วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กรมการกงสุลแจ้งการเปิดระบบออนไลน์ให้บริการทำหนังสือเดินทางตั้งแต่ 10 กุมภาพันธ์นี้

กรมการกงสุลแจ้งการเปิดระบบออนไลน์ให้บริการทำหนังสือเดินทางตั้งแต่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ประชาชนสามารถไปใช้บริการ ณ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวเชียงใหม่ และจังหวัดอื่น ๆ ได้ตามปกติ

นางสาวนารีตา สุประดิษฐ ณ อยุธยา รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว เชียงใหม่ ได้แจ้งเปิดให้บริการรับคำร้องทำหนังสือเดินทางด้วยระบบสำรองวันละ 200 เล่ม ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น ขณะนี้สำนักงาน ฯ ได้รับแจ้งจากกรมการกงสุลว่าสามารถเปิดระบบออนไลน์เพื่อให้บริการทำหนังสือเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557

ซึ่งจะส่งผลให้สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5389-1536 ตลอดจนสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวในจังหวัดอื่น ๆ ได้ตามปกติด้วยเช่นกัน โดยภาคเหนือสามารถเดินทางไปยื่นคำร้องได้ที่สำนักงานหนังสือชั่วคราวเชียงราย โทรศัพท์หมายเลข 0-5317-5375 สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว พิษณุโลก โทรศัพท์ 0-5525-8173, 0-5525-8155 และสำนักงานหนังสือเดินทาง นครสวรรค์ โทรศัพท์ 056233453-4 ทั้งนี้ประชาชนที่ไปยื่นคำร้องทำหนังสือเดินทางจะได้รับเล่มทางไปรษณีย์ภายใน 5 – 7 วัน ดังนั้น จึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ประสงค์จะเดินทางไปต่างประเทศยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางได้ในวันและเวลาราชการ ณ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวทั่วประเทศ


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 เชิญชวนประชาชนร่วมเสดงความคิดเห็นในโครงการปรับปรุงทางหลวงย่านชุมชน ปี 2557

แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 เชิญชวนประชาชนร่วมเสดงความคิดเห็นในโครงการปรับปรุงทางหลวงย่านชุมชน ปี 2557 ทางหลวงหมายเลข 1322 ตอนแม่จา-บ้านจอง ระหว่าง กม.54+500 – กม.56+100 ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ที่ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเวียงแหง

นายวิจารย์ ขุนเสถียร ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 67 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 ในฐานะหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีความจำเป็นต้องดำเนินการจัดทำโครงการของรัฐ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้โครงการปรับปรุงทางหลวงผ่านย่านชุมชน ปี 2557 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อซ่อมแซมพร้อมปรับปรุงไหล่ทาง และพื้นผิวถนน เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณการจราจรได้สูงขึ้น ในทางหลวงหมายเลข 1322 ตอน แม่จา – บ้านจอง ระหว่าง กม.54+500 – กม.56+100

ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 จึงกำหนดให้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอเวียงแหง อันเป็นที่ตั้งโครงการ ฯ ในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ระหว่างเวลา 10.00 – 12.00 น. ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนรับทราบข้อมูลและแสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดแนวทางพัฒนาและปรับปรุงเส้นทาง รวมทั้งเป็นแนวทางในการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการโครงการของรัฐอย่างกว้างขวาง ดังนั้น จึงขอเชิญชวนประชาชนในอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และผู้สนใจทั่วไปร่วมแสดงความคิดเห็นต่อโครงการปรับปรุงทางหลวงผ่านย่านชุมชนปี 2557 ในทางหลวงหมายเลข 1322 ตอน แม่จา – บ้านจอง ระหว่าง กม.54+500 – กม.56+100 ในวัน เวลาและสถานที่ดังกล่าว



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เชิญร่วมรับฟังการเสวนาและชมนิทรรศการ "จากเมืองเชียงใหม่.... สู่มรดกโลกนครวัด"

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดเสวนาเชิงวิชาการและเปิดนิทรรศการ "จากเมืองเชียงใหม่....สู่มรดกโลกนครวัด" วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ณ ลานกิจกรรม และห้องนิทรรศการชั้น 2 ศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนา สี่แยกกลางเวียงเชียงใหม่ โดยเชิญชวนผู้สนใจรับฟังและชมนิทรรศการในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว

รองศาสตราจารย์ ดร.วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง รองคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำหนดจัดเสวนาเชิงวิชาการและเปิดนิทรรศการ “จากเมืองเชียงใหม่...สู่มรดกนครวัด” ความทรงจำและประสบการณ์ในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมชุมชน (Memory from Chiang Mai to Angkor Wat World Heritage) ภายใต้โครงการเชื่อมโยงศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมสู่ชุมชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และเพื่อร่วมฉลอง 50 ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.30 – 11.00 น. ณ ลานกิจกรรม และห้องนิทรรศการชั้น 2 ศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนา สี่แยกกลางเวียงเชียงใหม่

รองคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของการเสวนาเชิงวิชาการได้กำหนดประเด็นการเสวนาคือ “จากเมืองเชียงใหม่...สู่มรดกโลก นครวัด” ประสบการณ์ในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมขุมชน : มรดกโลกคืออะไร และปัจจัยสำคัญกับการก้าวเข้าสู่เมื่อมรดกโลกของเชียงใหม่” โดยรองศาสตราจารย์ ดร.วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ หัวภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ดังนั้นจึงของเชิญชวนผู้สนใจร่วมรับฟังการเสวนาดังกล่าว และร่วมชมนิทรรศการผลงานของนักศึกษาในงานดังกล่าว


ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

โรงพยาบาลนครพิงค์ เปิดให้บริการคลินิกพิเศษแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ราชการเชียงใหม่ตั้งแต่ 13 กุมภาพันธ์นี้

โรงพยาบาลนครพิงค์เปิดให้บริการคลินิกพิเศษแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ราชการเชียงใหม่ทุกวันพฤหัสบดี ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 2 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 นี้

นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลนครพิงค์ได้เปิดให้บริการประชาชนในด้านการรักษาพยาบาลมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างอาคารภายในบริเวณโรงพยาบาล จึงทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการประสบปัญหาสถานที่จอดรถไม่เพียงพอ ส่งผลทำให้เกิดความล่าช้าในการให้บริการ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โรงพยาบาลนครพิงค์จึงได้จัดทำโครงการคลินิกพิเศษนอกสถานที่ขึ้น โดยจะเปิดให้บริการแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่เฉพาะผู้ที่มีบัตรจ่ายตรงกับโรงพยาบาลนครพิงค์ทุกวันพฤหัสบดี ระหว่างเวลา 08.30–12.00 น. และบริการจ่ายยา เวลา 14.30 – 16.00 น. ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 2 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 นี้เป็นต้นไป

สำหรับข้าราชการที่ยังไม่ได้ทำบัตรเบิกจ่ายตรงกับโรงพยาบาลนครพิงค์ สามารถทำเรื่องเบิกจ่ายได้ที่ห้องเบอร์ 1 (ศูนย์แรกรับและลูกค้าสัมพันธ์) โรงพยาบาลนครพิงค์ ในวัน เวลาราชการ โดยเตรียมหลักฐานเอกสารประกอบการจัดทำบัตร ประกอบด้วย สำเนาบัตรประชาชนของผู้สมัครและผู้มีสิทธิ์ คนละ 1 ฉบับ สำเนาทะเบียนบ้านผู้สมัครและผู้มีสิทธิ์คนละ 1 ฉบับ และบัตรประจำตัวผู้ใช้บริการโรงพยาบาลนครพิงค์



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมจัดโครงการประกวดชุมชนชุมชนปลอดขยะเฉลิมพระเกียรติ 87 พรรษา 87 ชุมชน ปี 2557

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมจัดโครงการประกวดชุมชนชุมชนปลอดขยะเฉลิมพระเกียรติ 87 พรรษา 87 ชุมชน ปี 2557 โดยเชิญชวนชุมชนที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้

นายประหยัด อนันต์ประดิษฐ์ รักษาราชการผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำโครงการประกวดชุมชนปลอดขยะ (Zero Waste) เฉลิมพระเกียรติ 87 พรรษา 87 ชุมชน ปี 2557 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2557 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของประชาชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินงานด้านการจัดการขยะมูลฝอยแบบครบวงจร โดยเริ่มจากการจัดการขยะจากต้นทางแหล่งกำเนิดขยะ การลดปริมาณขยะ การนำขยะกลับมาใช้ใหม่ การจัดการกลางทางโดยผ่านระบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการจัดการปลายทางหรือการกำจัดที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ

สำหรับหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกจะดำเนินการคัดเลือกชุมชนที่อยู่ในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยแบ่งกลุ่มชุมชนที่เข้าร่วมคัดเลือกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่ม S เป็นชุมชนขนาดเล็ก มีปริมาณประชากรตั้งแต่ 1 คนแต่ไม่เกิน 500 คน กลุ่ม M เป็นชุมชนขนาดกลาง มีปริมาณประชากรตั้งแต่ 501 คนแต่ไม่เกิน 1,000 คน และ กลุ่ม L ชุมชนขนาดใหญ่ มีปริมาณประชากรตั้งแต่ 1,001 คนขึ้นไป ทั้งนี้ชุมชนใดที่สนใจจะสมัครเข้าร่วมโครงการประกวดชุมชนปลอดขยะ (Zero Waste) เฉลิมพระเกียรติ 87 พรรษา 87 ชุมชน ปี 2557 สามารถดาวน์โหลดใบสมัครจาก เวปไซด์ www.deqp.go.th และ Facebook โครงการชุมชนปลอดขยะ และส่งใบสมัครได้ที่ กองส่งเสริมและเผยแพร่ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรือทางโทรสาร 0-2298-6332, 0-2298-5738 ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มรณรงค์ กองส่งเสริมและเผยแพร่ โทรศัพท์ 0-2278-8453 หรือ 0-2278-8400-19 ต่อ 1551-3 และ 1708 โทรสาร 0-2298-5738



ข่าวโดย : ราตรี จักร์แก้ว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน KICK OFF แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอำเภอแม่ริม

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน KICK OFF แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอำเภอแม่ริม ภายใต้โครงการรณรงค์ไม่เผาป่า ไร้หมอกควัน รักษาธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์

วันนี้ (11 ก.พ. 2557) เวลา 10.00 น. ณ โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน KICK OFF แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอำเภอแม่ริม ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประกาศให้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าเป็นวาระของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกหน่วยงาน บูรณาการร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วมและบทบาทในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันและไฟป่า
อำเภอแม่ริม ได้กำหนดจัดกิจกรรม KICK OFF แก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันและไฟป่า ภายใต้การรณรงค์ไม่เผาป่า ไร้หมอกควัน รักษาธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ ประจำปีงบประมาณ 2557 โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 1,200 คน ภายในกิจกรรมมีการแสดงนิทรรศการ สาธิตการดับไฟ มอบอุปกรณ์การดับไฟ ตำบลละ 1 ชุด จำนวน 11 ชุดและปล่อยแถวขบวนอาสาเคลื่อนที่เร็วดับไฟป่า

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโดยแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 มีการจัดประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อรับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ (Kick Off) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 เพื่อเป็นการรณรงค์สร้างความตระหนักให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ออกประกาศจังหวัดเชียงใหม่ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2556 จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย ประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง กำหนดเขตควบคุมไฟป่าในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยกำหนดให้พื้นที่ทุกหมู่บ้าน/ตำบล/อำเภอ ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเขตควบคุมไฟป่า พร้อมทั้งกำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่าขึ้นภายในพื้นที่เขตควบคุม ไฟป่าด้วย ประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง มาตรการป้องกันการจุดไฟเผาป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งสาเหตุประการหนึ่งเกิดจากการเผาเพื่อการเก็บหาของป่า การล่าสัตว์ และการกำจัดวัชพืชในพื้นที่ป่า

ซึ่งหากพบผู้กระทำผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง มาตรการป้องกันการจุดไฟเผาในที่โล่งและพื้นที่การเกษตร ซึ่งเกิดจากการกำจัดวัชพืชในที่ดินทำกินของเกษตรกรหรือการเผาขยะ และวัชพืชในพื้นที่โล่ง ก็จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดเช่นกัน และประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง ขอความร่วมมือในการป้องกันและควบคุมการเผาป่าและการเผาในที่โล่ง โดยให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกหน่วยงานปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างที่ดีในการงดเผา ทุกชนิดในพื้นที่รับผิดชอบ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควบคุมการเผาทุกชนิดทั้งในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ พื้นที่รกร้างว่างเปล่า พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สองข้างทาง รวมทั้งการเผาขยะ กิ่งไม้ใบไม้ตามบ้านเรือน และสนับสนุนการควบคุมไฟป่า โดยถือเป็นภารกิจเร่งด่วนและเป็นตัวชี้วัดในการปฏิบัติงาน



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/อนันต์ ชุ่มใจ

เครือข่ายเยาวชนพบพ่อเมืองเชียงใหม่ เพื่อรณรงค์โครงการรักไม่เมาเฝ้าระวังสถานที่เสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์หลังการดื่มในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์

เครือข่ายเยาวชนยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อการรณรงค์โครงการรักไม่เมาเฝ้าระวังสถานที่เสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์หลังการดื่มในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ เพื่อรณรงค์ลดการมีเพศสัมพันธ์หลังจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในคืนเทศกาลแห่งความรัก ลดการแพร่เชื้อ HIV ในกลุ่มนักศึกษา การลดการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร

วันนี้ (11 ก.พ. 2557) เวลา 09.40 น. นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเป็นประธานในกิจกรรม รักไม่เมา ของเครือข่ายป้องกันปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดในกลุ่มนักศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับมูลนิธิพลังชุมชนไทยและสถาบันนานาชาติไอโอจีทีเอ็นทีโอ มูฟเม้นท์ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวทางเครือข่ายเยาวชนนักศึกษาได้ร่วมกับเครือข่าย 4 สถาบันการศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาภาคพายัพเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

จากการสำรวจพฤติกรรมและทัศนคติของเยาวชนนักศึกษากับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจังหวัดเชียงใหม่ปี พ.ศ.2556 จำนวน 3,000 คน พบว่า เยาวชนอายุระหว่าง 18-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 72 มีพฤติกรรมเคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และร้อยละ 82 ยังคงเป็นนักดื่มในปัจจุบัน โดยประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เยาวชนนิยมดื่มมากที่สุด 3 อันดับได้แก่ เบียร์ เหล้าสี และเหล้าขาว ซึ่งเยาวชนนักศึกษาจำนวนมากนิยมนำเทศกาลและวันสำคัญต่างๆ มาเป็นโอกาสในการสร้างการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น วันคล้ายวันเกิด วันขึ้นปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ และวันวาเลนไทน์ พร้อมทั้งยังพบกลุ่มนักศึกษาที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใช้เวลาเพียง 5 นาทีสามารถหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ประกอบกับในช่วงนี้กลุ่มธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิงได้มีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตลาดในเดือนแห่งความรัก ทั้งนี้ทางเครือข่ายจึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์โครงการ “รักไม่เมา Love without Alcohol” เพื่อการรณรงค์โครงการรักไม่เมาเฝ้าระวังสถานที่เสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์หลังการดื่มในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ เพื่อรณรงค์ลดการมีเพศสัมพันธ์หลังจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในคืนเทศกาลแห่งความรัก ลดการแพร่เชื้อ HIV ในกลุ่มนักศึกษา การลดการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร รณรงค์การใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง พร้อมกันนี้ทางเครือข่าย เห็นว่าการรณรงค์จำเป็นต้องทำไปพร้อมกับการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งประเทศไทยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 6 ปี ทางเครือข่ายจึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะประธานกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัดเชียงใหม่มีเนื้อหาสำคัญดังนี้ 1. ตรวจสอบร้านค้า-สถานบันเทิง ในการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายที่ผิดกฎหมาย และคุมเข้มร้านค้า-สถานบันเทิงในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และให้ปิดสถานบันเทิงตามที่กฎหมายกำหนด 2. ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่สนับสนุนการขับเคลื่อนการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาร้านเหล้ารอบสถาบันการศึกษา และร้านเหล้าใกล้หอพักเอกชน

โดยวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ทางเครือข่ายจะออกรณรงค์ในพื้นที่สาธารณะในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อแจกสื่อรณรงค์ ถุงยางอนามัย และการแสดงละครเร่ ทั้งนี้ทางเครือข่าย จะดำเนินการสำรวจความเห็นของเยาวชนในจังหวัดเชียงใหม่กับการใช้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในวันวาเลนไทน์และจำนำเรียนข้อมูลแก่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง พร้อมทั้งจะรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา /อภิรฏา อัลภาชน์

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานกล่าวเปิดงานบรรยายธรรมพิเศษ "ถามด้วยรัก ตอบด้วยธรรม" กับท่าน ว.วชิรเมธี

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานกล่าวเปิดงานบรรยายธรรมพิเศษ "ถามด้วยรัก ตอบด้วยธรรม" เพื่อเป็นการขานรับโครงการงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2557 ด้วยการร่วมฟังการบรรยายธรรมจาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่าน ว.วชิรเมธี)

วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2557) เวลา 14.00 น. ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานกล่าวเปิดงานบรรยายธรรมพิเศษ “ถามด้วยรัก ตอบด้วยธรรม” เพื่อเป็นการขานรับโครงการงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2557 ด้วยการร่วมฟังการบรรยายธรรมจาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่าน ว.วชิรเมธี) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรม “ถามด้วยรัก ตอบด้วยธรรม” เพื่อเป็นการขานรับโครงการงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2557 ด้วยการร่วมฟังการบรรยายธรรมจาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่าน ว.วชิรเมธี) เพื่อนำธรรมะมาเป็นแนวคิด และปฏิบัติ ไม่ให้เกิดทุกข์ พร้อมกันนี้ภายในงานยังได้จัดให้มีการบริจาคหนังสือและแบบเรียนให้กับโรงเรียนบ้านต่อเรือ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ประสบเหตุเพลิงไหม้อาคารเรียน ชั้น ป.1 – ป.6 โดยได้รับเกียรติจากคุณวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ท่านนาวาอากาศเอก คิดควร สดับ ผู้บังคับการกองบิน 41 และคุณธนัชชพร พงษ์เย็น ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ทำพิธีมอบหนังสือให้แก่อาจารย์ประสงค์ สารินจา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านต่อเรือ

โดยในปีนี้วันมาฆบูชา ตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ จึงขอเชิญชวนเยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาร่วมทำบุญกุศลหรือร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาเพื่อความเป็นศิริมงคล กับตนเอง เข้าร่วมฟังธรรมมาเป็นแนวคิด แนวปฏิบัติ รวมทั้งการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน โดยยึดหลัก 3 ประการคือ การละเว้นการทำความชั่วทุกอย่าง มุ่งทำความดีด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมจริยธรรมและบำเพ็ญบุญกุศล และการทำจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์

นอกจากนี้ยังเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ประชาชนทั่วไป และวัยรุ่น ร่วมกันบริจาคหนังสือและแบบเรียนให้กับโรงเรียนบ้านต่อเรือ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ประสบเหตุเพลิงไหม้อาคาร ชั้น ป.1-ป.4 เพื่อเพิ่มความรู้คู่ปัญญา ให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนหนังสือแบบเรียน อุปกรณ์การเรียนต่างๆ รวมถึงขอรับบริจาคทุน เพื่อนำไปสร้างอาคารเรียน โต๊ะ เก้าอี้ ให้กับนัดเรียนโรงเรียนดังกล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัทเซนทรัลพัฒนา เชียงใหม่ จำกัด โทร.0-5399-9199 โทรสาร 0-5399-9122-3


ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา/อนันต์ ชุ่มใจ

ความรักกับวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา ถือเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระสงฆ์มาประชุมพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ความหมายของวันนี้ คือ การละความชั่ว ทำความดี
แต่น่าสนใจคือ ในปี 2557 นี้วันมาฆบูชาตรงกับวันแห่งความรักของทางโลกตะวันตก น่าสนใจ คือ ความรักกับพุทธศาสนาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร

จากหนังสือ: แสงส่องใจ พระนิพนธ์ ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ ปริณายก มีข้อความที่น่าสนใจเรื่องของพุทธศาสนากับความรัก คือ

"ความรักของสมเด็จพระพุทธองค์ สูงส่งบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่ให้ทุกข์ไม่ให้โทษไม่ให้ภัย แก่ชีวิตจิตใจใดทั้งนั้น ด้วยทรงมีความรักบริสุทธิ์สูงส่ง ไม่มีเสมอเหมือน พระพุทธองค์จึงทรงแผ่พระมหากรุณาได้กว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีขอบเขต ทั้งแก่พรหมเทพ มนุษย์สัตว์ ปรากฏแจ้งชัดใน โอวาทปาติโมกข์ ที่ทรงแสดงในวันมาฆบูชา พึงไม่ทำบาปทั้งปวง พึ่งทำกุศลให้ถึงพร้อม พึงรักษาจิตของตนให้ผ่องใส บาปย่อมก่อให้เกิดทุกข์โทษภัยแก่ผู้ทำ และผู้อื่น พระพุทธองค์จึงทรงเตือนไม่ให้ทำ กุศลย่อมเป็นคุณแก่ผู้ทำและผู้อื่น พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้ทำ จิตผ่องใสคือจิตที่ไกลได้จากกิเลสโกรธหลง ที่มีอยู่เต็มโลก ย่อมให้ความสุขสงบอย่างยิ่งจนถึงเป็นบรมสุข พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้รักษาจิตของตน”แท้จริงแล้วสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระเมตตา มีความรัก ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง เพื่อเป็นการส่งความรักความปรารถนาดี จึงขอเตือนสติเยาวชนหรือวัยรุ่นว่า ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ประพฤติปฏิบัติตัวอยู่ใน ครรลองครองธรรมที่ดี เพราะวันแห่งความรักเป็นวันที่มอบความรักที่ดีให้กัน ไม่ใช่วันที่ทำร้ายทำลายกัน

จึงอยากให้ใช้สติมากเป็นพิเศษในวันแห่งความรักนี้ เนื่องในโอกาส วันแห่งความรักตรงกับวันแห่งความเมตตา เพื่อให้ความรักมั่นคงยืนยาวตลอดกาล ขอเชิญร่วมสวดมนต์เจริญภาวนารักษาจิตใจ โดยนำธรรมมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับความรักได้อย่างเหมาะสม

จังหวัดน่าน เตรียมพร้อมการสู่ประชาคมอาเซียน (AEC)

นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า จังหวัดน่าน เป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ทำให้เป็นประตูเดินทางไปสู่ประเทศใกล้เคียงได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (สส.เวียดนาม) และสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเครือข่ายอนุภูมิภาคสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ไทย-ลาว-เวียดนาม-จีน เพื่อขยายความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ในจังหวัดและแขวงที่เชื่อมโยงกันได้แก่ แขวงไชยะบุลี แขวงหลวงพระบาง และแขวงอุดมไชย สปป.ลาว จังหวัดเดียนเบียน สส.เวียดนาม และเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวต่อว่า ดังนั้น จังหวัดน่านร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดจัดประชุมเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านค้า การลงทุน ในอนุภูมิภาคสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ณ โรงแรมเทวราช เพื่อเป็นการขยายโอกาสด้านการค้า การลงทุนระหว่างกันของทั้ง  4 ประเทศ ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 4 ประเทศด้วย

ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวต่อท้ายว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่ดอกชมพูภูคาจะออกดอกบานสะพรั่งที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปัว และที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน อำเภอนาน้อย ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนจังหวัดน่านเพื่อดูดอกชมพูภูคาเป็นจำนวนมาก จังหวัดจึงได้จัดงานมหกรรมเครื่องเงินและผ้าทอเมืองน่าน ครั้งที่ 1 "เทศกาลดอกชมพูภูคาบาน ผ้าเงินน่าน สู่อาเซียน” ขึ้น โดยมีกิจกรรมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเงิน และผ้าทอน่าน ชมการสาธิตทำเครื่องเงิน และผ้าทอ ให้เป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ภายในงานมีบู๊ทแสดงสินค้าและข้อมูลที่สำคัญของแขวง และจังหวัดที่เข้าร่วมทั้ง 3 ประเทศ มีการแสดงเดินแบบทั้งนายแบบและนางแบบกิตติมศักดิ์ และนางแบบมืออาชีพนำโดย นางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ หรือแพนเค้ก ดาราชื่อดังเป็นผู้ร่วมเดินแบบในครั้งนี้ โดยงานจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 12 – 16 กุมภาพันธ์ 2557 ณ ลานข่วงเมืองน่าน จังหวัดน่าน จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนจังหวัดน่าน มาชมดอกชมพูภูคา และเลือกซื้อสินค้าเครื่องเงินและผ้าทอจังหวัดน่าน ในช่วงเวลาดังกล่าว



พวงพยอม  คำมุง

งานเทศกาลศิลปะน่าน ตอน น่าน เนิบ เนิบ สื่อสารความสุขสงบของคนน่าน

จังหวัดน่าน โดยศูนย์ประสานงานเทศกาลศิลปะน่าน จัดโครงการ "เทศกาลศิลปะน่าน” ตอน น่าน เนิบ เนิบ (Nan Arts Festival) เพื่อให้ประชาชน เยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้รับรู้ถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ต่างๆ ในชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ และเกิดความสุข ความภาคภูมิใจจากงานศิลปะ

นายวินัย ปราบริปู ประธานคณะกรรมการจัดงานเทศกาลศิลปะน่าน แจ้งว่า คณะกรรมการจัดงานเทศกาลศิลปะน่าน ได้จัดกำหนดจัดงาน "เทศกาลศิลปะน่าน” ตอน น่าน เนิบ เนิบ (Nan Arts Festival) ในระหว่างวันที่ 21 – 23 กุมภาพันธ์ 2557 ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดน่าน เพื่อให้ประชาชน เยาวชนคนรุ่นใหม่ในจังหวัดน่าน ได้รับรู้ถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ต่างๆ ในชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ และเกิดความสุข ความภาคภูมิใจจากงานศิลปะ รวมทั้งศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการต่างๆ ในงานศิลปะ กิจกรรมถ่ายภาพ ดนตรี หนังสั้น กวีและวรรณกรรม ถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานในรูปแบบต่างๆ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อจังหวัดน่าน

กิจกรรมในงาน"เทศกาลศิลปะน่าน” ตอน น่าน เนิบ เนิบ (Nan Arts Festival) งานวันแรก วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 16.30 น. แขกผู้มีเกียรติร่วมนั่งสามล้อชมบรรยากาศและวิถีชีวิตคนเมืองน่าน จากวัดมิ่งเมือง จนถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน จากนั้นเป็นการแสดงดนตรีโดยวงดนตรีออเคสตร้า โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา การแสดงกิงกะลา จากอ.ท่าวังผา การแสดงฟ้อนต้อนรับ ในชุด น่านฟ้านันทบุรี จาก โรงเรียนสตรีศรีน่าน เวลา 18.00 น. เป็นพิธีเปิดงาน การแสดงตีกลองบูชา การแสดงของศิลปินผายเบ้ง ศิลปินแห่งชาติ คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อ่านบทกวีและเขียนกลอน จากนั้น เป็นการฉายภาพยนตร์สารคดีที่รวบรวมภาพแห่งความสุขสงบของเมืองน่าน "ดินดีน้ำก็ดี พืชผักเขียวขจี วิถีสุขสบาย เมืองน่าน” โดยทีมงานคุณบัณฑูร ล่ำซำ และการแสดงอื่นๆ จบท้ายด้วยการฉายหนังเรื่อง สวรรค์บ้านนา ส่วนในวันที่ 22 และวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 เริ่มงานตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ชมการแสดงของนักเรียน นักศึกษา การแสดงดนตรีของศิลปินต่างๆ และการฉายหนังของผู้กำกับชื่อดังของเมืองไทย นอกจากนั้นภายในงานนอกเหนือจากเวทีกลาง จัดให้มีกิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงาน โดยหอศิลป์ริมน่าน การจัดนิทรรศการแสดงภาพการ์ตูนต้นฉบับ โดยห้องสมุดบ้านๆ น่านๆและการแสดง Art Installation ในพื้นที่จังหวัดน่าน การแสดง Performance art ณ สุดฤทธิ์แกลเลอรี


รดา บุญยะกาญจน์/ข่าว

“ชมพูภูคา”พันธุ์ไม้ควรค่าเพื่อความรักษ์

เดือนกุมภาพันธ์หลายคนคิดกันว่าเป็นเดือนแห่งความรัก ดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับความรักคงไม่พ้นดอกไม้ที่มีสีชมพู มีพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งซึ่งบานในเดือนแห่งความรักเป็นประจำทุกปี คือ ดอกชมพูภูคา ซึ่ง ชมพูภูคาเป็นพืชหายากใกล้สูญพันธุ์ เป็นพืชที่มีดอกสีชมพูอมขาว พันธุ์ไม้นี้ที่มีลักษณะโดดเด่นและหายาก เกือบจะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้แล้ว

แต่มี นักพฤกษศาสตร์ ชาวไทย ดร.ธวัชชัย สันติสุข ได้ค้นพบต้นชมพูภูคาอีกครั้งที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน ในปีพ.ศ. 2532 ชมพูภูคามี ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bretschneidera sinensis Hemsl.ชื่อวงศ์ : BRETSCHNEIDERACEAEชมพูภูคา เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 10-25 เมตร เปลือกลำต้นเรียบสีเทาน้ำตาล ใบประกอบแบบขนนก ยาว 30-80 เซนติเมตร ใบรูปหอกถึงรูปไข่ กว้าง 2.5-6 เซนติเมตร ยาว 8-25 เซนติเมตร โคนใบรูปลิ่มหรือกลม ปลายใบแหลม ดอกสีขาว-ชมพู คล้ายรูประฆัง ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อดอกยาวได้ถึง 20-40 เซนติเมตร กลีบรองดอกขนาดใหญ่ รูปคล้ายระฆังคว่ำขอบหยักตื้นๆ กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่กว้าง โคนกลีบเรียวยาว ปลายกลีบม้วนออกด้านนอก ขนาด 1.8-2 เซนติเมตร กลีบบนมักคว่ำลง เกสรผู้ 8 อัน ก้านเกสรเพศผู้ยาว 2.5-3 เซนติเมตร ปลายโค้ง รังไข่และก้านเกสรเพศเมียมีขนปกคลุม รังไข่ยาว 0.3-0.4 เซนติเมตร เกสรเพศเมียยาว 3-4 เซนติเมตร ปลายงอลง ผลรูปกระสวยแก่แล้วแตก เมล็ดรูปรี กว้าง 12 มิลลิเมตร ยาว 20 มิลลิเมตร ชมพูภูคาจะบานในเดือนกุมภาพันธ์ – ต้นเดือนมีนาคม ของทุกปี

ชมพูภูคามีเขตการกระจายพันธุ์แคบ ในอดีตพบเฉพาะทางตอนใต้ของประเทศจีน ภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ไต้หวัน และไทย ขึ้นตามพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำตลอดทั้งปี บนพื้นที่ลาดชันในป่าดิบเขา ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200-1,500 เมตร ต่างประเทศพบจนถึงระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,700 เมตร ซึ่งในต่างประเทศคาดว่าได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้วเหลือพบที่แห่งเดียว ในเขตอุทยานแห่งชาติ ดอยภูคา และพื้นที่ภูเขาสูงชันในจังหวัดน่าน เช่น บ้านมณีพฤกษ์ อำเภอทุ่งช้าง บริเวณเทือกเขาภูพันเจ็ด บ้านสว่าง ตำบลหนองแดง อำเภอแม่จริม เป็นต้น เคยมีผู้สนใจนำพันธุ์ไม้หายากชนิดไปปลูกที่ดอยอินทนนท์ และห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่แล้ว แต่พันธุ์ไม้ชนิดนี้ไม่ออกดอก จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าชมพูภูคาอาจจะเป็น ไม้หายากเฉพาะถิ่นหรือไม่ แม้จะมีสภาพความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ใกล้เคียงกันสภาพอากาศไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก

มีข้อสันนิษฐานทางธรณีวิทยาว่า อาจเป็นเพราะบริเวณพื้นที่จังหวัดน่านนั้น เมื่อ 200 ล้านปี บริเวณนี้เคยเป็นทะเลลึกในระดับมหาสมุทร ก่อนที่จะมีการยกตัวขึ้นเป็นแผ่นดิน สภาพทางธรณีวิทยาเป็น หินตะกอนและหินทรายร่วมอยู่ด้วย มีหินปูนปะปนอยู่บ้าง จึงเป็นต้นกำเนิดให้เกิดแคลเซียมแร่ธาตุสำคัญ ของการเจริญเติบโตของพืช ส่วนพื้นที่ดอยอินทนนท์มีลักษณะเป็นหินแกรนิต หินอัคนี และยังเป็นพื้นที่อยู่ ใต้พื้นพิภพมาก่อน ก่อนที่จะมีการยกตัวสูงขึ้น ส่วนบริเวณพื้นที่ห้วยน้ำดังมีสภาพเป็นหินแปร หินแกรนิต ลักษณะดังกล่าวนี้จะก่อให้เกิดดินโคลนเป็นส่วนใหญ่ และมีโปรแตสเซียมสูงมาก ที่น่าสนใจคือบริเวณพื้นที่จังหวัดน่านเมื่อหลายล้านปีนั้นเคยเป็นพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำมาก่อน ความแตกต่างกันทางธรณีวิทยา อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชมพูภูคาเป็นพันธุ์ไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์ซึ่งไม่สามารถนำไปปลูกยังแหล่งอื่นได้หรือหากจะปลูกแต่ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะต้นไม้ไม่มีการออกดอก เนื่องด้วยสภาพพื้นดินไม่เหมาะสม ในเรื่องของการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ อุทยานแห่งชาติดอยภูคาได้มีรวบรวมเมล็ดพันธุ์และขยายพันธุ์เพื่อการอนุรักษ์ได้แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 เป็นต้นมา

ที่สำคัญคือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้ ชมพูภูคา เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ชมพูภูคาดอกไม้สีชมพูอมขาวที่งดงามตามธรรมชาตินี้ จึงเป็นพันธุ์พืชหายากใกล้สูญพันธุ์ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่ตามแนวพระราชดำริ กำลังจะเบ่งบานเพื่อรอรับการมาเยี่ยมเยือนของผู้มีใจชื่นชมและมีความรักธรรมชาติเดือนกุมภาพันธ์เดือนแห่งความรักนี้

สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราว เชียงใหม่ เปิดให้บริการรับคำร้องขอทำหนังสือเดินทางได้แล้ว

กรมการกงสุลแจ้งการเปิดระบบออนไลน์ให้บริการทำหนังสือเดินทางตั้งแต่ 10 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ประชาชนสามารถไปใช้บริการ ณ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวเชียงใหม่ และจังหวัดอื่น ๆ ได้ตามปกติ

จากการที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว เชียงใหม่ ได้แจ้งเปิดให้บริการรับคำร้องทำหนังสือเดินทางด้วยระบบสำรองวันละ 200 เล่ม ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้สำนักงาน ฯ ได้รับแจ้งจากกรมการกงสุลว่าสามารถเปิดระบบออนไลน์เพื่อให้บริการทำหนังสือเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวเชียงใหม่ ตลอดจนสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวในจังหวัดอื่น ๆ เปิดให้บริการได้ตามปกติด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ประชาชนที่ไปยื่นคำร้องทำหนังสือเดินทางจะได้รับเล่มทางไปรษณีย์ภายใน 5 – 7 วัน ดังนั้น จึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ประสงค์จะเดินทางไปต่างประเทศยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางได้ในวันและเวลาราชการ ณ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวทั่วประเทศ



พวงพยอม  คำมุง

คณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและคมนาคม วุฒิสภา เปิดเวทีสัมมนาบทบาทข้อมุลสารสนเทศภูมิศาสตร์กับการพัฒนาตามยุทธศาตร์จังหวัด

วันนี้ (11 ก.พ.57) ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเทวราช จังหวัดน่าน นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเป็นตัวแทนชาวจังหวัดน่านกล่าวต้อนรับคณะคณะอนุกรรมาธิการระบบข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียม ในคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา และคณะวิทยากรที่เข้าร่วมเวทีสัมมนา เรื่อง "บทบาทของข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์กับการพัฒนาตามยุทธศาสตร์จังหวัด” โดยมีนายพีระ มานะทัศน์ รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่ 1 และประธานคณะอนุกรรมาธิการระบบข้อมูลสารสมเทศภูมิศาสตร์ เป็นประธานเปิดเวทีสัมมนาดังกล่าว โดยคณะอนุกรรมาธิการระบบข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียม ในคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา ดำเนินการขึ้นโดยมีกลุ่มเป้าหมาย รวม 300 คน จาก คณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา ข้าราชการ นักศึกษา และประชาชน

ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการนำข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่ โดยเฉพาะในระดับจังหวัดให้มีความถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในประเด็น การกำหนดยุทธศาสตร์และวางแผนการบริหารจัดการปัญหาวิกฤติของพื้นที่ เช่นปัญหาภัญพิบัติ น้ำท่วม ฝนแล้ง การบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การบริหารจัดการที่ดินของจังหวัด การกำหนดแนวทางที่เหมาะสมของพื้นที่เชื่อมโยงกับภูมิภาคอื่น ๆ การบูรณาการใช้ประโยชน์ข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์จังหวัด ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน มีส่วนสนับสนุนการจัดทำแผนแม่บทและการปฏิบัติงานด้านระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศกลางของประเทศ รับฟังข้อเสนอแนะแนวทางการใช้ประโยชน์จากภาคประชาชนและความคิดเห็นจากนักวิชาการ นโยบาย แผน/งาน โครงการในอนาคต เพื่อจัดทำรายงานผลการพิจารณาศึกษาเสนอต่อคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสนตร์เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา ต่อไป
                                                           


ศรายุทธ  ประเสริฐนิรมล  ภาพ / ข่าว

สืบสานประเพณีโบราณตามวิถีชาวพุทธ ไหว้สาพระธาตุจอมแจ้ง ประจำปี 2557

เทศบาลตำบลช่อแฮ เชิญพุทธศาสนิกชนร่วมสืบสานประเพณีโบราณตามวิถีชาวพุทธ ไหว้สาพระธาตุจอมแจ้ง ประจำปี 2557

นางสาวเกสร ปลาลาศ นายกเทศมนตรีตำบลช่อแฮ แจ้งผ่านสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ว่า เทศบาลตำบลช่อแฮ และ วัดพระธาตุจอมแจ้ง ได้ร่วมกันจัดงานประเพณีไหว้สาพระธาตุจอมแจ้ง ซึ่งเป็นพระธาตุที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าและเพื่อสืบสานประเพณีโบราณตามวิถีชาวพุทธ โดยยึดตามจันทรคติในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 3 ใต้ เดือน 5 เหนือของทุกปี

การจัดงานในปีนี้ ตรงกับวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2557 โดยในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ชมขบวนแห่เครื่องสักการะที่สวยงานตระการตาจากศรัทธาหัววัดต่างๆในเขตเทศบาลประกอบด้วย ขบวนพุ่มเงินพุ่มทอง ขบวนเครื่องไทยทาน ขบวนศิลปวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน ตั้งขบวนแห่ตั้งแต่บริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลช่อแฮ เคลื่อนไปยังบริเวณวัดพระธาตุจอมแจ้งเคลื่อนขบวนเวลา 15.00 น. ทุกคืน เชิญชมและรับความบันเทิงกับมหรสพสมโภช สนุกสนานกับ วงดนตรีลูกทุ่งจากโรงเรียนพัฒนาประชาอุปถัมภ์ วงดนตรีลุกทุ่งโรงเรียนลองวิทยา วงดนตรีลูกทุ่งสาธิตเชตะวัน ชมการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ประชาชนอายุไม่เกิน 30 ปี แฟชั่นโชว์ธิดาสีม่วง พบกับศิลปินนักร้องดัง รัชนก ศรีโลพันธ์ และ เสมา เมืองเม็งราย ณ บริเวณเวทีกลางตลอดงานเลือกชม และซื้อสินค้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ผักปลอดสารพิษพื้นบ้าน สินค้า OTOP ที่มีจำหน่ายตลอดงาน

เทศบาลตำบลช่อแฮ จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไป ร่วมทำบุญไหว้สาพระธาตุจอมแจ้ง สั่งสมบุญถวายเป็นพุทธบูชา และ ในงานประเพณีไหว้สาพระธาตุจอมแจ้ง ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ บริเวณลานวัดพระธาตุจอมแจ้ง ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่



อรุณศักดิ์ เจาะจง

สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ ขอเชิญชวนร่วมประกวดไก่พื้นเมือง

สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ขอเชิญชวนร่วมประกวดไก่พื้นเมือง(ไก่พระลอ)ไก่พื้นเมืองจังหวัดแพร่

นายภิเษก โรจนวิภาต นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ปศุสัตว์จังหวัดแพร่ แจ้งผ่านสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ ว่าจังหวัดแพร่ขอเชิญชวนร่วมประกวดไก่พื้นเมือง(ไก่พระลอ)จังหวัดแพร่ โดยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สร้างกิจกรรมประชาสัมพันธ์และสร้างแรงจูงใจในการจัดการผลิต การตลาดไก่พื้นเมือง ให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ภายใต้โครงการการส่งเสริมและพัฒนาไก่พื้นเมืองจังหวัดแพร่ การประกวดไก่พื้นเมืองจังหวัดแพร่ จะมุ่งเน้นไปที่ลักษณะภายนอกของไก่ สุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายไก่ที่ประกวดเป็นหลัก ซึ่งไก่ที่จะนำเข้ามาประกวดจะต้องมีลักษณะภายในตรงตามลักษณะของสายพันธุ์นั้น ๆ และเป็นไก่ที่อยู่ในจังหวัดแพร่ ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน

กำหนดการประกวดในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ระหว่างเวลา 08.00 – 16.30 น. ณ. สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 (สนามหลวง) ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ แบ่งการประกวดออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ไก่พระลอ(เบญจรงค์) เพศผู้น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัมขึ้นไป ไก่เหลืองหางขาว เพศผู้น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัมขึ้นไป ไก่ประดู่หางดำ เพศผู้ น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัมขึ้นไป ไก่คละสีทั่วไป เพศผู้น้ำหนักมากกว่า 2.5 กิโลกรัมขึ้นไป และไก่ต่อหรือไก่ตั้ง ไม่กำหนดอายุและน้ำหนัก ผู้ชนะการประกวดจะได้รับถ้วยรางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัลแบ่งเป็น ประเภท ๆ ละ 3 รางวัลได้แก่ รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับรางวัล 1,500 บาท (หนึ่งพันห้าร้อยบาทถ้วน) รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับรางวัล 1,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับรางวัล 500 บาท(ห้าร้อยบาทถ้วน) นอกจากนี้ในงานยังจัดให้มีการจัดแสดงพันธ์ไก่พื้นเมือง นิทรรศการด้านการเลี้ยงไก่พื้นเมือง จากหน่วยงานราชการและเอกชน จำหน่ายพันธ์ไก่พื้นเมือง

ผู้สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ โทรศัพท์ 054-511098 ในวันและเวลาราชการ



อรุณศักดิ์ เจาะจง

วิทยาลัยชุมชนแพร่ เดินหน้าหลักสูตรพ่อเลี้ยงไม้ สร้างผู้มีอาชีพเกี่ยวกับไม้สักเป็นนักธุรกิจครบวงจร

วิทยาลัยชุมชนแพร่เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตร 1 ปี ผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก สร้างผู้มีอาชีพเกี่ยวกับไม้สักเป็นนักธุรกิจครบวงจร พัฒนาไม้เศรษฐกิจจังหวัดแพร่ในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก เพิ่มประสิทธิภาพและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมไม้สัก และส่งเสริมการปลูกป่าทดแทนอย่างยั่งยืน

นายบุญญพัฒน์   นามวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนแพร่ กล่าวว่า วิทยาลัยชุมชนแพร่ได้ทำการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้สักตามนโยบายยุทธศาสตร์จังหวัดแพร่ที่ต้องการให้ให้จังหวัดเป็นเมืองไม้สักตามชื่อ Furniture City   ยกระดับฝีมือ เพิ่มมูลค่า และสร้างรายได้ยกระดับเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัด ซึ่งในบริเวณย่านการค้าหัวดง อำเภอสูงเม่น ริมทางหลวงแผ่นดินสาย 101 แพร่-สูงเม่น เป็นย่านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไม้สักที่ใหญ่ มีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้หลากหลายรูปแบบเช่น โต๊ะ ตู้ เตียง ของที่ระลึก วงกบ บานประตู หน้าต่าง ลายฉลุ โคมไฟ ของตกแต่งบ้าน ชั้นวางของ ซึ่งวิทยาลัยชุมชนแพร่ร่วมกับ สวทช.,คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้สักจะได้ดำเนินการออกแบบการเรียนการสอนให้ผู้ศึกษาหลักสูตรพ่อเลี้ยงไม้ให้เป็นนักธุรกิจ คิดอย่างเป็นระบบทั้งในด้านการผลิต การออกแบบ การตลาดและการแข่งขันในเชิงธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีผู้เรียนจำนวน 30 คน ในรุ่นแรก โดยผู้ที่จบหลักสูตร เมื่อผลิตสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้สักและจำหน่ายออกสู่ท้องตลาดสินค้าจะได้รับรองคุณภาพจากกลุ่มพ่อเลี้ยงไม้สัก เพื่อเป็นการการันตีคุณภาพของตัวสินค้าชิ้นนั้นๆ

สำหรับวิทยาลัยชุมชนแพร่มีโครงการจะสร้างโรงงานต้นแบบเพื่อเป็นสถานที่เรียนรู้และปฏิบัติงานจริง ในพื้นที่อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ด้วย โดยจะมีการฝึกอบรมทั้งในระยะสั้นและยาว อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถศึกษาเครื่องมือในโรงงานต้นแบบอีกด้วย


มะเดี่ยว คมสัน หน่อคำ  /ข่าว

จังหวัดแพร่ พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 4 ราย เร่งรณรงค์ควบคุม มาตรการ 5 ป 1 ข

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ แจ้งจังหวัดแพร่พบโรคไข้เลือดออกตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 พบผู้ป่วย 4 ราย เน้นมาตรการ 5 ป 1 ข ปราบและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

นายแพทย์ปิติ  ทั้งไพศาล  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่กล่าวว่า จังหวัดแพร่พบผู้ป่วยไข้เลือดออกตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมาจำนวน  4 ราย อยู่ในกลุ่มอายุ 10-14 ปี  1  ราย  ในกลุ่มอายุ 35-44 ปี  1  ราย  และในกลุ่มอายุ 55-64  ปี  จำนวน 2 ราย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไข้เลือดออกพบได้ในทุกกลุ่มอายุ ฉะนั้นการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือต้องเน้นการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย มาตรการ 5 ป 1 ข ปราบยุงลาย คือปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับปรุง ปฏิบัติเป็นประจำ และขัดไข่ยุงลาย เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่กล่าวต่อว่า ในการป้องกันโรคไข้เลือดออก ต้องเน้นการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานและเครือข่ายต่างๆ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนทุกคน  ในการเร่งกำจัดลูกน้ำยุงลายอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอทุกสัปดาห์  ตั้งแต่ ครอบครัว ชุมชน และพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน วัด ศูนย์เด็กเล็ก ชุมชน ตลาดสด โรงงาน โรงพยาบาล สถานีขนส่ง สวนสาธารณะ เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนป้องกันตนเองไม่ให้ยุงลายกัด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น เพื่อลดการใช้สารเคมีในการป้องกันควบคุมโรค

สำหรับมาตรการ 5ป 1ข  ได้แก่ ปิดภาชนะน้ำกิน น้ำใช้ ให้มิดชิด เพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำที่จะกลายเป็นยุง ปล่อย ปลากินลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำถาวร เช่น อ่างบัว ถังซีเมนต์เก็บน้ำขนาดใหญ่  ปรับปรุง สิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง โล่ง สะอาด ลมพัดผ่านไม่เป็นที่เกาะพักของยุงลาย  ปฏิบัติเป็นประจำจนเป็นนิสัย ส่วน 1 ข คือ การขัดล้างภาชนะก่อนการเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกสัปดาห์ เพื่อกำจัดไข่ยุงที่เกาะอยู่ภายในภาชนะ

ทั้งนี้ ยุงลายตัวเมีย 1 ตัว หลังผสมพันธุ์จะตั้งท้องและวางไข่ได้ตลอดชีวิตครั้งละประมาณ 100 ฟอง และมีชีวิตอยู่ประมาณ 1 เดือน และยุงจะทนต่อสภาพแวดล้อมความแห้งแล้ง ได้นานหลายเดือน เมื่อไข่ถูกน้ำท่วมจึงจะฟักตัวกลายเป็นลูกน้ำอย่างรวดเร็วภายในเวลา 20-60  นาที
สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วย หากพบมีอาการไข้สูง ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก กินยาลดไข้แล้ว ยังไม่ลดภายใน 1-2 วัน มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หน้าแดง ปวดเมื่อตามร่างกาย ซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นของไข้เลือดออก  ไม่ต้องรอให้เกิดจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจ ก่อนที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการช๊อคและเสียชีวิต



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

ม๊อบชาวนาพะเยา ทวงถามผู้ว่าราชการจังหวัดถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล

วันนี้ ( 11 ก.พ.57) เวลา 12.00 น.ชาวนาใน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยากว่า 50 คน ซึ่งนำโดยนายเกรียงไกรไชยมงคล ได้รวมตัวกันเดินทางพร้อมทั้งถือป้ายโจมตีรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวมาที่ศาลาประชาคมภายในบริเวณศาลากลางจังหวัดพะเยา เพื่อทวงถามความคืบหน้าการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาหลังจากเมื่อวันที่ 6 ก.พ.57 ที่ผ่านมากลุ่มชาวนากว่า 200 คนได้เดินทางมาทวงถามเงินค่ารับจำนำข้าวแล้วครั้งหนึ่ง และวันนี้จึงได้พากันเดินทางมาทวงถามความคืบหน้ากับทางจังหวัด ถึงความเป็นไปได้ในการจ่ายเงินค่ารับจำนำข้าวของรัฐบาล

โดยนายเกรียงไกรไชยมงคลแกนนำ กล่าวว่า วันนี้จะขอมารับฟังความคืบหน้าการจ่ายเงินรับจำนำข้าวให้กับทางชาวนา โดยขณะนี้ชาวนาหลายคนลำบากมาก ต้องนำทรัพย์สินที่มีเช่นโทรทัศน์ ตู้เย็น ทองคำไปจำนำเพื่อนำเงินมาให้ลูกจ่ายค่าเทอม การออกมาประท้วงในครั้งนี้จะไม่มีการปิดถนนและยื่นยันว่าไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใดที่ออกมาก็เพราะเดือดร้อนจริงๆ อยากให้รัฐบาลเข้าใจและเห็นใจชาวนาด้วย

ต่อมานายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้เข้าชี้แจงถึงความคืบหน้ากับกลุ่มชาวนา พร้อมกล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มชาวนามายื่นหนังสือกับทางจังหวัดที่ผ่านมา ทางจังหวัดก็ได้ทำหนังสือถามความคืบหน้าที่ส่านกลาง ล่าสุดทราบว่า ได้มีการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และสมาคมผู้ค้าข้าว ซึ่งจะมีการรับซื้อข้าวในปริมาณ 300,000 ตัน ในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งหากเป็นไปตามข้อตกลงดังกล่าวรัฐบาลก็จะมีเงินจ่ายให้กับชาวนาอย่างแน่นอน ส่วนการกู้เงินนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการหาวิธีการดำเนินการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งยืนยันว่าชาวนาจะได้รับเงินตามใบประทวนแน่นอน


ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

สำนักงานประมงจังหวัดพะเยา ขอความร่วมมือจากชาวประมงไม่ให้ทำการประมงด้วยเครื่องมือทุกชนิด ในเขตที่รักษาพืชพันธุ์กว๊านพะเยา

นายชาญชัย ภู่รักษ์เกียรติ ประมงจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า สำนักงานประมงจังหวัดพะเยาขอความร่วมมือจากชาวประมงไม่ให้ลักลอบทำการประมงด้วยเครื่องมือทุกชนิด ในเขตที่รักษาพืชพันธุ์กว๊านพะเยา เขต 1 ซึ่งมีแนวเขตตั้งแต่วัดศรีโคมคำตัดตรงไปยังเขตพื้นที่ อบต.แม่ใส เป็นเส้นแบ่งแนวเขต โดยมีเนื้อที่ประมาณ 1 ใน 3 ของเนื้อที่กว๊านพะเยา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมประมง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้อุดมสมบรูณ์ และแพร่ขยายพันธุ์ต่อไป ผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 9 ห้ามทำการประมงในที่รักษาพืชพันธุ์ บทลงโทษ ตามมาตรา 62 , 69 , 71 จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้สำนักงานประมงจังหวัดพะเยา ร่วมกับศูนย์บริหารจัดการประมงน้ำจืดภาคเหนือตอนบนลำปาง จะเข้มงวดกวดขันและปราบปรามให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการประมงต่อไป



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

มูลนิธิคุณพุ่ม มอบทุนสนับสนุนการศึกษาให้แก่เด็กออทิสติกและเด็กพิการจังหวัดพะเยา

เด็กออทิสติกและเด็กพิการในพื้นที่จังหวัดพะเยา จำนวนกว่า 100 คน เข้ารับทุนการศึกษาจากมูลนิธิคุณพุ่ม เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองและนำไปพัฒนาศักยภาพในกลุ่มเด็กพิเศษ

วันนี้ (11 ก.พ.57) นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานในพิธีมอบทุนสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กออทิสติกและเด็กพิการในมูลนิธิคุณพุ่มของจังหวัดพะเยา ณ ภายในศาลาประชาคมจังหวัดพะเยา ซึ่งทางมูลนิธิคุณพุ่มได้มอบหมายให้ศูนย์การศึกษาพิเศษเป็นผู้ดำเนินการ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แทนพระองค์ในการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กพิการในจังหวัด โดยในปีการศึกษา 2557 นี้ จังหวัดพะเยาได้รับการพิจารณาอนุมัติทุนการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 101 ทุน ทุนละ 5,000 บาท ซึ่งเด็กออทิสติกและเด็กพิการในพื้นที่ได้เข้ารับประทานทุนต่อหน้าพระรูปทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

นายกมล ผาคำ รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณดี ผู้ประทานกำเนิดมูลนิธิคุณพุ่ม ทรงเล็งเห็นว่าบุคคลที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ หรือบุคคลออทิสติก ยังไม่ได้รับโอกาสในด้านต่างๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม อีกทั้งยังทรงห่วงในเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และยากไร้ทางสังคม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นเงินทุนแรกเริ่มสำหรับจดทะเบียนก่อตั้งเป็นมูลนิธิคุณพุ่ม เพื่อเป้นอนุสรณ์รำลึกถึงคุณพุ่ม โดยทรงดำรงตำแหน่งองค์ประธานกรรมการมูลนิธิ ซึ่งในส่วนของต่างจังหวัดมูลนิธิคุณพุ่มได้ขอความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เป็นผู้แทนพระองค์ในการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กพิการในจังหวัดนั้นๆ และได้มีเมตตาประทานทุนให้กับเด็กออทิสติกและเด็กพิการทุกประเภทในทุกจังหวัดเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ผู้ปกครองของเด็กได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบุตรหลานที่มีความต้องการพิเศษ เพื่อให้เด็กได้มีศักยภาพและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ทั้งนี้การใช้จ่ายเงินทุนที่ได้รับดังกล่าว จะมีคณะกรรมการติดตามการใช้จ่าย พร้อมกับรายงานการใช้เงินต่อมูลนิธิคุณพุ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปตามพระประสงค์ของมูลนิธิคุณพุ่ม ผ่านการนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในการพัฒนาความก้าวหน้าด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล และความจำเป็นอื่นๆต่อไป



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ

กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอำเภอแม่สะเรียง ติวเข้มพัฒนาบุคลิกภาพผู้นำสตรีให้พูดต่อหน้าชุมชน

เช้าวันนี้ (11 ก.พ.2557) ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลแม่สะเรียง พัฒนาชุมชนอำเภอแม่สะเรียง ร่วมกับ คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอำเภอแม่สะเรียง เปิดอบรมโครงการพัฒนาบุคลิกภาพผู้นำสตรี โดยมีผู้นำสตรีจากอำเภอแม่สะเรียง ตำบลแม่ยวม แม่เหาะ จำนวน 50 คน การอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากอาจารย์ สุกิจ ศุภกิจเจริญ จากศูนย์พัฒนาบุคลากรเป็นวิทยากรบรรยาย ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์การพูดต่อหน้าชุมชนและที่สาธารณะ เคยชนะเลิศการประกวดการพูดในที่สาธารณะ ที่จังหวัดพิษณุโลก และลำปาง และยังเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนกว่า 20 ปี และยังมีงานเขียนหลายเรื่อง ล่าสุดเรื่องกับดักความสุข ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งประเทศ

นางพัชรี สัมถาวร ประธานกลุ่มสตรีอำเภอแม่สะเรียง กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอำเภอแม่สะเรียง ได้รับงบอุดหนุนจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในการดำเนินการพัฒนาบุคลิกภาพผู้นำสตรี จำนวน 4 รุ่น ๆ ละ 50 คน เป็นเงิน 200,000 บาท เพื่อที่จะนำมาพัฒนาสตรีในเรื่องการพูดต่อหน้าชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน 

เทศบาลตำบลแม่สะเรียง รณรงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนกในชุมชน เพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

เช้าวันนี้ (11 ก.พ.2557) เทศบาลตำบลแม่สะเรียง ร่วมกับปศุสัตว์ ด่านกักกันสัตว์ โรงพยาบาลแม่สะเรียง สาธารณสุขอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชมรม อสม. จำนวนกว่า 100 คน ร่วมกันออกรณรงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนกในชุมชน ทั้ง 9 ชุมชน โดยมีนายเล็ก ศรีเรือง นายอำเภอแม่สะเรียง เป็นประธานเปิดการรณรงค์ ณ ลานหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลแม่สะเรียง

นายพัลลภ หว่าละ นายกเทศมนตรีตำบลแม่สะเรียง กล่าวว่าจากสถานการณ์ข่าวสารการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยแล้วจำนวน 105 ราย เสียชีวิต 22 ราย ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนกสายพันธุ์นี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนกในชุมชน ให้มีความปลอดภัย และมั่นใจกับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ จึงต้องมีการรณรงค์ให้คนในชุมชนมี ความรู้ ความเข้าใจ เกิดความตระหนัก เตรียมพร้อมในการรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา


ข่าวโดย : นวรัตน์ ศรีแก้วเลิศ

เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดงานประเพณีหลู่ข้าวหย่ากู๊ หรือทำบุญข้าวเหนียวแดง ประจำปี 2557

นายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกับชุมชนต่างๆ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เตรียมจัดงานประเพณีหลู่ข้าวหย่ากู๊ หรือทำบุญข้าวเหนียวแดง ประจำปี 2557 ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ในวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป โดยช่วงเช้า ประชาชนทั้ง 6 ชุมชน ร่วมกันกวนข้าวหย่ากู๊ หรือข้าวเหนียวแดง ส่วนตอนบ่ายทำการแจกจ่ายให้กับชุมชนต่างๆต่อไป
ประเพณีหลู่ข้าวหย่ากู๊ หรือทำบุญข้าวเหนียวแดง เป็นประเพณีของชาวไทใหญ่ที่สืบทอดกันมาช้านาน โดยมีความเชื่อว่าหลังฤดูการเก็บเกี่ยว ต้องมีการระลึกถึงบุญคุณของข้าวหรือพระแม่โพสพที่คุ้มครองไร่นาหรือให้ชาวนามีข้าวไว้หล่อเลี้ยงชีวิต เมื่อได้ข้าวมาก็จะนำไปถวายวัด เพื่อความเป็นศิริมงคลและข้าวนั้นต้องเป็นข้าวใหม่ในวันเหลินสาม หรือเดือนสามซึ่งตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ชาวไทใหญ่จึงจัดงานประเพณีถวายข้าวหย่ากู๊ สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

วัดพระธาตุดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดพิธีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา

เช้าวันนี้ (11 ก.พ.) วัดพระธาตุดอยกองมู จัดพิธีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา ที่วัดพระธาตุดอยกองมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมีพุทธศาสนิกชนจำนวนกว่า 30 คนร่วมบวชเนกขัมมะ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา อีกทั้งเพื่อให้พุทธศาสนิกชนศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน พิธีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมจะมีไปถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557

ผู้ประสงค์จะเข้าร่วมปฏิบัติธรรม หรือมีจิตศรัทธาจะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร น้ำปานะ ติดต่อสอบถามได้ที่ วัดพระธาตุดอยกองมู โทรศัพท์ 081-0264544


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

สวท.แม่ฮ่องสอน เตรียมจัด เวทีสัญจรชุมชนสมานฉันท์ ตามโครงการประชาสัมพันธ์ เสริมสร้าง ความสมานฉันท์ และความสามัคคีของคนในชาติ ประจำปี 2557 ที่บ้านไม้ลัน อำเภอปางมะผ้า

นางสาววาสนา ไข่แก้ว ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สวท.แม่ฮ่องสอน เตรียมจัดเวทีสัญจรชุมชนสมานฉันท์ ตามโครงการประชาสัมพันธ์ เสริมสร้าง ความสมานฉันท์ และความสามัคคีของคนในชาติ ประจำปี 2557 ที่วัดไม้ลัน หมู่ที่ 7 อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันพรุ่งนี้(12 กุมภาพันธ์ 2557) เพื่อให้ประชาชน ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากความแตกต่างทางแนวความคิด และเปลี่ยนมาใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหา และกระตุ้นเตือนให้ประชาชนเกิดความรัก ความสามัคคีและมีส่วนร่วม ในกระบวนการสร้างความสงบสุข สมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

เวทีเสวนาสมานฉันท์ ประกอบด้วยนายธำรงค์ ลุงโหย่ง ผู้ใหญ่บ้านไม้ลัน นางซา ตัวแทนเผ่าปะโอ และนางสุกัญญา ชิดชนแดน ตัวแทนชาวไทใหญ่ ดำเนินการเสวนาโดย นางเวียงสอน ดอนแก้ว และนายเอกณรินทร์ ใจมะโน บ้านไม้ลันมีประชากร 82 หลังคาเรือน จำนวน 300 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวปะโอ และไทใหญ่ มีอาชีพ ทำการเกษตร ปลูกข้าวและถั่วแดง มีปัญหาขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง และการคมนาคมที่ไม่สะดวก


ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดการแข่งขันกีฬาเพื่อมวลชน

นายกระจ่าง ขอนดอก ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดการแข่งขันกีฬาเพื่อมวลชน ในวันพรุ่งนี้(12 กุมภาพันธ์ 2557) ที่ศูนย์ออกกำลังกายเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชน ประชาชน ได้ออกกำลังกาย และสนองนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีการแข่งขัน 2 ชนิดกีฬาประกอบด้วย ฟุตซอล รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีและรุ่นประชาชนทั่วไป และเปตอง รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และรุ่นประชาชนทั่วไป

โดยมีพิธีเปิดในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.30 น. มีนายบุญเสริม จิตเจนสุวรรณ ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธาน  การแข่งขันดังกล่าวจะมีไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557


ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน

อบต.ปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จัดโครงการ อบต.เยี่ยมเยือนประชาชน ที่บ้านชานเมือง เพื่อให้บริการประชาชน

เช้าวันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2557)  นายอุทิศ บุญรวม รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู นำเจ้าหน้าที่ จัดโครงการ อบต.เยี่ยมเยือนประชาชน ที่บ้านชานเมือง หมู่ที่ 11 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในพื้นทีห่างไกล อีกทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานและประชาชน โดยให้บริการต่างๆเช่น การจัดเก็บภาษี/ตรวจเช็คสุขภาพ/ตรวจเช็ครถจักรยานยนต์/ บริการตัดผม ชาย-หญิง / ฝึกอาชีพอิสระ/ให้บริการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า/ตรวจเลือดหาเชื้อมาลาเรียและสารพิษในเลือด/ให้ความรู้ด้านการเกษตร/ให้ความรู้ด้านแรงงาน /แนะนำตำแหน่งงานว่าง /ให้ความรู้เรื่องการสมัครงาน และมอบอุปกรณ์กีฬา โครงการ อบต.เยี่ยมเยือนประชาชน ประจำปี 2557 ครั้งต่อไป ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ที่บ้านสบป่อง หมู่ที่ 6 โครงการดังกล่าวจะมีไปจนถึงวันที่ 4 มีนาคม 2557



ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน

นศ.วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง กว่า 3,000 คน ร่วมเปิดงาน Open House "Area of Expertise" เพื่อเผยแพร่ผลงานด้านวิชาชีพ

วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง จัดกิจกรรมสัปดาห์วิชาการในงาน Open House "Area of Expertise" วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ประจำปีการศึกษา 2556 ที่ บริเวณภายในวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีนายฤทธิพงศ์ เตชะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน โดยมี ดร.กาญจนา ภาสุรพันธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง พร้อมด้วยคณะครู คณาจารย์ และนักเรียน นักศึกษา ในระดับชั้น ประกาศนียบัตรวิชาชีพ และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง จำนวนมากกว่า 3,000 คน ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอผลงานวิชาการด้านวิชาชีพ

การจัดงานสัปดาห์วิชาการ เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทางวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ได้จัดให้มีขึ้นในทุกภาคการเรียนที่ 2 ของทุกปีการศึกษา เพื่อเผยแพร่ผลงานด้านวิชาการและวิชาชีพของ นักเรียน นักศึกษา ให้แก่ ผู้ปกครอง ประชาชน และผู้ที่สนใจทั่วไปได้รับทราบ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แนะแนวทางการศึกษาต่อในด้านวิชาชีพ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุน ด้านการแสดงออกของนักเรียน นักศึกษา ในเวทีวิชาการ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้มีการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ และสามารถที่จะนำความรู้นั้นไปปฏิบัติงานให้บริการด้านวิชาชีพแก่ชุมชน หน่วยงาน และสถาบันการศึกษาอื่นได้ ตลอดจนเพื่อเป็นการรองรับการประเมินคุณภาพการศึกษา ของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา

โดยในพิธีเปิดงาน วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ได้จัดให้มีการแสดงในชุด “Oneness หนึ่งใจเดียวกัน” ภายใต้แนวคิดการอนุรักษ์ความเป็นไทย ชีวิตสดใส ใจเป็นหนึ่ง สู้งานหนัก สู่ความสำเร็จ เสริมทักษะด้านภาษา สร้างผลผลิตสู่ความเป็นเลิศ รองรับ AEC ซึ่งได้ใช้นักแสดงที่เป็นนักเรียน นักศึกษาของวิทยาลัยฯ จำนวนกว่า 3,200 คน และภายในงานได้จัดให้มีการแสดงผลงานด้านวิชาการและวิชาชีพ ทั้งด้านคหกรรม ศิลปกรรม และพาณิชยกรรม อาทิ การจัดนิทรรศการโครงการวิชาชีพของนักเรียนระดับชั้น ปวช.2 และ ปวช.3 การจัดแสดงผลงานเชิดชูครูดีเด่นและนักศึกษาดีเด่น การให้บริการวิชาชีพของนักเรียน นักศึกษา จากทุกแผนกวิชา กว่า 100 อาชีพ เช่น การพับดอกไม้โปรยทาน การแต่งหน้าเค้ก การทำขนมดอกจอก การสาธิตงานใบตอง งานแกะสลัก การออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย การย้อมสีผ้า การสาธิตการคิดต้นทุนด้วยการใช้โปรแกรมสมาร์ทบิท และการเพ้นท์สี เป็นต้น และสำหรับการจัดงาน ทางวิทยาลัยฯ ได้จัดให้มีการแสดงผลงานให้แก่ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมได้ ไปจนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557

ทั้งนี้ สำหรับวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง เป็นสถานศึกษาที่มีผลงานมากมาย เคยได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ เช่น รางวัลพระราชทานยอดเยี่ยมการประกวดพานพุ่มดอกไม้สด ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รางวัลพระราชทานชนะเลิศ การอนุรักษ์การประดิษฐ์กระทงลอย ประเภทสถาบันการศึกษา ของคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลฝ่ายฆราวาส และสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นต้น


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ว.อาชีวศึกษาลำปาง ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ สถานประกอบการ หน่วยงานองค์กรต่างๆ 32 แห่ง เพื่อการขับเคลื่อนและพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ ให้เกิดความเข้มแข็ง

วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ทำพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ สร้างความร่วมมือกับสถานประกอบการ และหน่วยงานองค์กร สถาบันการศึกษา" เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาด้านวิชาชีพในพื้นที่ ให้เกิดความเข้มแข็ง ภายใต้โครงการ "1 ช่วย 9" ซึ่งได้ทำพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ที่ บริเวณหน้าอาคารคณะบริหารธุกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธี และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้แก่สถานประกอบการ หน่วยงานองค์กรต่างๆ โดยมีนางสาวกาญจนา ภาสุรพันธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณะครู-อาจารย์ และนักศึกษา ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ทุกระดับชั้นปี จำนวนกว่า 3,000 คน ร่วมกันให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแก่สถานประกอบการดีเด่น และเพื่อสานสัมพันธ์อันดีระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ โดยในพิธี มีหน่วยงานองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ จ.ลำปาง ได้เข้ารับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ จำนวนทั้งสิ้น 32 แห่ง ประกอบด้วย สถานประกอบการ บริษัท ห้างร้าน จำนวน 11 แห่ง, หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จำนวน 17 แห่ง และสถานศึกษา จำนวน 4 แห่ง และในโอกาสนี้ ทางวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานทั้ง 32 แห่ง ที่ ห้องประชุมชั้น 2 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน โดยการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงร่วมกัน ระหว่างวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง กับ สถานประกอบการ หน่วยงานองค์กร และสถานศึกษา ทั้ง 32 แห่ง ในการที่จะประสานความร่วมมือ เป็นเครือข่ายส่งเสริมหลักสูตรในการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนผู้เรียน เปิดรับนักศึกษาของวิทยาลัยฯ เข้าร่วมฝึกประสบการณ์จริงทางวิชาชีพ ในสถานประกอบการ เพื่อให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ในทักษะการปฏิบัติ มีองค์ความรู้ ที่ตรงกับความต้องการต่อการพัฒนาประเทศ และสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการในพื้นที่ต่อไป
ดูคลิป http://youtu.be/OrHoETq-5vM


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

จังหวัดลำปาง จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557 เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล เข้าถึงบริการทางวิชาการและได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร

เช้าวันนี้ (11 ก.พ.57) ที่อาคารเอนกประสงค์บ้านหัวฝาย หมู่ที่ 4 ต.กล้วยแพะ อ.เมืองลำปาง นายฤทธิพงษ์ เตชะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิดงานคลินิเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557 และงานวันเกษตรเทศบาลเมืองเขลางค์นครและอำเภอเมืองลำปาง ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง ร่วมกับอำเภอเมืองลำปาง เทศบาลเมืองเขลางค์นคร ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล เข้าถึงบริการทางวิชาการและได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร รวมถึงกระตุ้นให้เกษตรกรตื่นตัวและยอมรับนวัตกรรมใหม่ ๆ สนับสนุนโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว รวมถึงให้เยาวชน และเกษตรกรเห็นความสำคัญของอาชีพเกษตร ในฐานะผู้ผลิตอาหารและเป็นครัวของโลก ตลอดจนเพื่อบูรณาการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตรร่วมกันรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า งานดังกล่าวจะช่วยพัฒนาอาชีพของพี่น้องเกษตรกรให้มีความมั่นคง และยั่งยืน มีการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสม และขอให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ในการจัดงานครั้งนี้ ต่อการพัฒนาการผลิตการเกษตรของตนเองและให้มีกำลังใจในการประกอบอาชีพการเกษตรให้ประสบผลสำเร็จยี่งขึ้นไป

สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีบริการคลินิกด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง พัฒนาที่ดิน สหกรณ์ ตรวจบัญชี ชลประทาน สปก. โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว นิทรรศการเพิ่มพูนสุขภาพแม่และเด็ก มีการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ การจัดประกวดขวัญใจแม่บ้านเกษตรกร การแข่งขันประกวดร้องเพลงพ่อบ้านแม่บ้านเกษตรกร ประกวดประกอบอาหารลาบปลานิล แข่งขันสัมตำลีลา แข่งขันจับลูกสุกร

นอกจากนี้ ประธานในพิธีได้มอบพันธุ์ปลาให้กับผู้นำชุมชนเพื่อปล่อยในแหล่งน้ำสาธารณะในชุมชน การมอบกล้าพันธุ์พืชผัก และรางวัลลูกสุกร 5 ตัวให้กับผู้โชคดีที่มาร่วมงานอีกด้วย


ข่าวโดย : จันทร์สวย บุญนำมา

จังหวัดลำปาง ได้ประกาศให้มีการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย เป็นวาระสำคัญของจังหวัด ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับภารกิจรับผิดชอบ และมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง มีบทบาทสำคัญในการดูแลด้านสุขภาพของประชาชน ซึ่งเกษตรกรก็เป็นกลุ่มบุคคลหนึ่งที่ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพจากการประกอบอาชีพ จำเป้นต้องได้รับข้อมูลความรู้ในการปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง เพื่อส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค รวมทั้งได้รับการบริการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสมและมีคุณภาพ โดยผลตรวจหาระดับเอนไซม์โคลันเอสเตอร์ในเลือดโดยใช้กระดาษทดสอบ ทั้งในเกษตรกรและผู้บริโภคจังหวัดลำปาง ปี 2552 – 255 พบว่า เกษตรกรมีสารเคมีตกค้างในระดับมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย ร้อยละ 66.50 65.66 69.06 และ 86.53 ตามลำดับ ส่วนการตรวจเลือดในกลุ่มผู้บริโภค นักเรียน นักศึกษา บุคลากร ในโรงพยาบาลและข้าราชการ ปี 2553 – 2555 พบว่ามีสารเคมีตกค้างในระดับความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย ร้อยละ 55.25 64.28 และ 85.82 ตามลำดับ
ปี 2557 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง ได้จัดทำโครงการผลผลิตเกษตรกรปลอดภัย เกษตรปลอดโรค เพื่อพัฒนาศักยภาพการดูแลตนเองและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกรให้มีสุขภาพดี ดำนเนินการในพื้นที่ 13 อำเภอ ในความรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 20 แห่ง

โดยดำเนินการจัดบริการอาชีวะอนามัยในรูปแบบคลินิกสุขภาพเกษตรกร ได้แก่ การประเมินความเสี่ยงในการทำงาน ตรวจคัดกรองสุขภาพที่สัมผัสสารเคมีกำจัดศัครูพืช การวินิจฉัยโรค และการบาดเจ็บ เช่น โรคผิดหนัง โรคระบบกระดูก กล้ามเนื้อและโครงร่าง การรักษาพยาบาลเบื้องต้น รวมทั้งการส่งต่อเพื่อการวินิจฉัยโรค


ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์

รายงานพิเศษ....กิจกรรมช่วยภัยหนาวผู้ประสบภัย พร้อมกิจกรรมพัฒนาคุณภาพสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพงานประชาสัมพันธ์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ประจำปี ๒๕๕๗ ในวันที่ ๔ – ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

จากการที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้ดำเนินโครงการ "ช่วยภัยหนาวผู้ประสบภัย” เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยหนาว ภายหลังจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอบ้านโคกและอำเภอน้ำปาด เป็นพื้นที่ประสบภัยหนาวซึ่งมีทุกฝ่ายให้การช่วยเหลือและสนับสนุน ในขณะเดียวกัน นายภวัต ศรีสมบูรณ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ดำเนินการประสานงานกับสื่อมวลชนที่เห็นพร้องต้องกันว่าให้มีการประกาศรับความช่วยเหลือจากผู้มีจิตศรัทธา ในนามของจังหวัดอุตรดิตถ์และเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อได้สิ่งของตามที่มีจิตศรัทธาแล้วจะนำมอบให้สำนักงานเหล่ากาชาดนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่อไป 

ทั้งนี้มีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ร่วมบริจาคผ้าห่มกันหนาว จำนวนมาก พร้อมกันนี้จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยนายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เล็งเห็นว่าการพัฒนาจังหวัดถือเป็นงานที่ต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนที่หน่วยงานภาคราชการ คำนึงถึงและมุ่งหวังจะให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี การดำเนินการจะสัมฤทธิ์ผล และมีประสิทธิภาพ การสื่อสารเชื่อมโยงและทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อเกิดความรู้ความเข้าใจและชื่นชมต่อผลการดำเนินการ จนเกิดเป็นความนิยมเลื่อมใส ศรัทธา จำเป็นต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชน ผ่านการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐและสื่อมวลชน โดยมีกิจกรรมมอบผ้าห่มกันหนาวในพื้นที่อำเภอฟากท่า บ้านโคก และน้ำปาด อำเภอละ ๒๐๐ ผืน รวมทั้งกิจกรรมพัฒนาคุณภาพสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพงานประชาสัมพันธ์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ประจำปี ๒๕๕๗ ในวันที่ ๔ – ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ณ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์

วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ จุดแรกที่คณะของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์) ,นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมคณะของเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ นำโดยนางพรทิพย์ ภู่เพียงใจ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ตลอดจน นางนิลุบล เฟื่องคอน (อดีตนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์) พร้อมคณะฯ ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับคณะสื่อมวลชนจังหวัดอุตรดิตถ์ มุ่งหน้าสู่จุดแรก ณ วัดห้วยไข่เขียด ตำบลสองคอน อำเภอฟากท่า จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปมอบผ้าห่มกันหนาว เป็นไออุ่นแก่ประชาชนที่มาคอยต้อนรับ ที่วัดห้วยยศ หมู่ที่ ๔ ตำบลม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก และจนช่วงเข้าเย็นจึงเข้าไปยังสถานที่จัดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐและสื่อมวลชนจังหวัดอุตรดิตถ์ ณ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อำเภอน้ำปาด ซี่งมีนายวีระชัย ภู่เพียงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ให้เกียรติเดินทางมาร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยมีนายบพิตร ปิงโสภา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว พร้อมนายสัมฤทธิ์ อิ่มอก อำเภอน้ำปาดและคณะเจ้าหน้าที่ของอำเภอ น้ำปาด ตลอดจนนายบุญเหลือ บารมี นายอำเภอบ้านโคก มาคอยให้การต้อนรับคณะฯอย่างเป็นกันเอง และเข้าพักที่บ้านพักรับรองของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว สร้างความประทับใจแก่ทุกฝ่ายท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติที่งดงาม
ต่อเนื่องกันในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าที่อร่อยที่สุดแล้ว คณะที่ร่วมกิจกรรมทั้งหมดได้ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปยัง บ้านนาผักฮาด อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 

ซึ่งที่นั้นได้นำผ้าห่มกันหนาวไปมอบให้แก่ประชาชนอีก จำนวน ๒๐๐ ผืน สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ นับเป็นกิจกรรมที่ดีที่ทุกฝ่ายที่สำคัญ คือพี่น้องสื่อมวลชนจังหวัดอุตรดิตถ์ทุกแขนงต่างมีความมุ่งมั่นที่จะขยายผลข้อมูลข่าวสารกิจกรรมดี ๆ ของทางจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ได้ดำเนินการไปสู่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในอันที่จะส่งผลให้เกิดการทำงานทั้งภาครัฐกับสื่อมวลชนร่วมกันในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ต่อไป

สุรีย์ แสงทอง 

จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดงาน “สมรัก ๙๙ ปี สมรส ๙๙ คู่ สู่ความรุ่งเรืองเมืองอุตรดิตถ์ ๑๐๐ ปี” ในวันแห่งความรัก ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เพื่อเป็นการฉลองรอบครอบ ๙๙ ปี การจัดตั้งเมืองอุตรดิตถ์ และก้าวสู่ ๑๐๐ ปี ในปี ๒๕๕๘


นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ กำหนดจัดทำโครงการ "สมรัก ๙๙ ปี สมรส ๙๙ คู่ สู่ความรุ่งเรืองเมืองอุตรดิตถ์ ๑๐๐ ปี” เพื่อเป็นการฉลองรอบครอบ ๙๙ ปี การจัดตั้งเมืองอุตรดิตถ์ และก้าวสู่ ๑๐๐ ปี ในปี ๒๕๕๘ โดยจัดให้มีการจดทะเบียนสมรส จำนวน ๙๙ คู่ ในวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ และกิจกรรมต่าง ๆ ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (หลังเก่า)

จังหวัดอุตรดิตถ์ จึงขอเชิญคู่รักที่สนใจแจ้งความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรม"สมรัก ๙๙ ปี สมรส ๙๙ คู่ สู่ความรุ่งเรืองเมืองอุตรดิตถ์ ๑๐๐ ปี” โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งนี้ทุกอำเภอจะพาคู่รักคู่สมรสมาพร้อมกันที่สำนักงานทะเบียนอำเภอเมือง จานั้นเวลา ๐๘.๓๐ น. จะมีพิธีแห่ขันหมาก (ตั้งที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์) แห่ไปที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เวลา ๐๙.๐๙ น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์(หลั่งน้ำสงข์) ๙๙ คู่ พิธีมอบทะเบียนสมรสและของที่ชำร่วย ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์เป็นประธาน

นอกจากนี้ยังพาคู่สมรสทั้ง ๙๙ คู่ นั่งรถราง เพื่อไปสาบานรักที่เมือง ลับแล เมืองแห่งสัจจะวาจา ห้ามพูดโกหก สำหรับการจัดกิจกรรม "สมรัก ๙๙ ปี สมรส ๙๙ คู่ สู่ความรุ่งเรืองเมืองอุตรดิตถ์ ๑๐๐ ปี” ครั้งนี้เป็นการจัดงานแบบย้อนยุค คู่รักต้องแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยพื้นเมืองตามประเพณี และแขกที่มาร่วมงานต้องแต่งกายผ้าไทยเช่นกัน โดยกิจกรรมเป็นไปตามตารีตประเพณีของไทย นับเป็นการจัดงานสมรสครั้งประวิติศาสตร์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (หลังเก่า) ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการปกครองอำเภอทั้ง ๙ อำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ หรือที่ทำการปกครองจังหวัดอุตรดิตถ์ กลุ่มงานปกครอง โทรศัพท์ ๐-๕๕๔๑-๕๙๘๑



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต ๑๗ มอบโล่ห์ประกาศเกียรติคุณให้แก่ อปท.ที่มีผลการดำเนินงานระดับดีเด่น ๓ แห่ง พร้อมตรวจติดตามผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดอุตรดิตถ์

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต ๑๗ มอบโล่ห์ประกาศเกียรติคุณให้แก่ อปท.ที่มีผลการดำเนินงานระดับดีเด่น ๓ แห่ง พร้อมตรวจติดตามผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดอุตรดิตถ์

วันนี้ (๑๑ ก.พ.๕๗) ที่ห้องประชุมศรีพนมมาศ ชั้น ๒ ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ นางสาวอัมพวัน เจริญกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต ๑๗/ประธานกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด พร้อมคณะฯ เดินทางมายังจังหวัดอุตรดิตถ์ ภายหลังจากเข้าหารือข้อราชการกับนายวีระชัย ภู่เพียงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์แล้ว ได้ประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดอุตรดิตถ์ (ก.ธ.จ.) ด้วย ในโอกาสนี้ได้มอบโล่ห์ประกาศเกียรติคุณให้แก่ อปท.ที่ได้คะแนนสูงสุดจากการประเมินผลการดำเนินงานระดับดีเด่น ใน ๒ ด้าน คือ ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงานการลดขั้นตอนการปฏิบัติงานให้บริการประชาชนและด้านการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไปคะแนนสูงสุดได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลผักขวง อำเภอทองแสนขัน อันดับ ๒ ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลชัยจุมพล อำเภอลับแล และอันดับที่ ๓ ได้แก่ เทศบาลตำบลฟากท่า อำเภอฟากท่า พร้อมชื่นชมการทำงานของ ก.ธ.จ.ในการทำหน้าที่สอดส่องตรวจสอบโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ผลเป็นที่น่าพอใจจากการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ร่วมทั้งมีการติดตามถึงปัญหาอุปสรรคของการทำงานทุกด้าน

นอกจากนี้ยังได้ร่วมพิจารณาโครงการจัดสัมมนา ก.ธ.จ. เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเครือข่ายของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด โดยกรอบการจัดสัมมนาควรมีการจัดหารวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถจากสำนักงาน ป.ป.ช.และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน รวมทั้งให้สอดแทรกความรู้ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไว้ด้วย อีกทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับภารกิจและผลงานของ ก.ธ.จ. โดยผู้ตรวจราชการฯ ได้มอบหมายให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ (นายภวัต ศรีสมบูรณ์) เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป

นอกจากนี้ยังได้ตรวจติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดและการบริหารงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๗ รอบที่ ๑ ซึ่งมีนายพยงค์ ยาเภา หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดอุตรดิตถ์ รายงานในที่ประชุมเกี่ยวกับแผนงานโครงการ/ปัญหาอุปสรรค ตลอดจนงบประมาณที่ทางจังหวัดได้รับการจัดสรรในแต่ละปีที่ได้รับงบประมาณเพียง ๑๕๒ ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามทางจังหวัดอุตรดิตถ์ก็ได้มีการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับเป้าประสงค์ของประเด็นยุทธศาสตร์ และจุยืนของจังหวัดทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการพัฒนาด่านภูดู่ อำเภอบ้านโคก ซึ่งยกระดับเป็นด่านถาวรแล้วนั้นจะต้องให้มีการเชื่อโยงกับทาง สปป.ลาว ที่มีการก่อสร้างถนนใกล้แล้วเสร็จในขณะที่จังหวัดอุตรดิตถ์ยังขาดงบประมาณที่จะดำเนินการก่อสร้างถนนอีกส่วนหนึ่ง จึงต้องการให้รัฐบาลกลางได้เป็นผู้พิจารณาจัดสรรงบประมาณลงมา ให้สอดรับกับโครงการที่จะรองรับก่อนการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง 

กรรมการการเลือกตั้งยืนยัน จังหวัดลำพูน มีสถิติ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. มากที่สุดเป็น ครั้งที่ 10


กกต.กลาง เดินทางมาร่วมประชุม กับ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.ลำพูน เพื่อ รับฟังข้อมูลภาพรวม การจัดการเลือกตั้ง ในจังหวัดลำพูน พร้อมยืนยัน ว่า จังหวัดลำพูน มีสถิติ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดของประเทศ

วานนี้ ( 10 กุมภาพันธ์ 2557 ) นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย พร้อมคณะ ได้เดินทางมาติดตามผลการปฎิบัติงานการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูนในพื้นที่จังหวัดลำพูน ที่ ห้องประชุม สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำ จ.ลำพูน อ.เมือง จ.ลำพูน โดยมีนายอาณัติ วิทยานุกูล รอง ผวจ.ลำพูน ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นายบรรหาร บูรณะประภา ปธ.กกต.ประจำ จ.ลำพูน และ นางพิมพ์ประไพ ดิชวงศ์ ผอ.กกต.ประจำ จ.ลำพูน ได้ให้การต้อนรับ และ ร่วมประชุมรายงานผลการดำเนินงานการจัดการเลือกตั้ง ในจังหวัดลำพูน ร่วมกับหัวหน้าฝ่ายงานต่างๆ

ภายหลังการประชุม นายบุญส่ง กล่าวว่า การเลือกตั้ง ที่ จ.ลำพูน ผ่านพ้นไปด้วยดีไร้อุปสรรค ส่วนข้อมูล สถิติ จำนวนผู้มีสิทธิ์ที่มาลงคะแนนเลือกตั้งในจังหวัดลำพูน นั้น ล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ประกาศ ให้จังหวัดลำพูน เป็น จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธืเลือกตั้งมากที่สุด ซึ่งในส่วนของ จ.เชียงใหม่ ที่รายงานว่ามีสถิติผู้มาใช้สิทธิ์สูงสุดนั้นเกิดจากข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล ซึ่ง จนถึงขณะนี้ สามารถยืนยันได้แล้วว่า จ.ลำพูน มีประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุดของประเทศ จากข้อมูลดังนี้ จ.ลำพูน มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 328,667 คน มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งสิ้น 239,141 คน คิดเป็นร้อยละ 72.76 ทำให้ ขณะที่ จ.หนองบัวลำภู เป็นอันดับ 2 และ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นอันดับ 3 จึงถือ เป็นเรื่องน่ายินดี เป็นอย่างยิ่งที่ จ.ลำพูนมีสถิติผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากสุดของประเทศ เป็นสมัยที่ 10


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

รองผู้ว่าฯ ลำพูน เผย สำนักงาน ปปส.ภาค 5 มุ่งหวังให้สถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนนำร่อง เป็นต้นแบบแก่สถานประกอบกิจการอื่นทั่วประเทศ

รองผู้ว่าฯ ลำพูน เผย สำนักงาน ปปส.ภาค 5 มุ่งหวังให้สถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนนำร่อง เป็นต้นแบบแก่สถานประกอบกิจการอื่นทั่วประเทศ พร้อมย้ำดำเนินการต่อพื้นที่เสี่ยงรอบสถานประกอบกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นแหล่งพักยา

นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวถึงนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัดลำพูน ในการอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพผู้จัดทำระบบมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) ประจำปี 2557 ที่ห้องประชุมสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ ว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดยังเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบและเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อยุติสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด และนำความสงบสุขกลับสู่สังคมไทย โดยทุกภาคส่วนต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการนั้น จังหวัดลำพูนได้ดำเนินการส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการดำเนินโครงการโรงงานสีขาวมาตั้งแต่ปี 2544 จนกระทั่งถึงปี 2555 มีสถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนผ่านเกณฑ์มาตรฐานโรงงานสีขาวแล้วทั้งสิ้น 275 แห่ง ปี 2556 มีสถานประกอบกิจการผ่านเกณฑ์มาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) จำนวน 23 แห่ง และในปี 2557 มีการตั้งเป้าหมายสถานประกอบกิจการผ่านเกณฑ์มาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) จำนวน 20 แห่ง ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 มุ่งหวังจะให้สถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนนำร่อง เป็นต้นแบบแก่โรงงาน สถานประกอบกิจการอื่นทั่วประเทศ ดังนั้น สถานประกอบกิจการจะต้องช่วยกันรักษามาตรฐานนี้ไว้

สำหรับการดำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการของจังหวัดลำพูน มีแผนการตรวจเยี่ยมสถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อให้กำลังใจ ให้คำปรึกษาแนะนำการปฏิบัติงาน พร้อมพัฒนาสถานประกอบกิจการที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานให้เพิ่มจำนวนสถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานมากขึ้น พร้อมยกระดับเป็นมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการสู่สากล และมีการดำเนินงานค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในสถานประกอบกิจการ เพื่อนำเข้าบำบัด รวมทั้งให้โอกาสในการรับกลับเข้าทำงานในสถานประกอบกิจการ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือการดำเนินการต่อพื้นที่เสี่ยงรอบสถานประกอบกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นแหล่งพักยา เช่น หอพัก บ้านเช่าต่างๆ ต้องใช้มาตรการการจัดระเบียบสังคมดำเนินการต่อผู้ประกอบการหอพักบ้านเช่าและการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ค้าอย่างจริงจัง เพื่อควบคุมพื้นที่การค้าและการแพร่ระบาดของนักค้ารายย่อย โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการดำเนินงานของสถานประกอบกิจการ



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

จ.ลำพูน เร่งพัฒนาศักยภาพผู้จัดทำระบบมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ

จ.ลำพูน เร่งพัฒนาศักยภาพผู้จัดทำระบบมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ หวังสร้างภูมิคุ้มกันให้พนักงานลูกจ้างในสถานประกอบกิจการและชุมชนในพื้นที่ พ้นจากพิษภัยของยาเสพติดอย่างยั่งยืน

ที่ห้องประชุมสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพผู้จัดทำระบบมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) ประจำปี 2557 พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง นโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัดลำพูน ผู้เข้ารับการอบรมครั้งนี้ เป็นนายจ้างลูกจ้างในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ลำพูนและพื้นที่โดยรอบ ตลอดจนบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำพูนจัดขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินโครงการมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ รวมทั้ง สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของพิษภัยยาเสพติด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้พนักงานลูกจ้างในสถานประกอบกิจการและชุมชนในพื้นที่ให้พ้นจากพิษภัยของยาเสพติดอย่างยั่งยืน

นายประเสริฐ ปาลี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำพูน กล่าวว่า จังหวัดลำพูนได้ดำเนินการส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการดำเนินโครงการโรงงานสีขาวมาตั้งแต่ปี 2544 จนกระทั่งถึงปี 2555 สามารถดำเนินการให้สถานประกอบกิจการที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือและสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ลำพูนผ่านเกณฑ์มาตรฐานโรงงานสีขาวมากกว่าร้อยละ 90 จนได้รับการประกาศเกียรติคุณจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมสีขาวและสวนอุตสาหกรรมสีขาว ปัจจุบันสถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานโรงงานสีขาวแล้วทั้งสิ้น 275 แห่ง ลูกจ้าง 55,000 คน และในปีงบประมาณ 2556 มีสถานประกอบกิจการผ่านเกณฑ์มาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) จำนวน 23 แห่ง ลูกจ้าง 11,830 คน



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ