกไก่พันธุ์เนื้อ จำนวน 50 ตัว , สำนักงานประมงจังหวัด มอบพันธุ์ปลา จำนวน 3,000 ตัว พร้อมอาหารปลา สำนักงานเกษตรจังหวัด มอบเมล็ดพันธุ์ผัก , องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา มอบปุ๋ย จำนวน 1 กระสอบ , สำนักงานการค้าภายใน มอบข้าวสาร 1 กระสอบ , และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดพะเยา มอบไอศกรีม 1 ถัง

สำหรับโรงเรียนบ้านใหม่ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 77 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยาเขต 1 ปัจจุบัน เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งหมด 68 คน มีครูที่ทำการสอนในโรงเรียน 5 คน ครูจ้างสอน 3 คน



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

นายอำเภอเชียงคำ ขอความร่วมมือผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ทำแนวกันไฟ เน้นป่าอนุรักษ์ ป่าชุมชน

นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล นายอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วย กำนัน , สารวัตรฯ ผู้ใหญ่บ้าน , นายก อบต. ตลอดจนนายกเทศบาลตำบล ในพื้นที่อำเภอเชียงคำรวม 10 ตำบล 134 หมู่บ้าน ในการทำแนวกันไฟป่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหมอกควันที่จะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยการทำแนวกันไฟในครั้งนี้ได้เน้นที่ป่าชุนชน , ป่าอนุรักษ์ เพราะเป็นป่าเบญจพรรณค่อนข้างจะสมบูรณ์ หากเกิดไฟป่าขึ้นจะทำให้เสียหายอย่างหนัก ขณะที่ภาพรวมไฟป่าในพื้นที่ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ค่อนข้างรุนแรงคือเกิดขึ้นแทบทุกวัน

นายอำเภอเชียงคำ กล่าวอีกว่า ทางอำเภอยังได้ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น คือนายทอน ใจดี อดีตกำนัน ต.เวียง และประธานสภาเทศบาลบ้านทราย และนายถาวร อ่อนนวล นายกเทศมนตรีบ้านทราย รวมไปถึงชาวบ้านในพื้นที่ ต.เวียง อ.เชียงคำ กว่า 300 คน ทำการกวาดใบไม้ร่วงเพื่อทำแนวกันไฟป่าบริเวณป่าอนุรักษ์บ้านปี้ ต.เวียง พื้นที่กว่า 3,650 ไร่ ประกอบกับในปีที่ผ่านมา อ.เชียงคำ ประกาศอยู่ในพื้นที่จุดความร้อน หรือจุดฮอตสปอท และป่าแห่งนี้ชาวบ้านได้ร่วมกันอนุรักษ์มากว่า 50 ปี และอยู่ร่วมกันในรูปแบบคนรักษาป่า นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลเกียรติบัตรในการรักษาป่ากว่า 10 รางวัล ล่าสุดเมื่อปี 2551 ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวครั้งที่ 10 อีกด้วย



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

ตำรวจพะเยา แถลงผลการปิดล้อมหมู่บ้านเป้าหมาย ได้ผู้ต้องหารายสำคัญพร้อมของกลางยาเสพติด และอาวุธปืนจำนวนมาก เผยต้องใช้กำลัง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเสริม ตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่ กทม.

วันนี้ (27 ก.พ.57) ที่บริเวณหน้าอาคารศูนย์ปฏิบัติการร่วมปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา วิมลไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา , สภ.เมืองพะเยา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดพะเยา ได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางเป็นยาบ้า อาวุธปืน และทรัพย์สินในคดียาเสพติด ตามการปฏิบัติการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมายแพร่ระบาดยาเสพติด และกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ จังหวัดพะเยา ห้วงเดือนกุมภาพันธ์ มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

โดยนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวว่า จากการปิดล้อมตรวจค้น เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 144 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหารายสำคัญ 3 ราย รายย่อย 26 ราย ผู้ครอบครองยาเสพติด 7 ราย จับกุมตามหมายจับคดียาเสพติด 1 ราย จับกุมผู้เสพเข้ากระบวนการบำบัด 108 ราย ยึดทรัพย์ สินรวม 135,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมอาวุธปืน และเลื่อยโซ่ยนต์ได้จำนวนหนึ่ง สามารถยึดยาเสพติดได้ 27,889 เม็ด และกัญชา 500 กรัม

นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่บ้านเมืองไม่สงบ มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งต้องแบ่งกำลังไปดูแลความสงบเรียบร้อยที่ กทม.ทำให้การปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ต้องใช้กำลังเสริม จาก กำนัน ผู้ใหญ่บ้านร่วมถึงอาสาสมัคร และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแส ขบวนการค้ายาเสพติดแก่เจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้มีการจัดเวรยามค่อยสอดส่องดูแล กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ ที่อาจจะมีการลักลอบขนยาเสพติดในระยะนี้ด้วย ส่วนในพื้นที่เขตรอยต่อชายแดน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการจัดกำลังผสม ออกติดตามหาข่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการสกัดกั้น และป้องกันยาเสพติด ไหลเข้าสู่พื้นที่ชั้นในอีกด้วย



ข่าวโดย : นิรันต์ บุญแก้ว

ตำรวจพะเยา แถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมาย และกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดพะเยา ได้ผู้ต้องหารายสำคัญ พร้อมของกลางยาเสพติดและอาวุธปืนจำนวนมาก

วันนี้ (27 ก.พ.57) ที่บริเวณหน้าอาคารศูนย์ปฏิบัติการร่วมปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา วิมลไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยาและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา , สภ.เมืองพะเยา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดพะเยา ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงผลการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมายแพร่ระบาดยาเสพติด และกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดพะเยาในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 โดยสามารถจำกุมตัวผู้ต้องหาและของกลางยาบ้า อาวุธปืน และทรัพย์สินในคดียาเสพติดจำนวนมาก

นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวว่า จากการปิดล้อมตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 144 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหารายสำคัญ 3 ราย รายย่อย 26 ราย ผู้ครอบครองยาเสพติด 7 ราย จับกุมตามหมายจับคดียาเสพติด 1 ราย จับกุมผู้เสพเข้ากระบวนการบำบัด108 ราย ยึดทรัพย์สินรวม 135,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมอาวุธปืนและเลื่อยโซ่ยนต์ได้จำนวนหนึ่งสามารถยึดยาเสพติดได้ 27,889 เม็ด และกัญชา 500 กรัม

นายนิมิต ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงที่บ้านเมืองไม่สงบมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งต้องแบ่งกำลังไปดูแลความสงบเรียบร้อยที่ กทม.ทำให้การปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ต้องใช้กำลังเสริม จากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมถึงอาสาสมัครและขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสขบวนการค้ายาเสพติดแก่เจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าตำรวจยังได้มีการจัดเวรยามค่อยสอดส่องดูแลกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ ที่อาจจะมีการลักลอบขนยาเสพติดในระยะนี้ด้วย ส่วนในพื้นที่เขตรอยต่อชายแดนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการจัดกำลังผสมออกติดตามหาข่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสกัดกั้นและป้องกันยาเสพติดที่จะเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

จังหวัดแพร่ จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการท่องเที่ยว

นายสุทน วิชัยรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ แจ้งผ่าน สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ ว่าสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ ร่วมกับอำเภอสอง จังหวัดแพร่ และเทศบาลตำบลช่อแฮ กำหนดจัดโครงการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดแพร่ กิจกรรม จักรยานแรลลี่ท่องแดนตำนานรักขึ้นในระหว่างวันที่ 13 – 14 มีนาคม 2557 ณ อุทยานลิลิตพระลอ อำเภอสอง และการแข่งขันแพร่มินิมาราธอน โรตารี่แพร่มินิมาราธอน "วิ่งทะลุฟ้า หลังคาเมืองแพร่” ครั้งที่ 1 ประจำปี 2557 ณ เทศบาลตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่

กิจกรรมแรก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 14 มีนาคม 2557 โดยปั่นจักรยาน ณ จุดเริ่มต้นที่อุทยานลิลิตพระลอ ในวันที่ 13 มีนาคม 2557 ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอสอง เข้าร่วมกิจกรรมตามฐานต่างๆเพื่อเก็บคะแนนตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ และร่วมกิจกรรมปาร์ตี้ไนท์ แดนตำนานรัก พักค้างคืนที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม ( แก่งเสือเต้น ) วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่อุทยานแห่งชิติแม่ยม นักปั่นจะเดินทางไปยัง อ่างเก็บน้ำแม่สอง และเข้าร่วมพิธีปิดที่อุทยานลิลิต พระลอ

กิจกรรมที่ที่สอง จัดขึ้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นการจัดแรลลี่จักรยานเพื่อสุขภาพ ปั่นท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอุทยานลิลิตพระลอ ดินแดนแห่งความรักเพื่อเน้นการเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ของชาวอำเภอสอง และกิจกรรมสุดท้าย เป็นการแข่งขันแพร่มินิมาราธอน โรตารี่แพร่มินิมาราธอน "วิ่งทะลุฟ้า หลังคาเมืองแพร่” ครั้งที่ 1 ประจำปี 2557 ในวันที่ 16 มีนาคม 2557 ณ เทศบาลตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่

สำหรับรายละเอียดการแข่งขันและใบสมัครเข้าร่วมการแข่งขันและกิจกรรม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และใบสมัครได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ ที่ว่าการอำเภอสอง และสำนักงานเทศบาลตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มส่งเสริมการท่อง เที่ยว สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ 054-646205 ในวันและเวลาราชการ

จังหวัดแพร่ เตรียมส่งเสริมปลูกข้าวคำหอมเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์คาดเกษตรกรมีรายได้ดีและมั่นคงกว่าการรับจำนำข้าว

จังหวัดแพร่เตรียมส่งเสริมปลูกข้าวคำหอม เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์แก่เกษตรกรคาดเกษตรกรมีรายได้ดีและมั่นคงกว่าการรับจำนำข้าว เป้าหมายปีหน้าปลูกเพิ่ม 1 พันไร่ อนาคตปีละ 2 หมื่นตัน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า จังหวัดแพร่ได้ดำเนินการผลักดันให้ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวหอมจังหวัด 105 ของจังหวัดแพร่เปลี่ยนชื่อทางการตลาดเป็นข้าวคำหอม ตามโครงการรำพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรหลักคือข้าว ให้มีคุณภาพมีมาตรฐานสู่สากล ภายใต้ยุทธศาสตร์จังหวัดแพร่

นางสุมิตรา อภิชัย สหกรณ์จังหวัดแพร่กล่าวว่า ทางสหกรณ์จังหวัดแพร่จึงได้จัดเสวนา ผู้นำสหกรณ์ และเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่เข้าร่วมโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคำหอมขึ้นที่ หอประชุมและแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออกและกลุ่มประเทศ GMS บ้านกอเปา ตำบลทุ่งโฮ้ง อำเภอเมืองแพร่ โดยมีนายศักดิ์ชัย จ.ผลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานเปิดการเสวนา มีคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการพัฒนาข้าวคำหอมของจังหวัดแพร่ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้ สร้างความเข้าใจกับกลุ่มเกษตรกร

ทั้งนี้จังหวัดแพร่ได้ผลิตข้าวคำหอมในปีที่ผ่านมาจำนวน 760 ตัน และมีเป้าหมายในปีนี้เพิ่มพื้นที่ปลูกเป็น 1,000 ไร่ คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 500 ตัน และในอนาคตจะผลิตข้าวคำหอมปีล่ะ 20,000 ตัน  โดยมีโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคำหอม เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน และไม่เกิดปัญหาเช่นโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเกษตรกรที่จะผลิตเมล็ดพันธุ์จะต้องดำเนินการตามระบบของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวคือ เพาะกล้าด้วยถาด เพื่อลดปัญหาแรงงานและลดค่าใช้จ่าย ปลูกข้าวด้วยเครื่อง โดยมีระบบสหกรณ์เข้ามาดูแลเป็นกระบวนการ

นอกจากนี้จังหวัดแพร่จะผลักดันการปลูกข้าวไปสู่ข้าวปลอดภัยคือข้าว GAP จำนวน 9,000 ไร่ และส่งเสริมปลูกข้าวอินทรีย์ อีก 2,500 ไร่ เพื่อให้ข้าวของจังหวัดแพร่เป็นข้าวที่มีคุณภาพและปลอดภัย
ที่ผ่านมาจังหวัดแพร่ได้ดำเนินการส่งข้าวคำหอมจำหน่ายในต่างจังหวัดรวม 11 จังหวัด และภายในจังหวัด 14 แห่ง กระจายอยู่ในกระบวนการสหกรณ์สู่ผู้บริโภค และร้านค้าต่างๆรวมทั้งสิ้น 383 แห่ง /.


ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

เรือนจำจังหวัดแพร่ ร่วมกับตำรวจแพร่จู่โจมตรวจค้นเรือนนอนในเรือนจำแพร่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า เช้าวันนี้ (27 ก.พ.57 ) ทางเรือนจำจังหวัดแพร่โดยนายสมศักดิ์ ยุทธโอภาส ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมทัณฑปฏิบัติ เรือนจำจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยกำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่และสถานีตำรวจภูธรเมืองแพร่จำนวน  150 นาย เข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนนอนผู้ต้องขังภายในเรือนจำจังหวัดแพร่ เพื่อตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมายเช่นอาวุธ ยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์สื่อสารต่าง จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย พบเพียงยารักษาโรคประจำตัว ไฟแช๊ค บุหรี่ ช้อน

สำหรับเรือนจำจังหวัดแพร่วันนี้ (27 ก.พ.57)  มีผู้ต้องราชทัณฑ์จำนวน 1,360 คน ผู้ต้องราชทัณฑ์ชาย 1,163 คน ผู้ต้องราชทัณฑ์หญิง 197 คน


ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

ผู้ตรวจสำนักนายก ฯ ติดตามงบประมาณ ๓ ล้านปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน

 ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจที่ ๑๕ ติดตามงบประมาณพัฒนาจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๓ ล้าน เพื่อปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน จอมพล ป.พิบูลสงคราม เคยเดินทางมาประชุม บ้านหลังพักผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายจำเริญ ยุติธรรมสกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจที่ ๑๕ พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางยังบ้านพักผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตำบลจองคำ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ที่จะปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ใช้งบประมาณพัฒนาจังหวัดโครงการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๓ ล้านบาท โดยมีนายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมคณะตรวจสอบการปรับปรุงบ้านพักผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ กล่าวว่า “ บ้านพักผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังนี้สร้างด้วยไม้สักยกพื้นสูง อายุคาดว่าไม่ต่ำ ๑๐๐ ปี การที่ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนขอปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ตำรวจภูธรจังหวัดนั้นเป็นเรื่องที่ดี โดยสำนักงานเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนเป็นผู้ออกแบบการปรับปรุง ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีประวัติความเป็นมาของข้าราชการตำรวจตั้งแต่สมัยที่ก่อสร้างบ้านพักหลังดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน

โดยมีรายชื่อผู้ที่มาดำรงตำแหน่งตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน จนถึงปัจจุบัน และทราบจากนายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน จอมพล ป.พิบูลสงคราม เคยเดินทางประชุมข้าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ บ้านพักหลังดังกล่าว ซึ่งประวัติเหล่านี้สามารถนำมาเผยแพร่ให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวได้ทราบ ด้านนายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า “ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับผิดชอบในการออกแบบการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ขณะนี้ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนที่จะหาผู้รับจ้างต่อไป พิพิธภัณฑ์ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะสอดคล้องกับถนนสายวัฒนธรรมที่เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนดำเนินการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผลัด ปัจจุบันผู้บังคับหารตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีบ้านพักอาศัยบ้านพักหลังใหม่


ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

ร.ร. แม่ลาน้อยดรุณสิกข์ จับมือ ส่วนควบคุมไฟป่า สร้างความรู้เด็กนักเรียนชาวไทยภูเขา กว่า 300 คน ร่วมทำแนวกันไฟ หวังสร้างเครือข่ายจากรั้วโรงเรียนสู่ชุมชน

นายชิษณุพงษ์ บูรณา นายอำเภอแม่ลาน้อย เป็นประธานเปิดโครงการ “ฝึกอบรมเสริมสร้างความรู้เรื่องพิษภัยของไฟป่า” โดยทาง นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนแม่ลาน้อยดรุณสิกข์ ได้นำนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นปีที่ 3 และ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 6 จำนวน กว่า 300 คนที่กำลังจะจบการศึกษา เข้ารับการอบรม ณ ห้องประชุมโรงเรียนแม่ลาน้อยดรุณสิกข์ เพื่อเป็นการให้ความรู้ในเรื่องของไฟป่า การควบคุมไฟป่า การทำแนวกันไฟ เพื่อสร้างเด็กให้เป็นเครือข่ายแกนนำในการนำความรู้ที่ได้รับขยายผลสู่ครอบครัว สู่ชุมชนที่อยู่อาศัยในการป้องกันและระงับเหตุไฟป่าเบื้องต้น พร้อมร่วมกับ นักเรียนทำแนวกันไฟรอบรั้วโรงเรียนกว่า 80 ไร่ ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อป้องกันไฟป่าลุกลามเข้ามาในสถานศึกษา

นายยุทธศักดิ์ กิตติบวรกุล หัวหน้าหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยส่งเสริมควบคุมไฟป่าแม่สะเรียง จะรับผิดชอบในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 3 อำเภอ ประกอบไปด้วย อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย และ อ.สบเมย 21 ตำบล 110 หมูบ้าน นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนงบประมาณ นำร่องในการปกป้องและแก้ไขปัญหาไฟป่าในระดับหมู่บ้านอีกจำนวน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านแม่ทะลุ ต.สบเมย บ้านคอนผึ้ง ต.แม่คะตวน อ.สบเมย และ บ้านหนองผักหนาม ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หมู่บ้านละ 100,000 บาท เพื่อจัดการฝึกอบรม และจัดซื้ออุปกรณ์ดับไฟ ตลอดจนค่าตอบแทนอาสาสมัครป้องกันไฟป่า



ข่าวโดย : นวรัตน์ ศรีแก้วเลิศ

ร.ร. แม่ลาน้อยดรุณสิกข์ จับมือ ส่วนควบคุมไฟป่า สร้างความรู้เด็กนักเรียนชาวไทยภูเขา กว่า 300 คน ร่วมทำแนวกันไฟ หวังสร้างเครือข่ายจากรั้วโรงเรียนสู่ชุมชน

นายชิษณุพงษ์ บูรณา นายอำเภอแม่ลาน้อย เป็นประธานเปิดโครงการ “ฝึกอบรมเสริมสร้างความรู้เรื่องพิษภัยของไฟป่า” โดยทาง นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนแม่ลาน้อยดรุณสิกข์ ได้นำนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นปีที่ 3 และ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 6 จำนวน กว่า 300 คนที่กำลังจะจบการศึกษา เข้ารับการอบรม ณ ห้องประชุมโรงเรียนแม่ลาน้อยดรุณสิกข์ เพื่อเป็นการให้ความรู้ในเรื่องของไฟป่า การควบคุมไฟป่า การทำแนวกันไฟ เพื่อสร้างเด็กให้เป็นเครือข่ายแกนนำในการนำความรู้ที่ได้รับขยายผลสู่ครอบครัว สู่ชุมชนที่อยู่อาศัยในการป้องกันและระงับเหตุไฟป่าเบื้องต้น พร้อมร่วมกับ นักเรียนทำแนวกันไฟรอบรั้วโรงเรียนกว่า 80 ไร่ ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อป้องกันไฟป่าลุกลามเข้ามาในสถานศึกษา

นายยุทธศักดิ์ กิตติบวรกุล หัวหน้าหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยส่งเสริมควบคุมไฟป่าแม่สะเรียง จะรับผิดชอบในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 3 อำเภอ ประกอบไปด้วย อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย และ อ.สบเมย 21 ตำบล 110 หมูบ้าน นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนงบประมาณ นำร่องในการปกป้องและแก้ไขปัญหาไฟป่าในระดับหมู่บ้านอีกจำนวน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านแม่ทะลุ ต.สบเมย บ้านคอนผึ้ง ต.แม่คะตวน อ.สบเมย และ บ้านหนองผักหนาม ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หมู่บ้านละ 100,000 บาท เพื่อจัดการฝึกอบรม และจัดซื้ออุปกรณ์ดับไฟ ตลอดจนค่าตอบแทนอาสาสมัครป้องกันไฟป่า



ข่าวโดย : นวรัตน์ ศรีแก้วเลิศ

อำเภอแม่ลาน้อย สนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธรแม่ลาน้อย ทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน และด่านตรวจคนเข้าเมือง ออกตัดทำลายไร่ฝิ่น กว่า14,000 ต้น

เมื่อวันที่ (26 กุมภาพันธ์ 2557)  นายชิษณุพงษ์ บูรณา นายอำเภอแม่ลาน้อย มอบหมายให้นายวิศิษฐ์ ทวนชีพ ปลัดอำเภอแม่ลาน้อย พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอกชำนาญ มาละวิชัย รองสารวัตรด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำกำลังฝ่ายปกครอง อส. ตำรวจภูธรแม่ลาน้อย ทหารพราน 336 ตชด.337 และตรวจคนเข้าเมืองแม่สะเรียง จำนวน 12 นาย ออกตัดทำลายไร่ฝิ่น พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ต้นฝิ่นจำนวน 14,500 ต้น ที่บ้านแม่ลาผาไหว หมู่ 5 ตำบลขุนแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งลักลอบปลูกบริเวณหุบเขาสูงชัน การเดินทางด้วยเท้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งฝิ่นกำลังออกดอก และบางส่วนได้กรีดเอาน้ำยางไปแล้ว ไม่พบผู้กระทำผิดในที่เกิดเหตุ จึงได้ร่วมกันตัดเผาทำลาย



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.แม่ฮ่องสอน

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เตรียมพัฒนาป่าสาละวินเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 นายดุลยวิชญ์ รัตนภาค ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง กล่าวเปิดเผยถึงปัญหาป่าสาละวิน ว่า ป่าสาละวินที่มีการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ทำให้เกิดความเสียหายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศอย่างใหญ่หลวง ซึ่งกลุ่มขบวนการที่มีอิทธิพลเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์เหล่านั้นไม่ได้คำนึงถึงทรัพยากรของชาติว่าจะเสียหายมากน้อยแค่ไหน เพราะต้องการหาผลประโยชน์เพียงอย่งเดียว จนในที่สุดหน่วยงานทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไขและปราบปรามทำให้รักษาพื้นที่ป่าสาละวินได้ในที่สุด แต่ก็ยังมีการลักลอบตัดไม้อยู่บ้างเพียงเล็กน้อย ซึ่งหน่วยงานปราบปรามได้จับกุมอยู่อย่างต่อเนื่อง

นายดุลยวิชญ์ กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาลักลอบตัดไม้ในป่าสาละวินที่น่าจะได้ผลดีที่สุด คงจะต้องเอาวิกฤติกลับมาเป็นโอกาส เราจะต้องให้พื้นที่ป่าสาละวินเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จัดให้มีเส้นทางเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ ชมต้นไม้สักขนาดใหญ่ จะเป็นการช่วยกันดูแลรักษาป่าไปด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติยังมีจำนวนมาก เราน่าจะเอาป่าสาละวินฟื้นกลับคืนมาให้มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว เหมือนกับปางอุ๋งที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลกของการท่องเที่ยวธรรมชาติแล้ว ดังนั้นสาละวินน่าจะเป็นอีกแห่งหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียงจะเป็นหน่วยงานดำเนินการ ซึ่งอาจจะใช้ชื่อว่า "เที่ยวสาละวิน กินปลา ชมหาดทรายสวย"


ข่าวโดย : สมาน ต้นใส / สวศ.แม่ฮ่องสอน

หอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557

บ่ายวานนี้ ( 26 กพ) นายธนิต ไทยตรง ประธานหอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557 ที่โรงแรมโกลเด้นปายแอนด์ สวีทรีสอร์ท อ.เมืองแม่ฮ่องสอน

ประธานหอการค้ากล่าวถึงการรายงานกิจกรรมและแถลงผลการดำเนินงานในรอบปี 2557 ซึ่งได้จัดกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์อันดี ระหว่างผู้ประกอบการ จ.แม่ฮ่องสอนและผู้ประกอบการเมืองลอยก่อ รัฐคะยา สาธารณแห่งสภาพเมียนมาร์ รวมทั้งหารือถึงปัญหาอุปสรรคในการผลักดันให้ด่านห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เป็นด่านการค้าชายแดนถาวร ซึ่งขณะนี้ยังมีปัญหาเรื่องกฎ ระเบียบ ทำให้ไม่สามารถสร้างถนนลาดยาง ผ่านพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไปยังด่านบ้านห้วยต้นนุ่นได้ จึงขอให้ส่วนกลางบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไข เพื่อเดินหน้าเปิดด่านได้โดยเร็ว เพราะจะเป็นการส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน ในปี 2558



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

กกต.แม่ฮ่องสอน เตรียมจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา วันที่ 30 มีนาคม 2557 ผู้ประสงค์ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ให้แจ้งเหตุตามระยะเวลาที่กำหนด

นายพันธ์รัตน์ แก้ววิเชียร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า กกต.แม่ฮ่องสอน เตรียมจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ในวันที่ 30 มีนาคม 2557 โดยผู้ประสงค์ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด สามารถยื่นคำขอลงทะเบียนต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนอยู่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ในวันที่ 23 มีนาคม 2557 ที่ศาลาประชาคม จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ หอประชุมอำเภอแม่สะเรียง

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ตามแบบ ส.ว. 28 พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวประชาชน และที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้านให้ชัดเจน ยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ด้วยตนเองหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นไปยื่นแทน หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน โดยต้องแจ้งเหตุก่อนวันเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 23 - 29 มีนาคม 2557 หรือหลังวันเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ถึงวันที่ 6 เมษายน 2557
หากมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน กกต.แม่ฮ่องสอน โทรศัพท์หมายเลข 053-612878/


ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน

เกิดเหตุสองสามี ภรรยาจมน้ำเสียชีวิต ที่อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน

วันนี้ (27 ก.พ.2557)  ตำรวจภูธรขุนยวม ได้รับแจ้งว่า พบศพ ชาย หญิง บริเวณสระน้ำ หลังศูนย์วิจัยป่าไม้ตำบลขุนยวม กลางทุ่งนาโป่ง หมู่ 2 ตำบลขุนยวม อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วย กู้ชีพ กู้ภัย เทศบาลตำบลขุนยวม และ อส. รุดไปที่เกิดเหตุ พบศพสองสามี ภรรยา ชื่อนายทองฤทธิ์ ไชยนา อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 379 หมู่ 2 ตำบลขุนยวม อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ นางสาวพิมพรรณ มณทนม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 หมู่ 2 ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าสามีภรรยาจะไปหาปลา สามีคงเป็นตะคริว และภรรยาจะไปช่วย เลยจมน้ำทั้งคู่ เจ้าหน้าที่ นำศพให้ญาติ เพื่อไปบำเพ็ญกุศลต่อไป



ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.แม่ฮ่องสอน

เครือข่าย อปท.ภาคเหนือรวมตัวรณรงค์ลดการเผาป่าและเผาในที่โล่ง ที่จังหวัดลำปาง

เครือข่ายเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนภาคเหนือ(LA21) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 21 แห่งในภาคเหนือ ร่วมขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหมอกควัน งดเผาป่า และเผาในที่โล่ง ที่จังหวัดลำปาง

เครือข่ายเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนภาคเหนือ(LA 21) ซึ่งอยู่ภายใต้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 21 เครือข่ายในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ไม่น้อยกว่า 500 คน เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ “หมู่เฮาฮ้อยผญ๋า บ่อเผาป่า เพิ่มปื้นตี่สีเขียว” ที่กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาคเหนือจัดขึ้น ที่จังหวัดลำปาง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ความเข้มแข็งของชุมชน ในเรื่องจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นด้วยตนเอง ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อมุ่งสู่ชุมชนน่าอยู่อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะปัญหาหมอกควันและไฟป่าที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนประสบปัญหารุนแรงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ทุกปี

ทั้งนี้ได้มีพิธีลงนามข้อตกลงด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นในพื้นที่องค์ปกครองส่วนท้องถิ่นภาคเหนือ เพื่อเผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจ และส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการสิ่งแวดล้อม และการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการขับเคลื่อนกิจกรรมลดการเผาในที่โล่ง จากปราชญ์ชุมชนผู้ลงมือปฏิบัติจริง จนเกิดผลงานที่เป็นประจักษ์ชัดในระดับประเทศ
ขณะที่สถานการณ์หมอกควันจากการเผาในพื้นที่จังหวัดลำปางช่วงนี้ยังพบเห็นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน 120 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร แล้ว 7 วัน และหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมคาดการณ์ว่าเดือนมีนาคมสถานการณ์หมอกควันจะรุนแรงขึ้นจากการเผาป่าและเผาในที่โล่ง

นายเสริมยศ สมมั่น กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้คนในชุมชนงดเผาป่าและเผาในที่โล่งอาจต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี เนื่องจากมีชาวบ้านบางส่วนที่ยังเชื่อว่าการเผาป่าคือความเคยชินดั้งเดิม โดยสาเหตุหลักมาจากการเผาเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ เผาข้างทาง และลามเข้าป่า ซึ่งล้วนเกิดจากฝีมือของมนุษย์ทั้งสิ้น



ข่าวโดย : อธิชัย ต้นกันยา

จ.ลำปาง จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ แก่ผู้นำท้องถิ่น ซักซ้อมแนวทางการจัดสร้างฝายชะลอน้ำ แบบผสมผสานในพื้นที่ ตั้งเป้าสร้างฝายให้ได้ 1,040 แห่ง

ที่ทำการปกครองจังหวัดลำปาง จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การจัดทำฝายให้แก่ผู้นำท้องถิ่น ตามโครงการ "ประชาอาสาจัดทำฝาย ต้นน้ำลำธารแบบผสมผสาน(Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ" ที่ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง มีนายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนา โดยมีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ตำบลต่างๆ จาก 9 อำเภอ ของจังหวัดลำปาง ประกอบด้วย อำเภอเมืองลำปาง, เกาะคา, สบปราบ, เสริมงาม, ห้างฉัตร, แม่ทะ, เถิน และอำเภอแม่พริก รวมจำนวน 717 คน เข้าประชุมสัมมนาร่วมกัน

การประชุมสัมมนาดังกล่าว เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในโครงการ “ประชาอาสาจัดทำฝาย ต้นน้ำลำธารแบบผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริ” ซึ่งที่ทำการปกครองจังหวัดลำปาง ได้จัดทำขึ้น เพื่อซักซ้อมความเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติในการจัดทำฝายให้แก่ผู้นำชุมชนท้องถิ่น ร่วมกับการให้ความรู้ถึงวิธีการสร้างฝาย Check Dam ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้นำชุมชนที่ผ่านการสัมมนาในครั้งนี้ ได้มีความรู้ และร่วมเป็นแกนนำ ในการที่จะขยายผลองค์ความรู้นั้น ไปสู่ราษฎรในพื้นที่ชุมชนต่างๆ เพื่อให้แต่ละชุมชนช่วยกันดำเนินการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม จัดสร้างฝายต้นน้ำลำธารแบบผสมผสาน ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ตามสภาพความเหมาะสม ทั้งนี้ สำหรับจังหวัดลำปาง มีเป้าหมายที่จะดำเนินการจัดสร้างฝายต้นน้ำลำธารแบบผสมผสาน Check Dam ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ๆ ละ 80 ฝาย รวมจำนวนฝายทั้งสิ้น 1,040 ฝาย
โดยการสัมมนาฯ ครั้งนี้ ได้มีทีมวิทยากรผู้มีความชำนาญ ในการจัดสร้างฝายชะลอน้ำแบบต่างๆ จาก บ.ปูนซีเมนต์ไทย(ลำปาง) จำกัด มาบรรยายให้ความรู้ ในการสร้างฝายต้นน้ำลำธารแบบผสมผสาน Check Dam ด้วยวัสดุธรรมชาติจากท้องถิ่นในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น การสร้างฝายด้วยท่อนไม้ขนาบด้วยหิน, การสร้างฝายด้วยท่อนไม้ขนาบด้วยถุงบรรจุดินหรือทราย, การสร้างฝายแบบคอกหมูแกนดินอัด ขนาบด้วยหิน, การสร้างฝายแบบเรียงด้วยหิน, การสร้างฝายแบบคอกหมูหินทิ้ง, การสร้างฝายแบบหลักคอนกรีตหินทิ้ง, การสร้างฝายแบบถุงทรายซีเมนต์, การสร้างฝายแบบคันดิน, การสร้างฝายแบบคอกหมูถุงทรายซีเมนต์ และการสร้างฝายแบบหลักไม้ไผ่สานขัดกัน เป็นต้น

ทั้งนี้ การสร้างฝายต้นน้ำลำธารแบบผสมผสาน Check Dam มีประโยชน์ด้วยกันหลายประการ ทั้งการช่วยลดการพังทลายของดิน และลดความรุนแรงของกระแสน้ำในลำห้วย เพิ่มระยะเวลาการไหลของน้ำ ทำให้พื้นดินมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น และสามารถแผ่ขยายกระจายความชุ่มชื้นออกไปเป็นวงกว้างในพื้นที่ทั้งสองฝั่งของลำห้วย รวมทั้งช่วยกักเก็บตะกอน ที่ไหลลงมากับน้ำในลำห้วย ช่วยยืดอายุของแหล่งน้ำตอนล่างให้ตื้นเขินช้าลง ทำให้คุณภาพของน้ำดีขึ้น มีตะกอนปะปนน้อยลง และยังเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่พื้นที่ เกิดความหนาแน่นของพันธุ์พืช ตลอดจนได้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และเป็นแหล่งน้ำเพื่อการบริโภค อุปโภคอีกด้วย
ดูคลิป http://youtu.be/D-VEpEGScyo



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ลำปาง ของบอุดหนุนโครงการพัฒนาเมือง 23 โครงการ อนุมัติแล้ว 1 โครงการ

ชุมชนเมืองในจังหวัดลำปาง 23 ชุมชน เสนอโครงการขอรับการอุดหนุนงบประมาณจากโครงการพัฒนาเมือง โครงการสร้างศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนศรีชุม เพียงโครงการเดียวที่ได้รับการอนุมัติ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากคณะกรรมการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองให้ความเห็นชอบ

นายสุรินทร์ ปัญญาจันทร์ หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาเมือง เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาและพัฒนาพื้นที่ชุมชนเมือง ให้ตรงตามความต้องการของประชาชนในชุมชนอย่างแท้จริง โดยให้คนในชุมชนจัดทำประชาคม และเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนโครงการ ผ่านคณะทำงานโครงการพัฒนาเมืองระดับจังหวัด และผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการบริหารโครงการพัฒนาเมืองจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางเป็นประธาน โดยโครงการที่เสนอขอรับการอุดหนุนงบประมาณต้องเป็นโครงการที่มุ่งแก้ไขปัญหาและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนโดยรวม อาทิ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น เสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในชุมชน เป็นต้น

นายสุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดลำปาง ชุมชนที่เสนอขอรับการอุดหนุนงบประมาณได้ ต้องเป็นชุมชนในเขตเทศบาลนครลำปางและเทศบาลเมืองเขลางค์นคร มีชุมชนเสนอโครงการ ทั้งสิ้น 23 ชุมชน ซึ่งเน้นโครงการเกี่ยวกับการก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ เมื่อคณะทำงานระดับจังหวัดพิจารณาเห็นชอบ จึงส่งให้คณะกรรมการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองพิจารณาอนุมัติ จึงจะดำเนินโครงการได้ จากชุมชนที่เสนอทั้งหมด 23 โครงการ มีโครงการที่ผ่านการอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว 1 โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนศรีชุม งบประมาณ 1 ล้าน 6 แสนบาท โดยต้องดำเนินการและรายงานผลตามระเบียบกำหนด ส่วนโครงการที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณา

นายสุรินทร์ กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของโครงการพัฒนาเมือง ก็เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมแห่งความเป็นพลเมืองในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ไขปัญหาของชุมชนอย่างรับผิดชอบร่วมกันในวิธีประชาธิปไตย รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดเมืองน่าอยู่ เมืองปลอดภัย เมืองแห่งความสุข เมืองที่มีพื้นที่สร้างสรรค์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเมืองในพื้นที่ชุมชนเขตเทศบาลเมือง เทศบาลนคร เมืองพัทยา และพื้นที่ตามที่คณะกรรมการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองกำหนด เกิดการกระจายอำนาจการตัดสินใจในการพัฒนาเมือง ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่สัมพันธ์กับความต้องการ และวัฒนธรรมของชุมชน


ข่าวโดย : อธิชัย ต้นกันยา

สภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง เล็งเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร

สภาเกษตรกรจังหวัดลำปางเล็ง เปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร นำผู้เกี่ยวข้องศึกษาดูงานแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดลำปางและจังหวัดตาก

สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง นำโดย นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง ได้นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการเกษตร การท่องเที่ยว และสื่อมวลชน เดินทางไปศึกษาดูงานการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่จุดท่องเที่ยว Coco lampang , ฟาร์มแกะ Hug you จังหวัดลำปาง, จุดท่องเที่ยวภูเอก รีสอร์ท อ.บ้านตาก และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก จังหวัดตาก การเดินทางไปศึกษาดูงานครั้งนี้อยู่ภายใต้โครงการยกระดับความคิด ติดอาวุธทางปัญญา สร้างสัมมาชีพจังหวัดลำปาง ที่สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปางได้ดำเนินการ เพื่อให้เกษตรกรผู้สนใจได้มีโอกาสเรียนรู้จากภูมิปัญญาต้นแบบ และนำไปสู่การขยายผลความสำเร็จ สร้างรายได้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดลำปาง

นายศรีสะเกษ สมาน หัวหน้าสำนักงานเกษตรกรจังหวัดลำปาง กล่าวว่า การท่องเที่ยวเชิงเกษตรจะทำให้เกิดการหมุนเวียน การจ่ายของนักท่องเที่ยว ชาวบ้านเองได้ผลิตในสิ่งที่ตัวเองทำได้ ไม่ได้ไปเพิ่มภาระใหม่เพียงแต่ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น การไปศึกษาดูงานการท่องเที่ยวเชิงเกษตรครั้งนี้ก็เพื่อนำแนวคิด ประสบการณ์มาปรับปรุงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่จังหวัดลำปาง โดยการส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรม ให้สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดลำปางสามารถพึ่งตัวเองได้
นายประพัฒน์ กล่าวว่า จังหวัดลำปางมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ยังไม่บอบช้ำ และยังพบแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติใหม่ๆ หลายแหล่งที่อำเภอแจ้ห่ม โดยส่วนตัวแล้วมีแนวคิดที่จะทำศูนย์เลี้ยงปศุสัตว์ จัดประกวดแพะ แกะแห่งชาติ ขึ้นภายในสวนเพชรลานนา อ.แจ้ห่ม เพื่อปรับความคิดของเกษตรกรหันมาทำเกษตรที่ใช้น้ำน้อย สร้างเอกลักษณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ และขยายเครือข่ายออกไปให้เกษตรกรในพื้นที่เข้ามาร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างชัดเจนต่อไป


ข่าวโดย : อธิชัย ต้นกันยา

สรรพากรพื้นที่ลำพูน เปิดให้บริการยื่นแบบ ภ.ง.ด. ๙๐, ๙๑ ปีภาษี ๒๕๕๖

สรรพากรพื้นที่ลำพูน เปิดให้บริการยื่นแบบ ภ.ง.ด. ๙๐, ๙๑ สำหรับปีภาษี ๒๕๕๖ ทางอินเตอร์เน็ตและคลีนิคภาษี ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ – ๘ เมษายน ๒๕๕๗ โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ

นางสาวทิพากร นาคะผิว สรรพากรพื้นที่ลำพูน เปิดเผยว่า สำนักงานสรรพากรพื้นที่ลำพูน ได้จัดให้มีบริการยื่นแบบ ภ.ง.ด. ๙๐, ๙๑ สำหรับปีภาษี ๒๕๕๖ ทางอินเตอร์เน็ตและคลีนิคภาษี ณ อาคารสำนักงานสรรพากรพื้นที่ลำพูน ชั้น ๑ ถนนหน้าวัดพระยืน ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ – ๘ เมษายน ๒๕๕๗ โดยในเวลาราชการ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. นอกเวลาราชการ วันทำการ ตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ – ๑๙.๐๐ น. และวันยุดราชการ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. (เฉพาะเดือนมีนาคม ๒๕๕๗)

สำหรับประชาชนที่มีข้อขัดข้องหรือปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากร สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๕๓๕๖ ๑๔๖๙ และ ๐ ๕๓๕๖ ๑๕๖๗ ต่อ ๒๐๙, ๒๐๘, ๑๐๖ หรือที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ที่อยู่ใกล้บ้าน



ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์

กกต.ลำพูน จัดการประชุมชี้แจง แนวทางการส่งเสริม การเลือกตั้ง ส.ว. ประจำปี 2557

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน และ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มอบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติงานในการส่งเสริมการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ประจำปี 2557 ซึ่ง คณะทำงาน จาก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูนได้ จัดการประชุมชี้แจง แนวทาง การดำเนินงานให้แก่ ผู้แทนจาก แต่ละอำเภอ , ผู้แทนจากหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ที่ ห้องประชุม โรงแรมเวียงศิริรีสอร์ท อำเภอเมืองลำพูน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูนลำพูน จัดการประชุมชี้แจงเพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ประจำปี พ.ศ. 2557 ให้แก่นายทะเบียนอำเภอ นายทะเบียนท้องถิ่น ผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอ ผู้ช่วยนายทะเบียนท้องถิ่น โดยมีนายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมทั้งมอบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติงานในการส่งเสริมการเลือกตั้ง ให้แก่ผู้ร่วมประชุม ซึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานความร่วมมือ กับ ผู้บริหารสถานประกอบการ ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เพื่อร่วมรณรงค์ ให้พนักงาน ทั้งที่เป็น ชาวจังหวัดลำพูน และ ชาวต่างจังหวัดไปใช้สิทธิ์ เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งล่วงหน้า และ การเลือกตั้งในวันเลือกตั้งจริง รวมถึง การจัดกิจกรรม รณรงค์ส่งเสริม ให้ประชาชนชาวจังหวัดลำพูน ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อ รักษาสถิติ เป็นจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ ในระบอบประชาธิปไตย มากที่สุด ของประเทศเป็นสมัยที่ 11

ทางด้าน นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้ กล่าวถึง ความคาดหวังของ หน่วยงานทุกภาคส่วน ในจังหวัดลำพูน ซึ่งมีความต้องการ ให้ประชาชนชาวจังหวัดลำพูนมีความตื่นตัว ในการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จ.ลำพูน จำนวน ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งลดลง แต่ยังสามารถรักษาสถิติผูมาใช้สิทธิในระบอบประชาธิปไตยมากที่สุดของประเทศ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ราชการ ของแต่ละอำเภอ จะต้อง ส่งเสริมความรู้ความ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ ข้อปฏิบัติ สิทธิหน้าที่ ในการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ได้รับทราบอย่างทั่วถึง

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ นายบรรหาร บูรณะประภา ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดลำพูน , นางพิมประไพ ดิชวงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน, และ เจ้าหน้าที่การเลือกตั้ง ประจำสำนักงานการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำพูน ได้ร่วมพูดคุย ตอบข้อคำถาม พร้อมทั้งหาแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรค ให้แก่ ผู้แทนจากแต่ละอำเภอ เพื่อให้การดำเนินการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา ของจังหวัดลำพูน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีความสุจริต โปรงใส และ เที่ยงธรรม .



ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

จัดหางานลำพูน เชิญร่วมงาน "นัดพบแรงงาน สร้างรายได้ในครัวเรือน ปี ๒๕๕๗"

จัดหางานจังหวัดลำพูน เชิญร่วมงาน "นัดพบแรงงาน สร้างรายได้ในครัวเรือน ปี ๒๕๕๗" วันที่ ๑๗ มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ อาคารศูนย์ราชการกระทรวงแรงงานจังหวัดลำพูน

นางสาวอวยพร นันไชยกา จัดหางานจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า สำนักงานจัดหางานจังหวัดลำพูน กำหนดจัดงานนัดพบแรงงานย่อย ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ ชื่องาน “นัดพบแรงงาน สร้างรายได้ในครัวเรือน ปี ๒๕๕๗” ในวันศุกร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ อาคารศูนย์ราชการกระทรวงแรงงานจังหวัดลำพูน กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยงานนัดพบแรงงาน มีการรับสมัครงาน ตำแหน่งงานว่างตั้งแต่ระดับประถมศึกษา – ปริญญาโท กว่า ๑,๐๐๐ อัตรา งานรับงานสู่บ้านสร้างรายได้ในครัวเรือน มีการแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์จากนายจ้าง/สถานประกอบการที่ต้องการส่งงาน/ผู้รับงานไปทำที่บ้าน พร้อมสาธิตและฝึกปฏิบัติจริง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ มากมาย เช่น การให้คำแนพนำปรึกษาแนะแนวทางการสมัครงาน แนะแนวการประกอบอาชีพอิสระ การทดสอบความพร้อมทางอาชีพ และเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับอาชีพอิสระต่างๆ

สำนักงานจัดหางานจังหวัดลำพูน จึงขอเชิญผู้ว่างงานที่ต้องการสมัครงาน กลุ่มผู้รับงานไปทำและผู้ที่สนใจรับงานไปทำที่บ้าน เข้าร่วมงานในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว สำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมรับสมัครงาน หรือนายจ้าง/กลุ่มอาชีพ/ผู้ที่ต้องการส่งงานให้ไปทำที่บ้าน ต้องการร่วมจำหน่าย จัดแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์และสาธิตอาชีพ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดลำพูน อาคารศูนย์ราชการกระทรวงแรงงานจังหวัดลำพูน ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๕๓๕๒ ๕๕๔๓ – ๔ ในวันและเวลาราชการ


ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์

กลุ่มผู้ปกป้องประชาธิปไตยในจังหวัดลำพูน ชุมนุมที่ โรงพยาบาล ลำพูน เพื่อ คัดค้าน เจตนารมณ์ ของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ ต้องการให้ นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง

บ่ายวันนี้ ( 27 กุมภาพันธ์ 2557 ) เวลา 14.00 น. ที่บริเวณ หน้าโรงพยาบาลลำพูน กลุ่มผู้รักประชาธิปไตย จังหวัดลำพูน ประมาณ 100 คน ไปชุมนุม เพื่อ แสดง ความคัดค้าน เจตนารมน์ ของ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง โดยนาย รันชัย มาละพิงค์ แกนนำ กลุ่มผู้ปกป้องประชาธิปไตย จังหวัดลำพูน ได้ กล่าว แสดงความไม่เห็นด้วย ที่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึง เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ และ สาธารณสุข ทำจดหมายเปิดผนึก ส่งไปถึง โรงพยาบาลในสังกัด ให้มีการสนับสนุน แนวทางให้นายกรัฐมนตรี รักษาการ แสดง ความเสียสละ ลาออกจากตำแหน่ง

ซึ่งกลุ่มผู้รักประชาธิปไตย ได้กล่าวสนุบสนุน ให้ นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ทางด้านนายธานี ลิ้มทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำพูน ได้กล่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า จดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ปลัดกระทรวงสาธารณสุข , เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ และ สาธารณสุข ได้จัดทำขึ้น เพื่อ เป็นการเปิดโอกาสให้ บุคลากร ในสังกัด ได้มีโอกาส แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง ไม่ได้เป็นการบังคับว่า บุคลากร ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จะต้องสนับสนุน ให้นายกรัฐมนตรี ลาออก แต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลลำพูน ได้ ติดป้าย แสดงความไม่เห็นด้วยที่มีเหตุการณ์ การใช้ความรุนแรง ในที่ชุมนุม จนเป็นเหตุ ให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งในจำนวนนั้น เป็นเด็กถึง 2 คน โดย ป้ายมีข้อความว่า โรงพยาบาลลำพูน ขอต่อต้านและประณามการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน .


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

จังหวัดลำพูน และคณะสงฆ์กำหนดจัดงานพระราชทานเพลิงสรีรสังขารพระเทพมหาเจติยาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ตั้งแต่ 16 – 23 มีนาคม 2557

บ่ายวันนี้ (27 ก.พ. 2557) ที่ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน พระราชปัญญาโมลี เจ้าคณะจังหวัดลำพูนและนายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยคณะสงฆ์และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมเตรียมการจัดงานพระราชทานเพลิงสรีรสังขารพระเทพมหาเจติยาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ซึ่งกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 – 23 มีนาคม 2557

สำหรับวันที่ 16 มีนาคม 2557 เวลา 09.00 น. มีการแสดงพระธรรมเทศนา จากนั้น พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ สวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยามสูตร ภาคบ่าย เวลา 12.30 น. ประกอบพิธีอาราธนาสรีรสังขารพระเทพมหาเจติยาจารย์ ขึ้นสู่ปราสาทราชรถ เคลื่อนขบวนจากธรรมศาลาศรีจำปา ผ่านถนนอินทยงยศเข้าสู่เขตพุทธาวาส วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร เพื่อบำเพ็ญกุศลจนถึงวันพระราชทานเพลิงสรีรสังขาร ภาคค่ำ เวลา 20.00 น. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์จตุรวรรคสวดพระอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 17 – 22 มีนาคม 2557 ภาคเช้า เวลา 09.30 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 100 รูป สวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยามสูตร ภาคค่ำ เวลา 20.00 น. แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์จตุรวรรคสวดพระอภิธรรม
วันที่ 23 มีนาคม 2557 ภาคเช้าพิธีบำเพ็ญกุศลสรีรสังขาร เวลา 12.30 น. คณะสงฆ์ คณะศรัทธาพุทธศาสนิกชน อาราธนาสรีรสังขารพระเทพมหาเจติยาจารย์ เคลื่อนสู่สุสานหลวงบ้านหลวย อ.เมืองลำพูน เวลา 15.00 น. ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงสรีรสังขารพระเทพมหาเจติยาจารย์

พระเทพมหาเจติยาจารย์ เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร และอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำพูน ได้สร้างคุณูปการแก่คณะสงฆ์จังหวัดลำพูน สืบต่อเนื่องมาจนถึงวันมรณภาพ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2556 อายุ 87 ปี พรรษา 66 ในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในงานพระราชทานเพลิงสรีรสังขารพระเทพมหาเจติยาจารย์ ครั้งนี้ จังหวัดลำพูนและคณะสงฆ์จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมจัดโรงทานหรือร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพไทยธรรม ประกอบด้วยเก้าอี้หลุยส์ โต๊ะเคียง ผ้าไตร โต๊ะอาหารเพล และร่วมเป็นเจ้าภาพจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึกสำหรับแจกผู้ร่วมพิธี โดยติดต่อบริจาคได้ที่ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร


ข่าวโดย : น.ส. อุไรวรรณ ปิงแก้ว

สำนักงานพลังงานจังหวัดพิษณุโลกจัดพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานราชการที่ร่วมรณรงค์ลดใช้พลังงานตามโครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2556

บ่ายวันนี้ ( 27 ก.พ.57 ) ที่ห้องรับรองชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นประธานในการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานราชการที่ร่วมรณรงค์ลดใช้พลังงานตามโครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2556 จำนวน 43 หน่วยงาน ซึ่งพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว จังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับสำนักงานพลังงานจังหวัดพิษณุโลก จัดขึ้นเพื่อมอบให้กับส่วนราชการที่เข้าร่วมโครงการลดใช้พลังงาน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 เห็นชอบให้หน่วยงานราชการดำเนินการลดใช้พลังงานลงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 10 ซึ่งในครั้งนี้มีหน่วยงานราชการเข้าร่วมโครงการจำนวนรวมทั้งสิ้น 81 หน่วยงาน แบ่งเป็นส่วนภูมิภาค 34 หน่วยงาน และส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในจังหวัด 47 หน่วยงาน

ซึ่งในครั้งนี้มีหน่วยงานราชการที่สามารถลดใช้พลังงานลงได้ ตามวัตถุประสงค์ จำนวน 43 หน่วยงาน อาทิเช่น สำนักประชาสัมพันธ์เขต 4 พิษณุโลก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก สถานีเครื่องส่งวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเขาสมอแคลงจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานธนารักษ์พื้นที่พิษณุโลก สำนักงานคลังเขต 6 สำนักงานคลังจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานสรรพากรพื้นที่พิษณุโลก สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานประมงจังหวัดพิษณุโลก สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิษณุโลก วิทยาลัยพณิชการบึงพระพิษณุโลก วิทยาลัยสารพัดช่างพิษณุโลก ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 1 พิษณุโลก สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก และตำรวจภูธรภาค 6 เป็นต้น

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557

เช้าวันที่ ( 28 ก.พ.57 )  ที่ห้องประชุมพระพุทธชินราช ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการประชุมคณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557 โดยก่อนเริ่มการประชุมรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณและรางวัลให้กับผู้ชนะการประกวดวาดภาพและประกวดเขียนเรียงความ ในหัวข้อจังหวัดของฉัน ปี 2020 จำนวน 6 ราย การแนะนำหัวหน้าส่วนราชการที่ดำรงตำแหน่งใหม่ อาทิเช่น นางสาวกัณณิการ จิตรชุ่ม นักวิชาการตรวจสอบบัญชี ชำนาญการพิเศษ มาดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบบัญชีภาค 6 นายขจรเกียรติ แพงศรี นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชำนาญการพิเศษ ปฎิบัติหน้าที่ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิจิตร มาดำรงตำแหน่งท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น

จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดประธานในที่ประชุมได้แจ้งให้กับหัวหน้าส่วนราชการที่เข้าร่วมประชุมรับทราบในนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวงต่างๆและของจังหวัดพิษณุโลก ประกอบด้วยโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และการรายงานผลการดำเนินโครงการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2556/2557 การน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นวิถีชีวิตของชาวพิษณุโลก การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทาง Facebook สถานีปันน้ำใจ การรายงานผลความก้าวหน้าโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังจันทน์ จากนั้นส่วนราชการได้ร่วมกันชี้แจงผลการดำเนินงานที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว และกำลังจะดำเนินการในเดือนหน้า ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์กิจกรรมของจังหวัดพิษณุโลกในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลกการ ผลการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2556 การกำหนดชื่อห้องประชุมจากห้องประชุม 771 เป็นชื่อห้องประชุมพระพุทธชินราช สรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2557 ของจังหวัดพิษณุโลก การออกโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ประจำเดือนมีนาคม 2557 ณ วัดบ้านดง อำเภอชาติตระการ และโครงการบูรณาการบำบัดรักษา ฟื้นฟูและพัฒนาผู้เสพ ผู้ติดยา ของศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดพิษณุโลกเป็นต้น

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัด พร้อมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัด กอ.รมน. จังหวัด และคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัด ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557

เช้าวันนี้ ( 27 ก.พ.57 ) ที่ห้องประชุม 772 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดพิษณุโลก พร้อมทั้งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัด กอ.รมน.จังหวัด และคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัด ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557 โดยในที่ประชุมคณะกรรมการและหน่วยงานต่างๆที่เข้าร่วมประชุมได้รายงานผลการปฏิบัติงานในช่วงระยะที่ผ่านมา ดังนี้ ด้านการแก้ไขปัญหาเสพติด ซึ่งจากรายงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ในห้วงระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2557 – 15 กุมภาพันธ์ 2557 ของตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก มีการตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 59 ครั้ง และผลการปราบปรามยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหาได้ 368 ราย ได้ผู้ต้องหา 379 คน ของกลางยาบ้า 31,177 เม็ด ยาไอซ์ 3.28 กรัม กัญชาแห้ง 6.02 กรัม สารระเหย 3 กระป๋อง

ส่วนเรือนจำกลางพิษณุโลก รายงานสถิติผู้ต้องขังในเรือนจำ ในระหว่างวันที่ 21 มกราคม 2557 – 20 กุมภาพันธ์ 2557 มีผู้กระทำผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติดจำนวนทั้งสิ้น 1,527 คน เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก มีผู้กระทำผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติดจำนวนทั้งสิ้น 2,308 คน และทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก มีผู้กระทำผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติดในระหว่างวันที่ 23 มกราคม 2557 – 20 กุมภาพันธ์ 2557 จำนวนทั้งสิ้น 740 คน ส่วนการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า จากรายงานของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพิษณุโลก ในช่วงระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2557 – 15 กุมภาพันธ์ 2557 พบว่า มีจำนวนคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ในพื้นที่ จำนวน 9 คดี ของกลางเป็นไม้สักจำนวน 12 ท่อน ไม้กระยาเลย จำนวน 13 ท่อน พื้นที่ถูกบุกรุกจำนวน 369 ไร่เศษ เป็นต้น

นายก อบจ.พิษณุโลก เดินทางดูบ่อขยะเปิดใหม่เพื่อสำรวจหาระยะการรองรับปริมาณขยะ หลังจากที่บ่อขยะเดิมที่ตั้งอยู่ ตำบลบึงกอก อำเภอบางระกำ จะปิดไม่รับขยะอย่างถาวรในปี 2558 นี้

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ลงดูพื้นที่ บ่อขยะ หมู่ 11 ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อสำรวจหาระยะการรองรับปริมาณขยะ หลังจากที่บ่อขยะเดิมที่ตั้งอยู่ ตำบลบึงกอก อำเภอบางระกำ จะปิดไม่รับขยะอย่างถาวรในปี 2558 นี้ จึงทำให้ทางจังหวัดพิษณุโลก ต้องเตรียมการหาบ่อขยะแห่งใหม่เพื่อป้องกันขยะล้นเมือง บ่อขยะนี้ มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 15 ไร่ ที่มีนาย เชิด กรมพุก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 ตำบล เป็นเจ้าของที่ดินพื้นที่บ่อขยะดังกล่าว นายเชิด กล่าวว่า เดิมที่ดินแปลงนี้ ตนได้ขุดดินขาย ก่อนเปิดบ่อให้ประชาชนเข้าตกปลาได้สักระยะหนึ่ง ตนจึงคิดหันมาทำเป็นบ่อขยะ ซึ่งบ่อขยะจะใช้วิธีไถกลบเพื่อลดปัญหากลิ่นเหม็น ส่วนค่ากำจัดขยะนั้นได้คิดเป็นคันรถๆ ละหนึ่งพันบาท ตอนนี้มีหน่วยรถเก็บขยะที่นำขยะมาทิ้ง 7 แห่ง คือ เทศบาลตำบลพลายชุมพล ,เทศบาลตำบลหัวรอ ,เทศบาลตำบลบ้านคลอง ,อบต.สมอแข ,อบต.บึงพระ ,อบต.วัดจันทร์ และ อบต.ท่าทอง ทำให้ทุกวันจะมีรถขยะวิ่งเข้า-ออก มากกว่า 10 คันต่อวัน ตอนนี้ตนกำลังจะขยายเนื้อที่บ่อเพิ่มขึ้นอีก 5 ไร่ บ่อขยะนี้จะมีคนอยู่ตลอดเวลาคือ นายดาน ขันสู้การ ประกอบอาชีพทำนาข้าว หมู่ที่ 6 บ้านบึงกอก ตำบลบึงกอก อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และภรรยา ที่ต้องการหารายได้เสริมด้วยการเก็บขยะรีไซเคิ้ล ให้รถรับซื้อมารับซื้อที่บ่อ ซึ่งสร้างรายได้ 200 - 300 บาทต่อวัน

นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า จากการเปิดบ่อขยะของภาคเอกชนดังกล่าว สามารถช่วยแก้ไขในการทิ้งขยะในเขตพื้นที่รอบตัวเมืองพิษณุโลก เนื่องจากบ่อขยะที่ตำบลบึกกอก อ.บางระกำ กำลังจะปิดรับในปี 2558 อย่างถาวร ซึ่งการเปิดบ่อขยะแห่งใหม่นี้เป็นการแก้ไขปัญหาในรถยะสั้นเพราะเป็นการกำจัดขยะเพราะจากการสำรวจ พื้นที่ในการฝังกลบสามารถใช่ได้ประมาณ 1 ปี แต่การแก่ปัญหาเรื่องการกำจัดขยะในระยะยาวนั้น ทางองค์การบริการส่วนจังหวัด ได้รับคำสั่งจากทางผู้ว่าการการจังหวัด ให้เป็นแม่ใหญ่ในการดูแลเรื่องขยะของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้ประสานกับสำนักพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 11 จ.พิษณุโลก เพื่อเปิดให้ใช้พื้นที่ป่าเสื่อมในเขต อ.วัดโบสถ์ เพื่อจัดทำเป็นบ่อขยะ เพื่อใช้ในการจัดเก็บขยะในระยะยาว ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาและสำรวจผลกระทบต่างๆ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก จัดโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนพระมหากษัตริย์ โดยการจัดกิจกรรมเสวนาและพาคณะสื่อมวลชนนักจัดรายการวิทยุ ศึกษาดูงานโครงการตามแนวพระราชดำริ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก จัดโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนพระมหากษัตริย์ โดยการจัดกิจกรรมเสวนาและพาคณะสื่อมวลชนนักจัดรายการวิทยุ ศึกษาดูงานโครงการตามแนวพระราชดำริ

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก นำโดย นางสาว พรรณี สัสดีแพง ประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก ได้นำคณะสื่อมวลชนนักจัดรายการวิทยุ เข้าศึกษาดูงานโครงการตามแนวพระราชดำริ ที่ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 กองทัพภาคที่ 3 โดยมี พลโท รังสรรค์ คุ้มราศี ผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 และเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ โดยสื่อมวลชนได้เข้ารับฟังบรรยายสรุปและเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ดังกล่าว กว่า 20 โครงการ อาทิ โครงการปลูกผักปลอดสารพิษแบบไฮโดรโปนิกส์ โครงการเลี้ยงไส้เดือนในบ่อวง โครงการเลี้ยงกบในขวดพลาสติก โครงการเลี้ยงจิ้งหรีด โครงการโรงสีข้าวชุมชน โครงการเลี้ยงโคเนื้อ โครงการเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็นต้น จากนั้นในช่วงบ่าย คณะสื่อมวลชน ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่กองบิน 46 โดยมี นาวาอากาศเอก ฐากูร นาครทรรพ ผู้บังคับการกองบิน 46 พร้อมเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปพร้อมเยี่ยมชมการดำเนินงานของกองบิน 46 อาทิเช่นการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลชุมชน ของศูนย์ไบโอดีเซล เริ่มการสาธิตตั้งแต่ขบวนการผลิต วิธีดำเนินการ จนถึงขั้นตอนการนำไปใช้งานในรถยนต์ โดยผู้บังคับการกองบิน 46 กล่าวว่า กองบิน 46 มีแนวคิดในการอนุรักษ์ 5 ด้าน

ซึ่งประกอบด้วย การอนุรักษ์ดิน อนุรักษ์ต้นไม้ อนุรักษ์น้ำ อนุรักษ์อากาศและอนุรักษ์พลังงาน ทางกองบิน 46 จึงได้ทำการรวบรวมน้ำมันพืชเหลือใช้ภายในครัวเรือน นำมาผลิตเป็นไบโอดีเซล โดยมีกำลังการผลิตเฉลี่ย เดือนละ 10,000 - 30,000 ลิตร มีเป้าหมายการผลิตให้ได้ 84,000 ลิตร ซึ่งโครงการนี้ปรากฏว่าได้ช่วยให้ทางเจ้าหน้าที่ สามารถนำไบโอดีเซลที่ผลิตได้ ไปใช้กับเครื่องจักรกล ไปพัฒนาพื้นที่ และต่อยอดการทำโครงการ สวนเกษตรพอเพียง โดยให้ทุกหน่วยงานได้จัดทำงานเกษตรบริเวณพื้นที่ว่างในหน่วยงาน จัดแปลงเกษตรปลุกพืชผักสวนครัวนำมาประกอบอาหารกลางวันรับประทาน และที่เหลือนำไปจำหน่วยนำเงินมาใช้เป็นสวัสดิการ นอกจากนี้ทางกองบิน 46 ยังยินดีที่จะออกไปช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน และยินดีที่จะสนับสนุนและเป็นส่วนร่วม กับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ที่กำลังรณรงค์ให้ประชาชนชาวจังหวัดพิษณุโลก น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อีกด้วย

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จทรงเปิดศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ดงมูลเหล็ก จังหวัดเพชรบูรณ์

เวลา 11.30 น. วันนี้ (27 ก.พ.57) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จแทนพระองค์ไปทรงเปิดศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ดงมูลเหล็ก จังหวัดเพชรบูรณ์ ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ที่ตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเป็นแห่งที่ 45 เพื่อน้อมนำพระราชปณิธาน และพระปณิธาน ของทั้งสองพระองค์ ในการขยายผลการดำเนินงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยขอใช้พื้นที่ของ องค์การบริหารส่วนตำบลดงมูลเหล็ก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของชุมชน มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ลานกิจกรรม รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง โดยดำเนินกิจกรรมตาม 5 แนวคิดพระราชทาน และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชนและบุคคลทั่วไป มีกิจกรรมส่งเสริมอาชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และกิจกรรมให้ความรู้ ตามสภาพปัญหา ความต้องการ และความถนัดของคนในพื้นที่

หลังจากเปิดแพรคลุมป้ายและประทานเข็มเชิดชูเกียรติโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวแล้ว ได้ทอดพระเนตรกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมดนตรีไทยหัวใจเดียวกัน ทอดพระเนตรภายในอาคารศูนย์ 3 วัย ประกอบด้วยกิจกรรมวิถีชุมชน ปฏิบัติตน ส่งเสริมอนามัยจากแม่สู่ลูก กิจกรรมพี่กล่อมน้อง หญิงงามหลังคลอด ร้อยงานสานรัก ทอถัก ภูมิปัญญา กระติบข้าว สานฮัก สานดวงใจ การปรุกระดาษ กิจกรรมร้องเป็นเห็นประวัติศาสตร์ ทรงฉายพระรูปร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะข้าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ คณะทำงานศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ดงมูลเหล็กและผู้ให้การสนับสนุน จากนั้นเสด็จออกทอดพระเนตรกิจกรรมประดิษฐ์พวงกุญแจมะขาม กิจกรรมเด็กประดิษฐ์คิดสร้างสรรค์ หัตถกรรมสร้างอาชีพ กิจกรรมอาหารไทย คนสามวัย สร้างสรรค์ แกงขี้เหล็ก ขนมเทียนแก้ว สมุนไพรจากใบมะยม กิจกรรมประดิษฐ? คิดร้องเล่น เห็นคุณค่าจากย่า ยาย ทอดพระเนตรการฟ้อนแขบลาน คน 3 วัย ทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้ารับเสด็จ สมควรแก่เวลาเสด็จประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังท่าอากาศยานเพชรบูรณ์