วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รองผู้ว่าฯ ลำพูน เผย สำนักงาน ปปส.ภาค 5 มุ่งหวังให้สถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนนำร่อง เป็นต้นแบบแก่สถานประกอบกิจการอื่นทั่วประเทศ

รองผู้ว่าฯ ลำพูน เผย สำนักงาน ปปส.ภาค 5 มุ่งหวังให้สถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนนำร่อง เป็นต้นแบบแก่สถานประกอบกิจการอื่นทั่วประเทศ พร้อมย้ำดำเนินการต่อพื้นที่เสี่ยงรอบสถานประกอบกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นแหล่งพักยา

นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวถึงนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัดลำพูน ในการอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพผู้จัดทำระบบมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) ประจำปี 2557 ที่ห้องประชุมสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ ว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดยังเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบและเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อยุติสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด และนำความสงบสุขกลับสู่สังคมไทย โดยทุกภาคส่วนต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการนั้น จังหวัดลำพูนได้ดำเนินการส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการดำเนินโครงการโรงงานสีขาวมาตั้งแต่ปี 2544 จนกระทั่งถึงปี 2555 มีสถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนผ่านเกณฑ์มาตรฐานโรงงานสีขาวแล้วทั้งสิ้น 275 แห่ง ปี 2556 มีสถานประกอบกิจการผ่านเกณฑ์มาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) จำนวน 23 แห่ง และในปี 2557 มีการตั้งเป้าหมายสถานประกอบกิจการผ่านเกณฑ์มาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) จำนวน 20 แห่ง ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 มุ่งหวังจะให้สถานประกอบกิจการในจังหวัดลำพูนนำร่อง เป็นต้นแบบแก่โรงงาน สถานประกอบกิจการอื่นทั่วประเทศ ดังนั้น สถานประกอบกิจการจะต้องช่วยกันรักษามาตรฐานนี้ไว้

สำหรับการดำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการของจังหวัดลำพูน มีแผนการตรวจเยี่ยมสถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อให้กำลังใจ ให้คำปรึกษาแนะนำการปฏิบัติงาน พร้อมพัฒนาสถานประกอบกิจการที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานให้เพิ่มจำนวนสถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานมากขึ้น พร้อมยกระดับเป็นมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการสู่สากล และมีการดำเนินงานค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในสถานประกอบกิจการ เพื่อนำเข้าบำบัด รวมทั้งให้โอกาสในการรับกลับเข้าทำงานในสถานประกอบกิจการ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือการดำเนินการต่อพื้นที่เสี่ยงรอบสถานประกอบกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นแหล่งพักยา เช่น หอพัก บ้านเช่าต่างๆ ต้องใช้มาตรการการจัดระเบียบสังคมดำเนินการต่อผู้ประกอบการหอพักบ้านเช่าและการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ค้าอย่างจริงจัง เพื่อควบคุมพื้นที่การค้าและการแพร่ระบาดของนักค้ารายย่อย โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการดำเนินงานของสถานประกอบกิจการ



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น