วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

จอกแหนแพร่ระบาดบริเวณเหนือเขื่อนกิ่วลม ในรอบ 20 ปี แพท่องเที่ยวกระทบหนัก

ที่บริเวณเขื่อนกิ่วลม ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ทั่วพื้นผิวน้ำภายในเขื่อนได้เกิดมีจอกแหนแพร่ระบาดจำนวนมาก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเรือหางยาว และแพท่องเที่ยวที่จอดอยู่บริเวณแนวสันเขื่อน เนื่องจากไม่สามารถออกเดินเรือ หรือล่องแพได้ตามปกติ แม้ผู้ประกอบการชุมชนชาวแพกิ่วลม และเจ้าหน้าที่ประจำโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา จะได้ร่วมกันออกกำจัดจอกแหน ที่ลอยอยู่ตามบนผิวแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากจอกแหนได้แพร่จำนวนเร็วมาก จนเกินกำลังของชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่จะกำจัดไหว ทำให้ทุกวันนี้จอกแหนมีปริมาณเพิ่มมากยิ่งขึ้น และได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเรือและแพท่องเที่ยวในพื้นที่แล้ว

นายปั๋น มีครัว ผู้ประกอบการเรือและแพท่องเที่ยว และเป็นคณะกรรมการชุมชนชาวแพกิ่วลม ได้เผยว่า ตั้งแต่ปลายปี 2556 ช่วงเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ได้เริ่มมีจอกแหนลอยมาสะสมบริเวณสันเขื่อน และได้เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งแพร่กระจายไปทั่วพื้นผิวน้ำ จนขณะนี้ชาวแพและชาวบ้านที่มีเรือหางยาว หรือแพ ไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว สำหรับเดินทางข้ามฟากน้ำไปมา หรือล่องแพไปตามลำน้ำ เริ่มได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถเดินเรือ และนำแพเข้า-ออก จากท่าน้ำได้สะดวก เพราะจอกแหนจะติดใต้ท้องแพและที่ใบพัด ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงในการนำจอกแหนที่ติดอยู่ออก ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยว ต่างทนรอไม่ไหวและเดินทางกลับไปทันที และหากว่าก่อนถึงเดือนเมษายน นี้ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็จะส่งผลกระทบหนักต่อผู้ประกอบการอย่างแน่นอน เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยว จะเดินทางมาล่องแพกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงวอนขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน สำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นายปั๋นฯ ได้กล่าวว่า ตนเองเกิดและเติบโตที่นี่ ตั้งแต่เริ่มเปิดใช้งานเขื่อนกิ่วลมมา เมื่อประมาณปี 2532-2533 ได้เคยเกิดปัญหาผักตบชวา แพร่ระบาดอย่างหนัก ซึ่งคราวนั้นได้มีการปล่อยน้ำผลักดันผักตบชวาออกไป จนสถานการณ์คลี่คลาย และมาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นปัญหาในรอบ 20 ปี ที่ต้องมาประสบกับปัญหาลักษณะดังกล่าวอีกครั้ง แต่เป็นปัญหาของจอกแหนไม่ใช่ผักตบชวา

ด้านนายฤทัย พัชรานุรักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการเสนอของบประมาณเร่งด่วน ไปยังกรมชลประทาน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างรอรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนกลาง ในการจัดหาเรือกำจัดวัชพืชมาช่วยดำเนินการ เนื่องจากจอกแหนมีปริมาณจำนวนมาก ทั้งที่บริเวณสันเขื่อน และพื้นที่รอบๆ ขอบอ่างกักเก็บน้ำเหนือเขื่อน กินพื้นที่ประมาณ 900 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ร้อยละ 5 ของพื้นที่เขื่อนทั้งหมด 19,000 ไร่ สำหรับการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ในวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม นี้จะมีการเปิดประตูระบายน้ำเพื่อ ผลักดันจอกแหนเหล่านี้ออกไป ซึ่งก็น่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการได้บ้าง



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น