นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า สงกรานต์ ปี ๒๕๕๗ นี้ จังหวัดตาก มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ๔๗ ครั้ง ผู้บาดเจ็บ ๔๗ คน เสียชีวิต ๒ คน เป็นชาย ๒ คน สาเหตุสูงสุดเกิดจากเมาสุราและขับรถเร็ว ประเภทยานยานพาหนะคือรถจักรยานยนต์ และรถกระบะ ถนนที่เกิดอุบัติเหตุได้แก่ ถนนกรมทางหลวงและถนนในหมู่บ้าน สงกรานต์ปีนี้ มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต น้อยกว่า ปี ๒๕๕๖ ส่วนจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปี ๒๕๕๖ เพียง ๑ ครั้ง ซึ่ง ปี ๒๕๕๗ จังหวัดตากกำหนดเป้าหมายคือจำนวนการเกิดอุบัติเหตุไม่เกิน ๔๖ ครั้ง ผู้บาดเจ็บ ไม่เกิน ๕๒ คน และเสียชีวิตไม่เกิน ๓ คน
ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ จังหวัดตาก ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงสงกรานต์ ปี ๒๕๕๗ และได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเครือข่ายร่วมกันรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทาง รวมทั้งตั้งจุดตรวจร่วมและบริการประชาชนทุกหมู่บ้านและชุมชน โดยระดมเจ้าหน้าที่ และ อป.พร. ในพื้นที่ปฏิบัติงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยเน้นมาตรการ ๖ มาตรการหลักคือ มาตรการด้านการบริหารจัดการ, มาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมาย, มาตรการทางสังคม, มาตรการด้านวิศวกรรมจราจร, มาตรการด้านการประชาสัมพันธ์ และมาตรด้านบริการแพทย์ฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย ถึงแม้เทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๗ จะมีจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บน้อยกว่า ปี ๒๕๕๖ ก็ตาม จังหวัดตาก ยังคงดำเนินการบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข็มงวดต่อไป
วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารจัดพิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธชินราช รุ่น ภปร. เสาร์ 5 ปี 57
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารจัดพิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธชินราช รุ่น ภปร. เสาร์ 5 ปี 57 เพื่อนำรายได้ไปบูรณะปฎิสังขรณ์โบราณสถานภายในวัด จัดตั้งกองทุนพระพุทธชินราชและสร้างอาคารเรียนพระพุทธชินราช วิทยาลัยสงฆ์พระพุทธชินราช
บ่ายวันนี้ ( 18 เม.ย.57 ) ที่วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธชินราช รุ่น ภปร. เสาร์ 5 ปี 57 ซึ่งพระพุทธชินราช รุ่น ภปร. นี้ ทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารได้รับพระบรมราชานุญาต จัดสร้างขึ้นตามหนังสือเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี ที่ นร.0207/8385 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2543 และได้ทำพิธีจัดสร้างไปแล้วบางส่วนและยังเหลือยอดที่ยังไม่ได้จัดสร้างอีกเล็กน้อย ทางคณะกรรมการของวัดจึงได้จัดพิธีเททองขึ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 และได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกในระหว่างวันที่ 17 – 19 เมษายน 2557 ซึ่งเป็นวันเสาร์แรม 5 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย หรือเสาร์ห้า ณ วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช โดยได้จัดสร้างเป็นพระพุทธชินราชจำลองลงลักปิดทองขนาด 9 นิ้ว ขนาด 5.9 นิ้ว พระกริ่งพรพุทธชินราช ภปร. เนื้อทองคำ กริ่งเงินเล็ก กริ่งเงินใหญ่ กริ่งนวโลหะใหญ่ กริ่งนวโลหะเล็ก เหรียญเสมาชินราช – พระเหลือ เหรียญรูปไข่ชินราช – พระเหลือ เหรียญเสมาชินราช – นเรศวร เหรียญรูปไข่ชินราช – นเรศวร โดยมีเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศกว่า 100 รูปนั่งปรกอธิฐานจิตทั้งนี้เพื่อนำรายได้ไปบูรณะปฎิสังขรณ์โบราณสถานภายในวัด จัดตั้งกองทุนพระพุทธชินราชและสร้างอาคารเรียนพระพุทธชินราช วิทยาลัยสงฆ์พระพุทธชินราช สำหรับผู้สนใจสามารถสั่งจองวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวได้ที่บริเวณหน้าพระวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช หรือสั่งจองทางไปรษณีย์ ในนามวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ธนาณัติสั่งจ่าย พันเอกธีระยุทธ เงินทอง หรือนายชมพู แก้ววงศ์ หรือสอบถามรายละเอียดทางโทรศัพท์ได้ที่หมายเลข 084 – 5947971 , 084 – 5947290 หรือคุณทองใบ 085 – 4027991 หรือพันเอกเทพ นันตา 089 – 7037378
บ่ายวันนี้ ( 18 เม.ย.57 ) ที่วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธชินราช รุ่น ภปร. เสาร์ 5 ปี 57 ซึ่งพระพุทธชินราช รุ่น ภปร. นี้ ทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารได้รับพระบรมราชานุญาต จัดสร้างขึ้นตามหนังสือเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี ที่ นร.0207/8385 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2543 และได้ทำพิธีจัดสร้างไปแล้วบางส่วนและยังเหลือยอดที่ยังไม่ได้จัดสร้างอีกเล็กน้อย ทางคณะกรรมการของวัดจึงได้จัดพิธีเททองขึ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 และได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกในระหว่างวันที่ 17 – 19 เมษายน 2557 ซึ่งเป็นวันเสาร์แรม 5 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย หรือเสาร์ห้า ณ วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช โดยได้จัดสร้างเป็นพระพุทธชินราชจำลองลงลักปิดทองขนาด 9 นิ้ว ขนาด 5.9 นิ้ว พระกริ่งพรพุทธชินราช ภปร. เนื้อทองคำ กริ่งเงินเล็ก กริ่งเงินใหญ่ กริ่งนวโลหะใหญ่ กริ่งนวโลหะเล็ก เหรียญเสมาชินราช – พระเหลือ เหรียญรูปไข่ชินราช – พระเหลือ เหรียญเสมาชินราช – นเรศวร เหรียญรูปไข่ชินราช – นเรศวร โดยมีเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศกว่า 100 รูปนั่งปรกอธิฐานจิตทั้งนี้เพื่อนำรายได้ไปบูรณะปฎิสังขรณ์โบราณสถานภายในวัด จัดตั้งกองทุนพระพุทธชินราชและสร้างอาคารเรียนพระพุทธชินราช วิทยาลัยสงฆ์พระพุทธชินราช สำหรับผู้สนใจสามารถสั่งจองวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวได้ที่บริเวณหน้าพระวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช หรือสั่งจองทางไปรษณีย์ ในนามวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ธนาณัติสั่งจ่าย พันเอกธีระยุทธ เงินทอง หรือนายชมพู แก้ววงศ์ หรือสอบถามรายละเอียดทางโทรศัพท์ได้ที่หมายเลข 084 – 5947971 , 084 – 5947290 หรือคุณทองใบ 085 – 4027991 หรือพันเอกเทพ นันตา 089 – 7037378
จังหวัดพิษณุโลก แถลงข่าวสื่อมวลชนและปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557
จังหวัดพิษณุโลก แถลงข่าวสื่อมวลชนและปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557 สรุปสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วง 7 วัน ร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย สงกรานต์ทั่วไทยไร้อุบัติเหตุ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 90 ราย จำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ 78 ครั้ง
เช้าวันนี้( 18 เม.ย. 57 ) ที่ห้องประชุม POC ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนและปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557 ซึ่งจังหวัดพิษณุโลกสรุปผลการปฏิบัติงาน 7 วัน ร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย สงกรานต์ทั่วไทยไร้อุบัติเหตุ พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น 78 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 9 ครั้ง จำนวนผู้บาดเจ็บ 90 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 26 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิต 2 ราย ลดลงจากปี 2556 จำนวน 5 ราย โดยจำนวนผู้เสียชีวิตของจังหวัดพิษณุโลก อยู่ในลำดับ 55 ของประเทศ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดเกิดจากการเมาสุราแล้วขับรถ ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดบนถนนสายรอง ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ เวลา 16.00 -20.00 น.ช่วงอายุที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ 30 - 50 ปีขึ้นไป ส่วนด้านมาตรการบังคับใช้กฏหมาย มีจำนวนยานพาหนะที่ถูกเรียกตรวจ 43,891 คัน ถูกดำเนินคดีตามมาตรการหลัก 7,826 ราย ส่วนใหญ่ไม่สวมหมวกนิรภัย รองลงมาไม่มีใบขับขี่ มีการตั้งจุดตรวจหลัก จุดสกัด และจุดบริการประชาชนร่วม กระจายตามอำเภอทั้ง 9 อำเภอครอบคลุมทั้งพื้นที่ของจังหวัด รวม 18 จุด โดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ กว่า 1,000 นาย พร้อมกันนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิต่างๆ ที่ร่วมบูรณการในการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557 นี้ และขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย ที่ได้ร่วมกันเสียสละปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งตลอด 7 วันของการรณรงค์ รวมถึงสื่อมวลชนทุกแขนงที่ช่วยกันประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนให้เกิดความตื่นตัวในหมู่ประชาชน และที่สำคัญประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เองก็ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีกับทางราชการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของจังหวัดพิษณุโลกในครั้งนี้เป็นอย่างดีอีกด้วย
เช้าวันนี้( 18 เม.ย. 57 ) ที่ห้องประชุม POC ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนและปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557 ซึ่งจังหวัดพิษณุโลกสรุปผลการปฏิบัติงาน 7 วัน ร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย สงกรานต์ทั่วไทยไร้อุบัติเหตุ พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น 78 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 9 ครั้ง จำนวนผู้บาดเจ็บ 90 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 26 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิต 2 ราย ลดลงจากปี 2556 จำนวน 5 ราย โดยจำนวนผู้เสียชีวิตของจังหวัดพิษณุโลก อยู่ในลำดับ 55 ของประเทศ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดเกิดจากการเมาสุราแล้วขับรถ ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดบนถนนสายรอง ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ เวลา 16.00 -20.00 น.ช่วงอายุที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ 30 - 50 ปีขึ้นไป ส่วนด้านมาตรการบังคับใช้กฏหมาย มีจำนวนยานพาหนะที่ถูกเรียกตรวจ 43,891 คัน ถูกดำเนินคดีตามมาตรการหลัก 7,826 ราย ส่วนใหญ่ไม่สวมหมวกนิรภัย รองลงมาไม่มีใบขับขี่ มีการตั้งจุดตรวจหลัก จุดสกัด และจุดบริการประชาชนร่วม กระจายตามอำเภอทั้ง 9 อำเภอครอบคลุมทั้งพื้นที่ของจังหวัด รวม 18 จุด โดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ กว่า 1,000 นาย พร้อมกันนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิต่างๆ ที่ร่วมบูรณการในการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557 นี้ และขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย ที่ได้ร่วมกันเสียสละปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งตลอด 7 วันของการรณรงค์ รวมถึงสื่อมวลชนทุกแขนงที่ช่วยกันประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนให้เกิดความตื่นตัวในหมู่ประชาชน และที่สำคัญประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เองก็ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีกับทางราชการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของจังหวัดพิษณุโลกในครั้งนี้เป็นอย่างดีอีกด้วย
กองบิน 46 เดินหน้าแจกน้ำช่วยเหลือประชาชนประสบภัยแล้ง
สถานการณ์ภัยแล้งจังหวัดพิษณุโลก ยังรุนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยแล้งแล้ว 5 อำเภอ 31 ตำบล 341 หมู่บ้าน นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดพิษณุโลก ยังมีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่อง มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค 11,869 ครัวเรือน และมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายจากภัยแล้งทั้งสิ้น 39,725 ไร่ โดยทางจีงหวัดพิษณุโลก ได้บูรณาการหลายหน่วยงาน ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานทหาร นำรถบรรทุกน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภคออกแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบิน 46 ได้นำรถบรรทุกน้ำจำนวน 6 พันลิตร ไปแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชน ที่บ้านตาลสุวรรณ ต.ดอนทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังได้รับแจ้งชาวบ้านขาดแคลนน้ำ จากภัยแล้ง
สรุปยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ตาย 7 ศพ เจ็บ 75 คน
นายคณีธิป บุณยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ หลังดำเนินการมาครบ 7 วัน ปรากฏว่า เกิดอุบัติเหตุ 63 ครั้ง เท่ากับปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 7 ราย เท่ากับปีที่แล้ว มีผู้บาดเจ็บ 75 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5 ราย
การเกิดอุบัติเหตุ อำเภอเมืองมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากที่สุด จำนวน 16 ครั้ง รองลงมาอำเภอหล่มสัก 13 ครั้ง อำเภอหล่มเก่า จำนวน 9 ครั้ง สาเหตุของการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากขับรถเร็วเกินกำหนด เมาสุรา สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เมาสุรา ตัดหน้ากระชั้นชิด ขับรถเร็วเกินกำหนด ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุ รถจักยานยนต์ 51 คัน รถปิคอัพ 5 คัน รถเก๋ง 4 คัน ถนนที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด เป็นถนนสายรอง จำนวน 30 ครั้ง ถนนสายหลัก 25 ครั้ง ถนนในเขตเทศบาล 6 ครั้ง บริเวณที่เกิดเหตุ ทางตรง 49 ครั้ง ทางโค้ง 11 ครั้ง ทางที่มีสิ่งกีดขวาง 2 ครั้ง ช่วงอายุผู้ที่เกิดอุบัติเหตุ 50 ปีขึ้นไป 23 ครั้ง อายุ 30 – 39 ปี 18 ครั้ง อายุ 20 – 24 ปี 12 ครั้ง ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ช่วง 16.01 – 20.00 น. จำนวน 22 ครั้ง ช่วง 12.01 – 16.00 น. จำนวน 17 ครั้ง ช่วง 08.01 – 12.00 น. จำนวน 11 ครั้ง
ผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย นายพิชัย คำทิ้ง อายุ 21 ปี ตำบลน้ำหนาว นายอลงกรณ์ กออินทร์ อายุ 27 ปี ตำบลนาสนุ่น อำเภอศรีเทพ นายทิวากร สังกรณีย์ อายุ 21 ปี ตำบลนาสนุ่น อำเภอศรีเทพ นายทม ใจหาญ อายุ 54 ปี ตำบลบ่อรัง อำเภอวิเชียรบุรี นายโต๊ะ คำแบ๊ง อายุ 85 ปี ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า นางดวงรัตน์ สิงห์เสริมวงศ์ อายุ 45 ปี ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน นายลำเพลิน คำกัง อายุ 55 ปี ตำบลตาดกลอย อำเภอหล่มเก่า
การเกิดอุบัติเหตุ อำเภอเมืองมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากที่สุด จำนวน 16 ครั้ง รองลงมาอำเภอหล่มสัก 13 ครั้ง อำเภอหล่มเก่า จำนวน 9 ครั้ง สาเหตุของการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากขับรถเร็วเกินกำหนด เมาสุรา สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เมาสุรา ตัดหน้ากระชั้นชิด ขับรถเร็วเกินกำหนด ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุ รถจักยานยนต์ 51 คัน รถปิคอัพ 5 คัน รถเก๋ง 4 คัน ถนนที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด เป็นถนนสายรอง จำนวน 30 ครั้ง ถนนสายหลัก 25 ครั้ง ถนนในเขตเทศบาล 6 ครั้ง บริเวณที่เกิดเหตุ ทางตรง 49 ครั้ง ทางโค้ง 11 ครั้ง ทางที่มีสิ่งกีดขวาง 2 ครั้ง ช่วงอายุผู้ที่เกิดอุบัติเหตุ 50 ปีขึ้นไป 23 ครั้ง อายุ 30 – 39 ปี 18 ครั้ง อายุ 20 – 24 ปี 12 ครั้ง ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ช่วง 16.01 – 20.00 น. จำนวน 22 ครั้ง ช่วง 12.01 – 16.00 น. จำนวน 17 ครั้ง ช่วง 08.01 – 12.00 น. จำนวน 11 ครั้ง
ผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย นายพิชัย คำทิ้ง อายุ 21 ปี ตำบลน้ำหนาว นายอลงกรณ์ กออินทร์ อายุ 27 ปี ตำบลนาสนุ่น อำเภอศรีเทพ นายทิวากร สังกรณีย์ อายุ 21 ปี ตำบลนาสนุ่น อำเภอศรีเทพ นายทม ใจหาญ อายุ 54 ปี ตำบลบ่อรัง อำเภอวิเชียรบุรี นายโต๊ะ คำแบ๊ง อายุ 85 ปี ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า นางดวงรัตน์ สิงห์เสริมวงศ์ อายุ 45 ปี ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน นายลำเพลิน คำกัง อายุ 55 ปี ตำบลตาดกลอย อำเภอหล่มเก่า
จังหวัดกำแพงเพชรเตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาวาตภัย
เมื่อวันที่ (18 เม.ย. 57) เวลา 09.00 น. นายศักดิ์ สมบุญโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาวาตภัย ณ ห้องประชุมทุ่งเศรษฐี ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร จากการที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดหมายลักษณะอากาศในช่วงเดือนเมษายน 2557 ว่าบริเวณความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนทำให้มีอากาศร้อนโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ให้ระวังอันตรายจากฝนผ้าคะนองและลมกระโชกแรง ทำให้ขณะนี้ในหลายพื้นที่ของจังหวัดกำแพงเพชรได้เกิดวาตภัยหรือพายุฤดูร้อนขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า พายุฤดูร้อนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็ว รุนแรง และคาดการณ์สถานที่ไม่ได้ ดังนั้นอันดับแรกจึงได้มอบให้ท้องถิ่นจังหวัดสำรวจเทศบาล และ อบต.ว่ามีกี่แห่ง มีงบฯ ตามข้อบัญญัติ และสะสมเท่าไร ใช้ได้เท่าไร เพื่อนำมาจัดทำแผนเตรียมความพร้อมในการป้องกันแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเกิดจากวาตภัยหรือพายุฤดูร้อนที่สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สิน บ้านพักอาศัย และพืชผลทางการเกษตรของประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และได้มอบหมายภารกิจความรับผิดชอบ ขั้นตอนการปฏิบัติ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการด้วยแล้ว
ชานิกา กันภัย
ข่าว 18 เมษายน 2557
ประชุมเตรียมงานเปิดนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร และจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง ๕๐๐ ปี การประดิษฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 เวลา 13.30 น. ที่หอประชุมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานการประชุมเตรียมงานเปิดนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร และจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง ๕๐๐ ปี การประดิษฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร ในวันที่ 9 – 13 พฤษภาคม 2557 ณ บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกําแพงเพชร ตั้งอยู่ที่ถนนปิ่นดําริห์ อ.เมือง จังหวัดกำแพงเพชร เป็นที่แสดงโบราณวัตถุและศิลปะวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่ขุดค้นพบในเมืองกําแพงเพชร และที่มีผู้มอบให้เพื่อเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร โบราณวัตถุส่วนมากเป็นลวดลายปูนปั้นและลวดลายดินเผา เศียรพระพุทธรูป เครื่องสังคโลก ปูนปั้นรูปยักษ์ เทวดาและมนุษย์ ซึ่งใช้ประดับฐานเจดีย์หรือติดตั้งวิหาร
เทวรูปพระอิศวร หล่อด้วยสำริดสูง ๒๑๐ เซนติเมตร เดิมประดิษฐานอยู่ในเทวสถานซึ่งราษฎรเรียกว่า "ศาลพระอิศวร” ภายในกำแพงเมืองกำแพงเพชร ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร เทวรูปพระอิศวรนี้มีจารึกที่ฐานรอบบาท (จารึกที่ ๑๓) ความว่า เจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราชประดิษฐานรูปพระอิศวรในเมืองกำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ. ๒๐๕๓ (คำว่า "ประดิษฐ์” อาจจะหมายความว่าหล่อขึ้นมาใหม่ หรืออาจจะเชิญมาจากที่อื่นแล้วมาประดิษฐานไว้ที่เมืองกำแพงเพชร) แม้ศักราชที่ระบุในจารึกคือ พ.ศ. ๒๐๕๓ ตรงกับสมัยอยุธยา แต่ลักษณะของเทวรูปแสดงถึงการรับอิทธิพลศิลปะเขมรแบบบายน กล่าวคือ พระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีพระมัสสุแสดงถึงอำนาจ กรองศอ และสายรัดพระองค์มีอุบะสั้น ๆ ห้อยประดับ ทรงผ้าโจงกระเบนสั้น มีชายผ้าเป็นรูปสามเหลี่ยม มีกรรเจียกหรือครีบอยู่บนกระบังพักตร์หรือรัดเกล้าสองข้าง พระเศียรเหนือใบพระกรรณ ซึ่งลักษณะดังกล่าวไม่ปรากฏในเทวรูปที่หล่อในสมัยสุโขทัย ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ในเวลาราชการ ทุกวัน เว้นวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อโทร. (055) 711570
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกําแพงเพชร ตั้งอยู่ที่ถนนปิ่นดําริห์ อ.เมือง จังหวัดกำแพงเพชร เป็นที่แสดงโบราณวัตถุและศิลปะวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่ขุดค้นพบในเมืองกําแพงเพชร และที่มีผู้มอบให้เพื่อเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร โบราณวัตถุส่วนมากเป็นลวดลายปูนปั้นและลวดลายดินเผา เศียรพระพุทธรูป เครื่องสังคโลก ปูนปั้นรูปยักษ์ เทวดาและมนุษย์ ซึ่งใช้ประดับฐานเจดีย์หรือติดตั้งวิหาร
เทวรูปพระอิศวร หล่อด้วยสำริดสูง ๒๑๐ เซนติเมตร เดิมประดิษฐานอยู่ในเทวสถานซึ่งราษฎรเรียกว่า "ศาลพระอิศวร” ภายในกำแพงเมืองกำแพงเพชร ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร เทวรูปพระอิศวรนี้มีจารึกที่ฐานรอบบาท (จารึกที่ ๑๓) ความว่า เจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราชประดิษฐานรูปพระอิศวรในเมืองกำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ. ๒๐๕๓ (คำว่า "ประดิษฐ์” อาจจะหมายความว่าหล่อขึ้นมาใหม่ หรืออาจจะเชิญมาจากที่อื่นแล้วมาประดิษฐานไว้ที่เมืองกำแพงเพชร) แม้ศักราชที่ระบุในจารึกคือ พ.ศ. ๒๐๕๓ ตรงกับสมัยอยุธยา แต่ลักษณะของเทวรูปแสดงถึงการรับอิทธิพลศิลปะเขมรแบบบายน กล่าวคือ พระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีพระมัสสุแสดงถึงอำนาจ กรองศอ และสายรัดพระองค์มีอุบะสั้น ๆ ห้อยประดับ ทรงผ้าโจงกระเบนสั้น มีชายผ้าเป็นรูปสามเหลี่ยม มีกรรเจียกหรือครีบอยู่บนกระบังพักตร์หรือรัดเกล้าสองข้าง พระเศียรเหนือใบพระกรรณ ซึ่งลักษณะดังกล่าวไม่ปรากฏในเทวรูปที่หล่อในสมัยสุโขทัย ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ในเวลาราชการ ทุกวัน เว้นวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อโทร. (055) 711570
นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว
ผู้ตรวจ นายรวีโรจน์ ส่องศรี
ประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร
ผู้ตรวจ นายรวีโรจน์ ส่องศรี
ประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร
คณะเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ เร่งให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นแก่ผู้ประสบเหตุอัคคีภัย ที่บ้านวังแดง อำเภอตรอน ไฟฟ้าลัดวงจรทำให้เกิดไฟไหม้บ้านเสียหายทั้งหลัง
คณะเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ เร่งให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นแก่ผู้ประสบเหตุอัคคีภัย ที่บ้านวังแดง อำเภอตรอน ไฟฟ้าลัดวงจรทำให้เกิดไฟไหม้บ้านเสียหายทั้งหลัง เมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น.วันนี้ (๑๘ เม.ย. ๕๗) นางพรทิพย์ ภู่เพียงใจ รองนายกเหล่าจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยคณะเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ กิ่งกาชาดอำเภอตรอน ตลอดจนนายอำเภอตรอน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังแดง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ เดินทางไปเยี่ยมบำรุงขวัญและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยอัคคีภัย ไฟฟ้าลัดวงจรทำให้เกิดไฟไหม้บ้านเสียหายทั้งหลัง ณ บ้านเลขที่ ๑๙๕/๔ หมู่ที่ ๓ ตำบลวังแดง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบ้านของดาบตำรวจไพทูล เชื้อบาง อายุ ๕๐ ปี เป็นบ้านไม้ใต้ถุนยกสูง เสา ๑๕ ต้น เกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.ของวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ ขณะที่เจ้าของบ้านและผู้เช่าบ้านได้ออกไปประกอบอาชีพนอกบ้าน ทาง ทต.บ้านแก่ง และ อบต.วังแดง ได้นำรถบรรทุกน้ำ เข้าสกัดเพลิง แต่เพลิงลุกไหม้เร็วมาก จึงทำให้บ้านเสียหายทั้งหลัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างตรวจสอบ ในเบื้องต้นทางสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดฯ พร้อมทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท (แบ่งเป็นเจ้าของบ้าน ๗,๐๐๐ บาท/ผู้เช่า ๓,๐๐๐ บาท) และเครื่องยังชีพ อุปโภค บริโภค เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ส่วนการช่วยเหลือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่นั้น ในการดำเนินการงานเบื้องต้นทางอำเภอตรอน ,องค์การบริหารส่วนตำบลวังแดง จะทำการสำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
จังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุมปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๕๗ พร้อมเดินหน้ารณรงค์อย่างต่อเนื่องจริงจัง
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กำหนดแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๗ ในระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ โดยร่วมกับหน่วยงานและองค์กรภาคีเครือข่าย ที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นให้มีการบริหารจัดการ ที่มีประสิทธิภาพในการลดปัจจัยเสี่ยงทั้งจากคน ยานพาหนะ ถนนและสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีบทบาทในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ มากขึ้น โดยแต่งตั้งหน่วยงานและบุคคลเป็นคณะกรรมการและคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงาน กำหนดจุดตรวจหลัก จำนวน ๑๘ จุด ทั้ง ๙ อำเภอ ตลอดจนมีการประชุมวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน ติดตามผลการปฏิบัติงานในช่วงรณรงค์ทุกวัน และเมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันนี้ (๑๘ เม.ย.๕๗) นายวีระชัย ภู่เพียงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในการประชุมปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมศิลาอาสน์ ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์
สรุปสถิติเปรียบเทียบการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๖ และ ปี ๒๕๕๗ มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ผู้ได้รับบาดเจ็บ และอัตราการสูญเสียชีวิต เพิ่มขึ้น ๑ เท่า รวม ๗ วัน มีการเกิดอุบัติเหตุรวม ๓๓ ครั้ง ผู้บาดเจ็บ ๓๐ คน และเสียชีวิต ๖ ราย พื้นที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคืออำเภอเมือง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเมาสุราในขณะขับรถ ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เป็นถนนในเขต อบต./หมู่บ้าน ช่วงเวลาที่เกิดเหตุมากที่สุดคือ ช่วงเวลา ๑๖.๐๑ – ๒๐.๐๐ น. สำหรับข้อสรุปจำนวนการบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีตามมาตรการ ๑๐ มาตรการ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ๒๘๖ ราย เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๕๖ คิดเป็นร้อยละ ๖.๗ ข้อหาที่ดำเนินคดีมากที่สุดคือ ไม่สวมหมวกนิรภัย และ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ๑๗๕ ครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ ๙.๖๑ ข้อหาที่ดำเนินคดีมากอันดับรองลงมา คือ ไม่มีใบขับขี่ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ๑๑๗ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๗.๕๕ โดยข้อหาที่มีการกวดขันเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มีจำนวนการดำเนินคดี ๔๓๒ ครั้ง เพิ่มขึ้น ๖๘ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๖๘ รองลงมาคือข้อหามอเตอร์ไซด์ไม่ปลอดภัยมีจำนวนการดำเนินคดี ๑๐๐ ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๑๑ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓๖
ทางด้านขนส่งจังหวัดฯ แจ้งรายงานการตรวจวัดแอลกอฮอล์ พนักงานขับรถโดยสารประจำทางภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จำนวน ๑,๐๒๕ คัน รถเสริม ๓๐ เที่ยว จำนวน ๔๗ คัน ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะแต่อย่างใด ในที่ประชุมตั้งข้อสังเกตว่ากรณีของการเกิดอุบัติเหตุ ผู้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตใช้รถจักรยานยนต์ พ.ร.บ.หมดอายุ ทำให้ไม่สามารถได้รับค่าสินไหมทดแทน(ค่าปลงศพ) จากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถได้ จึงจะต้องเน้นย้ำในเรื่องของการทำ พ.ร.บ.รถด้วย รวมทั้งทางจังหวัดและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจะได้พิจารณาดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตามแนวทางที่ประสบผลสำเร็จให้ต่อเนื่องตลอดทั้งปีทั้งเทศกาลสำคัญและช่วงเวลาปกติ ซึ่งจะมีการถอดบทเรียนมากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการวางมาตรการแนวทางป้องกัน เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่เป็นรูปธรรมต่อไป
สรุปสถิติเปรียบเทียบการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๖ และ ปี ๒๕๕๗ มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ผู้ได้รับบาดเจ็บ และอัตราการสูญเสียชีวิต เพิ่มขึ้น ๑ เท่า รวม ๗ วัน มีการเกิดอุบัติเหตุรวม ๓๓ ครั้ง ผู้บาดเจ็บ ๓๐ คน และเสียชีวิต ๖ ราย พื้นที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคืออำเภอเมือง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเมาสุราในขณะขับรถ ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เป็นถนนในเขต อบต./หมู่บ้าน ช่วงเวลาที่เกิดเหตุมากที่สุดคือ ช่วงเวลา ๑๖.๐๑ – ๒๐.๐๐ น. สำหรับข้อสรุปจำนวนการบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีตามมาตรการ ๑๐ มาตรการ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ๒๘๖ ราย เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๕๖ คิดเป็นร้อยละ ๖.๗ ข้อหาที่ดำเนินคดีมากที่สุดคือ ไม่สวมหมวกนิรภัย และ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ๑๗๕ ครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ ๙.๖๑ ข้อหาที่ดำเนินคดีมากอันดับรองลงมา คือ ไม่มีใบขับขี่ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ๑๑๗ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๗.๕๕ โดยข้อหาที่มีการกวดขันเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มีจำนวนการดำเนินคดี ๔๓๒ ครั้ง เพิ่มขึ้น ๖๘ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๖๘ รองลงมาคือข้อหามอเตอร์ไซด์ไม่ปลอดภัยมีจำนวนการดำเนินคดี ๑๐๐ ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๑๑ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓๖
ทางด้านขนส่งจังหวัดฯ แจ้งรายงานการตรวจวัดแอลกอฮอล์ พนักงานขับรถโดยสารประจำทางภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จำนวน ๑,๐๒๕ คัน รถเสริม ๓๐ เที่ยว จำนวน ๔๗ คัน ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะแต่อย่างใด ในที่ประชุมตั้งข้อสังเกตว่ากรณีของการเกิดอุบัติเหตุ ผู้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตใช้รถจักรยานยนต์ พ.ร.บ.หมดอายุ ทำให้ไม่สามารถได้รับค่าสินไหมทดแทน(ค่าปลงศพ) จากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถได้ จึงจะต้องเน้นย้ำในเรื่องของการทำ พ.ร.บ.รถด้วย รวมทั้งทางจังหวัดและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจะได้พิจารณาดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตามแนวทางที่ประสบผลสำเร็จให้ต่อเนื่องตลอดทั้งปีทั้งเทศกาลสำคัญและช่วงเวลาปกติ ซึ่งจะมีการถอดบทเรียนมากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการวางมาตรการแนวทางป้องกัน เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่เป็นรูปธรรมต่อไป
ข่าว สุรีย์ แสงทอง
นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ
ส.ปชส.อุตรดิตถ์
พุทธศาสนิกชน ชาวอำเภอเวียงหนองล่อง จ. ลำพูน ร่วม ประกอบพิธี บูรณปฏิสังขรณ์ และ สรงน้ำ พระธาตุ วัด น้อยวังสะแกง ตำบลหนองล่อง จังหวัดลำพูน
ชาวอำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน ร่วม ประกอบพิธี บูรณปฏิสังขรณ์ และ สรงน้ำ พระธาตุ วัด น้อยวังสะแกง ตำบลหนองล่อง จังหวัดลำพูน ซึ่ง รอง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ นำ กำลัง ทหาร มา ร่วม ปรับปรุง และ จะ บูรณปฏิสังขรณ์ ปูชณียสถาน บริเวณ โดยรอบ ของวัด เพื่อ ให้เป็น สถานที่ สักการะ บูชา ของ พุทธศาสนิกชน
วันนี้ ( 19 เมษายน 2557 ) พุทธศาสนิกชน ชาวอำเภอเวียงหนองล่อง ร่วม ประกอบพิธี บวงสรวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในการ บูรณปฏิสังขรณ์ และ ร่วมพิธี สรงน้ำพระธาตุ วัดน้อยวังสะแกง ตำบลหนองล่อง อำเภอวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน โดยมี พระธรรม มังคลาจารย์ เจ้าอาวาส วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็น ประธาน ฝ่ายสงฆ์ และ มี พลเรือเอก อมรเทพ ณ บางช้าง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
วัด น้อยวังสะแกง ( วัดน้อยวังปาน ) ตั้งอยู่ ใน ชุมชน บ้านวังสะแกงใต้ หมู่ที่ 9 ตำบลหนองล่อง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน เป็น วัดที่ถูกสร้าง ขึ้นใน สมัย ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตรี แห่ง นครหริภุญชัย โดยมี ประวัติ เมื่อ สมัย พระนางจามเทวี ครอง นครหริภุญชัย พระนางจาม เทวี ได้ นั่ง เรือ มาสำรวจ บริเวณ อำเภอ เวียงหนองล่อง ใกล้กับ ลำน้ำ ปิง ปรากฏ ว่า ฆ้อง ที่อยู่บนเรือ ได้ หล่นลงในน้ำ ซึ่ง ผู้ ที่ดำน้ำลงไป หา ก็หาไม่พบ พระนาง จามเทวี จึงทรงรับสั่ง ให้สร้างวัด ใน บริเวณ ดังกล่าว ซึ่ง เมื่อ ช่วงร้อย กว่าปี ที่ผ่านมา มีการ ค้นพบวัด และ ตั้งชื่อ วัด ว่า วัด น้อยวังปาน ซึ่ง พระจันโต กาวิชโย หรือ ครูบากาวิชัยได้มา จำพรรษา และ พัฒนาวัด ให้เจริญ รุ่งเรืองมาตามลำดับ ต่อมา ครูบาคำมูล วัดต้นผึ้ง ได้ ส่ง พระ ประยูร มาจำพรรษา ที่ วัด แต่ ด้วยวัด ตั้ง อยู่ บริเวณ ห่างไกล ชุมชน ทำให้ ไม่ค่อย มีผู้มาทำบุญ จนกลายเป็นวัดร้าง จนมาถึง ปัจจุบัน คณะศรัทธา ประชาชน ในอำเภอเวียงหนองล่อง จึง ร่วมกัน จัดโครงการ บูรณปฏิสังขรณ์ วัดดังกล่าว ซึ่ง พลเรือเอก อมรเทพ ณ บางช้าง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ได้นำ กำลังทหาร จาก กองบัญชาการกองทัพไทย และ สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อำเภอ ดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ มา ร่วม ปรับปรุง บริเวณ โดยรอบ ให้เพื่อ ประชาชน และ ผู้ที่ศรัทธา ได้เดินทางมา สักการะ บูชา พระธาตุ วัด น้อยวังสะแกง ( วัดน้อยวังปาน ) ซึ่ง คณะ ศรัทธา จะร่วมกันสมทบทุน เพื่อ บูรณปฏิสังขรณ์ วัด ให้ กลับมา มีสภาพ ที่ดี ดังในอดีต
วันนี้ ( 19 เมษายน 2557 ) พุทธศาสนิกชน ชาวอำเภอเวียงหนองล่อง ร่วม ประกอบพิธี บวงสรวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในการ บูรณปฏิสังขรณ์ และ ร่วมพิธี สรงน้ำพระธาตุ วัดน้อยวังสะแกง ตำบลหนองล่อง อำเภอวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน โดยมี พระธรรม มังคลาจารย์ เจ้าอาวาส วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็น ประธาน ฝ่ายสงฆ์ และ มี พลเรือเอก อมรเทพ ณ บางช้าง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
วัด น้อยวังสะแกง ( วัดน้อยวังปาน ) ตั้งอยู่ ใน ชุมชน บ้านวังสะแกงใต้ หมู่ที่ 9 ตำบลหนองล่อง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน เป็น วัดที่ถูกสร้าง ขึ้นใน สมัย ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตรี แห่ง นครหริภุญชัย โดยมี ประวัติ เมื่อ สมัย พระนางจามเทวี ครอง นครหริภุญชัย พระนางจาม เทวี ได้ นั่ง เรือ มาสำรวจ บริเวณ อำเภอ เวียงหนองล่อง ใกล้กับ ลำน้ำ ปิง ปรากฏ ว่า ฆ้อง ที่อยู่บนเรือ ได้ หล่นลงในน้ำ ซึ่ง ผู้ ที่ดำน้ำลงไป หา ก็หาไม่พบ พระนาง จามเทวี จึงทรงรับสั่ง ให้สร้างวัด ใน บริเวณ ดังกล่าว ซึ่ง เมื่อ ช่วงร้อย กว่าปี ที่ผ่านมา มีการ ค้นพบวัด และ ตั้งชื่อ วัด ว่า วัด น้อยวังปาน ซึ่ง พระจันโต กาวิชโย หรือ ครูบากาวิชัยได้มา จำพรรษา และ พัฒนาวัด ให้เจริญ รุ่งเรืองมาตามลำดับ ต่อมา ครูบาคำมูล วัดต้นผึ้ง ได้ ส่ง พระ ประยูร มาจำพรรษา ที่ วัด แต่ ด้วยวัด ตั้ง อยู่ บริเวณ ห่างไกล ชุมชน ทำให้ ไม่ค่อย มีผู้มาทำบุญ จนกลายเป็นวัดร้าง จนมาถึง ปัจจุบัน คณะศรัทธา ประชาชน ในอำเภอเวียงหนองล่อง จึง ร่วมกัน จัดโครงการ บูรณปฏิสังขรณ์ วัดดังกล่าว ซึ่ง พลเรือเอก อมรเทพ ณ บางช้าง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ได้นำ กำลังทหาร จาก กองบัญชาการกองทัพไทย และ สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อำเภอ ดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ มา ร่วม ปรับปรุง บริเวณ โดยรอบ ให้เพื่อ ประชาชน และ ผู้ที่ศรัทธา ได้เดินทางมา สักการะ บูชา พระธาตุ วัด น้อยวังสะแกง ( วัดน้อยวังปาน ) ซึ่ง คณะ ศรัทธา จะร่วมกันสมทบทุน เพื่อ บูรณปฏิสังขรณ์ วัด ให้ กลับมา มีสภาพ ที่ดี ดังในอดีต
ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน
อบจ.ลำพูน จัดป๋าเวณีสระเกล้าดำหัวปี๋ใหม่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ขอพรและขอขมาผู้ใหญ่ตามประเพณีสงกรานต์
อบจ.ลำพูน จัดป๋าเวณีสระเกล้าดำหัวปี๋ใหม่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ขอพรและขอขมาผู้ใหญ่ตามประเพณีสงกรานต์
ที่บริเวณลานวัฒนธรรมชุมชน องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จัดป๋าเวณีสระเกล้าดำหัวปี๋ใหม่เมือง ประจำปี 2557 โดย นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ร่วมสระสลุงพระพรหม และเจ้าที่ประจำสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน หลังจากนั้นคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดลำพูน หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน บุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้ทยอยร่วมสระเกล้าดำหัว เพื่อขอพรและขอขมา นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีขบวนแห่แตรวง รำวงย้อนยุค สร้างความครึกครื้นให้กับงานอีกด้วย
ที่บริเวณลานวัฒนธรรมชุมชน องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จัดป๋าเวณีสระเกล้าดำหัวปี๋ใหม่เมือง ประจำปี 2557 โดย นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ร่วมสระสลุงพระพรหม และเจ้าที่ประจำสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน หลังจากนั้นคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดลำพูน หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน บุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้ทยอยร่วมสระเกล้าดำหัว เพื่อขอพรและขอขมา นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีขบวนแห่แตรวง รำวงย้อนยุค สร้างความครึกครื้นให้กับงานอีกด้วย
ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525565
หน่วยงาน : สวท.ลำพูน
ชาว อ. เวียง หนองล่อง จ. ลำพูน ร่วม ประเพณี แห่ไม้ค้ำโพธิ์ วัดบ้านดงหลวง ประจำปี 2557
ประชาชน ชาว อ. เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ร่วม จัด ขบวนแห่ ไม้ค้ำโพธิ์ วัดบ้านดงหลวง ประจำปี 2557 เพื่อ สืบสาน ประเพณี วัฒนธรรม สร้าง ความสามัคคี ใน ชุมชน และ รณรงค์ ลดการดื่ม เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ในงานบุญ ทาง พุทธศาสนา
เย็นวันที่ 17 เมษายน 2557 ชาว อ. เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ร่วมกัน จัดงานประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์วัดบ้านดงหลวง ตำบลวังผาง ซึ่ง จัดขึ้น หลังจากช่วง เทศกาลสงกรานต์ โดยมี นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองคืการบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธี ซึ่ง ประชาชนได้จัด ขบวนแห่ไม้ค้ำโพธิ์เข้าร่วม จำนวน 12 ขบวน จาก แต่ละ หมู่บ้าน ในเขต ตำบลวังผาง , ตำบลหนองล่อง , และ ตำบลหนองยวง ซึ่งในแต่ละขบวนแห่ มีการแสดงถึงความ หลากหลายทางวัฒนธรรมประเพณีล้านนา เช่นการฟ้อนเล็บ , การทำการ เกษตร ตามหลัก เศรษฐกิจ พอเพียง , ตีกลองปู่จา และ แสดงวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การซ้อนปลา ทอดแห ยกจ๋ำ ( ยกยอ ) ล้อต่าง ( ล้อเกวียน ) , เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จักวิถีการดำรงชีวิตของคนในท้องถิ่น ซึ่ง หลังจาก ขบวน แห่ไม้ค้ำต้นโพธิ์ มาถึง วัดบ้านดงหลวง แล้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนได้มอบ รางวัล ให้ แก่ ชุมชน ที่ จัดขบวน ไม้ค้ำโพธิ์ เข้าร่วม ในพิธี และ ร่วมกัน ประกอบพิธีสงฆ์ รวมถึง นำไม้ ไป ค้ำ ต้นโพธิ์ เพื่อ ความเป็นสิริมงคล และ สืบทอด พระพุทธศาสนา
นายจรัญ ดวงสะเก็ด นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลวังผาง กล่าวว่า การจัดงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ เป็น ประเพณี ที่ ชาว พุทธ ใน 8 จังหวัด ภาค เหนือ ตอนบน ปฏิบัติสืบต่อ กันมา ถือเป็น การ สืบสาน อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของบรรพชน โดยชาวล้านนามีความเชื่อว่าการที่ ได้ทำบุญโดยการถวายไม้ค้ำสะหลี หรือ ไม้ค้ำ ต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่พระพุทธศาสนามายาวนาน ประกอบ กับ ต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ใหญ่ มีกิ่งก้านสาขา เยอะมาก ด้วยร่มเงา ถ้าหาก ได้ค้ำต้นโพธิ์ไว้ก็เหมือนได้ค้ำชูสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน และ ถือเป็นการทำบุญค้ำชูดวงชะตาของตนเองให้ เป็นศิริมงคล ในการเริ่มต้น ปีใหม่ เมือง ของ ชาวล้านา
เย็นวันที่ 17 เมษายน 2557 ชาว อ. เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ร่วมกัน จัดงานประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์วัดบ้านดงหลวง ตำบลวังผาง ซึ่ง จัดขึ้น หลังจากช่วง เทศกาลสงกรานต์ โดยมี นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองคืการบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธี ซึ่ง ประชาชนได้จัด ขบวนแห่ไม้ค้ำโพธิ์เข้าร่วม จำนวน 12 ขบวน จาก แต่ละ หมู่บ้าน ในเขต ตำบลวังผาง , ตำบลหนองล่อง , และ ตำบลหนองยวง ซึ่งในแต่ละขบวนแห่ มีการแสดงถึงความ หลากหลายทางวัฒนธรรมประเพณีล้านนา เช่นการฟ้อนเล็บ , การทำการ เกษตร ตามหลัก เศรษฐกิจ พอเพียง , ตีกลองปู่จา และ แสดงวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การซ้อนปลา ทอดแห ยกจ๋ำ ( ยกยอ ) ล้อต่าง ( ล้อเกวียน ) , เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จักวิถีการดำรงชีวิตของคนในท้องถิ่น ซึ่ง หลังจาก ขบวน แห่ไม้ค้ำต้นโพธิ์ มาถึง วัดบ้านดงหลวง แล้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนได้มอบ รางวัล ให้ แก่ ชุมชน ที่ จัดขบวน ไม้ค้ำโพธิ์ เข้าร่วม ในพิธี และ ร่วมกัน ประกอบพิธีสงฆ์ รวมถึง นำไม้ ไป ค้ำ ต้นโพธิ์ เพื่อ ความเป็นสิริมงคล และ สืบทอด พระพุทธศาสนา
นายจรัญ ดวงสะเก็ด นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลวังผาง กล่าวว่า การจัดงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ เป็น ประเพณี ที่ ชาว พุทธ ใน 8 จังหวัด ภาค เหนือ ตอนบน ปฏิบัติสืบต่อ กันมา ถือเป็น การ สืบสาน อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของบรรพชน โดยชาวล้านนามีความเชื่อว่าการที่ ได้ทำบุญโดยการถวายไม้ค้ำสะหลี หรือ ไม้ค้ำ ต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่พระพุทธศาสนามายาวนาน ประกอบ กับ ต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ใหญ่ มีกิ่งก้านสาขา เยอะมาก ด้วยร่มเงา ถ้าหาก ได้ค้ำต้นโพธิ์ไว้ก็เหมือนได้ค้ำชูสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน และ ถือเป็นการทำบุญค้ำชูดวงชะตาของตนเองให้ เป็นศิริมงคล ในการเริ่มต้น ปีใหม่ เมือง ของ ชาวล้านา
ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน
ผู้ว่าราชการ จ.ลำปาง พร้อมด้วยคณะข้าราชการ ทำพิธีรดน้ำสักการะ พระอนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง และร่วมกันสรงน้ำพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์
นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์และนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นำคณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการ ผู้ใต้บังคับบัญชาจากทุกสังกัดหน่วยงาน ร่วมกันประกอบพิธีรดน้ำสักการะ อนุสาวรีย์พระยาสุลวลือไชยสงคราม หรือ เจ้าพ่อทิพย์ช้าง และสรงน้ำพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดลำปาง ร่วมขอพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยล้านนาให้คงอยู่สืบไป
ในการนี้ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้นำคณะฯ ร่วมประกอบพิธีสักการะ อนุสาวรีย์พระยาสุลวลือไชยสงคราม หรือ พ่อเจ้าทิพย์ช้าง อดีตเจ้าผู้ครองนครลำปาง พร้อมถวายพวงมาลัย และผูกผ้าแพร 3 สี ประกอบด้วย สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน พร้อมนำน้ำขมิ้นส้มป่อย น้ำอบน้ำหอม รดถวายองค์อนุสาวรีย์ฯ เพื่อเป็นการขอขมา สักการะ และอธิษฐานขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนชาวจังหวัดลำปางทุกคน ตลอดจนเพื่อเป็นการแสดงซึ่งความกตัญญูกตเวที ที่มีต่อพ่อเจ้าทิพย์ช้างอดีตเจ้าผู้ครองนครลำปาง ผู้กอบกู้เมืองให้เป็นปึกแผ่น ทำให้ลูกหลานชาวนครลำปาง ได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้
โอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวัดต่างๆ เพื่อเข้าสักการะ ถวายเครื่องไทยธรรม และสรงน้ำพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ในจังหวัด ประกอบด้วย พระราชเมธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดจำทรายมูล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย(ฝ่ายธรรมยุติ), พระราชจินดานายก เจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระเจดีย์ซาวหลัง, พระวิสุทธิธรรมพิลาส รองเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสวัดต้นธงชัย, พระจินดารัตนาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม และพระราชธรรมาลังการ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดบุญวาทย์วิหาร
ทั้งนี้การประกอบพิธีสักการบูชาสรงเถราภิเษกแก่พระสงฆ์ หรือ การสรงน้ำพระ ถือเป็นประเพณีปฏิบัติ ตามฮีตฮอยป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองของชาวไทยล้านนา ที่ได้ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมานับแต่ในอดีต โดยมีความเชื่อว่า บุคคลใดกระทำด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธา มีความเชื่อในคุณพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บุคคลนั้นจะได้รับผลอานิสงส์ มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตและหน้าที่การงาน ปรารถนาสิ่งใด ก็จะสมดั่งความมุ่งมาตรปรารถนาทุกประการ.
ในการนี้ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้นำคณะฯ ร่วมประกอบพิธีสักการะ อนุสาวรีย์พระยาสุลวลือไชยสงคราม หรือ พ่อเจ้าทิพย์ช้าง อดีตเจ้าผู้ครองนครลำปาง พร้อมถวายพวงมาลัย และผูกผ้าแพร 3 สี ประกอบด้วย สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน พร้อมนำน้ำขมิ้นส้มป่อย น้ำอบน้ำหอม รดถวายองค์อนุสาวรีย์ฯ เพื่อเป็นการขอขมา สักการะ และอธิษฐานขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนชาวจังหวัดลำปางทุกคน ตลอดจนเพื่อเป็นการแสดงซึ่งความกตัญญูกตเวที ที่มีต่อพ่อเจ้าทิพย์ช้างอดีตเจ้าผู้ครองนครลำปาง ผู้กอบกู้เมืองให้เป็นปึกแผ่น ทำให้ลูกหลานชาวนครลำปาง ได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้
โอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวัดต่างๆ เพื่อเข้าสักการะ ถวายเครื่องไทยธรรม และสรงน้ำพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ในจังหวัด ประกอบด้วย พระราชเมธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดจำทรายมูล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย(ฝ่ายธรรมยุติ), พระราชจินดานายก เจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระเจดีย์ซาวหลัง, พระวิสุทธิธรรมพิลาส รองเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสวัดต้นธงชัย, พระจินดารัตนาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม และพระราชธรรมาลังการ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดบุญวาทย์วิหาร
ทั้งนี้การประกอบพิธีสักการบูชาสรงเถราภิเษกแก่พระสงฆ์ หรือ การสรงน้ำพระ ถือเป็นประเพณีปฏิบัติ ตามฮีตฮอยป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองของชาวไทยล้านนา ที่ได้ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมานับแต่ในอดีต โดยมีความเชื่อว่า บุคคลใดกระทำด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธา มีความเชื่อในคุณพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บุคคลนั้นจะได้รับผลอานิสงส์ มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตและหน้าที่การงาน ปรารถนาสิ่งใด ก็จะสมดั่งความมุ่งมาตรปรารถนาทุกประการ.
ดูคลิป http://youtu.be/pTcRudb5x84
ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง
ข้าราชการจากทุกสังกัดหน่วยงาน พ่อค้า และประชาชนชาวจังหวัดลำปาง ร่วมทำพิธีรดน้ำดำหัว ขอสูมาคาราวะ และขอพร จากผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์
นายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ และนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายสุรพล สัตยารักษ์ ปลัดจังหวัดลำปาง นำคณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ข้าราชการพลเรือน อัยการ ทหาร ตำรวจ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ จากทุกสังกัดหน่วยงาน รวมถึงพ่อค้า และประชาชนชาวจังหวัดลำปาง รวมมากกว่า 1,500 คน ร่วมกันนำพวงมาลัยดอกมะลิ น้ำขมิ้นส้มป่อย น้ำอบน้ำหอม พร้อมสิ่งของข้าวตอกดอกไม้ ทำพิธีรดน้ำดำหัวและขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล จาก นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ที่ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ซึ่งถือเป็นประเพณีปฏิบัติ ตามฮีตฮอยป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองของชาวไทยล้านนา เนื่องในเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ กิจกรรมพิธีรดน้ำดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ส่วนราชการในจังหวัดลำปาง ได้บูรณาการร่วมกัน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเคารพแก่ผู้เป็นพ่อเมือง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ที่น่าเคารพนับถือ เป็นผู้ที่มีพระคุณ สร้างคุณประโยชน์ให้แก่เมืองลำปาง และเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู ขอขมาลาโทษต่อสิ่งที่ได้ล่วงเกิน ทั้งที่ตั้งใจและมิได้ตั้งใจ และขอรับพร เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ แก่เหล่าข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนเพื่อเป็นการสืบสานประเพณีสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย ซึ่งเป็นวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่มีมาแต่โบราณ ให้คงอยู่สืบทอดต่อไปสู่อนุชนรุ่นหลัง
โดยภายในงานได้จัดบรรยากาศให้เป็นไปในรูปแบบของล้านนา ที่เต็มไปด้วยความครึกครื้น ซึ่งผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่ต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมือง สวมเสื้อหม้อฮ่อม เสื้อผ้าทอมือ ผ้าลายดอก นุ่งผ้าซิ่น พร้อมนำน้ำขมิ้นส้มป่อย น้ำอบน้ำหอม พานข้าวตอกดอกไม้ และสิ่งของดำหัว ตามแบบประเพณีของชาวไทยล้านนา นำมาเพื่อแสดงการคาราวะ ขอขมาลาโทษ และขอพรจาก นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กล่าวว่า ตนมีความรู้สึกประทับใจในการแสดงออกของ ข้าราชการ และพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดลำปาง ที่ยังคงยึดถือ สืบทอดอนุรักษ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ที่มีมาแต่โบราณนี้ไว้ ให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน พร้อมได้กล่าวอวยพร ขอให้ผู้มาร่วมงานทุกคน มีสุขภาพ พลานามัย มีกำลังกาย กำลังใจ ที่สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยและอันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีกำลังใจที่เข้มแข็ง พร้อมที่จะพบกับสิ่งใหม่และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ ด้าน ภายใต้ความมีสติ มีสมาธิ มีปัญญา และมีศีล ตลอดจนขอให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญ มีความมั่นคงในชีวิต หน้าที่การงาน และที่สำคัญขอให้ประชาชนทุกคนจงมีความรัก ความสามัคคี เอื้ออาทรแบ่งปันน้ำใจให้แก่กันและกัน ช่วยกันทำนุบำรุง พัฒนาจังหวัดลำปาง ให้มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้ลำปางได้เป็นนครแห่งความสุขอย่างแท้จริง.
ทั้งนี้ กิจกรรมพิธีรดน้ำดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ส่วนราชการในจังหวัดลำปาง ได้บูรณาการร่วมกัน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเคารพแก่ผู้เป็นพ่อเมือง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ที่น่าเคารพนับถือ เป็นผู้ที่มีพระคุณ สร้างคุณประโยชน์ให้แก่เมืองลำปาง และเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู ขอขมาลาโทษต่อสิ่งที่ได้ล่วงเกิน ทั้งที่ตั้งใจและมิได้ตั้งใจ และขอรับพร เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ แก่เหล่าข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนเพื่อเป็นการสืบสานประเพณีสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย ซึ่งเป็นวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่มีมาแต่โบราณ ให้คงอยู่สืบทอดต่อไปสู่อนุชนรุ่นหลัง
โดยภายในงานได้จัดบรรยากาศให้เป็นไปในรูปแบบของล้านนา ที่เต็มไปด้วยความครึกครื้น ซึ่งผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่ต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมือง สวมเสื้อหม้อฮ่อม เสื้อผ้าทอมือ ผ้าลายดอก นุ่งผ้าซิ่น พร้อมนำน้ำขมิ้นส้มป่อย น้ำอบน้ำหอม พานข้าวตอกดอกไม้ และสิ่งของดำหัว ตามแบบประเพณีของชาวไทยล้านนา นำมาเพื่อแสดงการคาราวะ ขอขมาลาโทษ และขอพรจาก นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กล่าวว่า ตนมีความรู้สึกประทับใจในการแสดงออกของ ข้าราชการ และพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดลำปาง ที่ยังคงยึดถือ สืบทอดอนุรักษ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ที่มีมาแต่โบราณนี้ไว้ ให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน พร้อมได้กล่าวอวยพร ขอให้ผู้มาร่วมงานทุกคน มีสุขภาพ พลานามัย มีกำลังกาย กำลังใจ ที่สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยและอันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีกำลังใจที่เข้มแข็ง พร้อมที่จะพบกับสิ่งใหม่และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ ด้าน ภายใต้ความมีสติ มีสมาธิ มีปัญญา และมีศีล ตลอดจนขอให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญ มีความมั่นคงในชีวิต หน้าที่การงาน และที่สำคัญขอให้ประชาชนทุกคนจงมีความรัก ความสามัคคี เอื้ออาทรแบ่งปันน้ำใจให้แก่กันและกัน ช่วยกันทำนุบำรุง พัฒนาจังหวัดลำปาง ให้มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้ลำปางได้เป็นนครแห่งความสุขอย่างแท้จริง.
ดูคลิป http://youtu.be/bq_vBA3cgik
ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกาศดับกระแสไฟฟ้าเพื่อปฏิบัติงานตัดต้นไม้ใกล้ระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงสูง
นายมนัสชัย โตเทศ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกปฏิบัติการ และบำรุงรักษา ปฏิบัติงานแทนผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะดำเนินการตัดต้นไม้ใกล้ระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงสูง บริเวณบ้านทบศอก ถึง สุดปลายสายบ้านรักไทย จึงมีความจำเป็นต้องดับกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ดังนี้
ดับไฟในวันที่ 23 เมษายน 2557 เวลา 08.30-17.00 น. ที่ บ้านทบศอก ศูนย์โครงการตามพระราชดำริปางตอง โรงเรียนร่มเกล้าปางตอง ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงจังหวัดแม่ฮ่องสอน บ้านนาป่าแปก บ้านห้วยมะเขือส้ม สวนป่าตามโครงการพระราชดำริปางตอง 1 และ บ้านรักไทย
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ /
ดับไฟในวันที่ 23 เมษายน 2557 เวลา 08.30-17.00 น. ที่ บ้านทบศอก ศูนย์โครงการตามพระราชดำริปางตอง โรงเรียนร่มเกล้าปางตอง ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงจังหวัดแม่ฮ่องสอน บ้านนาป่าแปก บ้านห้วยมะเขือส้ม สวนป่าตามโครงการพระราชดำริปางตอง 1 และ บ้านรักไทย
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ /
ข่าวโดย : ชลนารถ ศรีสวัสดิ์/ ชญานิศ จิตรบรรเจิดกุล นิสิตฝึกง
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดแม่ฮ่องสอน สรุปสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปี 2557
นายประพันธ์ กาใจทราย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่าสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปี 2557 ว่า คุณภาพอากาศ จังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือค่า PM 10 ตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2557 จนถึงขณะนี้มีค่าลดงกว่าทุกปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2554 พร้อมทั้ง ในปี 2557 นี้พบจุดความร้อน หรือ Hot Spot 1,620 จุด ซึ่งน้อยลงจากปีที่แล้วกว่า 500 จุด รวมถึงรายงานการดับไฟป่าของศูนย์ปฏิบัติการระดับอำเภอ ภาพรวมจนถึงวันที่ 26 มีนาคม 2557 สามารถดับไฟได้ 453 ครั้ง มีพื้นที่เสียหาย 1,701 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่เสียหายลดลงเกือบครึ่งจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยที่รับผลกระทบจากหมอกควันและไฟป่าว่า ปี 2556 มีจำนวนน้อยกว่า ปี 2557 ประมาณ1,000 คน และในปี 2557 นี้มีการยกเลิกเที่ยวบินไปจำนวน 32 เที่ยวบิน นับจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2557 ในขณะที่ปี 2556 มีการยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด 92 เที่ยวบิน
อย่างไรก็ตามคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปกติ จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอนวันนี้ (19 เมษายน 2557) พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังกล่าวต่ออีกว่า สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในปีนี้น่าจะต่ำและเบากว่าปีที่แล้ว/
อย่างไรก็ตามคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปกติ จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอนวันนี้ (19 เมษายน 2557) พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังกล่าวต่ออีกว่า สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในปีนี้น่าจะต่ำและเบากว่าปีที่แล้ว/
ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน
ท้องถิ่นจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างช่วยเหลือให้สอบบรรจุเข้ารับราชการส่วนท้องถิ่นได้ และหากทุจริตในการสอบ จะถูกปรับตกและไม่มีสิทธิ์สมัครสอบ
นายยุทธนา สายสิงห์ทอง ท้องถิ่นจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ในวันที่ 27 เมษายน 2557 ขณะนี้มีผู้แอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จากผู้สมัครสอบ โดยเสนอว่าสามารถช่วยผู้สมัครสอบ ให้สอบได้ โดยใช้วิธีการทุจริตต่างๆ ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นมีนโยบายในการจัดสอบอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม จึงได้แจ้งประชาสัมพันธ์แก่ผู้สมัครสอบว่าอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างดังกล่าว พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ถ้าหากผู้สมัครสอบใช้วิธีการวิ่งเต้น หรือวิธีการนอกเหนือจากการใช้ความรู้ความสามารถของผู้สมัครเอง จะถือว่าผู้สมัครนั้นทุจริต จะถูกปรับตกในการสอบครั้งนี้ และจะไม่มีสิทธิ์สมัครสอบเข้ารับราชการในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอีกต่อไป
ท้องถิ่นจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวอีกว่า หากผู้สมัครสอบถูกหลอกลวงหรือแอบอ้างแล้ว ให้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้แอบอ้างหรือหลอกลวง และถ้าหากผู้แอบอ้างเป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะถูกลงโทษไล่ออก หรือปลดออกจากราชการ ทั้งนี้ ถ้าหากพบเห็นหรือทราบพฤติการณ์ที่จะมีการแอบอ้างหรือหลอกลวงดังกล่าว ขอให้แจ้งศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น โทรศัพท์หมายเลข 0 2241 9014 หรือ www.dla.go.th/
ท้องถิ่นจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวอีกว่า หากผู้สมัครสอบถูกหลอกลวงหรือแอบอ้างแล้ว ให้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้แอบอ้างหรือหลอกลวง และถ้าหากผู้แอบอ้างเป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะถูกลงโทษไล่ออก หรือปลดออกจากราชการ ทั้งนี้ ถ้าหากพบเห็นหรือทราบพฤติการณ์ที่จะมีการแอบอ้างหรือหลอกลวงดังกล่าว ขอให้แจ้งศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น โทรศัพท์หมายเลข 0 2241 9014 หรือ www.dla.go.th/
ข่าวโดย : ศุภณัฐ สิริภัทรวณิช นิสิตฝึกงานจุฬาฯ
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน
บรรยากาศ การสอบบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วย ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน คึกคัก มีผู้สมัครสอบมากกว่าปีที่ผ่านมา
วันนี้ (19 เมษายน 2557)เป็นวันแรกของการสอบบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งผู้ช่วยครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี 2557 โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสนามสอบทั้งหมด 5 สนาม ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลแม่ฮ่องสอน โรงเรียนห้องสอนศึกษา โรงเรียนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน โรงเรียน อบจ.บ้านจองคำ และวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน บรรยากาศคึกคัก และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายสมบัติ นีกรี ประธานกรรมการกลางประจำสนามสอบที่ 5 วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน กล่าวถึงมาตรการการป้องกันทุจริตในการสอบ ว่า รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอนเขต 1 กำชับห้ามบุคลากรในสถานศึกษา เกี่ยวข้องกับการที่จะนำไปสู่การทุจริตใดใด หากฝ่าฝืนจะมีมาตรการลงโทษที่เด็ดขาด และไม่อนุญาตให้ผู้เข้าสอบนำเครื่องมือสื่อสารเข้าห้องสอบ
จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้สมัครสอบจำนวน 1,811 คน มากกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่จะเรียกบรรจุครั้งแรกเพียง 10 ตำแหน่ง และจะขึ้นบัญชีสำรองไว้ต่อไป การสอบบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วยจะมีไปจนถึงวันพรุ่งนี้(20 เมษายน 2557)และทำการสอบสัมภาษณ์ในวันที่ 27 เมษายน 2557/
นายสมบัติ นีกรี ประธานกรรมการกลางประจำสนามสอบที่ 5 วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน กล่าวถึงมาตรการการป้องกันทุจริตในการสอบ ว่า รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอนเขต 1 กำชับห้ามบุคลากรในสถานศึกษา เกี่ยวข้องกับการที่จะนำไปสู่การทุจริตใดใด หากฝ่าฝืนจะมีมาตรการลงโทษที่เด็ดขาด และไม่อนุญาตให้ผู้เข้าสอบนำเครื่องมือสื่อสารเข้าห้องสอบ
จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้สมัครสอบจำนวน 1,811 คน มากกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่จะเรียกบรรจุครั้งแรกเพียง 10 ตำแหน่ง และจะขึ้นบัญชีสำรองไว้ต่อไป การสอบบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วยจะมีไปจนถึงวันพรุ่งนี้(20 เมษายน 2557)และทำการสอบสัมภาษณ์ในวันที่ 27 เมษายน 2557/
ข่าวโดย : ชลนารถ/ ชญานิศ/ ศุภณัฐ นิสิตฝึกงานจุฬาฯ
หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน
อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่เตรียมจัดงาน 111 ปี อำเภอสูงเม่น
อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่เตรียมจัดงาน 111 ปี อำเภอสูงเม่น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2557 เพื่อความเป็นสิริมงคลของชาวอำเภอสูงเม่น และเผยแพร่อาชีพการทำเฟอร์นิเจอร์ไม้สักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันนี้(18เม.ย.57) ที่หอประชุมอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ทางนายสมหวัง พ่วงบางโพ นายอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ได้แถลงการณ์เตรียมจัดงาน 111 ปี อำเภอสูงเม่น ทั้งนี้อำเภอสูงเม่น นั้นได้แยกจากอำเภอเมืองแพร่ ในปี 2446 เดิมชื่อว่าอำเภอแม่พวก เพื่อเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์และความเป็นสิริมงคลของชาวอำเภอสูงเม่น ทางคณะสงฆ์อำเภอสูงเม่นโดยพระครูโกศลพัฒนานุยุต เจ้าคณะอำเภอ ร่วมกับส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท่องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวอำเภอสูงเม่นจึงกำหนดจัดงาน 111 ปี อำเภอสูงเม่นขึ้นในวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2557 นี้
โดยกิจกรรมวันที่ 11 พฤษภาคม นั้นเวลา 09.09 น. นิมนต์พระสงฆ์และสามเณร จำนวน 350 รูป ประกอบพิธีสืบชะตาอำเภอทั้ง 12 ตำบล 110 หมู่บ้าน โดยน้ำมงคลจาก 110 หมู่บ้าน และน้ำมงคลจากอำเภอสูงเม่น 1 แห่ง รวม 111 แห่งมาประกอบพิธีทำน้ำมนต์ โดยเชิญประชาชนจากทุกหมู่บ้านๆละ 32 คน แต่งกายด้วยชุดปฏิบัติธรรมสีขาวมาร่วมพิธี และวันที่ 12 พฤษภาคม ช่วงเช้ามีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง
มีการสร้างพระพุทธโกศัย รูปทรงเสมา เนื้อทองแดงให้ประชาชนได้บุชาเหรียญล่ะ 20 บาท เนื้อเงิน เหรียญล่ะ 1,000 บาท และเนื้อทอง ราคาตามราคาทอง และสร้างพระแม่ธรณีบีบมวยผม ไว้กลางสระน้ำหน้าที่ว่าการอำเภอสูงเม่น
นอกจากนี้ยังมีการทอดผ้าป่าสามัคคี การจัดกาดมั่วครัวแลง การจำหน่ายสินค้า OTOP การประกวดวาดภาพและถ่ายภาพในอดีตของอำเภอสูวงเม่น การจัดนิทรรศการ การแข่งขันการแกะสลักไม้รูปเม่น การแสดงศิลปวัฒนธรรมของ 12 ตำบล โดยวันเปิดงานเวลา 15.30 น. ของวันที่ 11 พฤษภาคม มีการแสดงฟ้อนรำของหญิงสาวจาก 110 หมู่บ้าน ในชุด 111 ปีอำเภอสูงเม่น และรำกลองยาว 111 ลูก
จึงขอเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยวไปเที่ยงงาน 111 ปี อำเภอสูงเม่น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2557 ที่อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันนี้(18เม.ย.57) ที่หอประชุมอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ทางนายสมหวัง พ่วงบางโพ นายอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ได้แถลงการณ์เตรียมจัดงาน 111 ปี อำเภอสูงเม่น ทั้งนี้อำเภอสูงเม่น นั้นได้แยกจากอำเภอเมืองแพร่ ในปี 2446 เดิมชื่อว่าอำเภอแม่พวก เพื่อเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์และความเป็นสิริมงคลของชาวอำเภอสูงเม่น ทางคณะสงฆ์อำเภอสูงเม่นโดยพระครูโกศลพัฒนานุยุต เจ้าคณะอำเภอ ร่วมกับส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท่องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวอำเภอสูงเม่นจึงกำหนดจัดงาน 111 ปี อำเภอสูงเม่นขึ้นในวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2557 นี้
โดยกิจกรรมวันที่ 11 พฤษภาคม นั้นเวลา 09.09 น. นิมนต์พระสงฆ์และสามเณร จำนวน 350 รูป ประกอบพิธีสืบชะตาอำเภอทั้ง 12 ตำบล 110 หมู่บ้าน โดยน้ำมงคลจาก 110 หมู่บ้าน และน้ำมงคลจากอำเภอสูงเม่น 1 แห่ง รวม 111 แห่งมาประกอบพิธีทำน้ำมนต์ โดยเชิญประชาชนจากทุกหมู่บ้านๆละ 32 คน แต่งกายด้วยชุดปฏิบัติธรรมสีขาวมาร่วมพิธี และวันที่ 12 พฤษภาคม ช่วงเช้ามีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง
มีการสร้างพระพุทธโกศัย รูปทรงเสมา เนื้อทองแดงให้ประชาชนได้บุชาเหรียญล่ะ 20 บาท เนื้อเงิน เหรียญล่ะ 1,000 บาท และเนื้อทอง ราคาตามราคาทอง และสร้างพระแม่ธรณีบีบมวยผม ไว้กลางสระน้ำหน้าที่ว่าการอำเภอสูงเม่น
นอกจากนี้ยังมีการทอดผ้าป่าสามัคคี การจัดกาดมั่วครัวแลง การจำหน่ายสินค้า OTOP การประกวดวาดภาพและถ่ายภาพในอดีตของอำเภอสูวงเม่น การจัดนิทรรศการ การแข่งขันการแกะสลักไม้รูปเม่น การแสดงศิลปวัฒนธรรมของ 12 ตำบล โดยวันเปิดงานเวลา 15.30 น. ของวันที่ 11 พฤษภาคม มีการแสดงฟ้อนรำของหญิงสาวจาก 110 หมู่บ้าน ในชุด 111 ปีอำเภอสูงเม่น และรำกลองยาว 111 ลูก
จึงขอเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยวไปเที่ยงงาน 111 ปี อำเภอสูงเม่น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2557 ที่อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว/พิมพ์
จังหวัดแพร่ปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2557
จังหวัดแพร่ปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2557 สรุป 7 วันอันตราย ตาย 5 ราย เจ็บรวม 72 ราย เกิดอุบัติเหตุรวม 70 ครั้ง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า เช้าวันนี้(18เม.ย.57) ที่ห้องประชุมเทพวงศ์ ศาลากลางจังหวัดแพร่ นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่พร้อมด้วยนายศักดิ์ชัย จ.ผลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2557 จังหวัดแพร่ และปิดศูนย์ดังกล่าว
สำหรับการดำเนินการศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2557 จังหวัดแพร่ ในช่วงของวันที่ 11-17 เมษายน 2557 จังหวัดแพร่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 70 ครั้ง ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันปี 2556 มีผู้บาดเจ็บ 72 ราย เป็นชาย 57 ราย หญิง 15 ราย ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2556 จำนวน 4 ราย และผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นชาย 4 ราย หญิง 1 ราย เท่ากับช่วงเดียวกันปี 2556 ซึ่งจังหวัดแพร่เป็นลำดับที่ 18 ของประเทศไทย โดยจังหวัดนครราชสีมามียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดของประเทศ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า เช้าวันนี้(18เม.ย.57) ที่ห้องประชุมเทพวงศ์ ศาลากลางจังหวัดแพร่ นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่พร้อมด้วยนายศักดิ์ชัย จ.ผลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2557 จังหวัดแพร่ และปิดศูนย์ดังกล่าว
สำหรับการดำเนินการศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2557 จังหวัดแพร่ ในช่วงของวันที่ 11-17 เมษายน 2557 จังหวัดแพร่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 70 ครั้ง ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันปี 2556 มีผู้บาดเจ็บ 72 ราย เป็นชาย 57 ราย หญิง 15 ราย ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2556 จำนวน 4 ราย และผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นชาย 4 ราย หญิง 1 ราย เท่ากับช่วงเดียวกันปี 2556 ซึ่งจังหวัดแพร่เป็นลำดับที่ 18 ของประเทศไทย โดยจังหวัดนครราชสีมามียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดของประเทศ
ฉัตรชัย พวงขจร /ข่าว/พิมพ์
สสจ.พะเยา เตือนประชาชนระวังอันตรายจากแสงแดดในช่วงฤดูร้อนที่เกิดจากร่างกายมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา ร่วมกับภาวะขาดน้ำ
นายแพทย์สุรินทร์ สุมนาพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ในช่วงเดือนเมษายน สภาพอากาศมีอุณหภูมิสูงขึ้นและเป็นช่วงที่มีอากาศร้อนมาก อาจก่อให้เกิดโรคที่มากับความร้อน โดยเฉพาะภาวะโรคจากแดด ซึ่งประกอบด้วย 4 โรคหลัก ได้แก่ โรคลมแดดหรือฮีท สโตรก , โรคเพลียแดด , โรคตะคริวแดด , และผิวหนังไหม้แดด โดยโรคดังกล่าวล้วนเกิดจากการได้รับความร้อนมากจนเกินไป ประกอบกับเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งแต่ละโรคจะเกิดในภาวะที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการอยู่ท่ามกลางแสงแดดนานแค่ไหน แต่ภาวะที่รุนแรงที่สุดจะเสี่ยงเสียชีวิต คือ โรคลมแดด
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพะเยา ยังกล่าวด้วยว่า โรคลมแดด เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส อาการที่พบเบื้องต้น ได้แก่ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ ความดันต่ำ หน้ามืด ไวต่อสิ่งเร้าง่าย และยังอาจมีผลต่อระบบไหลเวียน ซึ่งอาจมีอาการเพิ่มอีก คือ ภาวะขาดเหงื่อ เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็วหัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้ บุคคลที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดโรคลมแดด ได้แก่ ทหารที่เข้ารับการฝึกโดยปราศจากการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมในการเผชิญสภาพอากาศร้อน รวมถึงบรรดานักกีฬาสมัครเล่นและผู้ที่ทำงานในสภาพอากาศที่ร้อน ตลอดจนผู้สูงอายุ เด็ก คนอดนอน คนดื่มสุราจัด และผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
สำหรับวิธีป้องกันโรคลมแดด ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ก่อนออกจากบ้าน หากอยู่ในสภาพอากาศร้อนดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้ทำงานในร่มก็ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา และระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด หลีกเลี่ยงการกินยาแก้แพ้ แก้น้ำมูก และควรให้การดูแลเด็ก คนชราเป็นพิเศษ ทั้งนี้หากผู้ที่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ขอให้รีบพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพะเยา ยังกล่าวด้วยว่า โรคลมแดด เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส อาการที่พบเบื้องต้น ได้แก่ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ ความดันต่ำ หน้ามืด ไวต่อสิ่งเร้าง่าย และยังอาจมีผลต่อระบบไหลเวียน ซึ่งอาจมีอาการเพิ่มอีก คือ ภาวะขาดเหงื่อ เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็วหัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้ บุคคลที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดโรคลมแดด ได้แก่ ทหารที่เข้ารับการฝึกโดยปราศจากการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมในการเผชิญสภาพอากาศร้อน รวมถึงบรรดานักกีฬาสมัครเล่นและผู้ที่ทำงานในสภาพอากาศที่ร้อน ตลอดจนผู้สูงอายุ เด็ก คนอดนอน คนดื่มสุราจัด และผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
สำหรับวิธีป้องกันโรคลมแดด ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ก่อนออกจากบ้าน หากอยู่ในสภาพอากาศร้อนดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้ทำงานในร่มก็ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา และระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด หลีกเลี่ยงการกินยาแก้แพ้ แก้น้ำมูก และควรให้การดูแลเด็ก คนชราเป็นพิเศษ ทั้งนี้หากผู้ที่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ขอให้รีบพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา
หน่วยงาน : สวท.พะเยา
รองผวจ.น่าน นำทุกภาคส่วน สูมาการวะและขอพรแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ องค์กร เอกชน รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า และประชาชน ร่วมพิธีสูมาการวะและขอพรผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ไทย 2557
วันนี้ (19 เมษายน 2557) ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายกาจพล เอิบสุขสิริ รองผู้ว่า ราชการจังหวัดน่าน (1) นายอดิศร พิทยายน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน (2) นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ องค์กร เอกชน รัฐวิสาหกิจ พ่อค้าและประชาชน ร่วมพิธีสูมาการวะและขอรับพร นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และนางนิตยา พึ่งโสภา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ไทย 2557 เพื่อความเป็นสิริมงคลและส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นประเพณีของไทยอันสืบทอดมาอย่างยาวนาน และยังเป็นการแสดงออกถึงความเคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพนับถือและผู้มีพระคุณ แสดงความกตัญญูพร้อมกับการขอขมาและขอรับพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์วันสำคัญของไทย
ในโอกาสนี้ นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวแสดงความยินดีและดี ใจทีทุกภาคส่วนในจังหวัดน่าน ยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามนี้ไว้ พร้อมกล่าวอวยพรแก่ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กร เอกชน รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า และประชาชนในจังหวัดน่าน โดยขอให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญในหน้าที่การงาน มีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง และขอให้ทุกคนประสบความสุขความเจริญยิ่งยิ่งขึ้นไป
วันนี้ (19 เมษายน 2557) ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายกาจพล เอิบสุขสิริ รองผู้ว่า ราชการจังหวัดน่าน (1) นายอดิศร พิทยายน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน (2) นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ องค์กร เอกชน รัฐวิสาหกิจ พ่อค้าและประชาชน ร่วมพิธีสูมาการวะและขอรับพร นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และนางนิตยา พึ่งโสภา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ไทย 2557 เพื่อความเป็นสิริมงคลและส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นประเพณีของไทยอันสืบทอดมาอย่างยาวนาน และยังเป็นการแสดงออกถึงความเคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพนับถือและผู้มีพระคุณ แสดงความกตัญญูพร้อมกับการขอขมาและขอรับพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์วันสำคัญของไทย
ในโอกาสนี้ นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวแสดงความยินดีและดี ใจทีทุกภาคส่วนในจังหวัดน่าน ยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามนี้ไว้ พร้อมกล่าวอวยพรแก่ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กร เอกชน รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า และประชาชนในจังหวัดน่าน โดยขอให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญในหน้าที่การงาน มีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง และขอให้ทุกคนประสบความสุขความเจริญยิ่งยิ่งขึ้นไป
รดา บุญยะกาญจน์ / ภาพข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน
19 เมษายน 2557
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน
19 เมษายน 2557
ผวจ.น่าน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชน ร่วมพิธีสรงน้ำเจ้าคณะจังหวัดน่านและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลสงกรานต์
ผวจ.น่าน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ องค์กร เอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชน ร่วมพิธีสรงน้ำเจ้าคณะจังหวัดน่านและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เพื่อเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลสงกรานต์
วันนี้ (19 เมษายน 2557) นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย นางนิตยา พึ่งโสภา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน หัวหน้าส่วนราชการ องค์กร เอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชน ร่วมพิธีสรงน้ำเจ้าคณะจังหวัดน่านและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ณ ศาลาการเปรียญวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นประเพณีของคนไทยที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน และถือว่าวันสงกรานต์ เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ ซึ่งจะมีการทำบุญ ตักบาตร ปล่อยนก ปล่อยปลา การสรงน้ำพระพุทธรูป และพระสงฆ์ เพื่อนำสิริมงคลมาสู่ตนเองและครอบครัว รวมถึงประเพณีการเล่นน้ำสงกรานต์ และการอนุรักษ์รักษาไว้ซึ่งประเพณีอันดีงามของคนไทย และเพื่อเป็นการจรรโลงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
วันนี้ (19 เมษายน 2557) นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย นางนิตยา พึ่งโสภา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน หัวหน้าส่วนราชการ องค์กร เอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชน ร่วมพิธีสรงน้ำเจ้าคณะจังหวัดน่านและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ณ ศาลาการเปรียญวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นประเพณีของคนไทยที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน และถือว่าวันสงกรานต์ เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ ซึ่งจะมีการทำบุญ ตักบาตร ปล่อยนก ปล่อยปลา การสรงน้ำพระพุทธรูป และพระสงฆ์ เพื่อนำสิริมงคลมาสู่ตนเองและครอบครัว รวมถึงประเพณีการเล่นน้ำสงกรานต์ และการอนุรักษ์รักษาไว้ซึ่งประเพณีอันดีงามของคนไทย และเพื่อเป็นการจรรโลงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
รดา บุญยะกาญจน์ / ภาพข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน
19 เมษายน 2557
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน
19 เมษายน 2557
โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 3 ในการแข่งขัน UNEP DHI Eco Challenge 2014 ระดับโลก
นักเรียนโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 3 ในการแข่งขัน UNEP DHI Eco Challenge 2014 ระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา
ดร.อุทัย สื่อกระแสร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ศูนย์นวัตกรรมและการจัดการเรียนรู้ วิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ DHI United Nations Environment Programme – DHI Centre & National University of Singapore ประเทศสิงคโปร์ และ UNESCO Bangkok ได้จัดการแข่งขัน Aqua Republica International Game Competition 2014 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีอายุระหว่าง 11 – 18 ปี ได้เข้าร่วมแข่งขันเกมส์ออนไลน์ เกี่ยวกับการจัดการวิกฤตการณ์ปัญหาน้ำของโลก (Global water crisis management) ชิงชนะเลิศระดับประเทศและระดับโลก เมื่อวันพุธที่ 9 เมษายน 2557 เวลา 08.30–14.30 น. ณ อาคารวิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิด
ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ กล่าวว่า ในการแข่งขันในครั้งนี้มีตัวแทนจากประเทศไทย ได้แก่ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ โรงเรียนจักรคำคณาทรลำพูน โรงเรียนวารีเชียงใหม่ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และโรงเรียนหอพระ โดยผลการแข่งขันระดับประเทศทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Thepbodint No.6 นายชินกฤต ธัญชลีนาวงค์ และ นายวชิระ นรสิงห์ นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ ด้วยคะแนน 865612
สำหรับผลการแข่งขันในระดับโลกได้มีการรวมคะแนนและประกาศผลเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2557 ผ่านเว็บไซต์ http://www.seriousgamesconference.org/unep-dhi-eco-challenge-2014 ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับโลกจะได้รับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมที่พักและเงินรางวัล $500 ที่ประเทศเกาหลีได้ ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 นั้น ผลการแข่งขันปรากฏว่า รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Homantin Government Secondary School team from Hong Kong ฮ่องกง รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม Catholic High School team from Singapore ประเทศสิงคโปร์ ส่วน รางวัลชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ ทีม Chiangmai Thepvodint School team from Thailand ประเทศไทย
ดร.อุทัย สื่อกระแสร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ศูนย์นวัตกรรมและการจัดการเรียนรู้ วิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ DHI United Nations Environment Programme – DHI Centre & National University of Singapore ประเทศสิงคโปร์ และ UNESCO Bangkok ได้จัดการแข่งขัน Aqua Republica International Game Competition 2014 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีอายุระหว่าง 11 – 18 ปี ได้เข้าร่วมแข่งขันเกมส์ออนไลน์ เกี่ยวกับการจัดการวิกฤตการณ์ปัญหาน้ำของโลก (Global water crisis management) ชิงชนะเลิศระดับประเทศและระดับโลก เมื่อวันพุธที่ 9 เมษายน 2557 เวลา 08.30–14.30 น. ณ อาคารวิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิด
ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ กล่าวว่า ในการแข่งขันในครั้งนี้มีตัวแทนจากประเทศไทย ได้แก่ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ โรงเรียนจักรคำคณาทรลำพูน โรงเรียนวารีเชียงใหม่ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และโรงเรียนหอพระ โดยผลการแข่งขันระดับประเทศทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Thepbodint No.6 นายชินกฤต ธัญชลีนาวงค์ และ นายวชิระ นรสิงห์ นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ ด้วยคะแนน 865612
สำหรับผลการแข่งขันในระดับโลกได้มีการรวมคะแนนและประกาศผลเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2557 ผ่านเว็บไซต์ http://www.seriousgamesconference.org/unep-dhi-eco-challenge-2014 ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับโลกจะได้รับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมที่พักและเงินรางวัล $500 ที่ประเทศเกาหลีได้ ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 นั้น ผลการแข่งขันปรากฏว่า รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Homantin Government Secondary School team from Hong Kong ฮ่องกง รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม Catholic High School team from Singapore ประเทศสิงคโปร์ ส่วน รางวัลชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ ทีม Chiangmai Thepvodint School team from Thailand ประเทศไทย
ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)