วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

เรือนจำน่านปิดโครงการค่ายบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังคดียาเสพติด(ระบบต้องโทษบำบัด)พร้อมมอบประกาศนียบัตร

ที่ เรือนจำจังหวัดน่าน นายกาจพล เอิบสุขสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานปิดโครงการค่ายบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังคดียาเสพติด(ระบบต้องโทษบำบัด) ของเรือนจำจังหวัดน่าน ประจำปี 2557 โดยมีหลักสูตร 9 วัน จำนวน 2 รุ่น รุ่นละ 60 คนรวมทั้งสิ้น 120 คน และโปรแกรมบำบัดแก้ไขผู้ต้องขังคดียาเสพติดหลักสูตร 10 สัปดาห์ จำนวน 30 คน รวมทั้งสิ้น 150 คน พร้อมนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านและหัวหน้าส่วนราชการร่วมมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ต้องขังที่จบการฝึกอบรมโครงการค่ายบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังคดียาเสพติด(ระบบต้องโทษบำบัด) ด้วย

เรือนจำจังหวัดน่านโดยการนำของนายจำนงค์ อิ่นคำ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดน่าน ได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในด้านการบำบัดแก้ไขและฟื้นฟูผู้เสพผู้ติดยาเสพติดในเรือนจำ และเพื่อเป็นการนำผู้เสพผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้โอกาสในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แนวคิดที่ไม่เหมาะสม และยังเป็นการเตรียมความพร้อมของผู้ต้องขังในการที่จะดำเนินชีวิตใหม่ในสังคม พร้อมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม โดยบูรณาการการทำงานทั้งหน่วยงานภายใน และหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันดำเนินการรณรงค์ ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งขึ้นภายในชุมชน และยังเป็นเกราะป้องกัน มิให้ยาเสพติดแพร่กระจายตัวออกไปสู่ชุมชนอีกด้วย โดยได้รับความร่วมมือจากวิทยากรจากสำนักงานอัยการจังหวัดน่าน จัดหางานจังหวัดน่าน สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดน่าน คุมประพฤติจังหวัดน่าน และโรงพยาบาลน่านมาบรรยายและสร้างความเข้าใจให้กับผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ด้วย



ศรายุทธ  ประเสริฐนิรมล  ภาพ ข่าว

ความคืบหน้า ดำเนินโครงการพัฒนาเมืองชุมชนบ้านน้ำล้อม เขตเทศบาลเมืองน่าน

นายวัชระ วงศ์สิทธ์ ผู้ดูและการดำเนินการโครงการ"ข่วงคนอายุยืน ฟื้นอัตลักษณ์เมืองเก่าน่าน เล่าขานตำนานชุมชน" กล่าวว่า โครงการพัฒนาเมืองที่ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองน่านที่กำลังดำเนินงาน ณ ขณะนี้มีเพียงแห่งเดียว คือ ชุมชนบ้านน้ำล้อมซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองน่านที่ ในการพัฒนาเมืองตามโครงการ"ข่วงคนอายุยืน ฟื้นอัตลักษณ์เมืองเก่าน่าน เล่าขานตำนานชุมชน" ที่ได้นำเสนอและรับการจัดสรรงบประมาณมาแล้ว ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 1,933,790 บาท เพื่อพัฒนาเมือง นั้น และนี้กำลังดำเนินการอยู่ซึ่งผ่านไปได้ร้อยละ 80 แล้ว

นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่าในส่วนของเทศบาลเมืองน่านนั้น ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่ดูแลชุมชนในเขตเทศบาล ทางเทศบาลได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือชุมชนบ้านน้ำล้อมด้วยการเป็นหน่วยงานกลางที่ประสานกับชุมชนด้วยการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแนวทางการจัดทำแผนงานโครงการรวมถึงหลักเกณฑ์ต่างๆ ส่งให้ชุมชนเพื่อให้ชุมชนได้นำไปเผยแพร่ต่อพี่น้องชาวบ้านได้รับทราบพร้อมทั้งร่วมกันพิจารณา ช่วยกันคิด ช่วยวางแผน เทศบาลเป็นเพียงหน่วยงานที่แนะนำในการจัดทำแผนของชุมชน ชุมชนคิดและวางแผนกันเองพร้อมกับทำประชาคมชุมชนเพื่อให้ได้ข้อยุติ การดำเนินงานทั้งหมดชุมชนดำเนินการเองซึ่งจะทำให้ชุมชนมีประสบการณ์ในการทำงานทางด้านแผนงานโครงการเพิ่มขึ้น


นิสารัชต์ นิลสว่าว/ข่าว

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศวิกฤติภัยแล้งแล้ว 27 จังหวัด

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศวิกฤติภัยแล้งแล้ว 27 จังหวัด รวม 137 อำเภอ 820 ตำบล 7,262 หมู่บ้าน

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประกาศวิกฤติภัยแล้งและประกาศจังหวัดเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ประจำปี 2557 แล้ว 27 จังหวัด รวม 137 อำเภอ 820 ตำบล 7,262 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ตาก น่าน พะเยา พิษณุโลก นครสวรรค์ พิจิตร และแม่ฮ่องสอน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ ขอนแก่น ศรีสะเกษ ชัยภูมิ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และหนองบัวลำภู ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี สระบุรี และชัยนาท ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และปราจีนบุรี ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ตรัง สตูล กระบี่ และสุราษฎร์ธานี

ในส่วนของจังหวัดน่าน ได้มีการเตรียมความพร้อมและให้การช่วยเหลือประชาชน จากวิกฤติภัยแล้งในครั้งนี้ โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน (ปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการสำรวจพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ประสบภัยแล้ง ตรวจสอบสถานการณ์น้ำ จัดโซนนิ่งพื้นที่ประสบภัยแล้ง และวางมาตรการช่วยเหลือให้สอดคล้อง เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำและแจกจ่ายน้ำทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ ใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด น้ำอุปโภคบริโภคต้องเพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนน้ำเพื่อการเกษตรให้สำรวจพืชผลทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ จัดโซนนิ่งพื้นที่การเกษตรทั้งในและนอกเขตชลประทาน จัดเจ้าหน้าที่เร่งชี้แจงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ เกษตรกรจะได้วางแผนเพาะปลูกพืชได้สอดคล้องกับปริมาณน้ำในพื้นที่ พร้อมส่งเสริมปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ให้ผลผลิตดีและมีตลาดรองรับ รวมถึงจัดหาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มเติม เพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายและปัญหาแย่งชิงน้ำ นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรม/โครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน อาทิเช่น การจัดหากระสอบทราย ภาชนะรองรับน้ำ (ถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน) การซ่อมแซมบ่อน้ำบาดาล การขุดคู คลอง แหล่งน้ำ เพื่อเปิดทางน้ำ ให้แก่พื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ซึ่งทุกภาคส่วนได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่วัสดุอุปกรณ์แจกจ่ายน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น จึงขอความร่วมมือเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ได้ใช้น้ำอย่างประหยัด และควรมีการเตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค ส่วนเกษตรกรควรมีการวางแผนการเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ และวางแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อยและให้ผลผลิตดี งดเว้นการทำนาปรัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ


รดา บุญยะกาญจน์ /ภาพ/ข่าว

สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดแม่ฮ่องสอนลดลง ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน

จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดแม่ฮ่องสอน วันนี้ (15 มีนาคม 2557)พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 118 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ลดลงจากเมื่อวาน ซึ่งวัดได้ 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

อย่างไรก็ตามสภาพอากาศโดยทั่วไปยังมีหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไป จึงขอความร่วมมือประชาชน งดการเผาริมทาง งดการเผาในพื้นที่ป่า รวมทั้งงดเผาขยะเศษวัสดุการเกษตรและกิ่งไม้ใบหญ้า เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานกาณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

กกต.แม่ฮ่องสอนเตรียมจัดโครงการการเลือกตั้งสมานฉันทน์ ในการเลือกตั้ง สว. เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและวิธีปฏิบัติในการเลือกตั้ง ลดความขัดแย้งในการหาเสียง

กกต.แม่ฮ่องสอนเตรียมจัดโครงการการเลือกตั้งสมานฉันทน์ ในการเลือกตั้ง สว. เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและวิธีปฏิบัติในการเลือกตั้ง ลดความขัดแย้งในการหาเสียง

นายสิทธิชัย ประเสริฐศรี ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า กกต.แม่ฮ่องสอน เตรียมจัดโครงการการเลือกตั้งสมานฉันทน์ ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในวันที่ 17 มีนาคม 2557 ที่ศาลาประชาคม จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และผู้สมัคร สว. และผู้สนับสนุนร่วมโครงการ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ กฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ยอมรับในเรื่อง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และการรู้รักสามัคคี ลดความขัดแย้งหลังการเลือกตั้ง
พร้อมกันนี้ผู้สมัคร สว.จังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้ง 6 คนจะลงนามในพันธสัญญา เพื่อตกลงร่วมกันที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด หาเสียงด้วยสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรงและจะยอมรับผลการเลือกตั้งอย่างจริงใจ จากนั้นเปิดเวทีให้ผู้สมัคร สว. แนะนำตัว เพื่อให้ประชาชนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกตั้งในวันที่ 30 มีนาคมนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีประชากร 2 แสน 4 หมื่น 6,060 คน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน 157,931 คน


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จัดหน่วยแพทย์ พอ.สว.ออกให้บริการประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดาร

เมื่อวันที่ (14 มี.ค.2557 ) นายแพทย์อภิณัฐ เพ่งเรืองโรจน์ชัย นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ออกให้บริการประชาชนด้านสุขภาพอนามัยในท้องถิ่นทุรกันดาร ที่บ้านห้วยส้าน-ใน และหมู่บ้านใกล้เคียง ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมีอบต.ห้วยผา กศน.เมืองแม่ฮ่องสอน กองร้อย ตชด.336 ร่วมออกหน่วยแพทย์ พอ.สว.ด้วย ให้บริการตรวจรักษาโรค ทั่วไปโรคทางช่องปาก และให้บริการทันตกรรม ตรวจหาเชื้อ มาลาเรีย ตรวจคัดกรองมะเร็ง ให้ความรู้ การป้องกันโรคและส่งเสริม สุขภาพแก่ประชาชน ในการออกหน่วยครั้งนี้ มีผู้รับบริการด้าน รักษาพยาบาล 84 ราย ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคโรคระบบทางเดินหายใจ ระบบกล้ามเนื้อ


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

คณะกรรมการจัดงานเปิดเทวสถานวิหารเจ้าแม่กวนอิม จัดพิธีวางของมงคล ลงในกระถางธูป ก่อนเปิดเทวสถานวิหารเจ้าแม่กวนอิม จังหวัดแม่ฮ่องสอน

บ่ายวันนี้ (15 มีนาคม 2557)  นายโชติ นรามณฑ รองประธานมูลนิธิบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำคณะกรรมการจัดงาน เปิดเทวสถานวิหารเจ้าแม่กวนอิมแม่ฮ่องสอน จัดพิธีวางของมงคล ประกอบด้วย เหรียญ 10 บาท จำนวน 24 เหรียญลำไย/แป้งข้าวหมาก/ข้าวเปลือก/ข้าวย้อมสี/ถั่วเขียว ถั่วแดง/เม็ดสาคู และ แกลบ ลงในกระถางธูปบูชาเจ้าแม่กวนอิม เพื่อเตรียมจัดงานพิธีเปิดเทวสถานวิหารเจ้าแม่กวนอิม ถนนเลี่ยงเมือง บ้านไม้แงะ ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

วันพรุ่งนี้ ( 16 มีนาคม) มีพิธีอัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์จากวัดป่าถ้ำวัว พิธีถวายฏีกา และพิธีรับโองการเทวบัญชาองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ วันที่ 17 มีนาคม ในตอนเย็น มีพิธีพุทธาภิเษก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และวัตถุมงคล ซึ่งประชาชนสามารถนำวัตถุมงคลเข้าร่วมพิธีได้ด้วย วันที่ 18 มีนาคม พิธีอัญเชิญองค์โพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม และองค์เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ แห่รอบเมือง ประทานพรสิริมงคล ประชาชนสามารถตั้งโต๊ะบูชาได้ที่หน้าบ้าน หรือร้านค้า ระหว่างขบวนแห่ผ่าน ในตอนค่ำมีการแสดงของคณะมังกร สิงโต และงิ้ว และวันที่ 19 มีนาคม พิธีเปิดแพรคลุมป้าย และประตูเทวสถานวิหารเจ้าแม่กวนอิม พิธีอัญเชิญ องค์โพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม และองค์เทพเจ้าทุกพระองค์ เพื่อประดิษฐานบนแท่นประทับ โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพิธีเบิกเนตรองค์โพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม และองค์เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ โดยพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ รองเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ และสมเด็จพระวันรัตน์ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว ข่าว / เอกณรินทร์ ใจมะโน ภาพ

อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดโครงการอำเภอ ยิ้ม เคลื่อนที่ ให้บริการประชาชนที่บ้านแม่โข่จู ตำบลเมืองปอน

อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดโครงการอำเภอ ยิ้ม เคลื่อนที่ ให้บริการประชาชนที่บ้านแม่โข่จู ตำบลเมืองปอน

เมื่อวันที่  (13 มีนาคม 2556)  นายพงษ์พีระ ชูชื่น นายอำเภอขุนยวม นำส่วนราชการต่างๆ จัดโครงการอำเภอขุนยวม ยิ้มเคลื่อนที่ ที่บ้านแม่โข่จู ตำบลเมืองปอน โดยส่วนราชการต่างๆไปให้บริการในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกล อีกทั้งเป็นการรับทราบปัญหา อุปสรรคของประชาชนตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างข้าราชการและประชาชน จากนั้น คณะเดินทางไป สำรวจถ้ำแม่ละก๊ะ ซึ่งเคยเป็นที่พักทหารญี่ปุ่นใหญ่ เพื่อเตรียมส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ต่อไป



ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน

สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเกินมาตรฐาน เป็นวันแรก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

วันที่ (14 มีนาคม 2557)  จังหวัดแม่ฮ่องสอนพบ ฮอตสปอตหรือจุดความร้อนจำนวน 52 จุด และจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพิ่มจากเมื่อวาน ซึ่งวัดได้ 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นับเป็นวันแรกในรอบปี ที่ค่าเกินมาตรฐาน ส่งผลให้คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย หากออกนอกบ้าน และงดออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง และขอความร่วมมือประชาชน งดการเผาริมทาง งดการเผาในพื้นที่ป่า รวมทั้งงดเผาขยะเศษวัสดุการเกษตรและกิ่งไม้ใบหญ้า เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานกาณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
 

ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตือนประชาชนเฝ้าระวังดูแลสุขภาพจากปริมาณหมอกควัน ที่มีค่าเกินมาตรฐาน

นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากปัญหาหมอกควันในจังหวัดแม่ฮ่องสอนขณะนี้เริ่มสูงเกินมาตรฐาน ค่าดัชนีคุณภาพอากาศในวันนี้เท่ากับ 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตาและจมูก คือ มีอาการแสบตา คัดจมูก น้ำมูกไหล บางรายที่แพ้หมอกควันหรือผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ มีอาการ ไอ เจ็บคอ หายใจติดขัด มีผื่นคัน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ จึงขอแนะนำให้พี่น้องประชาชนได้ปฏิบัติตนเพื่อดูแลสุขภาพ คือ หากอยู่ในบริเวณที่มีภาวะหมอกควันปกคลุมหนามาก ขอให้ใช้ผ้าชุบน้ำปิดปาก ปิดจมูก สำหรับอาคารบ้านเรือน ให้ปิดประตูหน้าต่างเพื่อป้องกันฝุ่นเข้าบ้าน ควรงดเว้นการสูบบุหรี่ และควรดื่มน้ำบ่อยๆ ในช่วงที่มีฝุ่นควันรบกวน หลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เมื่อมีอาการผิดปกติต่อระบบทางเดินหายใจและสายตา หลังจากสูดดมและอยู่ในบริเวณหมอกควันควรรีบไปพบแพทย์ทันที ทั้งนี้จึงขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนได้หยุดการจุดไฟเผาป่า หรือเผาวัชพืชทุกชนิด เพื่อลดปริมาณหมอกควันและฝุ่นละอองในอากาศซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 "ศรีสะเกษเกมส์" เริ่มขึ้นแล้ว

เมื่อวันที่ (13 มี.ค.57) นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 “ศรีสะเกษเกมส์” ที่สนามศรีนครลำดวน สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตศรีสะเกษ โดย เจ้าภาพจัดการแสดงเน้นความเรียบง่าย แต่สื่อถึงวัฒนธรรมของชาวพื้นเมือง ส่วนนักกีฬาวิ่งคบเพลิง ประกอบด้วย วันดี คำเอี่ยม นักยกน้ำหนักเจ้าของเหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ, ธวัชชัย มะเส นักกีฬาจักรยานทีมชาติ แชมป์ซีเกมส์สองสมัย และ ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย นักชกแชมป์โลกซูเปอร์ฟลายเวท (115 ปอนด์) ของสภามวยโลก  การแข่งขันวันแรก กรุงเทพมหานคร คว้าไป 3 เหรียญทอง

ส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งนักกีฬาเป็นตัวแทนภาค 5 เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 24 คน และผู้ฝึกสอน จำนวน 13 คน จาก 8 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา/เรือพาย/มวยสากลสมัครเล่น/มวยไทยสมัครเล่น/ตะกร้อลอดห่วง/วอลเลย์บอลชายหาด/ ปันจักสีลัต และยิงปืน โดยตั้งเป้าจะได้รับเหรียญจาก วอลเลย์บอลชายหาดหญิง/ตะกร้อลอดห่วง และมวยไทยสมัครเล่น


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว

เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกับสภาองค์กรชุมชนตำบล จัดโครงการ "ร้อยดวงใจ ป้องกันไฟป่า รักษาสิ่งแวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง"

เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกับสภาองค์กรชุมชนตำบล จัดโครงการ "ร้อยดวงใจ ป้องกันไฟป่า รักษาสิ่งแวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง"

เช้าวันที่ (14 มีนาคม 2557)  นายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิด โครงการ “ร้อยดวงใจ ป้องกันไฟป่า รักษาสิ่งแวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง” ที่บริเวณลานข้างวัดพระนอนทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในชุมชน /กิจกรรมในงานประกอบด้วย การทำแนวกันไฟป้องกันไฟป่า บริเวณทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู และรวบรวมเศษใบไม้แห้ง เพื่อทำปุ๋ยหมัก/ แจกกล้าไม้ พืชผักสวนครัว ให้ครัวเรือนนำไปปลูก /และการประกวดครัวเรือนตัวอย่าง ปฏิบัติตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการปลูกพืชผักสวนครัว

สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดไฟป่าแล้วจำนวน 28 ครั้ง พื้นที่ป่าเสียหายจำนวน 153 ไร่


ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว ข่าว / เอกณรินทร์ ใจมะโน ภาพ

ชมรมเทควันโด ศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน จะเปิดอบรมโครงการเทควันโด ภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๗

ชมรมเทควันโด ศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน จะเปิดอบรมโครงการเทควันโดภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. ณ อาคารศูนย์ออกกำลังกายเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน (อาคาร กกท.ชั้น ๒)

นายชัยสิทธิ์ สง่างาม ประธานชมรมเทควันโดศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน แจ้งว่า ชมรมเทควันโด ศูนย์เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน จะเปิดอบรมโครงการเทควันโด ภาคฤดูร้อนประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. ณ อาคารศูนย์ออกกำลังกายเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน (อาคาร กกท.ชั้น ๒) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการส่งเสริมเทควันโดให้เป็นที่แพร่หลายและเป็นการสนับสนุนให้นักเรียนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ระหว่างปิดภาคเรียน เป็นการป้องกันความเสี่ยงที่เด็กเยาวชนจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรืออบายมุข สิ่งไร้สาระอื่น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรงด้วย

เทควันโด เป็นกีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวประจำชาติของเกาหลี ปัจจุบันได้รับการนิยมฝึกฝนกันทั่วโลกมากกว่า ๑๕๐ ประเทศทั่วโลก มีผู้ฝึกมากกว่า๔๐ ล้านคน ได้ถูกบรรจุในกีฬาโอลิมปิก ตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๙๒ เทควันโด ไม่ได้เป็นแค่กีฬาหรือ ศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่ในตัวของวิชา ยังเป็นทั้งปรัชญาและหลักของการดำเนินชีวิตแทรกอยู่ หรือวิถีชีวิตอีกแบบหนึ่ง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในชีวิตของผู้ฝึกเทควันโดได้ นั้นคือ ใช้เป็นทั้งกีฬาเพื่อการออกกำลังกาย ใช้เป็นศิลปะในการต่อสู้ป้องกันตัว ใช้ควบคุมอารมณ์ทางจิตใจและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ตลอดจนใช้เป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิตด้วย ผู้สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ชมรมเทควันโดศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน หรือศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน โทร. ๐๘๖-๑๘๓๕๐๗๑


ข่าวโดย : อ่อนศรี ศรีอัมพร ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับสมัครสอบเข้าศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับสมัครสอบเข้าศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต (บัณฑิตอาสาสมัคร) ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗

รองศาสตราจารย์ ดร.นภาพร อติวานิชยพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักบัณฑิตอาสาสมัคร กล่าวว่า หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต (บัณฑิตอาสาสมัคร) เป็นความริเริ่มของ ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ ซึ่งเห็นว่าในขณะนั้นบัณฑิตส่วนใหญ่จะทำงาน และใช้ชีวิตอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ดังนั้น หากมีโครงการที่เปิดโอกาสให้บัณฑิตได้ไปเรียนรู้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ วิถีการดำรงชีวิต ปัญหาและความต้องการของชาวชนบท ทั้งยังได้ใช้ความรู้ที่ศึกษาเล่าเรียนมาทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนชนบท นับเป็นหนทางหนึ่งที่จะสร้างสำนึกในความเป็นอาสาสมัครให้แก่บัณฑิตที่จะช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างให้บัณฑิตได้พัฒนาตนเอง เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น ในขณะเดียวกันชุมชนก็ได้เรียนรู้ และรับประโยชน์จากกิจกรรมของบัณฑิตอาสาสมัคร และขณะนี้สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กำลังเปิดรับสมัคร บัณฑิตอาสาสมัคร รุ่นที่ ๔๖ ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

ผู้สนใจติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่ สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร อาคารอเนกประสงค์ ๑ ชั้น ๖ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ / และสำนักบัณฑิตอาสาสมัครมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต / โดยสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.gvc.tu.ac.th โทรศัพท์ ท่าพระจันทร์ ๐-๒๖๑๓-๓๖๑๐ ต่อ ๓๖๐๙ , ๓๖๐๔ ศูนย์รังสิต ๐ - ๒๕๖๔ - ๔๔๒๙ และ ๐ - ๒๕๖๔ - ๔๔๔๐ - ๗๙ ต่อ ๑๓๓๐ , ๑๓๒๑ และโทรสาร ๐-๒๖๑๓-๓๖๐๕, ๐ - ๒๕๖๔ -๔๔๒๙



ข่าวโดย : อ่อนศรี ศรีอัมพร ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๗ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัย ให้ได้รับความช่วยเหลือ อย่างรวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกองบัญชาการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติว่า กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูร้อน ของประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๗ จะเริ่มประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม และคาดการณ์ว่าปริมาณฝนจะมีค่าใกล้เคียงกับปี ๒๕๕๖ อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำฝน มีไม่เพียงพอกับความต้องการในหลายพื้นที่ ทั้งด้านอุปโภค – บริโภค และการเกษตรกรรม รวมทั้งการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัย การประสานการปฏิบัติ การสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ตามแนวทางปฏิบัติรวม ๒ ด้าน ด้านการเตรียมการ ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ประจำปี ๒๕๕๗ พร้อมแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ และแบ่งหน้าที่การปฏิบัติอย่างชัดเจน และเป็นระบบ จัดทำแผนเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จัดทำบัญชีหมู่บ้าน ชุมชนที่มีความเสี่ยงต่อการประสบภัยแล้ง และกำหนดจุดแจกจ่ายน้ำ ณ สถานที่สะดวกกับประชาชนในแต่ละหมู่บ้าน หากส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรให้รายงานจังหวัดทราบอย่างละเอียด เพื่อประสานไปยังสำนักฝนหลวงและการบินการเกษตร เพื่อจัดทำฝนหลวงในพื้นที่เมื่อสภาวะอากาศเอื้ออำนวย ด้านการให้ความช่วยเหลือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา ให้นายอำเภอและส่วนราชการเร่งดำเนินการแก้ไขโดยบูรณาการแผนงานโครงการใช้งบประมาณจากงบปกติของหน่วยงาน และงบประมาณขององค์การส่วนท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแดลนน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่

การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๗ ที่อาจเกิดขึ้นถือเป็นนโยบายสำคัญที่ทุกจังหวัด จะต้องกำหนดมาตรการเพื่อเร่งรัดในการแก้ไขปัญหาและระดมการให้การช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบภัย โดยบูรณาการ การทำงานกับหน่วยงานต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตลอดจน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชุมชน ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว และทันเหตุการณ์



ข่าวโดย : อ่อนศรี ศรีอัมพร ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

ปภ.แม่ฮ่องสอน เตรียมฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด

ปภ.แม่ฮ่องสอน เตรียมฝึกซ้อมแผนป้องกันบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด เพื่อทดสอบความสามารถในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เป็นการบูรณาการซ้อมแผนร่วมกัน

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ให้จังหวัดดำเนินการฝึกซ้อมแผนการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด และระดับอำเภอ โดยมีกำหนดให้ระดับจังหวัด ฝึกซ้อมแผน จำนวน ๑ ประเภทภัย ประกอบด้วยการฝึกซ้อมเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ การฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise: TTX) การฝึกซ้อมเฉพาะหน้าที่ (Functional Exercise: FEX) และการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ (Full - Scale Exercise : ESX) โดยการ สมมติสถานการณ์สาธารณภัยขนาดกลาง มีความรุนแรงระดับ ๒ พิจารณา ประเภทภัยที่เป็นนโยบายเน้นหนักของรัฐบาล หรือภัยที่มีความเสี่ยงสูง ตามความจำเป็น ของพื้นที่จังหวัด /ส่วนระดับอำเภอ ให้บูรณาการหน่วยงานซ้อมแผนป้องกัน และบรรเทา สาธารณภัย พิจารณาประเภทภัยที่เป็นนโยบายเน้นหนักของรัฐบาล หรือภัยที่มีความเสี่ยงสูง ตามความจำเป็นของพื้นที่อำเภอ อย่างน้อย ๑ ประเภทภัย

จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้จัดตั้งคณะกรรมการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อให้ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องบูรณาการซ้อมแผนป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยร่วมกัน ทั้งในระดับท้องถิ่น อำเภอ และระดับจังหวัด เป็นการทดสอบ /ประเมินความพร้อมของแผนที่มีต่อกระบวนการตอบโต้สถานการณ์ที่มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว ของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ถึงความเข้าใจในหลักการขั้นตอน วิธีปฏิบัติ และสามารถดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้อย่างเป็นระบบ ให้ทราบถึงข้อบกพร่อง ช่องว่าง ของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ และทรัพยากรที่มีอยู่



ข่าวโดย : อ่อนศรี ศรีอัมพร ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

ติดตั้ง CCTV สกัดกั้นยาเสพติด

จังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) จุดตรวจเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน

ว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ชัย จินดาพันธ์ ป้องกันจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ ๑ กล่าวว่า “ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้จัดอบรมสมาชิกอาสารักษาดินแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๑๘ นาย ในการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) ที่ติดตั้งอยู่จุดตรวจจุดสกัดบ้านสบสอย ต.ปางหมู และจุดตรวจจุดสกัดบ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากบริษัท ไอบีซี บิสซีเนส จำกัด มาให้ความรู้ในการใช้ข้อมูลบันทึกภาพใบหน้าบุคคล และหมายเลขทะเบียนรถ ของผู้กระทำความผิด เพื่อเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ป้องกันจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า “ จุดตรวจจุดสกัดบ้านสบสอย และจุดตรวจจุดสกัดบ้านห้วยผึ้ง เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการสกัดกั้นยาเสพติดจากชายแดนที่จะเข้ามาในเขตเมืองแม่ฮ่องสอน มีเจ้าหน้าที่ อส.ประจำอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง กล้อง CCTV สามารถบันทึกภาพใบหน้าบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านมาได้ตลอดเวลาของกลุ่มผู้กระทำความผิด


ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

เทศบาลแม่ฮ่องสอน จัดโครงการร้อยดวงใจป้องกันไฟป่า

สำนักงานเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกับชุมชนในเขตเทศบาล ฯ ร่วมจัดโครงการร้อยดวงใจป้องกันไฟป่า รักษาสิ่งแวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง ทำแนวป้องกันไฟถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู ระยะทางกล่าว ๓ กิโลเมตร

นายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยชุมชน ๖ ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนกลุ่มพลังมวลชนกว่า ๓๐๐ คน ได้ร่วมกันจัดโครงการร้อยดวงใจป้องกันไฟป่า รักษาสิ่งแวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง โดยกลุ่มพลังมวลชนได้ร่วมกันทำแนวป้องกันไฟป่าถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู ระยะทางกว่า ๓ กิโลเมตร นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า “ วัดพระธาตุดอยกองมู สถานที่ศักสิทธิ์และเป็นที่สักการะของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีการส่งเสริมการปลูกต้นไม้ การณรงค์ทำความสะอาดทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู และการส่งเสริมให้ชุมชนนำใบไม้แห้งมาทำเป็นปุ๋ย ในการใช้ปลูกพืชผักสวนครัว การสร้างมูลค่าใบไม้แห้งโดยเฉพาะใบตองตึงนำมาทำหลังคาบ้านทดแทนการเผา ประกอบกับในช่วงนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ประกาศเขตควบคุมไฟป่าในท้องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากไฟป่าและให้ราษฎรมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ดังนั้นเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน จึงได้จัดโครงการร้อยดวงใจ ป้องกันไฟป่า รักษาสิ่งแวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง และยังได้มอบโล่รางวัลให้กับชุมชนที่มีมาตรการป้องกันไฟป่าอีกด้วย



ข่าวโดย : ดำเนิน ท้วมจอก ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

กลุ่มพลังมวลชนร่วมกิจกรรมป้องกันไฟป่ารักษาสิ่งแวดล้อมเมืองแม่ฮ่องสอน

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2557 นายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นประธานในพิธีโครงการร้อยดวงใจ ป้องกันไฟป่า รักษาสิ่งแวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง โดยร่วมกับกลุ่มพลังมวลชนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป โดยทำกิจกรรมป้องกันไฟป่า รักษาสิ่งแวดล้อม บริเวณเส้นทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู ภายในเขตเทศบาลเมือง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าบริเวณ 2 ข้างทาง ซึ่งจะมีทุกปีในช่วงหน้าร้อน ทำให้เกิดหมอกควันปกคลุมในเขตเมืองอย่างหนาแน่น ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และยังทำให้มีผลกระทบต่อการขึ้นลงของเครื่องบินที่มีทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไปที่เดินทางโดยสายการบินเข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า การทำกิจกรรมป้องกันไฟป่าบริเวณทางขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยกองมู เนื่องจากมีป่าไม้ขึ้นอยู่จำนวนมาก ซึ่งหน้าร้อนใบไม้ก็จะล่วงหล่นทำให้เป็นเชื้อไฟและง่ายต่อการเกิดไฟป่า เพราะมีการทิ้งบุหรี่และลักลอบเผาเพื่อหาของป่าอยู่ โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยกองมูมีทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปขึ้นไปเที่ยวและสักการะพระธาตุตลอดเวลา และอาจจะมีการเผลอทิ้งก้นบุหรีลงข้างทางจนเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ใบไม้ที่ล่วงหล่นลงข้างทางและเกิดไฟป่าขึ้นได้

สำหรับสภาพอากาศของแม่ฮ่องสอน กำลังเริ่มมีหมอกควันปกคลุมมากขึ้นค่า PM 10 อยู่ที่ 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร



ข่าวโดย : สมาน ต้นใส /สวศ.แม่ฮ่องสอน

กกต.แพร่กำหนดสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้า ส.ว. ทั้งในเขตและนอกเขตจังหวัด

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแพร่กำหนดสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้าสมาชิกวุฒิสภาทั้งในเขตและนอกเขตจังหวัด

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 30 มีนาคม 2557 นั้น และกำหนดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 23 มีนาคม 2557 ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแพร่ได้กำหนดสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้าให้ผู้ที่ได้ยื่นคำขอลงทะเบียนแล้วไปใช้สิทธิ โดยนอกเขตจังหวัดจัดขึ้นที่ หอประชุมอำเภอเมืองแพร่ ในเขตจังหวัดประกอบด้วย อำเภอเมืองแพร่ ที่ศาลาประชาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ อำเภอสูงเม่น ที่หอประชุมอำเภอสูงเม่น อำเภอเด่นชัย ที่หอประชุมอำเภอเด่นชัย อำเภอลอง ที่หอประชุมอำเภอลอง อำเภอวังชิ้น ที่หอประชุมอำเภอวังชิ้น อำเภอร้องกวาง ที่หอประชุมอำเภอร้องกวาง อำเภอสอง ที่หอประชุมอำเภอสอง และอำเภอหนองม่วงไข่ ที่หอประชุมอำเภอหนองม่วงไข่

ก็ขอเชิญชวนผู้ที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าสมาชิกวุฒิสภาไว้ ไปเลือกตั้งตามหน่วงที่ท่านได้ยื่นลงทะเบียนไว้ในวันที่ 23 มีนาคม 2557 เวลา 08.00 น. – 15.00 น.



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

จังหวัดแพร่ ใช้พารามอเตอร์บินติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ขณะที่ปริมาณฝุ่นยังสูง

จังหวัดแพร่ใช้พารามอเตอร์โดยศูนย์ป้องกันภัยและสายตรวจทางอากาศตำรวจภูธรจังหวัดแพร่บินสำรวจและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ขณะที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กยังสูงกว่าค่ามาตรฐาน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ตามที่ได้มีมาตรการป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วง 100 วันอันตรายคือวันที่ 1 กุมภาพันธ์- 11 พฤษภาคม 2557 ที่ทุกฝ่ายได้เร่งรัดและเข้มงวดไม่ให้มีการเผาในทุกพื้นที่ เพื่อลดปัญหามลพิษในอากาศโดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดแพร่พบมีการเผากระจายในหลายพื้นที่ และมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสำรวจพื้นที่ทางอากาศว่าจุดไหนเกิดไฟไหม้ และสามารถแจ้งพิกัดให้ภาคพื้นดินได้เข้าทำการดับไฟ ทางจังหวัดแพร่โดยศูนย์ป้องกันภัยและสายตรวจทางอากาศตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ได้ใช้พารามอเตอร์หรือร่มบิน ขึ้นบินสำรวจพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งจะได้เก็บข้อมุลพร้อมรายงานให้ภาคพื้นดินเข้าจับกุมผู้กระทำผิดและเข้าดับไฟได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามสำหรับค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่สถานีตรวจอากาศอุตุนิยมวิทยาแพร่วัดได้เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้(14มี.ค.57) มีปริมาณ 143 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินกว่าค่ามาตรฐานคือ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์

จ.ลำพูน เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีทางศาสนาและพระราชทานเพลิงสรีระร่าง พระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ ในวาระสุดท้าย

จ.ลำพูน เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีทางศาสนาและพระราชทานเพลิงสรีระร่าง พระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ ในวาระสุดท้าย พร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพไทยธรรมและจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึก เพื่อน้อมถวายบูชาคุณแสดงกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพระมหาเถระผู้เป็นปูชยนียบุคคล

นายไพฑูรย์ รัตน์เลิศลบ วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า พระเทพมหาเจติยาจารย์ (ไพบูลย์ ภูริวิปุโล) อายุ 87 ปี พรรษา 66 อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร และอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำพูน มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2556 เวลา 14.30 น. ที่ตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หลังจากหกล้มในห้องน้ำ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เป็นระยะเวลา 1 ปี 9 เดือน ในการนี้ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร คณะสงฆ์จังหวัดลำพูน และศรัทธาญาติโยม ศิษยานุศิษย์ กำหนดจัดงานพระราชทานเพลิงศพ พระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ ระหว่างวันที่ 16-23 มีนาคม 2557 โดยวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2557 ภาคเช้า มีการแสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 171 รูป สวดพระพุทธมนต์ ธรรมนิยามสูตร อาจารย์โอกาสเวนทาน พระสงฆ์ทั้งนั้นพิจารณาผ้าไตรบังสุกุล ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ ภาคบ่าย ประกอบพิธีอาราธนาสรีรสังขารพระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ขึ้นสู่ปราสาทราชรถ เคลื่อนขบวนจากธรรมศาลาศรีจำปา ผ่านถนนอินทยงยศ เข้าสู่ภายในเขตพุทธาวาส วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร เพื่อตั้งบำเพ็ญกุศลตลอดจนถึงวันพระราชทานเพลิงสรีรสังขาร ภาคกลางคืน ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์จตุรวรรค สวดพระอภิธรรม ระหว่างวันที่ 17-22 มีนาคม 2557 เวลา 09.30 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 100 รูป สวดพระพุทธมนต์ ธรรมนิยามสูตร พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เวลา 20.00 น. พระมหาเถระแสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์จตุรวรรค สวดพระอภิธรรม และวันที่ 23 มีนาคม 2557 เวลา 08.30 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดย เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ กรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เวลา 09.30 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 143 รูป สวดพระพุทธมนต์ ธรรมนิยามสูตร ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ภัตตาหารเพล พระสงฆ์อนุโมทนา เวลา 12.30 น. คณะสงฆ์ คณะศรัทธา คณะศิษยานุศิษย์ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าอาราธนาสรีระร่างของ พระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ เคลื่อนสู่สุสานบ้านหลวย ประกอบพิธีทางศาสนาและพระราชทานเพลิงสรีระร่าง พระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ ในวาระสุดท้าย เวลาประมาณ 15.00 น.

จังหวัดลำพูนขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธาร่วมประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา พร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพไทยธรรมและจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึก เพื่อน้อมถวายบูชาคุณแสดงกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพระมหาเถระผู้เป็นปูชยนียบุคคล และเปี่ยมด้วยอุปการะคุณต่อพระพุทธศาสนา วัดวาอารามอย่างใหญ่หลวงมาก่อน โดยสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน โทรศัพท์หมายเลข 0-5351-0243 นอกจากนี้ ขอเชิญชวนร่วมเป็นเจ้าภาพต้อนรับพระสงฆ์ที่จะมาร่วมงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารพระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ ประมาณ 3,000-5,000 รูป และคณะศรัทธาประชาชนที่จะมาร่วมขบวนแห่กว่า 10,000 หมื่นคน



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525519

สถานการณ์หมอกควันจังหวัดลำพูนเกินค่ามาตรฐานแล้ว อยู่ในลำดับที่ 7 ของภาคเหนือตอนบน

สถานการณ์หมอกควันจังหวัดลำพูนเกินค่ามาตรฐานแล้ว อยู่ในลำดับที่ 7 ของภาคเหนือตอนบน เตือนเฝ้าระวังเป็นพิเศษในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และสตรีมีครรภ์

นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดลำพูน ณ สถานีตรวจวัดสนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน วันที่ 15 มีนาคม 2557 พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 136 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐานแล้ว เป็นวันแรกของปี 2557 โดยค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ จัดอยู่ในลำดับที่ 7 ของภาคเหนือตอนบน ปัญหาหมอกควันได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ด้วยอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เมื่อเข้าไปในปอดแล้วไม่สามารถขับออกมาได้ จึงขอให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และสตรีมีครรภ์ ส่วนประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตู หน้าต่าง เพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้าน ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำจากทางราชการ และหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์
อย่างไรก็ตาม ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการลดและควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผาริมทาง และพื้นที่ป่าอย่างเร่งด่วน รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนงดเผาขยะเศษวัสดุการเกษตรและกิ่งไม้ใบหญ้า เป็นต้น เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกต้องให้กับประชาชนด้วย



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525519

ปภ.ลำพูน เตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง วันที่ 15-16 มีนาคมนี้

นายชุมพร อินตะเทพ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย เรื่องพายุฤดูร้อน ว่า ความกดอากาศต่ำจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ขณะที่ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันที่ 14 มีนาคม 2557 ทำให้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ซึ่งมีผลกระทบภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ช่วงวันที่ 15-16 มีนาคม 2557 จังหวัดที่อาจได้รับผลกระทบ คือ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี สระบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี พิษณุโลก ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ พะเยา และน่าน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูนขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหา วาตภัย อันเกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน บ้านเรือน โรงเรือน และพืชผลทางการเกษตรในระยะ 1-2 วันนี้

หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้บ้าน หรือสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน โทรศัพท์หมายเลข 0-5356-2963 หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พัฒนาโปรแกรม DBD e-service ให้สามารถใช้งานได้ในโทรศัพท์มือถือ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พัฒนาโปรแกรม DBD e-service ให้สามารถตรวจค้นข้อมูลทะเบียนธุรกิจ ชื่อนิติบุคคล สถานที่ตั้ง กรรมการบริษัท ทุนจดทะเบียน ใช้สามารถงานได้ในโทรศัพท์มือถือ

นางพิมนต์ มงคลเทพ หัวหน้าสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้พัฒนาโปรแกรม แอพพลิเคชั่น DBD e-service เพื่อให้ก้าวทันโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทันสมัยและรวดเร็ว โดยผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอส และระบบแอนด์ดรอยผ่านกูเกิลเพลย์ และแอพสโตร์ โดยผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลทะเบียนธุรกิจ ชื่อนิติบุคคล สถานที่ตั้ง กรรมการบริษัท ทุนจดทะเบียน ข่าวสารต่างๆ และสถานที่ให้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปได้รับความสะดวกสบาย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย นอกเหนือจากการมาขอยื่นตรวจสอบที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดลำพูน และหน่วยงานให้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยผู้ประกอบการและผู้สนใจ สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป



ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์

รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนติดตามการดำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าโดยให้ทุกภาคส่วนรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาหมอกควันไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ประชุม ติดตามการดำเนิน งาน ป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่า ในพื้นที่ อำเภอ แม่ทา , อำเภอ บ้านธิ และ อำเภอเมืองลำพูน โดย ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ระดับอำเภอ จนถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่ง ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก ( pm10 ค่ามาตรฐานไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ) ของจังหวัดลำพูน ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ ยังไม่เกิน ค่ามาตรฐาน

เมื่อวันที่ ( 13 มกราคม 2557 ) นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้ไปพบปะกับผู้บริหารระดับ อำเภอ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของ อำเภอแม่ทา , อำเภอบ้านธิ และ อำเภอเมืองลำพูน เพื่อ ติดตามการ ดำเนินงาน ป้องกัน แก้ไขปัญหา หมอกควันไฟป่า ซึ่ง การดำเนินงาน ในสามอำเภอ ได้ มีเจ้าหน้าที่สถานี ควบคุมไฟป่าจังหวัดลำพูน ไปสาธิตขั้นตอนการดับไฟป่า และ จัด อบรม สร้างจิตสำนึก ให้แก่ ประชาชนในจุดเสี่ยงของแต่ละ อำเภอ ในการตระหนักถึง ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาหมอกควันไฟป่า รวมถึง ให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันทำแนวกันไฟในจุดเสี่ยง ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ได้ ร่วมบูรณาการ ในการ จัดชุดลาดตระเวน ดับไฟป่า ผลัดเปลี่ยนกันอยู่เวร ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งเหตุ ก็สามารถไปดับไฟป่า ได้ทันท่วงที ซึ่ง จากการ ดำเนินงาน ดังกล่าว ทำให้ ในพื้นที่ ของ สามอำเภอ นั้น มีสถิติ การเผา ในพื้นที่ป่า และ การเผาในที่โล่งเขตชุมชน ลดน้อยลง ส่งผลให้การป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่า 100 วันอันตรายของจังหวัดลำพูน ในปีนี้มีสถิติ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก ( pm 10 ) ซึ่งเริ่มการเฝ้าระวังมาตั้งแต่ วันที่ 20 มกราคม 2557 เป็นต้นมานั้น ยังมีค่าไม่เกิน มาตรฐาน โดย ปริมาณค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก ของจังหวัดลำพูน เมื่อวานนี้ ( 13 มกราคม 2557 ) อยู่ที่ 93 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร , ส่วน ปริมาณค่าฝุ่นละอองฯ ในวันนี้ ( 14 มกราคม 2557 ) อยู่ที่ 105 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่ง การดำเนินงานป้องกันหมอกควันไฟป่า 100 วันอันตราย ของจังหวัดลำพูน จะดำเนินการไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2557


ข่าวโดย : เชาวรินทร์ สอนปาละ

อบจ.ลำพูน เดินหน้าช่วยเหลือผู้พิการ ตามกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดลำพูน

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2557 ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ.ลำพูน พร้อมด้วยนายมนู ศรีประสาท เลขานุการนายก อบจ.ลำพูน นาย นายกิติพัฒน์ ธนินภิตินันท์ ส.อบจ.ลำพูน อำเภอเมือง เขต 3 ลงพื้นที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือมอบวัสดุสำหรับซ่อมแซมที่พักอาศัยแก่ผู้พิการ ราย นางทา อุ่นอุโมงค์ มารดานายประเสริฐ อุ่นอุโมงค์ ผู้พิการเดินไม่ได้ อาศัยบ้านเลขที่ 70/1 หมู่ที่ 8 ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยได้มอบวัสดุอุปกรณ์ที่มีความจำเป็น มูลค่า 31,300 บาท สำหรับซ่อมแซมปรับปรุงบ้านให้มีความมั่นคงแข็งแรงและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสมปลอดภัย ซึ่งนางทา กล่าวด้วยน้ำตาว่า รู้สึกปราบปลื้มดีใจ ที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนได้ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ และไม่รู้ว่าจะตอบแทนในความมีน้ำใจอย่างไร

จดหมายข่าวประชาสัมพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ถ.เลี่ยงเมืองลำพูน - ป่าซาง ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน 51000 โทร. 0-5357-7260 ต่อ 115 โทรสาร. 0-5359-7260 ต่อ 108 www.Lamphunpao.go.th ,www.facebook.com/lamphunlpao



ข่าวโดย : วีรยุทธ ชนกล้าหาญ

เทศบาลตำบลป่าซาง เชิญเที่ยวงานประเพณีสงกรานต์ป่าซาง วันที่ 14 - 15 เมษายน 2557

นายสุพจน์ ปันสุรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าซาง เปิดเผยว่า อำเภอป่าซาง ร่วมกับเทศบาลตำบลป่าซางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอป่าซาง จัดงานประเพณีสงกรานต์ป่าซาง สืบสานประเพณีวัฒนธรรมล้านนา พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวกับกิจกรรมต่างๆมากมาย ในวันที่ 14 - 15 เมษายน 2557 โดยงานประเพณีสงกรานต์ป่าซาง เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาของชาวอำเภอป่าซาง และสำหรับปีนี้อำเภอป่าซาง ร่วมกับ เทศบาลตำบลป่าซางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอป่าซาง ร่วมกันจัดงานเพื่อเผยแพร่ส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยร่วมกันจัดตกแต่งซุ้มประตูบ้านเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างสวยงาม และสำหรับกิจกรรมในวันที่ 14 เมษายน 2557 เวลา 06.00 น. พบกับการประกวดแม่ก๊าแต่งตัวงาม - คนจ่ายกาดแต่งตัวงาม ณ ตลาดป่าซาง วันที่ 15 เมษายน 2557 ตั้งแต่เวลา 13.30 น. พบกับขบวนแห่สงกรานต์ป่าซาง 8 ริ้วขบวน จาก 8 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอป่าซาง อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา การประกวดเทพีสงกรานต์ การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งเสน่ห์ป่าซาง และความบันเทิงอื่นๆอีกมากมาย

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์งานประเพณีสงกรานต์ป่าซางได้ ในวันที่ 14 - 15 เมษายน 2557 ตั้งแต่บริเวณหน้าศูนย์หัตถกรรมเทศบาลตำบลป่าซาง - ที่ว่าการอำเภอป่าซาง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอป่าซาง หรือ กองการศึกษา เทศบาลตำบลป่าซาง หมายเลขโทรศัพท์ 0-5352-1007 ต่อ 13 หรือ 15 ในวันและเวลาราชการ.



ข่าวโดย : วีรยุทธ ชนกล้าหาญ

อบจ.ลำพูน เตรียมจัดงานวันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2557

อบจ.ลำพูน เตรียมจัดกิจกรรมเนื่องในวันท้องถิ่นไทย 18 มีนาคม นี้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจชาวองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการให้บริการแก่ประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า เนื่องในวัน ท้องถิ่นไทย วันที่ 18 มีนาคม 2557 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2553 กำหนดให้วันที่ 18 มีนาคม ของทุกปี เป็น"วันท้องถิ่นไทย” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 5 ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งตำบลท่าฉลอม ขึ้นเป็นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรก เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2448 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายอำนาจการปกครองและเป็นการถือกำเนิดของการปกครองส่วนท้องถิ่นครั้งแรกในประเทศไทย ตลอดจนเพื่อให้สาธารณชน ได้เห็นความสำคัญของการปกครองส่วนท้องถิ่นอันเป็นพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการให้บริการแก่ประชาชนดียิ่งขึ้น

องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จึงจะได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๕๘ แห่งในจังหวัดลำพูน เตรียมจัดงาน "วันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2557" ในวันที่ 18 มีนาคม 2557 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน โดยในงานได้กำหนดจัดพิธีราชสดุดีพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5 ,การบรรยายพิเศษ “อนาคตคนท้องถิ่น” โดย นายเชื้อ ฮั่นจินดา กรรมการผู้แทน ก.อบต. คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น, กีฬาท้องถิ่นสัมพันธ์ (กีฬาพื้นบ้าน), นิทรรศการผลงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กิจกรรมเครือข่ายชื่อบ้านนามเมือง เครือข่ายแพทย์แผนไทย เครือข่ายทุนทางวัฒนธรรมชุมชน เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงานลูกจ้าง โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ในจังหวัดลำพูน เข้าร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 1,000 คน


ข่าวโดย : วีรยุทธ ชนกล้าหาญ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และ กลุ่มสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ 17 จังหวัด ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยว และ บุกเบิกแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดลำพูนให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ในระดับ อ

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2557 ที่สถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย อบจ.ลำพูน ตำบลต้นธง อำเภอเมืองลำพูน นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิด โครงการ "สัญจรตามรอยบุญ นครหริภุญชัย 1400 ปี" โดยมีนายธนกฤต ตันวัฒนากูล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน กล่าวต้อนรับ ซึ่ง นายวรงศักดิ์ วิจักษ์วงศกร นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดลำพูน กล่าวว่า สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดลำพูนได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ตามโครงการ "สัญจรตามรอยบุญ นครหริภุญชัย 1400 ปี" ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัด และ เป็นการบุกเบิกแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ให้แก่สมาชิกของสมาคม อันได้แก่ บริษัทนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 1 - 2 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยผู้เข้าร่วมโครงการได้ชมวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร นั่งรถรางชมเมือง กิจกรรมตามรอยบุญ ( แข่งรถ แรลลี่สะสมคะแนนตามรอยบุญ ) ที่วัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ วัดมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ตำบลนาทราย อำเภอลี้ และ ล่องแพ ที่ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ( ห้องเรียนเรือนแพ "บ้านก้อจัดสรร" )

ซึ่งการจัดโครงการในครั้งนี้ จะเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างสมาชิก ของ สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ (สสนท.) 17 จังหวัด มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งกันและกัน เป็นการยกระดับด้านการท่องเที่ยวของ 17 จังหวัดภาคเหนือเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะมาถึงในปี 2558 นี้ด้วย .


ข่าวโดย : วีรยุทธ ชนกล้าหาญ

สาธารณสุขจังหวัดลำพูน เตือนประชาชนให้ดูแลรักษาสุขภาพและป้องกันโรคในช่วงฤดูร้อน

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน ออกประกาศเตือนประชาชนให้ดูแลรักษาสุขภาพ และป้องกันโรคที่เกิดขึ้นในฤดูร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ

นายปัจจุบัน เหมหงษา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นระยะที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด และในบางพื้นที่ที่ประสบกับภาวะภัยแล้งในช่วงฤดูร้อนนี้อาจจะเกิดการระบาดของโรคติดต่อหลายชนิดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เช่น โรคอุจจาระร่วงอย่างแรง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด โรคอหิวาตกโรค ไข้ไทฟอยด์ โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส อาจเกิดการแพร่ระบาดได้ จึงขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพอนามัย ดูแลความสะอาดเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และภาชนะในการใส่อาหาร ตลอดจนใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำพูน กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ในช่วงฤดูร้อนที่สำคัญ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงอย่างแรง ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากการรับประทานอาหารไม่สะอาด มีแมลงวันตอม ดื่มน้ำไม่สะอาด มีเชื้อโรคปนเปื้อน ผักสด ผลไม้ ไม่ได้ล้างให้สะอาด ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายอุจจาระเหลว ๓ ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายเป็นน้ำมากๆ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มีไข้ ซึม มีอาการขาดน้ำ ช็อคอาจถึงตายได้ ดังนั้นประชาชนควรป้องกันโรคด้วยการรับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ไม่มีแมลงวันตอม ใช้ส้วมถูกสุขลักษณะ ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ก่อนปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร และหลังการขับถ่ายอุจจาระทุกครั้ง รวมทั้งกำจัดขยะและแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน

สำหรับวิธีการรักษาโรคอุจจาระร่วงด้วยตนเอง เมื่อเกิดโรคอุจจาระร่วง ร่างกายจะสูญเสียน้ำ อาจเกิดอาการช๊อคได้ ซึ่งป้องกันได้โดยการรับประทานผงเกลือแร่ หรือ โอ อาร์ เอส ถ้าถ่ายบ่อยครั้ง ให้ดื่มจำนวนมากขึ้น ถ้าอาเจียนให้ดื่มทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาพยาบาล ณ สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที


ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์

นักศึกษาพยาบาลศาสตร์บัณฑิต วิทยาลัยบรมราชชนนีนครลำปาง รุ่นที่ 33 เข้ารับมอบวุฒิบัตร ในพิธีสำเร็จการศึกษา และอำลาสถาบัน ประจำปีการศึกษา 2556

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง จัดพิธี "สำเร็จการศึกษาและอำลาสถาบัน" มอบวุฒิบัตรและใบแสดงผลการเรียนตลอดหลักสูตร ให้แก่นักศึกษาพยาบาลศาสตร์บัณฑิต จำนวน 73 ราย ที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ประจำปีการศึกษา 2556 ที่ ห้องประชุมฝ้ายคำ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีนายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ให้เกียรติเป็นประธานพิธี มอบวุฒิบัตร ใบแสดงผลการเรียน และกล่าวให้โอวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษา โดยมี นางจรวยพร ทะแกล้วพันธุ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง พร้อมด้วย คณาจารย์ บิดา มารดา และผู้ปกครองของนักศึกษาฯ เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี และร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษา

โดยในพิธี นายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ให้เกียรติเป็นผู้มอบวุฒิบัติแสดงผลการเรียนตลอดหลักสูตร ให้แก่นักศึกษาพยาบาลศาสตร์บัณฑิต ทั้ง 73 ราย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผู้ผ่านการทดสอบวิชาความรู้รวบยอด ของสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข, ผ่านการทดสอบวิชาความรู้รวบยอดของสถาบันเครือข่าย และของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา พร้อมกันนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ให้เกียรติมอบโล่วุฒิบัตรรางวัลต่างๆ ให้แก่นักศึกษาพยาบาลศาสตร์บัณฑิต ที่มีผลการเรียนในระดับดีเด่น อาทิเช่น รางวัลของมูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช รางวัลเหรียญทอง ได้แก่ นายนฤชา ใจแจ่ม และรางวัลเหรียญเงิน ได้แก่ นายณรงค์ศักดิ์ นันทะเสน, รางวัลนักศึกษาพยาบาลดีเด่น ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย ได้แก่ นายธวัชชัย ร่วมชาติ และมอบรางวัลนักศึกษาดีเด่น ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง ให้แก่นักศึกษาของวิทยาลัยฯ อีกจำนวน 6 ราย เป็นต้น ซึ่งในพิธีรับมอบวุฒิบัตรครั้งนี้ นักศึกษาพยาบาลศาสตร์บัณฑิตทั้ง 73 ราย ได้ร่วมกันปฏิญาณตนว่า “จะใช้ความรู้ ความสามารถไปประกอบอาชีพแต่ในทางที่เป็นคุณ เพื่อประโยชน์สุขของเพื่อนมนุษย์ และจะปฏิบัติตนอยู่ในหลักศีลธรรมอันดี ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และจะบำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมตลอดไป”

ด้าน นายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษาประจำปีการศึกษา 2556 มีใจความสำคัญว่า ความสำเร็จที่ได้รับในวันนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นขั้นพื้นฐานเท่านั้น จากนี้ต่อไปขอให้ผู้สำเร็จการศึกษาทุกคน หมั่นศึกษาเรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์เพิ่มเติม เพราะการจะประสบความสำเร็จในชีวิตพยาบาลได้นั้น ผู้สำเร็จการศึกษา จะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างผู้มีความรู้ มีความสามารถ และต้องตระหนัก สำนึกในหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบอยู่เสมอ เพราะการเป็นพยาบาลนั้น ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้เจ็บป่วย ที่จะต้องอยู่ในความดูแลของท่านทั้งหลายผู้ซึ่งเป็นพยาบาล และจงปฏิบัติหน้าที่อยู่บนพื้นฐานแห่งความถูกต้อง ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ภายใต้ความรู้ ความสามารถที่มีอยู่ และจงพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบเมื่อต้องประสบกับปัญหา ถึงจะทำให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริง สมดั่งคำขวัญของวิทยาลัยฯ ที่ว่า “ภูมิรู้ คู่ภูมิธรรม นำภูมิปัญญา พัฒนาสุขภาพ”
ดูคลิป http://youtu.be/Csod8XgeR3A


ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ลูกช้างวัยขวบเศษ ที่ลืมตาดูโลกแล้วแม่ไม่รับ เจ้าของนำตัวส่งให้ มูลนิธิเพื่อนช้างลำปาง ดูแล จู่ๆล้มกะทันหัน สาเหตุเบื้องต้น คาดติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง

ที่ โรงพยาบาลช้าง ของมูลนิธิเพื่อนช้าง อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้นำผ้าห่มเข้าคลุมร่างไร้วิญญาณของช้างน้อย พังนาคา ลูกช้างกำพร้าแม่ วัย 1 ปี 2 เดือน หลังจากที่ล้มเสียชีวิตอย่างกะทันหัน แม้ทางทีมสัตวแพทย์ มูลนิธิเพื่อนช้าง จะพยายามจนสุดความสามารถทั้ง ฉีดยาต้านไวรัส และเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของช้างน้อยไว้ได้

ในเรื่องนี้ นายสัตวแพทย์ปรีชา พวงคำ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ มูลนิธิเพื่อนช้าง ได้ให้ข้อมูลว่า ช้างน้อยพังนาคา เป็นช้างของชาวบ้านคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก ทางมูลนิธิฯ ได้รับตัวช้างน้อยมาเลี้ยงดู ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนมกราคม 2556 หลังจากที่ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว แม่ช้างไม่ยอมรับ โดยแม่ของช้างน้อยเชือกนี้ก็คือ “แม่ช้างพังคาปา” ซึ่งเป็นแม่ช้างสาวที่ตั้งท้องเป็นท้องแรก เมื่อคลอดพังนาคาออกมา ได้แสดงอาการไม่ยอมรับลูกตัวเอง ทั้งไม่ยอมให้เข้าใกล้ และไม่ยอมให้ดื่มนม ทางเจ้าของช้าง จึงได้นำตัวช้างน้อยมาให้ทางมูลนิธิดูแล และทางมูลนิธิก็ดูแลมาเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาปีกว่า จนกระทั่งช้างน้อยพังนาคาอย่านม และสามารถที่จะกินหญ้าเองได้แล้ว จนร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่เมื่อช่วงวันก่อน ช้างน้อยได้แสดงอาการซึม ไม่กินน้ำอาหาร ทางเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ของมูลนิธิฯ จึงได้ทำการตรวจเช็คร่างกายของช้างน้อย พร้อมกับฉีดยาต้านไวรัสให้ และตลอดทั้งวันก็คอยเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งมืด ช้างน้อยพังนาคาได้ล้มตัวลงนอน แต่ลุกไม่ขึ้นอีก แม้จะพยายามทุกวิถีทาง จนสุดท้ายช้างน้อยก็ได้สิ้นลมในที่สุด

ส่วนสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้ช้างล้ม นายสัตวแพทย์ปรีชาฯ ได้กล่าวว่า สาเหตุน่าจะมาจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เป็นชนิดรุนแรง ชอบระบาดในสัตว์เล็กและช้างเล็ก โดยเฉพาะในช้างที่เกิดมาแล้วไม่สามารถดื่มนมน้ำเหลือจากแม่ช้างได้ จึงทำให้ช้างน้อยพังนาคา ไม่มีภูมิคุมกันโรค และเมื่อได้รับเชื้อไวรัสตัวนี้เข้าไป จึงส่งผลให้ช้างล้มลงภายในไม่กี่ชั่วโมง อย่างไรก็ตามจะต้องทำการตัดชิ้นเนื้อ และเจาะเลือดตัวอย่าง ส่งไปพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป สำหรับซากช้างน้อยพังนาคา ทางเจ้าของช้างจะเดินทางมารับด้วยตัวเอง และในเบื้องต้นได้ทราบมาว่าซากช้างน้อยเชือกนี้ มีคนมาขอจองซื้อไว้แล้วในราคากว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทางมูลนิธิฯ จะให้ทางเจ้าของเป็นผู้พิจารณาดำเนินการต่อไป ในการนี้ นายสัตวแพทย์ปรีชาฯ ยังได้กล่าวฝากเตือนไปยังผู้ที่นำช้างเล็กไปเร่ร่อน ตามถนนชุมชนหมู่บ้าน ให้ระมัดระวังการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ด้วย หากพบช้างมีอาการผิดปกติให้รีบแจ้งสัตว์แพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ในพื้นที่ใกล้เคียง เข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะเกรงอาจจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ได้



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

จอกแหนแพร่ระบาดบริเวณเหนือเขื่อนกิ่วลม ในรอบ 20 ปี แพท่องเที่ยวกระทบหนัก

ที่บริเวณเขื่อนกิ่วลม ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ทั่วพื้นผิวน้ำภายในเขื่อนได้เกิดมีจอกแหนแพร่ระบาดจำนวนมาก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเรือหางยาว และแพท่องเที่ยวที่จอดอยู่บริเวณแนวสันเขื่อน เนื่องจากไม่สามารถออกเดินเรือ หรือล่องแพได้ตามปกติ แม้ผู้ประกอบการชุมชนชาวแพกิ่วลม และเจ้าหน้าที่ประจำโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา จะได้ร่วมกันออกกำจัดจอกแหน ที่ลอยอยู่ตามบนผิวแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากจอกแหนได้แพร่จำนวนเร็วมาก จนเกินกำลังของชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่จะกำจัดไหว ทำให้ทุกวันนี้จอกแหนมีปริมาณเพิ่มมากยิ่งขึ้น และได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเรือและแพท่องเที่ยวในพื้นที่แล้ว

นายปั๋น มีครัว ผู้ประกอบการเรือและแพท่องเที่ยว และเป็นคณะกรรมการชุมชนชาวแพกิ่วลม ได้เผยว่า ตั้งแต่ปลายปี 2556 ช่วงเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ได้เริ่มมีจอกแหนลอยมาสะสมบริเวณสันเขื่อน และได้เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งแพร่กระจายไปทั่วพื้นผิวน้ำ จนขณะนี้ชาวแพและชาวบ้านที่มีเรือหางยาว หรือแพ ไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว สำหรับเดินทางข้ามฟากน้ำไปมา หรือล่องแพไปตามลำน้ำ เริ่มได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถเดินเรือ และนำแพเข้า-ออก จากท่าน้ำได้สะดวก เพราะจอกแหนจะติดใต้ท้องแพและที่ใบพัด ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงในการนำจอกแหนที่ติดอยู่ออก ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยว ต่างทนรอไม่ไหวและเดินทางกลับไปทันที และหากว่าก่อนถึงเดือนเมษายน นี้ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็จะส่งผลกระทบหนักต่อผู้ประกอบการอย่างแน่นอน เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยว จะเดินทางมาล่องแพกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงวอนขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน สำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นายปั๋นฯ ได้กล่าวว่า ตนเองเกิดและเติบโตที่นี่ ตั้งแต่เริ่มเปิดใช้งานเขื่อนกิ่วลมมา เมื่อประมาณปี 2532-2533 ได้เคยเกิดปัญหาผักตบชวา แพร่ระบาดอย่างหนัก ซึ่งคราวนั้นได้มีการปล่อยน้ำผลักดันผักตบชวาออกไป จนสถานการณ์คลี่คลาย และมาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นปัญหาในรอบ 20 ปี ที่ต้องมาประสบกับปัญหาลักษณะดังกล่าวอีกครั้ง แต่เป็นปัญหาของจอกแหนไม่ใช่ผักตบชวา

ด้านนายฤทัย พัชรานุรักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการเสนอของบประมาณเร่งด่วน ไปยังกรมชลประทาน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างรอรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนกลาง ในการจัดหาเรือกำจัดวัชพืชมาช่วยดำเนินการ เนื่องจากจอกแหนมีปริมาณจำนวนมาก ทั้งที่บริเวณสันเขื่อน และพื้นที่รอบๆ ขอบอ่างกักเก็บน้ำเหนือเขื่อน กินพื้นที่ประมาณ 900 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ร้อยละ 5 ของพื้นที่เขื่อนทั้งหมด 19,000 ไร่ สำหรับการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ในวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม นี้จะมีการเปิดประตูระบายน้ำเพื่อ ผลักดันจอกแหนเหล่านี้ออกไป ซึ่งก็น่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการได้บ้าง



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 9 แห่ง จัดขบวนผ้าป่าอาหารช้าง นำผลไม้หลากหลายชนิด เลี้ยงสะโตกช้างกว่า 50 เชือก

สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จังหวัดลำปาง ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอห้างฉัตร จัดกิจกรรมการกุศล นำพืชผักผลไม้จัดเลี้ยงอาหารให้แก่ช้างไทยกว่า 50 เชือก ที่ บริเวณพื้นที่รอบบ่อกักเก็บน้ำ ด้านหน้าโรงเรียนฝึกช้างและควาญช้าง ของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานพิธี โดยมีนายภาสกร มีวาสนา ผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ นำคณะผู้บริหารของสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ พร้อมทั้ง ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และประชาชน จากพื้นที่ตำบลต่างๆ ในอำเภอห้างฉัตร รวมกว่า 1,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม

กิจกรรมดังกล่าวได้จัดขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งเนื่องในสัปดาห์ “วันช้างไทย” เพื่อจะมอบอาหารให้เป็นของขวัญแก่ช้างที่อยู่ในความดูแลของ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ หรือศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลำปาง โดยปีนี้นับเป็นปีแรกของการจัดงานในรูปแบบริ้วขบวน เป็นขบวนผ้าป่าอาหารช้าง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และของประชาชน ในพื้นตำบลห้างฉัตร รวมทั้งหมด 9 ขบวน ซึ่งทุกขบวนได้นำพืชผัก ผลไม้หลากหลายชนิดมาร่วมจัดสะโตกยักษ์ เลี้ยงอาหารให้กับช้างอย่างเต็มที่ มีทั้งแครรอท ฟักทอง ข้าวโพด แตงโม สับปะรด แอปเปิ้ล กล้วย และอ้อย เป็นต้น พร้อมกับการร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ยุติการสังหารช้าง ค้างาช้าง ทารุณช้าง ทั้งนี้เพื่อต้องการให้คนไทยได้เกิดความตระหนักเห็นถึงความสำคัญของช้าง โดยมุ่งหวังที่จะให้คนไทยได้หันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง และรำลึกถึงบุญคุณของช้าง ในฐานะที่ได้รับการยกย่องให้เกียรติว่า เป็นสัตว์คู่บ้าน คู่เมือง คู่บุญบารมีของพระมหากษัตริย์ มีความสำคัญต่อการศึกสงคราม และร่วมกอบกู้เอกราชให้แก่ชาติไทยเมื่อครั้งในอดีต อีกทั้งการจัดงานดังกล่าว ยังเป็นการรณรงค์ช่วยเหลือช้างเลี้ยงให้สามารถอยู่กับสังคมมนุษย์ได้โดยมีสวัสดิภาพที่ดี และเพื่อเป็นการรณรงค์อนุรักษ์ช้างป่า ให้มีที่อยู่อาศัย มีแหล่งน้ำอาหาร ที่อุดมสมบูรณ์ปลอดภัย และยังเป็นการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกแก่คนไทย ให้พร้อมที่จะปกป้องดูแลรักษาช้างและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับช้าง ให้คงอยู่สืบต่อไป

ในโอกาสนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการที่จะเข้าสู่ประคมอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ หรือศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลำปาง ได้มีแนวทางที่จะร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ รณรงค์ในเรื่องการดูแลช้าง อนุรักษ์ช้าง ให้เป็นมิติที่สำคัญในระดับภูมิภาค จึงได้ทำการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ว่าด้วยการส่งเสริมการเรียนรู้ ทักษะด้านภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาในกลุ่มประเทศอาเซียน ร่วมกับ อำเภอห้างฉัตร และศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอห้างฉัตร ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงาน จะได้มีการพัฒนาทักษะด้านภาษาให้แก่ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ในสังกัด โดยจะมีอาจารย์ที่เป็นเจ้าของภาษา เข้ามาทำการฝึกสอนให้โดยตรง
ดูคลิป http://youtu.be/5__ANeMV8go



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครลำปางจัดพิธีสำเร็จการศึกษาหลักสูตรพยาบาลบัณฑิต รุ่น 33

เช้าวันที่ (14 มี.ค.57)  ห้องฝ้ายคำ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครลำปาง นายฤทธิพงษ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธีสำเร็จการศึกษาหลักสูตรพยาบาลบัณฑิต รุ่น 33และอำลาสถาบัน พร้อมมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ในรุ่นนี้ จำนวน 73 คน ก่อนที่จะเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรของประทรวงสาธารณสุขต่อไป บรรยากาศเป็นไปด้วยความปราบปลื้มปิติ ยินดี มีผู้ปกครอง และญาติพี่น้องของผู้ที่สำเร็จการศึกษาครั้งนี้ มาร่วมให้กำลังใจ และนำของขวัญและช่อดอกไม้ มามอบให้กับพยาบาลใหม่ในโอกาสเดียวกันนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้มอบรางวัลแก่ผู้สำเร็จการศึกษาที่มีผลการเรียนดี และกิจกรรมเด่น จำนวน 10 รางวัล อาทิ รางวัลเหรียญทองและรางวัลมูลนิธิหม่อมเจ้าบุญจิราธร รางวัลนักศึกษาพยาบาลดีเด่นของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย รางวัลความรู้ความสามารถทางการพยาบาลเครือข่ายภาคเหนือขั้นรวบยอด คะแนนสูงสุด

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครลำปาง เป็นสถาบันการศึกษา ระดับอุดมศึกษาสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานประกันคุณภาพการศึกษาจากสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา มีหน้าที่หลักในการผลิตบุคลากรด้านสาธารณสุข เพื่อสนองความต้องการด้านบริการสุขภาพอนามัยแก่ประชาชยในสังคม



ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง นำช้าง 45 เชือก ทำบุญตักบาตร เนื่องใน "วันช้างไทย" ประจำปี 2557 ร่วมอุทิศส่วนกุศลแก่ช้างและควาญช้างที่เสียชีวิต

สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จังหวัดลำปาง หรือ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลำปาง จัดกิจกรรม "วันช้างไทย สานสายใย คนรักช้าง" ประจำปี 2557 นำช้างที่อยู่ในความดูแล ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่ บริเวณพื้นที่รอบบ่อกักเก็บน้ำ ด้านหน้าโรงเรียนฝึกช้างและควาญช้าง ของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มีนายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายภาสกร มีวาสนา ผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จังหวัดลำปาง ร่วมเป็นประธานพิธี นำหัวหน้าส่วนราชการทั้งในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ พร้อม ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจากพื้นที่ตำบลต่างๆ ในอำเภอห้างฉัตร ร่วมกับช้าง ที่อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจังหวัดลำปาง จำนวน 45 เชือก ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตรร่วมกัน

การจัดงานพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องใน “วันช้างไทย” ถือเป็นงานกิจกรรมประเพณีที่จัดทำขึ้นเพื่อช้างไทย ซึ่งทางสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ ได้จัดให้มีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และได้นำควาญช้าง พร้อมกับช้างที่อยู่ในความดูแลมาเข้าร่วมประกอบพิธีทางศาสนาร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตทั้งควาญช้างและช้าง โดยในพิธีมีพระภิกษุสงฆ์ 9 รูป ได้นำประชาชนผู้ที่มาร่วมงาน และช้างที่อยู่ในบริเวณพิธีทั้งหมด ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญทักษิณานุปทาน สวดบังสุกุล อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่ หมอช้าง ควาญช้าง และช้างที่ล่วงลับไปแล้ว และในโอกาสเดียวกันนี้ควาญช้างและช้าง ทั้ง 45 เชือก ยังได้นำข้าวสารอาหารแห้ง ซึ่งบรรจุอยู่ในชะลอมไม้ไผ่ เข้าร่วมทำบุญ ใส่ลงในบาตรยักษ์ ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระสงฆ์ ทั้ง 9 รูป ยืนร่วมรับบิณฑบาต

ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าว เป็นกิจกรรมที่ได้นำเอาช้างและคน มาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อต้องการให้ทุกคนในสังคม ได้เกิดความตระหนัก เห็นถึงความสำคัญของช้าง และเกิดจิตสำนึกที่จะปกป้องดูแลอนุรักษ์ รักษาช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ ให้คงอยู่สืบไป อีกทั้งยังเป็นการรณรงค์ช่วยเหลือช้างเลี้ยง ให้อยู่คู่กับสังคมมนุษย์ได้โดยมีสวัสดิภาพ มีแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร ที่อุดมสมบูรณ์ และปลอดภัย
ดูคลิป http://youtu.be/4_S-righFQk



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดพิษณุโลก จัดงานรณรงค์งดเผาฟาง สร้างดินยั่งยืนฟื้นสิ่งแวดล้อม ที่อำเภอวัดโบสถ์

สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดพิษณุโลก จัดงานรณรงค์งดเผาฟาง สร้างดินยั่งยืนฟื้นสิ่งแวดล้อม ที่อำเภอวัดโบสถ์ เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้าน งดเผาตอซังข้าว ด้วยการหันมาใช้วิธีไถกลบ ฉีดน้ำหมักชีวภาพช่วยย่อยสลาย และหว่านพืชบำรุงดิน นอกจากทำให้ดินดี ลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยลดภาวะโลกร้อน

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่บริเวณแปลงนาสาธิต หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ไถกลบตอซัง งดเผา สร้างดินยั่งยืนฟื้นสิ่งแวดล้อม ซึ่งงานดังกล่าวสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดพิษณุโลกร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอวัดโบสถ์และเกษตรกรของอำเภอวัดโบสถ์ จัดขึ้นเพื่อรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้เกษตรกรตระหนักถึงพิษภัยของภาวะโลกร้อน ที่กำลังประสบอยู่ในทุกวันนี้ จากสภาวะอากาศร้อนรุนแรงที่เพิ่มขึ้นทุกปี และหันมาช่วยกันลดการก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน จากการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในอาชีพทำการเกษตร ซึ่งที่ผ่านมายังมีเกษตรกรจำนวนไม่น้อย ใช้วิธีการเผาตอซังข้าว ซึ่งการเผาแต่ละครั้ง ส่งผลให้ดินสูญเสียโครงสร้างที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช ทำลายสิ่งมีชีวิตและอินทรียวัตถุในดิน จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินถูกทำลาย ทำให้โครงสร้างของดินจับตัวแน่น แข็งกระด้าง ทำให้สูญเสีย ธาตุอาหารพืชและน้ำในดิน การเผาตอซังยังปล่อยก๊าซพิษสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้ ในทางกลับกันการไถกลบตอซังจะช่วยให้ดินมีโครงสร้างที่เหมาะสม เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน เพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องนี้ จึงจัดกิจกรรมขึ้น เน้นรูปแบบให้เกษตรกรได้ ลงมือทำในแปลงสาธิต ตั้งแต่การฉีดพ่น น้ำหมักชีวภาพจากสารเร่งซูเปอร์ พด.2 การหว่านเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด ปรับปรุงดิน และการไถกลบตอซังข้าว ซึ่งในการรณรงค์ในครั้งนี้มีเกษตรกรของอำเภอวัดโบสถ์ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะอนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อฟื้นฟูประเพณีอันดีงามให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม

เมื่อเวลา 10.00 น . วันที่ 14 มีนาคม 2557 ที่ห้องประชุมพระพุทธชินสีห์  ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดการประชุมคณะอนุกรรมการการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อระดมความคิด จากหลายภาคส่วน  กำหนดยุทธศาสตร์ในการดำเนินการ ให้จังหวัดพิษณุโลก ที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่น  และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น   มาพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัย และส่งเสริมให้เยาวชน รู้ตระหนักคุณค่า ห่วงแหนภูมิใจในความเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ เมืองสองแคว

ด้านนายอมร กิตติกวางทอง วัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า การประชุมคณะอนุกรรมการการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ทักษะในการผลิตหนังสั้นที่สร้างสรรค์แก่เด็กและเยาวชน  ให้มีส่วนร่วมพัฒนาสังคมโดยการสะท้อนแนวคิดมุมมอง   และความคิดเห็นในหลายประเด็น   ซึ่งมีการสืบค้น คัดสรร รากวัฒนธรรมของจังหวัดพิษณุโลก   จัดทำเป็นองค์ความรู้   เพื่อฟื้นฟูประเพณีอันดีงามให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้ร่วมกันรักษา   สร้างความตระหนักและปลูกจิตสำนึกของชาวพิษณุโลก             ให้เกิดความรักหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรม   ผ่านสื่อหนังสั้น   เผยแพร่ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี      เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลกต่อไป

อบจ.พิษณุโลก ตั้งศูนย์ช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง รับเรื่องร้องขอความช่วยเหลือในขณะที่ผ่านมานำรถน้ำออกแจกจ่ายพร้อมนำเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่อง

อบจ.พิษณุโลก ตั้งศูนย์ช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง รับเรื่องร้องขอความช่วยเหลือในขณะที่ผ่านมานำรถน้ำออกแจกจ่ายพร้อมนำเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่อง

เช้าวันที่ ( 14 มี.ค.57 ) ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก นำโดยนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้ส่งรถน้ำจำนวน 2 คัน บรรทุกน้ำกว่า 10,000 ลิตร ไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่หมู่ 1 บ้านหนองปรือ ตำบลบ้านกลาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 40 ครัวเรือนจาก 400 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและมีแนวโน้มว่าจะมีหลายครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น เนื่องจากระบบประปาหมู่บ้านที่สูบน้ำบาดาลในพื้นที่มาใช้ ปรากฏว่าไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาได้หรือสูบได้น้อยทำให้น้ำที่นำมาทำน้ำประปาไม่เพียงพอส่งผลกับประชาชน ทั้งเนื่องเนื่องจากอากาศที่ร้อนแห้งแล้งจัดทำให้น้ำบาดาลแห้ง ด้านนายมนต์ชัย วิวัฒธนาตย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า สำหรับปัญหาภัยแล้งเป็นปัญหาที่ประชาชนในหลายพื้นที่ของจังหวัดพิษณุโลกกำลังได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกจึงได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งขึ้น ในช่วงที่ผ่านมาทาง อบจ.พิษณุโลก ได้จัดส่งรถน้ำบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งที่ อำเภอบางระกำ อำเภอเมืองพิษณุโลก และ อำเภอวังทอง นอกจากนี้มีแผนเตรียมรถแจกน้ำ และถังเก็บน้ำ 2 หมื่นลิตร ตั้งในพื้นที่ประสบภัย 20 แห่ง ในเรื่องการช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรมทาง อบจ.พิษณุโลก ก็ได้เตรียมเครื่องสูบน้ำให้คอยช่วยเหลือประชาชนด้วย ซึ่งประชาชนที่เดือดร้อนในเรื่องภัยแล้งสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนมาได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก

ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกแถลงข่าวเตรียมจัดการแข่งขันยิงปืน“สองแควชู๊ตติ้ง” ครั้งที่ 1 หารายซื้ออุปกรณ์ป้องกันอาชญากรรม

เช้าวันที่ ( 14 มี.ค.57 ) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพลบูลย์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.พิษณุโลก ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการแข่งขันยิงปืน "สองแควชู๊ตติ้ง” ครั้งที่ 1 การจัดการแข็งขันดังกล่าว สืบเนื่องมาจากคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก(กต.ตร) ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ได้ประชุมหารือถึงแนวทางการป้องกันปัญหาการก่ออาญากรรมโดยใช้อาวุธปืนภายในจังหวัดพิษณุโลกซึ่งซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากกรณีดังกล่าวจึงได้ทำการจัดโครงการอบรมการยิงปืนและการแข่งขึ้นยิงปืน ขึ้นโดยกลุ่มเป้าหมายเลือกที่จะเชิญผู้ประกอบการร้ายค้าทอง ร้านสะดวกซื้อ ร่วมถึงประชนทั่วไป เพื่อเป็นการฝึกทักษะเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนให้ถูกต้องเพื่อเป็นการป้องกันทรัพย์สินของตนเอง พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพลบูลย์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าว ได้มีการเปิดรับสมัครสำหรับผู้ที่สนใจทั่วไป ที่จะเข้าแข่งขันการยิงปืน โดยจะมีการแข่งขันแจกถ้วยรางวัลของนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่ารากชารจังหวัดพิษณุโลก แบ่งเป็น ประเภท มือใหม่ ระยะ 10 เมตร จำนวน 10 รางวัล ประเภท ทั่วไป Lady ระยะ 10 เมตร 5 รางวัล ประเภททั่วไป ระยะ 10 เมตร 10 รางวัล ประเภททั่วไป ระยะ 15 เมตร 5 รางวัล ประเภทมือโปร ระยะ 15 เมตร 5 รางวัล ประเภททั่วไป ระยะ 25 เมตร 5 รางวัล และประเภท มือโปร ระยะ 25 เมตร 5 รางวัล สำหรับรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทางตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก จะนำไปซื้ออุปกรณ์การดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบและเป็นสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด โดยจะจัดการแข่งขันขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 มีนาคม 2557 ณ สนามยิงปืน ค่าสมเด็จพระเอกาทศรถ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/สองแควชู๊ติ้ง

โครงการส่งเสริมการผลิตและกระจายพันธุ์พืชเศรษฐกิจ และกิจกรรมพัฒนากระบวนการส่งเสริมการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิต

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2557 ที่ห้องลิไท โรงแรมเพชร อำเภอเมืองกำแพงเพชร สำนักงานเกษตร จังหวัดกำแพงเพชรโดยนายสมจิตร ธุระบุญชัยกุล เกษตรจังหวัดกำแพงเพชร จัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการผลิตและกระจายพันธุ์พืชเศรษฐกิจปี 2557 และกิจกรรมพัฒนากระบวนการส่งเสริมการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิต เพื่อพัฒนากระบวนการส่งเสริมการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิตพืชเศรษฐกิจของจังหวัดกำแพงเพชร (ข้าว) โดยมีผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 80 คน ประกอบไปด้วย เกษตรอำเภอทุกอำเภอ เจ้าหน้าที่และนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรประจำอำเภอและนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรในระดับจังหวัดทุกคน กิจกรรมและเนื้อหา ชี้แจงและสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้การดำเนินงานส่งเสริมการผลิตและการกระจายพันธุ์พืชเศรษฐกิจ กิจกรรมพัฒนากระบวนการส่งเสริมการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิตพืชเศรษฐกิจของจังหวัดกำแพงเพชร (ข้าว) ปี 2557 เป็นการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้กระบวนการลดต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ในระดับอำเภอ รวมถึงการวางแผนปฏิบัติการการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกิจกรรมพัฒนากระบวนการส่งเสริมการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิตพืชเศรษฐกิจของจังหวัดกำแพงเพชร (ข้าว) ของแต่ละอำเภอในจังหวัดกำแพงเพชร



นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดโครงการการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2557 ที่ห้องเยาวมาลย์ โรงแรมชากังราวริเวอร์วิว อำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ร่วมกับผู้สมัคร สว.และผู้สนับสนุน จัดทำโครงการการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เพื่อสร้างความเข้าใจให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้สนับสนุน ผู้สมัคร และผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง มีความรู้ ความเข้าใจในกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งระดับชาติ สร้างความเข้าใจให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง เพื่อให้ผู้สมัครยอมรับในเรื่องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และการรู้รักสามัคคี เพื่อรักษาความเป็นมิตรเป็นเพื่อนบ้านและความเป็นญาติพี่น้องในท้องถิ่น ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง เพื่อให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการเลือกตั้งได้ทราบบทบาทอำนาจหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกำแพงเพชร การดำเนินโครงการการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ.2557

โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ประธานคณะอนุกรรมการประจำเขตเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกำแพงเพชรทุกอำเภอ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจังหวัดกำแพงเพชร ผู้สมัครรับเลือกตั้ง พนักงาน เจ้าหน้าที่ กกต.ทุกคน โดยมุ่งหวังจะสร้างจิตสำนึกที่ดีของผู้สมัคร ไม่ให้กระทำผิดกฎหมายและสร้างความรัก ความสามัคคี ของผู้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทุกฝ่าย ให้เป็นไปในแนวทางสร้างสรรค์และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นโดยตรง ซึ่งกระบวนการสร้างความสมานฉันท์จะสัมฤทธิ์ผลได้ จะต้องอาศัยองค์ประกอบที่สำคัญ คือ (๑) ภาคประชาชน ได้แก่ประชาชนทุกคนในเขตจังหวัดกำแพงเพชร ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้สนับสนุนผู้สมัคร หากบุคคลเหล่านี้มีทัศนคติที่ดีต่อการเลือกตั้ง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี ปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ จะระงับลงทันที และ (๒) เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องไม่เป็นผู้สร้างเงื่อนไขในการดำเนินการสมานฉันท์ให้เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ควรจะเป็นกลไก ที่สนับสนุนและส่งเสริมให้กระบวนการสร้างความสมานฉันท์เป็นไปด้วยความราบรื่น การสร้างความสมานฉันท์ในการเลือกตั้ง จะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่สำคัญของการเมืองไทย การเมืองในเชิงสมานฉันท์ จึงเป็นการเมืองของทุกคน โดยทุกคนและเพื่อทุกคน แม้ผู้สมัครจะต้องแข่งขันกันด้วยความดี คุณธรรม ความรู้สึกรับผิดชอบ ที่สำคัญแข่งขันกันด้วยน้ำใจนักกีฬา เคารพในกติกา ความถูกต้อง เคารพในประชาชนผู้มอบอำนาจอธิปไตย ในที่สุดไม่ว่าใครจะได้โอกาสเข้าไปบริหาร ก็จะทำให้ประชาชนได้นักการเมืองที่มีจิตสาธารณะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเข้าไปบริหาร หรือทำหน้าที่ตรวจสอบให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนท้องถิ่นต่อไป



นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว

จังหวัดอุตรดิตถ์จัดมหกรรมแก้จนคนอุตรดิตถ์ สร้างคน สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน เน้นพัฒนาและส่งเสริมให้ประชาชนสามารถหารายได้เสริมช่วยจุนเจือครอบครัว

จังหวัดอุตรดิตถ์จัดมหกรรมแก้จนคนอุตรดิตถ์ สร้างคน สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน เน้นพัฒนาและส่งเสริมให้ประชาชนสามารถหารายได้เสริมช่วยจุนเจือครอบครัว ที่ศาลาประชาคมจังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้นำกลุ่มอาชีพที่พัฒนาตนเองจนสามารถประสบผลสำเร็จ มาขยายผลองค์ความรู้สู่กลุ่มชุมชน ให้เข้าร่วมฝึกทักษะตามความสนใจไปประกอบอาชีพต่อยอดได้ ใน”มหกรรมแก้จนคนอุตรดิตถ์ สร้างคน สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน” ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่าสองพันคน ทั้งนี้นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการได้เป็นประธานในพิธีเปิด ภายในงานมีกิจกรรมสาธิตและฝึกทักษะในเบื้องต้น เช่น การแปรรูปอาหาร เครื่องจักรสาน ตลอดจนมีการแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดมากมาย พร้อมกันนี้นอกจากจะได้ความรู้แล้วยังมีของแจกมากมาย



ข่าว/ทีมข่าว ส.ปชส.อุตรดดิตถ์

เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เปิดให้บริการคลีนิกพิเศษ ด้านสาธารณสุขและอนามัยอย่างมีคุณภาพ

นายสำราญ เอื้อจิรวาณิชย์ นายกเทศมนตรีเมืองอุตรดิตถ์ เปิดเยว่า เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ กำหนดเปิดให้มีบริการคลีนิกพิเศษ เพื่อให้บริการประชาชนในเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ได้รับบริการด้านสาธารณสุขและอนามัยอย่างมีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง เปิดให้บริการคลินิกพิเศษดังกล่าว ณ ศูนย์บริการสาธารณสุข กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ได้แก่ วันอังคาร ให้บริการวางแผนครอบครัว ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ – ๑๕.๐๐ น. วันพุธ ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป โดยแพทย์จากโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ และรับฝากครรภ์ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๑.๓๐ น.วันพฤหัสบดี บริการตรวจมะเร็งปากมดลูก เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๔.๓๐ น. นองจากนี้ในวันพุธที่ ๒ ของเดือน เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๑.๓๐ น. ให้คำปรึกษาเรื่องยา โดยเภสัชกรจากโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ และวันพฤหัสบดีที่ ๒ ของเดือน เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๑.๓๐ น. ให้บริการฉีดวัคซีนเด็ก เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปที่มีความประสงค์จะรับบริการของคลีนิคพิเศษดังกล่าว สามารถขอรับบริการได้ตามวัน เวลาที่กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐ ๕๕๔๑ ๑๐๙๒ และ ๐ ๕๕๔๑ ๑๒๑๒ ต่อ ๑๔๖ ในวันและเวลาราชการ



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง

จังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุมเตรียมงานโครงการ To be Number One

นายวีระชัย ภู่เพียงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานการประชุมเตรียมงานโครงการ To be Number One เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมจัดงานมหกรรมรวมพล To be Number One จังหวัดอุตรดิตถ์ ครั้งที่ ๒ ประจำปี ๒๕๕๗ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ (วันต่อต้านยาเสพติดโลก) ทั้งยังเป็นการสร้างกระแสและรณรงค์การดำเนินงานโครงการ To be Number One ที่เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง กำหนดจัดการประกวดชมรม To be Number One ทั้งหมด ๕ ประเภท คือ ประเภทสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ระดับมัธยมศึกษา) ประเภทสถานศึกษาระดับอาวชีวศึกษา-อุดมศึกษา ประเภทชุมชน ประเภทสถานประกอบการขนาดเล็ก-กลาง และประเภทโรงเรียนขยายโอกาส การประกวดเยาวชนต้นแบบเก่งและดี To be Number One (To be Number One Idol)ประเภทชายและหญิง และการประกวดแข่งขัน To be Number One Dancercise ทั้งหมด ๓ รุ่น คือ รุ่น Junior อายุระหว่าง ๖–๙ ปี รุ่น Pre-Teenage อายุระหว่าง ๑๐ – ๑๔ ปี และรุ่น Teenage อายุระหว่าง ๑๕ – ๒๑ ปี เตรียมความพร้อมเป็นตัวแทนภาคเหนือ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณสนับสนุนกิจกรรม จากองค์กาบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ มีคณะทำงานหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเตรียมงานอย่างพร้อมเพรียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า จังหวัดอุตรดิตถ์มีความมุ่งมั่นในอันที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานของ To be Number One ให้เข้มแข็งขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษา ชุมชน สถานประกอบการ เป็นการสืบทอดงานรุ่นต่อรุ่นของแต่ละชมรม พร้อมยังจะให้มีการส่งเสริมให้มีหลักสูตร To be Number One/หลักสูตรการพัฒนาบุคลิกภาพ To be Number One ในสถานศึกษาเพื่อให้รู้ถึงความสำคัญของ To be Number One ตลอดจนมาทำกิจกรรมแล้วมีความสุข สบายใจ มีความเป็นอัตลักษณ์ของชมรม ให้สามารถก้าวไปสู่ในระดับที่สูงขึ้นต่อไป ซึ่งต้องมีปัจจัยความสำเร็จหลายด้านประกอบกัน ทั้งนี้จะมีการประชุมคณะทำงานฯเป็นระยะ ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งจังหวัด /ชมรม To be Number One เข้าประกวดระดับประเทศ ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ อิมแพค เมืองทองธานี กำหนดให้แต่ละคณะ จำนวน ๖ ทีม (จังหวัดอุตรดิตถ์ โรงเรียนอุตรดิตถ์ โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์ อบต.น้ำอ่าง อ.ตรอน และ บ.ศรีพงษ์กรุ๊ป มาร์เก็ตติ้ง จำกัด) นำเสนอการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ผลงาน วิธีการนำเสนอ การจัดบูธนิทรรศการ งบประมาณ ที่พัก และยานพาหนะ นำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง

สหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างและพัฒนาการเรียนรู้และทักษะการสหกรณ์สู่วิถีชีวิตประชาชนในชาติ

สหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างและพัฒนาการเรียนรู้และทักษะการสหกรณ์สู่วิถีชีวิตประชาชนในชาติ ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์

นายอมรศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้อำนวยการสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต ๒ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างและพัฒนาการเรียนรู้และทักษะการสหกรณ์สู่วิถีชีวิตประชาชนในชาติ เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันในการขับเคลื่อนงานด้านสหกรณ์ให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างและผลักดันการจัดการเรียนรู้และทักษะการสหกรณ์สู่วิถีชีวิตประชาชนนอกระบบการศึกษา โครงการยกระดับการเรียนรู้การสหกรณ์แก่สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร กำหนดการเรียนรู้การสหกรณ์เข้าสู่ระบบการศึกษา ตามโครงการครูผู้สอนและรับผิดชอบเรื่องการสหกรณ์ในสถานศึกษา เพื่อให้ครูรับผิดชอบการเรียนการสอน การทำกิจกรรมพัฒนาทักษะด้านสหกรณ์ในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยมีวิทยากรเครือข่ายช่วยเสริมและสนับสนุน เป้าหมายจำนวน ๑๒๐ คน ซึ่งจะกำหนดช่วงเวลาการอบรมประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการพิจารณาถึงกิจกรรมการประกวดเรียงความเพื่อส่งเสริมการออมฯ กิจกรรมโครงการวันสหกรณ์นักเรียนระดับจังหวัด (๗ มิถุนายน ของทุกปี) เป็นการสร้างและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้สหกรณ์เพื่อความยั่งยืนในการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ระดับจังหวัดต่อไป


ข่าว/สุรีย์ แสงทอง

หน่วยงานกระทรวงแรงงานในจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมจัดโครงการกระทรวงแรงงานพบประชาชน เพื่อประชาสัมพันธ์ภารกิจของกระทรวงแรงงาน ให้ทราบความต้องการของผู้ใช้แรงงาน

หน่วยงานกระทรวงแรงงานในจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมจัดโครงการกระทรวงแรงงานพบประชาชน เพื่อประชาสัมพันธ์ภารกิจของกระทรวงแรงงาน ให้ทราบความต้องการของผู้ใช้แรงงาน

นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการกระทรวงแรงงานพบประชาชน จังหวัดอุตรดิตถ์ ฉลอง ๑๐๐ ปีเมืองอุตรดิตถ์    ณ บริเวณด้านหน้าอาคารพลาซ่า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างเวลา ๑๕.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ของวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเครือข่ายอาสาสมัครแรงงานในจังหวัดอุตรดิตถ์ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนผู้สนใจร่วมงานจำนวนมาก ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ กิจกรรมการนัดพบแรงงาน กิจกรรมทดสอบความพร้อมด้านอาชีพ การส่งเสริมการไปทำงานต่างประเทศ ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประสบความเดือดร้อนด้านแรงงาน เล่นเกมส์ ตอบปัญหาชิงรางวัลจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้แก่ สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานประกันสังคม และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด

รวมทั้งกิจกรรมการสาธิตและฝึกอาชีพ เช่น สาขาอาชีพการวาดภาพเหมือน การทำผ้าด้นมือ การประดิษฐ์งานเดคูพาจ การเขียนลายเบญจรงค์ การร้อยลูกปัด งานถักโครเชต์ การทำดอกไม้จิ๋วจากดินไทย การสกรีนเสื้อยืด การทำข้าวพันผัก การทำเครื่องดื่มชา/กาแฟ การทำขนมจีบ-ซาลาเปา การทำไอศกรีม การทำชูชิหน้าต่าง ๆ การทำลูกชุบ การทำก๋วยเตี๋ยวผัดไทย การทำน้ำดื่มสมุนไพร การทำผลไม้ชุบซ็อคโกแลต การทำขนมเครป เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจร่างกายเบื้องต้นให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ บริการตรวจวัดสายตาและให้คำปรึกษา บริการนวดแผนไทย บริการตรวจเช็ครถจักรยานยนต์พร้อมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องฟรีเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้รับบริการด้านแรงงานอย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น สำหรับโครงการกระทรวงแรงงานพบประชาชน จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดขึ้นสอดคล้องตามภารกิจของกระทรวงแรงงานที่ต้องให้บริการประชาชนที่ประสบปัญหาด้านอาชีพ รวมทั้งการเพิ่ม-ขยายโอกาสการมีงานทำ การเพิ่มศักยภาพและพัฒนาฝีมือแรงงาน การสร้างคุณภาพชีวิตและความมั่นคงในการทำงาน การให้บริการแก่ประชาชนของกระทรวงแรงงานเนื่องจากยังมีบางส่วนที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการ มีปัญหาด้านการมีงานทำ การพัฒนาฝีมือแรงงาน ขาดการเข้าถึงข่าวสารงานบริการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ดังนั้นกระทรวงแรงงานจึงมีนโยบายให้จังหวัดในส่วนภูมิภาค โดยบูรณาการภารกิจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมโครงการกระทรวงแรงงานพบประชาชนขึ้นดังกล่าว


ข่าว/สุรีย์ แสงทอง

ธ.ก.ส.จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดโครงการ “รวมน้ำใจช่วยเหลือชาวนา” สมทบเงินเข้ากองทุนช่วยชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว

ธ.ก.ส.จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดโครงการ "รวมน้ำใจช่วยเหลือชาวนา” สมทบเงินเข้ากองทุนช่วยชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว

เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๑๑ มี.ค.๕๗   ณ  บริเวณด้านหน้าสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดอุตรดิตถ์ นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ"กองทุนช่วยเหลือชาวนา” เพื่อ เชิญชวนชาวอุตรดิตถ์ ร่วมสมทบเงินในการช่วยเหลือเกษตรกร และบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร หลังจากที่นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ในปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ แต่ยังไม่ได้รับเงินค่าข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งรัฐบาลได้จัดหาเงินมาจ่ายแล้ว จำนวน ๕๗๘,๔๔๐ ราย รวมเป็นเงิน ๗๑,๕๐๐ ล้านบาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากข้อมูลที่ ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ มีใบประทวนค้างจ่ายอยู่ประมาณ ๑๑๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับจังหวัดอุตรดิตถ์ได้จ่ายเงินให้กับเกษตรกรแล้ว ๘,๘๐๐ ราย ปริมาณข้าว ๙๐,๕๗๐ ตัน เป็นเงิน๑,๓๔๑ ล้านบาท คงเหลือประมาณข้าวประมาณ ๒๒๒,๐๐๐ ตัน คิดเป็นมูลค่า ๓,๓๐๐ ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ขออนุมัติงบกลางจาก กกต. ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติแล้วและอยู่ในขั้นตอนที่สำนักงบประมาณดำเนินการโอนเงินให้กระทรวงการคลังจัดส่งให้ ธ.ก.ส.จัดสรรให้ชาวนาแต่ละจังหวัดในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้คณะกรรมการบริหารของ ธ.ก.ส.

ซึ่งมีนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เป็นประธาน ได้คิดและร่วมกันจัดทำโครงการ"กองทุนช่วยเหลือชาวนา”ขึ้น ซึ่งทาง ธ.ก.ส.จึงมีนโยบายในการช่วยเหลือชาวนา โดยการเชิญชวนประชาชนร่วมสมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนา”ทำได้ ๓ รูปแบบ คือ ๑. บริจาคเงินเข้ากองทุนบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ ๐๒๐๐๓๓๔๗๗๕๘๒ ธ.ก.ส.สาขาบางเขน ๒. สมทบเงินเข้ากองทุนชนิดคืนต้นเงิน ไม่มีผลตอบแทน ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ บาทขึ้นไป และ ๓. สมทบเงินเข้ากองทุนชนิดคืนต้นเงิน และมีผลตอบแทน ในอัตราร้อยละ ๐.๖๓ ต่อปี ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ บาท ขึ้นไป โดยในส่วนของจังหวัดอุตรดิตถ์ วันนี้มีนางอัมพร ปรั่งเปรื่อง มารดาของ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานบอร์ด ธ.ก.ส. ได้นำเงินสมทบเข้ากองทุน ๑ ล้านบาท รวมทั้งนายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้นำเงินส่วนตัวร่วมสมทบเข้ากองทุนจำนวน ๑ แสนบาท ตลอดจนนายอำเภอ หน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการโรงสีข้าว บริษัทห้างร้านและเอกชน ร่วมสมทบเข้ากองทุนในครั้งนี้ มียอดเงินจากการบริจาค ในวันนี้ ๑๓,๐๔๕,๐๐๐ บาท โดยมีนายวีระชัย ภู่เพียงใจ, นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ทั้งสองท่าน นายสมบูรณ์ นาคบัว ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. ทุกแห่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ และประชาชนในจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโครงการ ในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้ปล่อยขบวนรถประชาสัมพันธ์เชิญชวนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมนำเงินมาสมทบเข้ากองทุน โดยสามารถร่วมบริจาคหรือสมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนาได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ สำหรับท่านที่สมทบเงินเข้ากองทุนแบบคืนต้นเงินก็จะได้รับคืนเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร ๐ ๒๕๕๕ ๐๕๕๕



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง 

บริษัท ดีอุดมคอร์เปอร์เรชั่น มอบเงินบริจาคจำนวน ๑ ล้านบาท เพื่อสร้างห้องตรวจสวนหัวใจ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์

บริษัท ดีอุดมคอร์เปอร์เรชั่น มอบเงินบริจาคจำนวน ๑ ล้านบาท เพื่อสร้างห้องตรวจสวนหัวใจ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์

วันที่ ๗ มี.ค.๕๗ ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ นายสุเทพ จางจำรัส พร้อมด้วย นางมนัสรา จางจำรัส บริษัท ดีอุดม คอร์เปอร์เรชั่น เข้าพบ นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ มอบเงินบริจาคจำนวน ๑ ล้านบาท เพื่อสร้างห้องตรวจสวนหัวใจ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ในโอกาสนี้มีคณะแพทย์ พยาบาลจากโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ร่วมในการรับมอบเงินดังกล่าว นอกจากนี้ยัง มอบโฉนดที่สำหรับถนนผังเมือง ก3 เนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่ ๒ งาน ๖๕ ตารางวา มูลค่าที่ดินประมาณ ๒๓ ล้านบาท ให้กับเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ มีนายสำราญ เอื้อจิรวาณิชย์ นายกเทศมนตรีเมืองอุตรดิตถ์ เป็นผู้รับมอบโฉนดที่ดินดังกล่าว



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง

กอ.รมน.ภาค ๓ เชิญ ผอ.รมน.จังหวัด ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประชุมหารือกำหนดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ และชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้มีการขยายความรุนแรง

กอ.รมน.ภาค ๓ เชิญ ผอ.รมน.จังหวัด ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประชุมหารือกำหนดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ และชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้มีการขยายความรุนแรง

พ.อ.บุญประสิทธิ์ มีสอาด รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ (ฝ่ายทหาร) เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมประชุมหารือกำหนดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบฯ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๓ (กอ.รมน.ภาค ๓) ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ ๓/ ผอ.รมน.ภาค ๓ เป็นประธาน โดยได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด (ผอ.รมน. จังหวัด) พร้อม รอง ผอ.รมน.ฝ่ายทหาร ในพื้นที่ ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมหารือกำหนดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมคชรัตน์ ๑ บก.ทบ.๓ จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่มีกลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้นในพื้นที่ กทม. และพื้นที่บางจังหวัดภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นมา และมีแนวโน้มขยายความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในในด้านต่าง ๆ ซึ่งก็ได้มีการชี้แจงการดำเนินการปฏิบัติตามแผน/นโยบายของผู้บังคับบัญชา ตามแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ./รอง ผอ.รมน. ได้ชี้จุดยืนของกองทัพบก ต่อสถานการณ์ทางการเมืองผ่าน สถานีวิทยุโทรทัศน์กกองทัพบกช่อง ๕ (ททบ.๕) เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ว่า " ๑. ทบ. พยายามหารือไปยังนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) และทุกกลุ่มผู้ชุมนุมในการจะร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงหาตัวผู้กระทำความผิดใช้อาวุธสงครามอย่างอุกอาจ ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

โดยถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐและเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ทุกภาคส่วนที่ต้องพิสูจน์ทราบ เพื่อดำเนินการป้องกันปราบปรามตามกระบวนการทางกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากยังคงมีอยู่นับวันสถานการณ์ จะมีความรุนแรงมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุม หรือยุติได้และจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อประเทศอย่างมหาศาลในโอกาสต่อไป ๒. กองทัพไม่กลัวการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่เกรงว่าจะเกิดความบาดเจ็บสูญเสียของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังมีหลายพวกหลายฝ่ายไม่เข้าใจและยังต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ๓. การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทหาร และข้าราชการในปัจจุบันไม่ได้หมายความว่า จะสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งหมดเป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ๔. การใช้อาวุธต่อผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใดถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย ที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่และรัฐบาลจำเป็นจะต้องยุติให้ได้โดยเร็ว โดยการจับกุมดำเนินคดีให้ได้ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ๕. ขอร้องให้ทุกกลุ่มของผู้ชุมนุม ไม่ให้บุกรุกยึดสถานที่ราชการ หรือใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ๖. ความขัดแย้งในปัจจุบันเกิดขึ้นในหลายระดับ ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนหลายกลุ่ม หากมีการใช้กำลังแก้ไขที่ปลายเหตุ ย่อมหมายความว่า กฎหมายและรัฐธรรมนูญ ที่มีอยู่ในปัจจุบันจะถูกยกเลิก ไม่ได้รับการยึดถืออีกต่อไป ๗. ขอให้กลับมาพิจารณาและมาตั้งสติว่า ปัญหาเหล่านี้จะยุติได้ด้วยวิธีการอันสงบหรือไม่ หากเรากระทำไปในลักษณะนั้น จะขยายความรุนแรงออกไปหรือไม่ ในเมื่อยังคงมีการปลุกระดมประชาชนทุกกลุ่ม ทุกพวก ในทุกวงการให้มาต่อสู้ซึ่งกันและกัน ๘. สิ่งที่กองทัพดำเนินการในเวลานี้ จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยการจัดกำลังออกมาดูแลประชาชนในพื้นที่ ที่มีการประกาศกฎหมายพิเศษ เป็นจำนวนมากตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๙. สิ่งที่น่ากระทำในเวลานี้ คือ ให้ทุกฝ่ายได้ทำงานตามความรับผิดชอบของตน อย่างเต็มสติกำลังอย่างครบถ้วนด้วยความเป็นธรรม อำนวยความยุติธรรมได้อย่างถูกต้อง และสมบูรณ์โดยไม่ถูกกดดันโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และหาทางลดความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว ๑๐. สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน คือ ให้ทุกพวกทุกกลุ่มมาพูดคุยหารือกัน เพื่อให้เชื่อได้ว่าจะได้รับความเป็นธรรม ความชอบธรรมอย่างเท่าเทียม และช่วยกันก้าวเดินนำพาไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบอย่างสันติวิธี การแก้ไขดังกล่าวต้องอาศัยประชาชนทั้งประเทศเรียกร้องให้เกิดขึ้น ๑๑. ทหารไม่ต้องการใช้กำลังและอาวุธมาต่อสู้กับคนไทยด้วยกัน ที่เห็นต่างโดยไม่จำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ยังมีกฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับใช้ หากมีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกต่อไป ประเทศชาติจะล่มสลายอย่างแน่นอน และจะไม่มีใครชนะหรือแพ้อีกต่อไป ๑๒. สิ่งที่เราคาดหวัง คือ อยากให้ทุกฝ่ายได้นำเงื่อนไขทั้งหมดมาชี้แจง พิสูจน์ทราบในข้อเท็จจริงให้ชัดเจนขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ความไม่เข้าใจ และขยายความขัดแย้งไปมากกว่านี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้วก็จะได้รับการยอมรับและจะได้หาทางแก้ปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยไม่ให้มวลชนออกมาต่อสู้กัน ซึ่งผลสุดท้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ สูญเสีย คือ ประชาชนและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนกฎหมาย ทุกฉบับจะถูกทำลายอย่างยับเยิน ๑๓. เหตุผลและความจำเป็นที่ ผบ.ทบ. ต้องออกมาชี้แจง ในวันนี้เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียกับคนไทยอีกต่อไป ทุกพวกทุกฝ่ายที่เป็นคนไทย ต้องออกมาร่วมกันแสวงหาทางออกให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกระบบในการขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยจะสูญเสียไปอย่างถาวร และ ๑๔. ประการสำคัญ คือ กองทัพถูกว่ากล่าวให้ร้าย ถูกดึงเข้าไปในความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งกองทัพพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด ขณะที่กองทัพกำลังรับผิดชอบงานด้านอื่นอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ผบ.ทบ.มุ่งหวังให้การแก้ปัญหาของประเทศชาติ ดำเนินการไปอย่างสันติวิธีและรวดเร็วและไม่สร้างความขัดแย้งอีกต่อไป” พ.อ.บุญประสิทธิ์ มีสอาด รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ ๓ ต้องการทราบข้อมูลของแต่ละจังหวัดว่าประชาชนมีความแตกแยกถึงขั้นรุนแรงหรือไม่ โดยในภาพรวมของภาคเหนือ จะมีกลุ่มแกนนำมวลชนที่เห็นต่างจากรัฐบาลออกมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาเคลื่อนไหวด้วย ซึ่งมีเพียงจังหวัดเชียงใหม่ที่มีการ ปะทะกัน จึงได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด รวมถึง รอง ผอ.รมน. (ฝ่ายทหาร) ได้เร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนอย่าให้เกิดการแตกแยกความสามัคคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรมีการชี้แจงแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อมีส่วนช่วยสนับสนุนในการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนด้วยอีกทางหนึ่ง โดยยึดหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ และไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ควบคุมสอดส่องไม่ให้มีการยั่วยุของสื่อฯ เพราะจะก่อให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้ให้ ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงความสงบสุขของประเทศชาติ เพราะพลังที่จะทำให้ประเทศไทยอยู่รอด ประชาชนอยู่ได้ คือ ประชาชนที่รักตัวเอง รักประเทศชาติ รักสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นั่นเอง



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง