วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

กอ.รมน.ภาค ๓ เชิญ ผอ.รมน.จังหวัด ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประชุมหารือกำหนดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ และชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้มีการขยายความรุนแรง

กอ.รมน.ภาค ๓ เชิญ ผอ.รมน.จังหวัด ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประชุมหารือกำหนดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ และชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้มีการขยายความรุนแรง

พ.อ.บุญประสิทธิ์ มีสอาด รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ (ฝ่ายทหาร) เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมประชุมหารือกำหนดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบฯ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๓ (กอ.รมน.ภาค ๓) ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ ๓/ ผอ.รมน.ภาค ๓ เป็นประธาน โดยได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด (ผอ.รมน. จังหวัด) พร้อม รอง ผอ.รมน.ฝ่ายทหาร ในพื้นที่ ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมหารือกำหนดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมคชรัตน์ ๑ บก.ทบ.๓ จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่มีกลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้นในพื้นที่ กทม. และพื้นที่บางจังหวัดภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นมา และมีแนวโน้มขยายความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในในด้านต่าง ๆ ซึ่งก็ได้มีการชี้แจงการดำเนินการปฏิบัติตามแผน/นโยบายของผู้บังคับบัญชา ตามแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ./รอง ผอ.รมน. ได้ชี้จุดยืนของกองทัพบก ต่อสถานการณ์ทางการเมืองผ่าน สถานีวิทยุโทรทัศน์กกองทัพบกช่อง ๕ (ททบ.๕) เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ว่า " ๑. ทบ. พยายามหารือไปยังนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) และทุกกลุ่มผู้ชุมนุมในการจะร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงหาตัวผู้กระทำความผิดใช้อาวุธสงครามอย่างอุกอาจ ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

โดยถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐและเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ทุกภาคส่วนที่ต้องพิสูจน์ทราบ เพื่อดำเนินการป้องกันปราบปรามตามกระบวนการทางกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากยังคงมีอยู่นับวันสถานการณ์ จะมีความรุนแรงมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุม หรือยุติได้และจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อประเทศอย่างมหาศาลในโอกาสต่อไป ๒. กองทัพไม่กลัวการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่เกรงว่าจะเกิดความบาดเจ็บสูญเสียของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังมีหลายพวกหลายฝ่ายไม่เข้าใจและยังต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ๓. การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทหาร และข้าราชการในปัจจุบันไม่ได้หมายความว่า จะสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งหมดเป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ๔. การใช้อาวุธต่อผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใดถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย ที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่และรัฐบาลจำเป็นจะต้องยุติให้ได้โดยเร็ว โดยการจับกุมดำเนินคดีให้ได้ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ๕. ขอร้องให้ทุกกลุ่มของผู้ชุมนุม ไม่ให้บุกรุกยึดสถานที่ราชการ หรือใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ๖. ความขัดแย้งในปัจจุบันเกิดขึ้นในหลายระดับ ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนหลายกลุ่ม หากมีการใช้กำลังแก้ไขที่ปลายเหตุ ย่อมหมายความว่า กฎหมายและรัฐธรรมนูญ ที่มีอยู่ในปัจจุบันจะถูกยกเลิก ไม่ได้รับการยึดถืออีกต่อไป ๗. ขอให้กลับมาพิจารณาและมาตั้งสติว่า ปัญหาเหล่านี้จะยุติได้ด้วยวิธีการอันสงบหรือไม่ หากเรากระทำไปในลักษณะนั้น จะขยายความรุนแรงออกไปหรือไม่ ในเมื่อยังคงมีการปลุกระดมประชาชนทุกกลุ่ม ทุกพวก ในทุกวงการให้มาต่อสู้ซึ่งกันและกัน ๘. สิ่งที่กองทัพดำเนินการในเวลานี้ จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยการจัดกำลังออกมาดูแลประชาชนในพื้นที่ ที่มีการประกาศกฎหมายพิเศษ เป็นจำนวนมากตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๙. สิ่งที่น่ากระทำในเวลานี้ คือ ให้ทุกฝ่ายได้ทำงานตามความรับผิดชอบของตน อย่างเต็มสติกำลังอย่างครบถ้วนด้วยความเป็นธรรม อำนวยความยุติธรรมได้อย่างถูกต้อง และสมบูรณ์โดยไม่ถูกกดดันโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และหาทางลดความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว ๑๐. สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน คือ ให้ทุกพวกทุกกลุ่มมาพูดคุยหารือกัน เพื่อให้เชื่อได้ว่าจะได้รับความเป็นธรรม ความชอบธรรมอย่างเท่าเทียม และช่วยกันก้าวเดินนำพาไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบอย่างสันติวิธี การแก้ไขดังกล่าวต้องอาศัยประชาชนทั้งประเทศเรียกร้องให้เกิดขึ้น ๑๑. ทหารไม่ต้องการใช้กำลังและอาวุธมาต่อสู้กับคนไทยด้วยกัน ที่เห็นต่างโดยไม่จำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ยังมีกฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับใช้ หากมีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกต่อไป ประเทศชาติจะล่มสลายอย่างแน่นอน และจะไม่มีใครชนะหรือแพ้อีกต่อไป ๑๒. สิ่งที่เราคาดหวัง คือ อยากให้ทุกฝ่ายได้นำเงื่อนไขทั้งหมดมาชี้แจง พิสูจน์ทราบในข้อเท็จจริงให้ชัดเจนขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ความไม่เข้าใจ และขยายความขัดแย้งไปมากกว่านี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้วก็จะได้รับการยอมรับและจะได้หาทางแก้ปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยไม่ให้มวลชนออกมาต่อสู้กัน ซึ่งผลสุดท้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ สูญเสีย คือ ประชาชนและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนกฎหมาย ทุกฉบับจะถูกทำลายอย่างยับเยิน ๑๓. เหตุผลและความจำเป็นที่ ผบ.ทบ. ต้องออกมาชี้แจง ในวันนี้เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียกับคนไทยอีกต่อไป ทุกพวกทุกฝ่ายที่เป็นคนไทย ต้องออกมาร่วมกันแสวงหาทางออกให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกระบบในการขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยจะสูญเสียไปอย่างถาวร และ ๑๔. ประการสำคัญ คือ กองทัพถูกว่ากล่าวให้ร้าย ถูกดึงเข้าไปในความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งกองทัพพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด ขณะที่กองทัพกำลังรับผิดชอบงานด้านอื่นอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ผบ.ทบ.มุ่งหวังให้การแก้ปัญหาของประเทศชาติ ดำเนินการไปอย่างสันติวิธีและรวดเร็วและไม่สร้างความขัดแย้งอีกต่อไป” พ.อ.บุญประสิทธิ์ มีสอาด รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ ๓ ต้องการทราบข้อมูลของแต่ละจังหวัดว่าประชาชนมีความแตกแยกถึงขั้นรุนแรงหรือไม่ โดยในภาพรวมของภาคเหนือ จะมีกลุ่มแกนนำมวลชนที่เห็นต่างจากรัฐบาลออกมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาเคลื่อนไหวด้วย ซึ่งมีเพียงจังหวัดเชียงใหม่ที่มีการ ปะทะกัน จึงได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด รวมถึง รอง ผอ.รมน. (ฝ่ายทหาร) ได้เร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนอย่าให้เกิดการแตกแยกความสามัคคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรมีการชี้แจงแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อมีส่วนช่วยสนับสนุนในการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนด้วยอีกทางหนึ่ง โดยยึดหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ และไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ควบคุมสอดส่องไม่ให้มีการยั่วยุของสื่อฯ เพราะจะก่อให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้ให้ ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงความสงบสุขของประเทศชาติ เพราะพลังที่จะทำให้ประเทศไทยอยู่รอด ประชาชนอยู่ได้ คือ ประชาชนที่รักตัวเอง รักประเทศชาติ รักสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นั่นเอง



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น