วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เปิดฉากขึ้นแล้วกับการแข่งขันกีฬาแห่งชาติภาค 5 ครั้งที่ 43 เมืองแพร่เกมส์

เปิดฉากขึ้นแล้วกับการแข่งขันกีฬาแห่งชาติภาค 5 ครั้งที่ 43 เมืองแพร่เกมส์ ซึ่งจังหวัดแพร่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีนักกีฬาร่วมแข่งจาก 15 จังหวัดภาคเหนือ

เมื่อเย็นวานนี้ (20 มิ.ย.57) ที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติภาค 5 ครั้งที่ 43 หรือเมืองแพร่เกมส์ ซึ่งจังหวัดแพร่รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในครั้งนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 20-30 มิถุนายน 2557 โดยมีนักกีฬาจาก 15 จังหวัดประกอบด้วยเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และแพร่ โดยทำการแข่งขันกันทั้งหมด 35 ชนิดกีฬา ซึ่งพิธีเปิดการแข่งขันจังกวัดแพร่ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์บังคับ ยิงลูกไฟใส่กระถางคบเพลิงเป็นสัญลักษณ์ว่าการแข่งขันได้เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว และการแสดงฟ้อนผสมผสานของชาวล้านนาของนักเรียนโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่จำนวน 300 คนออกมาฟ้อนรำควบคู่กับศิลปะการต่อสู้ที่สวยงาม

นอกจากนักกีฬาจากจังหกวัดต่างๆจะเข้ามาทำการแข่งขันแล้วยังสามารถมาเที่ยวชมสถานที่หรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆของจังหวัดแพร่ พร้อมเลือกซื้อเลือกหาผลิตภัณฑ์พื้นบ้านของจังหวัดแพร่ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ให้กับชาวจังหวัดแพร่ได้อีกด้วย


ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

จังหวัดแพร่ เดินหน้าป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าตามนโยบายของ คสช.

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ที่ห้องประชุมจดหมายเหตุ ศาลากลางจังหวัดแพร่นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผวจ.แพร่เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ฉบับที่ 64  ให้เร่งปราบปราม จับกุมตัวผู้กระทำผิดที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า รวมทั้งเข้าควบคุม ตรวจสอบ การตั้งโรงงานแปรรูป สืบสวนคดีป่าไม้ และเร่งฟื้นฟูป่าไม้ให้เร็วที่สุด โดยมอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการ ส่วน  ฉบับที่ 66/2557 เรื่องการเพิ่มหน่วยงานปราบปราม และหยุดยั้งการบุกรุก ทำลายทรัพยากรป่าไม้ โดยให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย ขณะการปฏิบัติอื่นๆ ให้เป็นไปตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2557โดยการดำเนินการปราบปราม จะต้องไม่กระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้ รายได้ต่ำ หรือ ผู้ที่ไร้ที่ดินทำกิน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ก่อนคำสั่งนี้จะประกาศใช้ การดูแลจะต้องไม่ให้มีการบุกรุกป่าไม้เพิ่มเติม ส่วนคดีความที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็ให้ดำเนินต่อไป

สำหรับจังหวัดแพร่ในช่วงปี 2557 มีการจับกุมดำเนินคดี 212 คดี เป็นไม้ท่อน 1,244 ท่อน ไม้แปรรูป 114,121 แผ่น ส่วนใหญ่เป็นไม้ประดู่และไม้ชิงชัน จับกุมพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก 151 ไร่เศษ จังหวัดแพร่จึงได้ประชุมพิจารณาแนวทางการปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. และแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้ทุกประเภท โดยภายใน 2 เดือนต้องปราบปรามและยุติเรื่องการบุกรุกป่า 100 % โดยให้ตำรวจและป่าไม้ตั้งด่านเฉพาะกิจ ให้ทุกฝ่ายติดตามหาข่าวและจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีพฤติกรมการทำไม้ที่ผิดกฎหมาย พร้อมใช้มาตรการในการดูแลพิทักษ์ป่าในพื้นที่ของตนเองให้เต็มศักยภาพ ส่วนการบุกรุกพื้นที่ป่าอาจจะตองมีการเจรจาขอคืนพื้นที่ แล้วดำเนินการปลูกป่าทดแทน ฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาสมบูรณ์ต่อไป



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์  

จ.เพชรบูรณ์ เปิดเวทีเสวนาประชาคมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ระดับอำเภอ และจัดงานคืนความสุขให้กับประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืนที่ อ.หล่มสัก

วันนี้ (21 มิ.ย.57) เวลา 16.00 น.ที่หอประชุมอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พลตรีบรรเจิด ฉางปูนทอง ผบ.กกล.รส.พล.ม.1 ร่วมกับ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พลตำรวจตรีสุกิจ สมณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ได้ตรวจเยี่ยมเวทีเสวนาประชาคมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ระดับอำเภอ นายสมยศ รอดแช่ม นายอำเภอหล่มสัก นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมต้อนรับวิทยากรผู้นำการเสวนาได้สรุปผลการระดมความคิดเห็น สะท้อนปัญหา ความต้องการและแนวทางแก้ไข

โอกาสนี้ พลตรีบรรเจิด ฉางปูนทอง ผบ.กกล.รส.พล.ม.1 ได้กล่าวปราศรัยกับประชาชนที่ร่วมเสวนาฯ ว่า ขณะนี้ คสช.ได้เร่งแก้ไขปัญหาความแตกแยกทางความคิดของในชาติตามกระบวนการเสวนาประชาคม เพื่อรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนในระดับ หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ ทั้งด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ต่อจากนั้น พลตรีบรรเจิด ฉางปูนทอง ผบ.กกล.รส.พล.ม.1 และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์และคณะ ได้เดินทางไปสวนสาธารณะดงตาล เทศบาลเมืองหล่มสัก เป็นประธานเปิดงานคืนความสุขให้กับประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน จัดโดย จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกับ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ 1 อำเภอหล่มสัก ตำรวจภูธรหล่มสัก เทศบาลเมืองหล่มสัก และองค์กรปกครองท้องถิ่นในอำเภอหล่มสัก โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้กล่าวต้อนประธานและผู้ร่วมงาน นายสมยศ รอดแช่ม นายอำเภอหล่มสัก กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน โดยทุกภาคส่วนได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุขของประชาชนและประเทศชาติที่กลับคืนมา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คน

ต่อจากนั้น พลตรีบรรเจิด ฉางปูนทอง ได้กล่าวถึงภารกิจสำคัญของ คสช.ในการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ ขอความร่วมมือประชาชนในการปฏิรูปบ้านเมืองต่อไป และได้กล่าวเปิดงาน ผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดไดด้ร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีมหาราชาและโอกาสนี้ ได้มีพิธีถวายผ้าป่าสามัคคี พิธีแสดงพระธรรมเทศนา เพื่อน้อมนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องชี้นำความรักสามัคคีปรองดองของคนในชาติต่อไป

จังหวัดเพชรบูรณ์ออกตรวจสถานประกอบการจ้างแรงงานต่างด้าว ขานรับมาตรการเร่งด่วน คสช.ด้านป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว

วันนี้ (21 มิ.ย.57) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย ผู้แทนผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารม้าที่ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจเยี่ยมสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าว ที่บริษัทโกลเด้นไลน์บิสซิเนส จำกัด ในเครือสหฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งจ้างแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าจำนวนกว่า 1,700 คน และมีใบอนุญาตทำงานถูกต้องตาม เพื่อชี้แจงมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 67/2557 เพื่อให้นายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ได้ทราบวัตถุประสงค์ตามประกาศ คสช. ไม่ให้เกิดความตระหนกหรือความกลัวต่อข่าวลือต่างๆ ผลการตรวจเยี่ยมไม่พบการกระทำผิดกฏหมายที่เกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวแต่อย่างใด

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ประกาศ คสช.ฉบับดังกล่าว เป็นการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ให้แรงงานได้รับการคุ้มครองตามหลักมนุษยธรรม ป้องกันการค้ามนุษย์ และขอให้ผู้ประกอบปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้พบปะแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าที่ทำงานในบริษัท และกล่าวยืนยันความให้มั่นใจกับแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยจะได้รับการดูแลตามหลักสากล อย่าหลงเชื่อข่าวลือใด

ทั้งนี้ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ พม่า ลาว กัมพูชา รวม 2,918 คน ไม่ปรากฎแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองทำงานผิดกฎหมาย และไม่มีรายงานการใช้แรงงานในลักษณะการค้ามนุษย์แต่อย่างใด