วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

หน่วยงานกรมประมง จ.ลำปาง บูรณาการร่วมกับ หน่วยงานในพื้นที่ อ.แจ้ห่ม ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 3 ล้านตัว ลงในแหล่งน้ำ ร่วมรณรงค์สงวนพันธุ์สัตว์น้ำจืด ไม่จับสัตว์น้ำในฤดูวางไข่


สำนักงานประมงจังหวัดลำปาง และหน่วยงานในสังกัดกรมประมง ร่วมกับ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลมกิ่วคอหมา และองค์การบริหารส่วนตำบลปงดอน จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ ในงาน "วันคุ้มครองปลาน้ำจืดของไทย วางไข่และเลี้ยงตัววัยอ่อน" ประจำปี 2557 ที่ บริเวณอ่างกักเก็บน้ำโครงการกิ่วคอหมา ตำบลปงดอน อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง โดยมีนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมนำคณะผู้บริหาร หน่วยงานองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด-อำเภอ กลุ่มพลังมวลชน และนักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่จังหวัดลำปาง ร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ จำนวน 3 ล้านตัว ลงในอ่างกักเก็บน้ำ ประกอบด้วย พันธุ์ปลาตะเพียน 1 ล้าน 2 แสนตัว, ปลายี่สกไทย 5 แสนตัว, ปลาไน 3 แสนตัว และพันธุ์กุ้งก้ามกราม จำนวน 1 ล้านตัว

กิจกรรมงาน “วันคุ้มครองปลาน้ำจืดของไทย วางไข่และเลี้ยงตัววัยอ่อน” เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมกันแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของกรมชลประทาน และเป็นกิจกรรมหนึ่งในแผนการดำเนินงานตามนโยบาย ของกรมประมง ในการที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ภายใต้มาตรการการบริหารจัดการทรัพยากรประมง โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมง และประชาชน ได้ตระหนักเห็นคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ เกิดจิตสำนึกหวงแหนในทรัพยากร และร่วมมือกันไม่จับปลาในช่วงฤดูปลาน้ำจืดมีไข่ เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูพันธุ์สัตว์น้ำ ให้มีการขยายแพร่พันธุ์เพิ่มมากขึ้น อันเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการผลิตในแหล่งน้ำ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ทำให้เกิดความสมดุลในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้ชุมชน ได้มีแหล่งอาหารโปรตีนไว้สำหรับบริโภค ตลอดจนเพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ ได้เข้ามามีบทบาทในการบริหาร ดูแล รักษา และดำเนินกิจกรรมในแหล่งน้ำร่วมกัน อันจะนำไปสู่ความมั่นคงทางด้านอาหาร บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นการเพิ่มศักยภาพทางด้านการประมง ที่จะสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ ที่ยั่งยืนให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น

สำหรับจังหวัดลำปาง ได้มีการออกประกาศ กำหนดให้ช่วงตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม ของทุกปี เป็นช่วงฤดูปลาน้ำจืดมีไข่ ในน่านน้ำจืด ในท้องที่ จ.ลำปาง และกำหนดห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมง ด้วยเครื่องมือประมง หรือด้วยวิธีการใดๆ ในที่จับสัตว์น้ำจืดในท้องที่ จ.ลำปาง โดยเด็ดขาด ยกเว้นการทำการประมงในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ การทำการประมงเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ หรือรวบรวมลูกสัตว์น้ำ หรือสัตว์น้ำวัยอ่อน เพื่อวัตถุประสงค์ในการเพาะเลี้ยง ซึ่งจะต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีกรมประมงก่อน รวมทั้งยกเว้นการทำการประมงด้วยเครื่องมือบางประเภท ได้แก่ เบ็ดทุกชนิด เว้นแต่เบ็ดราว ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และชนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร แต่ห้ามประดาหน้าพร้อมกันสามเครื่องมือ และยกเว้นรวมถึงเครื่องมือประเภท ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน โปง และโทง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสงวนพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่กำลังมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงลูก ไม่ให้ถูกทำลายเกินสมควร โดยผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและโทษตามกฎหมาย ปรับตั้งแต่ 5,000 - 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดูคลิป http://youtu.be/t75P9H85DvI



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ในท้องที่ จ.ลำปาง น้ำป่าเอ่อล้นทะลัก ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและไร่นาของราษฎร บ้านฮ่องกอก ได้รับความเสียหาย


ในช่วงคืน ของวันที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ได้เกิดฝนตกหนักในท้องที่ จ.ลำปาง อย่างต่อเนื่องติดต่อกันกว่า 6 ชั่วโมง ส่งผลให้น้ำบริเวณในพื้นที่สูง หลายพื้นที่มีปริมาณมาก เพิ่มขึ้นฉับพลัน และไหลลงสู่พื้นที่ต่ำ จนท่อระบายน้ำในเขตพื้นที่ชุมชน หมู่บ้าน ระบายไม่ทัน เพราะท่อระบายน้ำมีขนาดเล็ก จนทำให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นผิวถนน และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนแบบไม่ทันตั้งตัว ชาวบ้านต้องช่วยเหลือตัวเองเร่งสูบน้ำออกจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ขณะที่แม่ค้าตื่นแต่เช้า ขับรถจักรยานยนต์จะไปชื้อของที่ตลาดในเมืองมาขาย เจอน้ำที่ไหลผ่านถนน ทำให้ถนนลื่น รถเกิดเสียหลักแฉลบลงข้างทาง ได้รับบาดเจ็บหลายราย

ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในท้องที่ บ้านฮ่องกอก หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง หลังในพื้นที่ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง ทำให้มีน้ำป่าที่ไหลลงมาจากพื้นที่สูง ในปริมาณมาก ไหลเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน แต่ท่อระบายน้ำที่ได้มีการสร้างไว้ ไม่สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่หมู่บ้านได้ทัน ทำให้น้ำได้เอ่อล้นไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน หลายหลังคาเรือน โดยระดับน้ำที่ท่วมมีระดับสูงกว่า 30 เซนติเมตร

จากการสอบถาม นายลอย ใจมาเชื้อ ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ อายุ 52 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 7 ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตนได้ยินเสียงน้ำป่าไหลลงมาจากห้วยขี้นาค ซึ่งเป็นลำห้วยที่อยู่บริเวณหลังบ้าน โดยเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงน้ำไหลที่แรงมาก หลังจากนั้นตนจึงได้ปลุกเรียกลูกๆ ให้ตื่น ลุกขึ้นมาช่วยกันเก็บข้าวของหนีน้ำ แต่ก็เก็บไม่ทัน เนื่องจากน้ำได้ไหลมาเร็วและแรงมาก ประกอบกับบ้านของตน เป็นบ้านหลังแรกๆ ที่จะต้องเจอกับน้ำป่าที่ไหลลงมาจากลำห้วย ก่อนเพื่อนบ้านหลังอื่นๆ โดยน้ำที่ไหลเข้าท่วมบ้าน ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับ ข้าวของภายในบ้านได้รับความเสียหาย เบื้องต้นจึงได้ทำการช่วยเหลือตนเอง นำเครื่องสูบน้ำมาตั้งเร่งสูบน้ำออกจากบริเวณบ้าน ขณะเดียวกันน้ำป่ายังได้ไหลเอ่อท่วมถนน สายลำปาง – ห้วยเป้ง - เมืองปาน มีประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเกิดอุบัติเหตุ ลื่นล้มไถลลงข้างทาง ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย โดยนายลอยฯ ยังได้กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้น ถือได้ว่ามาเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งปกติมักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน แต่ปัจจุบันยังเป็นช่วงฤดูร้อน และในพื้นที่ยังมีสภาพแล้ง แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าในช่วงฤดูฝนสถานการณ์อาจจะรุนแรงมากกว่านี้ก็เป็นได้ จึงอยากฝากให้ส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมหามาตรการบรรเทา ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย

สำหรับสภาพการณ์ปัจจุบัน ล่าสุดในพื้นที่จังหวัดลำปางฝนได้หยุดตก ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใสมีแสงแดดสาดส่องลงมาบ้างแล้ว ทำให้สถานการณ์น้ำท่วม เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ ได้เริ่มเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเรือน และสำรวจทรัพย์สินความเสียหาย เพื่อจะรายงานส่วนที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ยืนยัน 2 เขื่อนใหญ่ใน จ.ลำปาง ยังแข็งแรงไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์


นายจรินทร์ คงศรีเจริญ หัวหน้าฝ่ายวิศกรรม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา สำนักชลประทานที่ 2 ลำปาง ได้นำผู้สื่อข่าวประจำท้องที่ในจังหวัดลำปาง ตรวจดูสภาพความแข็งแรงบริเวณแนวสันเขื่อนอ่างกักเก็บน้ำ ของโครงการเขื่อนกิ่วลม ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เพื่อยืนยันถึงสภาพความมั่นคงแข็งแรง ของตัวเขื่อน เนื่องจากได้เกิดกระแสความวิตกกังวล ต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขื่อน หลังจากได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริกเตอร์

นายจรินทร์ คงศรีเจริญ หัวหน้าฝ่ายวิศกรรม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา สำนักชลประทานที่ 2 ลำปาง ได้ระบุว่า โครงการเขื่อนกิ่วลม ยังมีสภาพตัวเขื่อนแข็งแรง สามารถใช้งานได้เป็นปกติ และเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบถึงโครงสร้างของตัวเขื่อนแต่อย่างใด เนื่องจากว่า โครงสร้างของตัวเขื่อนกิ่วลมแห่งนี้ สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากแผ่นดินไหวได้สูงถึง 7.3 ริกเตอร์ และแรงสั่นสะเทือนจะต้องมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณใต้เขื่อนอีกด้วย จึงจะส่งผลกระทบไปถึงตัวเขื่อนได้ แต่สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น มีแรงสั่นสะเทือนมากที่สุดเพียง 6.3 ริกเตอร์ และจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวก็ไม่ได้เกิดขึ้นที่บริเวณใต้เขื่อน ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบที่จะทำให้ตัวเขื่อนกิ่วลมเสียหายได้ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำ นายจรินทร์ คงศรีเจริญ หัวหน้าฝ่ายวิศกรรม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่วิศวกร และช่างชลประทาน เข้าตรวจสอบโครงสร้างของตัวเขื่อนกิ่วลม ที่อำเภอเมืองลำปาง และตรวจสอบโครงสร้างของตัวเขื่อนกิ่วคอหมา ที่อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง โดยได้ทำการตรวจสอบ ทั้งระดับของแนวสันเขื่อน การเคลื่อนตัวของเขื่อน ตลอดจนอุโมงค์ใต้ดินของเขื่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมของคอนกรีต ซึ่งก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่ในสภาพปกติไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด

สำหรับสภาพการณ์ทั่วไป ที่โครงการเขื่อนกิ่วลม เจ้าหน้าที่ได้มีการเปิดระบายน้ำตามปกติ โดยขณะนี้ที่ เขื่อนกิ่วลมมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 75.78 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 71 ของความจุอ่างทั้งหมด ส่วนที่โครงการเขื่อนกิ่วคอหมา ขณะนี้มีปริมาณน้ำ 81.58 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างทั้งหมด ซึ่งทั้ง 2 เขื่อนยังสามารถกักเก็บน้ำได้อีกในปริมาณมาก ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนชาวลำปาง มั่นใจได้ว่าเขื่อนใหญ่ทั้ง 2 แห่ง ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง 100 เปอร์เซ็นต์



ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

สถานีพัฒนาที่ดินลำปาง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง จัดกิจกรรมเปิด "โครงการรณรงค์งดเผาฟางและไถกลบตอซังพืช ปีงบประมาณ 2557" ลด ละ เลิก การเผา ส่งเสริมวิถีเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน

 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2557 ที่บ้านป่าบง ฮ่องไฮ หมู่ที่ 10ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง จังหวัดลำปาง นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ นายอำเภอวังเหนือ ได้เป็นประธานพิธีเปิดงานรณรงค์ไถกลบตอซังพืช ลด ละ เลิก การเผา ส่งเสริมวิถีเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน โดยมีเกษตรกรในพื้นที่ ต.ทุ่งฮั้ว และพื้นที่ใกล้เคียง เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนกว่า 500 คน โดย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ ได้กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหามลพิษหมอกควันที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาตอซัง เศษวัชพืช ในพื้นที่การเกษตรหลังฤดูการเก็บเกี่ยว และได้ส่งผลให้อินทรีย์วัตถุ สิ่งมีชีวิตในดินถูกทำลาย ขาดความสมดุลทางธรรมชาติ ส่งผลให้การเพาะปลูกไม่ได้ผลผลิตที่ดี ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมีในการเพาะปลูก ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงไม่คุ้มทุน ดังนั้นวิธีการไถกลบจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยคืนภาวะสมดุลทางธรรมชาติ ช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ และสามารถใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังจะสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรด้วยการลดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และสารบำรุงพืชอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดมลภาวะเรือนกระจก ลดภาวะโลกร้อน และมลพิษทางอากาศ ได้อีกด้วย

นายพิทโยธร ไวทยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินลำปางได้ ให้เกษตรกรได้ศึกษาดูเป็นตัวอย่าง โดยมีวิธีการคือ เริ่มจากการผสมน้ำหมักชีวภาพกับน้ำเปล่า ในอัตรา 5 ลิตร ต่อ 100 ลิตร ต่อ 1 ไร่ แล้วฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพไปให้ทั่วบริเวณพื้นที่เพาะปลูก เพื่อหมักและช่วยย่อยสลายตอซังพืชในพื้นที่ ก่อนทำการไถกลบด้วยการนำรถไถเข้าทำการไถกลบตอซังพืช จากนั้นจึงทำการหว่านเมล็ดพันธุ์พืชปอเทือง ปลูกให้เจริญเติบโต เพื่อให้เกษตรกรได้ทำการไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสดต่อไป ซึ่งกิจกรรมรณรงค์การไถกลบดังกล่าว เป็นความร่วมมือของ สถานีพัฒนาที่ดินลำปาง และเทศบาลตำบลวังเหนือ จ.ลำปาง ที่ได้ร่วมกันจัดขึ้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจถึงประโยชน์ของการใช้วิธีการไถกลบตอซังพืช ส่งเสริมวิถีเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน และเป็นการรณรงค์ให้ ลด ละ เลิก การเผาหลังฤดูกาล เนื่องจากตอซังข้าว หรือฟางข้าว เป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่าย มีธาตุไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โปรแตสเซียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม และซัลเฟอร์ ซึ่งเป็นอาหารหลักของพืช ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินได้ ทั้งนี้การใช้น้ำหมักชีวภาพจะต้องใช้ในอัตราเจือจาง ตามอัตราส่วนที่ถูกต้องตามการใช้งานด้วย ซึ่งเกษตรกรสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถานีพัฒนาที่ดินที่ตั้งอยู่ในจังหวัดทุกจังหวัด (จ.ลำปาง โทร 0-5426-9569)



ข่าวโดย : ส.ปชส ลำปาง
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย จัดกิจกรรมเชื่อมโยงธุรกิจค้าปลีก ครั้งที่ 3 "ค้าส่งรวมใจ โชยห่วยไทยคู่สังคม"


นายเสรีชัย เกิดประกอบ พัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย จัดกิจกรรมเชื่อมโยงธุรกิจค้าปลีก ครั้งที่ 3 ภายใต้ชื่องาน "ค้าส่งรวมใจ โชยห่วยไทยคู่สังคม" ในวันที่ 30พ.ค.-2 มิ.ย.2557 ที่ห้างเสรีสรรพสินค้า จังหวัดลำปาง โทรศัพท์ 054-322363-4 ภายในงานพบกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร่วมรายการส่งเสริมการขาย เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันพืช ซอสปรุงรส นมUHT โฟมล้างหน้า สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ฯลฯ

นายเสรีชัย เกิดประกอบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการจัดกิจกรรม ค้าส่งร่วมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม ครั้งที่ 3 พร้อมกันทั่วประเทศ 56 จังหวัด ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาจะส่งผลให้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกมีเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าที่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพ มีความเข้มแข็งแข่งขันได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สนง.พัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดลำปาง บริเวณศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ถ.บุญวาทย์ ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง หรือสอบถามลายละเอียดโทร 054323040


ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

เกษตรจังหวัดลำปาง เตรียมขับเคลื่อนการผลิตข้าวคุณภาพดีปลอดภัยและได้มาตรฐาน Road Show มาเลเชียพบตลาดฮาลาลมีความต้องการสูง


นายสมพร เจียรประวัติ เกษตรจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า จากการดำเนินงานส่งเสริมการผลิตข้าวคุณภาพในกลุ่มข้าวสีและไม่ขัดสี เช่น ข้าวหอมนิล หอมล้านนา ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวก่ำล้านนา ข้าวลืมผัว และข้าวกล้องชนิดต่างๆ ที่ผ่านขบวนการผลิตตามระบบมาตรฐาน GAP เพื่อก้าวเข้าสู้การผลิตข้าวอินทรีย์ของสำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง พบว่าผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสูงเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการจัดแสดงสินค้าอาหารฮาลาล ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบผู้บริโภคมีความต้องการซื้อข้าวกลุ่มนี้สูงมาก เนื่องจากเป็นข้าวที่มีความหอมรสชาติดี มีคุณค่าทางโภชณาการสูงส่งผลดีต่อสุขภาพ และมีความปลอดภัยจาการปนเปื้อนของสารเคมี สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง ร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเตรียมการขับเคลื่อนการผลิตข้าวคุณภาพ โดยกำหนดความรับผิดชอบการดำเนินงานขับเคลื่อนของแต่ละหน่วยงาน ดังนี้ คือ

ต้นน้ำ การวิจัยและศึกษาสายพันธุ์ให้เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดลำปาง หน่วยงานรับผิดชอบ ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวลำปาง สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตรลำปาง และมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาลำปาง กลางน้ำ การส่งเสริมการผลิตอย่างมีคุณภาพ มีความปลอดภัย และได้มาตรฐาน GAP ตลอดจนการแปรรูปผลผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่

สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง การบริหารจัดการกลุ่มในรูปแบบสหกรณ์ เพื่อจัดการผลิต หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานสหกรณ์ จังหวัดลำปาง ปลายน้ำ การประชาสัมพันธ์ รณรงค์ การบริโภคการเปิด Road Show การสร้าง Brand และขบวนการตลาด ทั้งในและต่างประเทศ หน่วยงานรับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์ จังหวัดลำปาง สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง



ข่าวโดย : ปัณธวัฒน์ ทวีพรจิรภาคย์
    หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ตำบลแม่ลาหลวง ระบุ ในพื้นที่ มีการลักลอบตัดไม้มาสร้างบ้านในลักษณะอำพรางสวมบ้านเลขที่ ขายในรูปแบบไม้เรือนเก่า


ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ตำบลแม่ลาหลวง ระบุ ในพื้นที่ มีการลักลอบตัดไม้มาสร้างบ้านในลักษณะอำพรางสวมบ้านเลขที่ จากนั้นก็จะนำออกขายในรูปแบบไม้เรือนเก่า ราคาเหมาจ่าย 150,000 บาทต่อหนึ่งหลัง

นายพงษ์สิทธิ์ ปุกปนันท์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ตำบลแม่ลาหลวง ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ใหญ่บ้านคนเดิมที่ถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ก่อนนั้น กล่าว่า ในห้วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา มีชาวบ้านหลายหมู่บ้านในตำบลแม่ลาหลวง ได้มีการลักลอบตัดไม้มาสร้างบ้านในลักษณะอำพราง จากนั้นก็จะนำออกขายในรูปแบบไม้เรือนเก่า ให้กับแม่เลี้ยงคนหนึ่ง โดยอ้างว่าอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ซื้อขายกันในราคาเหมาจ่ายทั้งหลัง 150,000 บาทต่อหนึ่งหลัง บางคนสามารถขายได้ 2-3 หลัง โดยอาศัยการสวมบ้านเลขที่ คือ จะปลูกสร้างบ้านอำพรางขึ้นในบริเวณเดียวกันกับบ้านหลังที่มีบ้านเลขที่ จากนั้นก็รื้อขายโดยขายให้กับนายทุนทั้ง 3 หลังที่ปลูกอำพรางไว้ แต่อาศัยบ้านเลขที่เดียวกันในการขออนุญาตขายและขนย้าย ที่หนักไปกว่านั้นบางคนพอขายบ้านแล้วก็จะย้ายออกไปยังหมู่บ้านอื่น แล้วก็จะทำในลักษณะเดิมอีกคือไปขอบ้านเลขที่ใหม่และปลูกบ้านอำพรางขาย พอขายบ้านได้ก็จะขอย้ายมาที่หมู่บ้านเดิมและขอบ้านเลขที่ใหม่ จากนั้นก็ปลูกบ้านอำพรางขายอีก

นอกจากนี้มีรายงานว่า นายชิษณุพงศ์ บูรณา นายอำเภอแม่ลาน้อย ได้มีคำสั่งให้นายนิธิศ พิทักษ์ ปลัดอำเภอที่รับผิดชอบ ตำบลแม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย ไปช่วยราชการที่จังหวัดแม่ฮ่สอน และสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของนายนันทนันท์ เชิงบรรพต ผู้ใหญ่บ้านบ้านทุ่งป่าคา นางเพ็ญศรี โตมรเสรี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง นายณรงค์ เกษมสุขพูนวัตถุ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง นางชลอ เต็มสามารถ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ โดยได้แต่งตั้งนายพงษ์สิทธิ์ ปุกปนันท์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ตำบลแม่ลาหลวง เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน



ข่าวโดย : นวรัตน์ ศรีแก้วเลิศ
    หน่วยงาน : สวท.แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน

กลุ่มยุทธศาสตร์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) จัดฝึกอบรมเครือข่ายเพื่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

กลุ่มยุทธศาสตร์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) จัดฝึกอบรมเครือข่ายเพื่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์

(เช้าวันนี้ 8 พ.ค. 57 ) นายสังคม คัดเชียงแสน ปลัดอาวุโสอำเภอเมือง เป็นประธานเปิดการจัดฝึกอบรมเครือข่ายเพื่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ของกลุ่มยุทธศาสตร์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่ ) ที่ ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท โฮมสเตย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา เข้าอบรม และระดมความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ราษฏร ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ผู้ใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งในด้านกฎหมายและด้านการอนุรักษ์ มีส่วนร่วมใน การดูแลรักษาพื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างเครือข่ายในการร่วมกันดูแลป่าอนุรักษ์ให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ตอบสนองยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอน 1 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมการฟื้นฟูและอนุรักษ์แบบองค์รวม เพื่อสร้างสรรค์ บรรยากาศที่สวยงาม มีเสน่ห์ สามารถอำนวยประโยชน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการท่องเที่ยว

นายทวีศักดิ์ ขันธิราช นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมในครั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนใน 2 ปีข้างหน้า ตลอดจนเตรียมรับนักท่องเที่ยว ทั้งคนจีน ญี่ปุ่น ที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ผู้ประกอบการ ตลอดจนประชาชนต้องมีความรู้ในเรื่องของการเข้าไปใช้พื้นที่อุทยาน เพื่อการท่องเที่ยว เนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนของเรามีพื้นที่น้อย ส่วนมากเป็นอุทยานและเขตป่า โดยจะมีการจัดอบรมให้ครบทั้ง 7 อุทยาน ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดฝึกอบรมครั้งต่อไปที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน



ข่าวโดย : เวียงสอน ดอนแก้ว / ทีมข่าว สวท.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีร้องเรียนให้มีการปรับปรุงการให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ


เช้าวันนี้ ( 8 พ.ค. 57 ) ที่ห้องประชุมขุนลุมประพาส ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหา กรณีเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเครือข่ายผู้เสียหายจากรถโดยสารสาธารณะ บริษัท เปรมประชาขนส่ง จำกัด ร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้มีการแก้ไข ปรับปรุงการให้บริการ และช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย จากอุบัติเหตุของรถโดยสารประจำทาง สายเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน ของบริษัท เปรมประชาขนส่ง จำกัด เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 เขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 5 ราย บาดเจ็บจำนวน 56 ราย ซึ่งล่าสุดสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท เปรมประชาขนส่ง จำกัด บริษัท สหมงคลประกันภัย จำกัด บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนสำหรับผู้เสียชีวิต จำนวน 5 ราย รายละ 200,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บได้ทยอยจ่ายให้ตามหลักฐานค่ารักษาพยาบาล ไม่เกินรายละ 50,000 บาท

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า การประชุมหารือในวันนี้ได้เชิญหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มาร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหา และการช่วยเหลือเยียวยา ผู้ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งหลังจากได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ จากทางฝ่ายผู้เสียหาย ฝ่ายบริษัท เปรมประชาขนส่ง และหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา คือจะมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 คณะ ประกอบด้วย คณะทำงานติดตามช่วยเหลือเยียวยา คณะทำงานดูแลรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ คณะทำงานติดตามปรับปรุงการให้บริการขนส่งสาธารณะ และคณะประสานงานการช่วยเหลือ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขทั้งในระยะสั้น และระยะยาวต่อไป



ข่าวโดย : พักตร์ภูมิ ปัญญาไชยพัฒน์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

ไปรษณีย์ไทยให้ทุนอุดหนุนการวิจัยและพัฒนา


ไปรษณีย์ไทยให้ทุนอุดหนุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมด้านกระบวนการในการปฏิบัติงาน และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยคำนึงถึงการพัฒนาบริการคุณภาพที่เป็นเลิศ ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๗

นายประพันธ์ ศรีธิหล้า ผู้จัดการฝ่ายไปรษณีย์เขต ๕ เปิดเผยว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีความประสงค์ให้ทุนอุดหนุนการวิจัยและพัฒนาแก่บุคคล คณะบุคคล หน่วยงาน สถาบันทั้งภาครัฐและเอกชน โดยได้กำหนดกรอบการสมัครรับทุนอุดหนุนการวิจัยและพัฒนา ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับไปรษณีย์ ดังนี้ เกี่ยวกับระบบงานไปรษณีย์ / เกี่ยวกับเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ ยานพาหนะที่ใช้ในการปฏิบัติงาน / เกี่ยวกับบริการ สินค้าไปรษณีย์ใหม่ ทั้งนี้ กำหนดให้กรอบการวิจัยและพัฒนามีแนวคิดครอบคลุมการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างนวัตกรรม เพื่อพัฒนาต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมด้านกระบวนการในการปฏิบัติงาน (Product / Service Innovation) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยคำนึงถึงการพัฒนาบริการคุณภาพที่เป็นเลิศ

ผู้สนใจสามารถส่งแบบเสนอโครงการวิจัยและพัฒนาในฐานะหัวหน้าโครงการได้เพียง ๑ โครงการเท่านั้น โดยต้องเป็นไปตามระเบียบคำสั่ง บันทึกสั่งการประกาศ ว่าด้วยวิธีปฏิบัติต่างๆที่เกี่ยวข้องที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กำหนด และกำหนดเปิดรับเสนอโครงการวิจัยและพัฒนาตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) จ่าหน้าถึง “บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ฝ่าย กลยุทธ์ ส่วนสารสนเทศเพื่อการบริหาร เลขที่ ๑๑๑ หมู่ ๓ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐-๐๒๙๙ หรือในรูปแบบไฟล์ PDF ส่งทาง E-mail address:information@thailandpost.com โดยถือตราประทับรับฝากเป็นสำคัญและภายในเวลา ๑๖.๐๐ น. สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ฝ่ายกลยุทธ์ ส่วนสารสนเทศเพื่อการบริการ โทรศัพท์ ๐-๒๘๓๑-๓๙๔๖ โทรสาร ๐-๒๕๗๓-๕๔๔๒ หรือ www.thailandpost.co.th ในวันเวลาราชการ



ข่าวโดย : อ่อนศรี ศรีอัมพร ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนานโยบายและการจัดการภาครัฐ


จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนานโยบายและการจัดการภาครัฐ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาขีดความสามารถของข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารองค์การภายใต้ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนานโยบายและการจัดการภาครัฐ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาขีดความสามารถของข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารองค์การภายใต้ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๒ หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตรที่ ๑ การจัดทำแผนยุทธศาสตร์และงบประมาณภาครัฐ รุ่นที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ รุ่นที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๗ – ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (ภาคปฏิบัติ) ณ โรงแรม เดอะทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ รุ่นที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒ – ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เชิงปฏิบัติการ) ณ โรงแรมในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจและสามารถจัดทำแผนยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะหลักการและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของหน่วยงาน ตัวชี้วัดผลงาน และการจัดทำโครงการด้วยเทคนิคเหตุผลสัมพันธ์ (Logical Framework) รามทั้งการกำกับ ติดตาม และประเมินผล ในลักษณะศูนย์ปฏิบัติการขององค์การ และCockpit Management

รวมทั้งมีการฝึกปฏิบัติ หลักสูตรที่ ๒ การประเมินผลและความคุ้มค่าของแผนและโครงการ รุ่นที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ รุ่นที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ (ภาคปฏิบัติ) ณ โรงแรม เดอะทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ รุ่นที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๗ – ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เชิงปฏิบัติการ) ณ โรงแรมในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการบริหารโครงการ การเขียนโครงการแบบประเพณีนิยม (Conventional) การเขียนโครงการแบบเหตุผลสัมพันธ์ (Logical Framework – Log frame) เงื่อนไขความสำเร็จและความเสี่ยงของโครงการ การกำหนดตัวชี้วัด การกำหนดกิจกรรมการติดตามผล รูปแบบและประเด็นการประเมินผล ตัวแบบการประเมินผลโครงการ การศึกษาความเหมาะสม การวิเคราะห์งบประมาณโครงการ การประเมินความคุ้มค่า การรายงานผลการประเมินผล ตลอดจนการแก้ไขปรับปรุงแผนงาน โครงการ และการบริหารงาน รวมทั้งมีการฝึกปฏิบัติ

สถาบันพัฒนานโยบายและการจัดการ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นศูนย์ที่เป็นเลิศในการพัฒนานโยบายและการจัดการ โดยการสร้างองค์ความรู้จากการวิจัยและพัฒนา การถ่ายทอดความรู้และให้คำปรึกษา บริการวิชาการและพัฒนาหน่วยงานภครัฐและองค์การสาธารณะมาอย่างต่อเนื่อง กว่าสองทศวรรษที่มีการปฏิรูปการบริหารภาครัฐ สถานการณ์ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ส่งผลต่อประเทศไทยและหน่วยงานภาครัฐในการปรับตัวให้ก้าวหน้าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การพัฒนาประเทศและการบริหารภาครัฐไม่เพียงต้องก้าวทันเท่านั้น ภาครัฐจะต้องก้าวนำภาคส่วนต่างๆ ในการนำพาสังคมและประเทศให้มีการพัฒนาไปอย่างสมดุล มั่นคง และยั่งยืน

สถาบันพัฒนานโยบายและการจัดการ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนานโยบายและการจัดการภาครัฐ เพื่อให้บุคลากรที่สนใจและมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองเข้ารับการฝึกอบรมโครงการดังกล่าว สามารถติดต่อสอบรายละเอียด / ส่งใบสมัคร ได้ที่ สถาบันพัฒนานโยบายและการจัดการ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนอังรีดูนังต์ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐ โทรศัพท์ (๐๒) ๒๑๘-๗๒๓๔, (๐๒) ๒๑๘-๗๒๓๗ โทรสาร (๐๒) ๒๕๔-๑๓๘๐ หรือ E-mail: pmdi1994@gmail.com



ข่าวโดย : อ่อนศรี ศรีอัมพร ทีมข่าว ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

จังหวัดแม่ฮ่องสอนกำหนดจัดกิจกรรมสัปดาห์เผยแพร่พระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10 – 14 พฤษภาคม 2557

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ด้วยในวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2557 ตรงกับวันวิสาขบูชา ซึ่งถือว่าเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ถือว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา นอกจากนี้องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้การรับรองว่าเป็นวันสำคัญสากลของโลก เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวแม่ฮ่องสอน ได้ร่วมกันน้อมระลึกวันสำคัญดังกล่าว จังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงได้กำหนดจัดงานสัปดาห์เผยแพร่พระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10 – 14 พฤษภาคม 2557 ณ วัดจองคำ (พระอารามหลวง) อ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยมีการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ของพุทธศาสนิกชน (อุบาสก – อุบาสิกา) และการจัดนิทรรศกาลของหน่วยงานต่างๆ จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวแม่ฮ่องสอน ร่วมทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาที่วัดใกล้บ้าน งดเว้นสิ่งเสพติดและอบายมุขทั้งปวง



ข่าวโดย : พักตร์ภูมิ ปัญญาไชยพัฒน์
หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชิญชวนร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตร ขึ้นวัดฟังธรรม เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก

นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ด้วยในวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2557 ตรงกับวันวิสาขบูชา ซึ่งถือว่าเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ถือว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา นอกจากนี้องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้การรับรองว่าเป็นวันสำคัญสากลของโลก เรียกว่า Vesak Day เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวแม่ฮ่องสอน ได้ร่วมกันน้อมระลึกวันสำคัญดังกล่าว และเป็นโอกาสอันดีที่พุทธศาสนิกชนจะได้ร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา จังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงได้กำหนดจัดงานสัปดาห์เผยแพร่พระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10 – 14 พฤษภาคม 2557 ณ วัดจองคำ (พระอารามหลวง) อ.เมืองแม่ฮ่องสอน และในวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 วันวิสาขบูชา ขอเชิญชวนข้าราชการเจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนชาวแม่ฮ่องสอน ร่วมกิจกรรมตักบาตร ณ วัดจองคำ (พระอารามหลวง) เวลา 07.00 น. จากนั้นเวลา 09.00 น. ร่วมฟังพระธรรมเทศนา โดยพระครูอนุสรณ์ชัยสิทธ์ เจ้าอาวาสวัดจองคำ และในเวลา 19.00 น. ร่วมพิธีเวียนเทียน



ข่าวโดย : พักตร์ภูมิ ปัญญาไชยพัฒน์
หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมงานสัปดาห์ ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ปี ๒๕๕๗ วันสำคัญของโลก


วันวิสาขบูชา ตรงกับวันเพ็ญในเดือน ๖ วิสาขบูชา ย่อมาจาก "วิสาขปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูบูชาในวันเพ็ญ เดือนวิสาขะ "เป็นวันที่มีความหมายสำคัญสำหรับพุทธศาสนิกชนทุกคน เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการถือกำหนดของพระพุทธศาสนา คือ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน ในคราวเดี่ยว ดังนั้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระองค์ องค์การสหประชาชาติ จึงกำหนดให้วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญสากลของโลก โดยเรียกว่า Vesak Day โดยให้เหตุผลว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ ในปีนี้ วันวิสาขบูชา ตรงกับวันอังคารที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นวันสำคัญของโลก ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน องค์กรเครือข่ายทางพระพุทธศาสนาสถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน กำหนดจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี ๒๕๕๗ ในวันเสาร์ที่ ๑๐ – ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมบำเพ็ญความดี ด้วยการทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนาและร่วมกิจกรรมทางศาสนา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี ๒๕๕๗ จังหวัดแม่ฮ่องสอนกำหนดจัดงาน ณ วัดจองคำ พระอารามหลวง ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ วันที่ ๑๐ – ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. เป็นต้นไป ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ (บวชเนกขัมมะ) วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ภาคเช้า ๐๗.๐๐ น. มีการตักบาตร เวลา ๐๙.๐๐ น. ฟังธรรมเทศนาและปฏิบัติธรรมและเวลา ๑๙.๐๐ น. ร่วมเวียนเทียนรอบองค์พระเจดีย์ มีผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นประธานในพิธีการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน (หลังเก่า) โทรศัพท์ ๐ ๕๓๖๑ ๔๔๑๗ โทรสาร ๐ ๕๓๖๑ ๔๓๐๓



ข่าวโดย : ศุภวัฒน์ สมบูรณ์
    หน่วยงาน : ส.ปชส.แม่ฮ่องสอน

เกษตรจังหวัดแพร่ กำหนดจัดงานส่งเสริมการตลาดพืชผักปลอดภัย

เกษตรจังหวัดแพร่กำหนดจัดงานส่งเสริมการตลาดพืชผักปลอดภัย และเวทีเรียนรู้การผลิตพืชผักปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าแก่เกษตรกร

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รับแจ้งจากนายธวัชชัย สิทธิวีระกุล เกษตรจังหวัดแพร่ว่า ตามที่จังหวัดแพร่ได้มีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย เพื่อพัฒนาสู่เกษตรอินทรีย์และการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชคุณภาพสูง ปี 2557 โดยจะจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการปลูกพืช ด้วยงานส่งเสริมการตลาดพืชผักปลอดภัย และเวทีเรียนรู้การผลิตพืชผักปลอดภัย ในวันที่ 15-16 พฤษภาคม 2557 ที่บริเวณสำนักงานเกษตรจังหวัดแพร่ เพื่อเป็นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปหันมาบริโภคพืชผักปลอดภัยและสนับสนุนการใช้สารชีวภัณฑ์ทดแทนการใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดศัตรูพืช ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคในจังหวัดแพร่รู้แหล่งผลิตและจำหน่ายพืชผักปลอดภัย



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์ 

วัดพระบาทมิ่งเมือง วรวิหาร จังหวัดแพร่จัดงานนมัสการพระพุทธโกศัยฯ

วัดพระบาทมิ่งเมือง วรวิหาร จังหวัดแพร่จัดงานนมัสการพระพุทธโกศัย ศิริชัยมหาศากยมุณี ระหว่างวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2557 เชิญชวนเข้าวัดทำบุญเนื่องเทศกาลวันวิสาขบูชา

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ด้วยพระพุทธโกศัย ศิริชัยมหาศากยมุนี เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแพร่ ประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ทางจังหวัดแพร่ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดแพร่จึงได้จัดงานนมัสการพระพุทธโกศัย ศิริชัยมหาศากยมุณี ระหว่างวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2557 ขึ้นที่วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร ทั้งนี้เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทางศาสนา ส่งเสริมการท่องเที่ยวเปลี่ยนจังหวัดแพร่จากเมืองผ่านเป็นเมืองพัก เพิ่มศักยภาพด้านความร่วมมือของชุมชนและท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

โดยมีนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานเปิดงาน และประกอบพิธีทางศาสนา ถวายผ้าห่มพระพุทธโกศัยฯ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการประกวดทางศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม มหรสพ และการจัดงานมหกรรมอาหารเมืองแป้ การแสดงธรรมเทศนา

พระพุทธโกศัย ศิริชัยมหาศากยมุณี หรือที่เรียกชื่อสั้นๆว่า "พระพุทธโกศัย” สร้างขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน 2498 พร้อมกับสร้าง เหรียญพระพุทธโกศัย รุ่น 2498 หรือ เหรียญพระพุทธโกศัย รุ่น 1 ไปด้วย โดยมีนายชุณห์ นกแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ในขณะนั้น เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์

จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญนมัสการพระพุทธโกศัย ศิริชัยมหาศากยมุณี ระหว่างวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2557 เนื่องเทศกาลวันวิสาขบูชา



ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว /พิมพ์ 

สมาคม จักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมปถัมภ์ ร่วมกับ จังหวัดพะเยา และอบจ.พะเยา จัดการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน สนามที่ 4 ประจำปี 2557

เรืออากาศตรีสุวิชา แก้วมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า จังหวัดพะเยาได้รับเกียรติจากสมาคม จักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมปถัมภ์ ให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 4 ประเภทชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” และจักรยานเสือภูเขาชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปี 2557 พร้อมกับจัดกิจกรรมขี่จักรยานเพื่อสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ 9 – 11 พฤษภาคม 2557 นี้

จังหวัดพะเยา จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดพะเยา และผู้สนใจ ร่วมชมและเชียร์และให้กำลังใจนักกีฬา ระหว่างวันที่ 9 – 11 พฤษภาคม นี้ โดยวันที่ 9 พฤษภาคม เวลา 06.00 น. จะเป็นกิจกรรมคลินิกซ่อมจักรยาน กิจกรรมประกวดรถจักรยานที่เก่าที่สุด และที่ตกแต่งสวยงามประหยัด เวลา 08.30 น.ปล่อยขบวนนักกีฬาปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ “Bike For Life” สตาร์ท/เส้นชัย บริเวณหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์ อบจ. ริมกว๊านพะเยา ระยะทาง 2 กม. โดยจะมีการมอบรางวัล แก่ผู้ที่มีอายุมากที่สุด และน้อยที่สุดด้วย

 เวลา 09.00 น. นักกีฬารายงานตัว เพื่อทำการแข่งขันจักรยานประเภท ถนน (ไทม์ไทรอัล) ชิงแชมป์ประเทศไทย สตาร์ท/เส้นชัย ณ บริเวณหน้าสถานีวิทยุตำรวจภาค 5 จังหวัดพะเยา ระยะทาง รอบละ 15 กม. เวลา 09.45 น.พิธีเปิดฯ เวลา 10.00 น.ปล่อยตัวนักกีฬา วันที่ 10 พฤษภาคม เวลา 08.45 น. พิธีเปิดการแข่งขัน และปล่อยตัวนักกีฬา การแข่งขันจักรยานเสือภูเขาครอสคันทรี่ สตาร์ท/เส้นชัย ณ บริเวณวัดอนาลโย จังหวัดพะเยา ประเภทแข่งขัน รุ่น คลาส A B และ C เวลา 18.00 น. ณ บริเวณศูนย์วิทยาศาสตร์ อบจ. ริมกว๊านพะเยา และวันที่ 11 พฤษภาคม เวลา07.00 น. นักกีฬารายงานตัว เพื่อแข่งขันจักรยานประเภทถนน (อินไลน์เรซ) สตาร์ท/ เส้นชัย หน้าบริเวณศูนย์วิทยาศาสตร์ อบจ. ริมกว๊านพะเยา ระยะทางรอบละ 62 กม. เวลา 08.00 น. พิธีปิดฯและปล่อยตัวนักกีฬา และเวลา 10.30 น. การแข่งขันจักรยานเสือภูเขาประเภทดาวน์ฮิล สตาร์ท/เส้นชัย หน้าบริเวณวัดอนาลโย






ข่าวโดย : ทีมข่าว ส.ปชส.พะเยา
หน่วยงาน : ส.ปชส.พะเยา

จังหวัดพะเยา จัดงานประเพณีแปดเป็ง ไหว้สาพระเจ้าตนหลวง เนื่องในเทศกาลวัน วิสาขบูชา ประจำปี 2557

เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (7 พ.ค.) ที่บริเวณวัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมกับหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน พร้อมผู้มีจิตศรัทธาชาวจังหวัดพะเยาจำนวนมาก ได้ต้อนรับขบวนแห่พระอุปคุต ที่ชาวพะเยาร่วมเดินขบวนแห่พระอุปคุตรอบเมืองพะเยา ใน “งาน ประเพณีแปดเป็ง ไหว้สาพระเจ้าตนหลวง เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2557” ที่หลายในงานในจังหวัดพะเยาร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2557 ณ วัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง

หลังจากได้มีการทำพิธีอัญเชิญพระอุปคุตจากขึ้นกว๊านพะเยา ที่บริเวณหน้าลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ขึ้นประดิษฐาน ณ บุษบกชั่วคราว แห่อันเชิญพระอุปคุต จากศาลาหลักเมืองพะเยา ผ่านหน้าตลาดสด ถึงลานหน้าพระวิหารหลวงวัดศรีโคมคำ และได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นประดิษฐาน ณ บุษบกที่ได้เตรียมไว้ พร้อมเครื่องอัฐบริขาร และประกอบพิธีทางศาสนา จากนั้น นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้เป็นประธานพิธี เปิดงาน ประเพณีแปดเป็ง ไหว้สาพระเจ้าตนหลวง เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2557 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้แสดงความสักการะ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และน้อมสักการะองค์พระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บ้านคู่เมืองพะเยา

โดยงานประเพณีแปดเป็งไหว้สาพระเจ้าตนหลวงปีนี้ จะมีกิจกรรมด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมเพื่อเป็นการรื้อฟื้นขนบธรรมเนียมประเพณีและอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ ดีงามให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนเพื่อส่งเสริมประเพณีของท้องถิ่น และการท่องเที่ยวของจังหวัดพะเยา โดยกิจกรรมจะมีทุกวัน ทั้งการทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรม การทำบุญตักบาตร การแข่งขันประกวดขบวนครัวตาน กาดหมั่วครัวเมือง การแสดงสินค้าพื้นเมือง การแข่งขันวงดนตรีป๊าดแมน การแข่งขันตีกลองสะบัดชัย การแข่งขันฟ้องเล็บ การแข่งขัน สะล้อซอซึง การแข่งขันตีกลองปู่จา กิจกรรมการแสดงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย


ข่าวโดย : ทีมข่าว ส.ปชส.พะเยา
หน่วยงาน : ส.ปชส.พะเยา

จังหวัดพะเยา จัดงานประเพณีแปดเป็ง ไหว้สาพระเจ้าตนหลวง เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2557 เพื่อร่วมอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงาม

ช่วงค่ำวานนี้ (7 พ.ค.57) ที่บริเวณวัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาชาวจังหวัดพะเยาจำนวนมาก ได้ต้อนรับขบวนแห่พระอุปคุต ที่ชาวพะเยาร่วมเดินขบวนแห่พระอุปคุตรอบเมืองพะเยา ใน “งาน ประเพณีแปดเป็ง ไหว้สาพระเจ้าตนหลวง เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2557” ที่หลายหน่วยงานในจังหวัดพะเยาร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2557 ณ วัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง หลังจากได้มีการทำพิธีอัญเชิญพระอุปคุตจากขึ้นกว๊านพะเยา ที่บริเวณหน้าลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ขึ้นประดิษฐาน ณ บุษบกชั่วคราว แห่อันเชิญพระอุปคุต จากศาลาหลักเมืองพะเยา ผ่านหน้าตลาดสด ถึงลานหน้าพระวิหารหลวงวัดศรีโคมคำ และได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นประดิษฐาน ณ บุษบกที่ได้เตรียมไว้ พร้อมเครื่องอัฐบริขาร และประกอบพิธีทางศาสนา

จากนั้นนายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้เป็นประธานพิธี เปิดงานประเพณีแปดเป็ง ไหว้สาพระเจ้าตนหลวง เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2557 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้แสดงความสักการะ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และน้อมสักการะองค์พระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บ้านคู่เมืองพะเยา สำหรับงานประเพณีแปดเป็งไหว้สาพระเจ้าตนหลวงปีนี้ มีกิจกรรมด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมเพื่อเป็นการรื้อฟื้นขนบธรรมเนียมประเพณีและอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ดีงามให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนเพื่อส่งเสริมประเพณีของท้องถิ่นและการท่องเที่ยวของจังหวัดพะเยา โดยกิจกรรมจะมีทุกวัน ทั้งการทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรม การทำบุญตักบาตร การแข่งขันประกวดขบวนครัวตาน กาดหมั่วครัวเมือง การแสดงสินค้าพื้นเมือง การแข่งขันวงดนตรีป๊าดแมน การแข่งขันตีกลองสะบัดชัย การแข่งขันฟ้องเล็บ การแข่งขัน สล้อซอซึง การแข่งขันตีกลองปู่จา กิจกรรมการแสดงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย



ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

ความรู้เรื่อง สาเหตุการเกิดแผ่นดินไหว

ความรู้เรื่อง สาเหตุการเกิดแผ่นดินไหว นิสารัชต์ นิลสว่าง / เรียเรียง

 แผ่นดินไหว เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน อันเนื่องมาจากการปลดปล่อยพลังงานเพื่อลดความเครียดที่สะสมไว้ภายในโลกออกมาเพื่อปรับสมดุลของเปลือกโลกให้คงที่ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถทำนายเวลา สถานที่ และความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงควรศึกษา เรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจถึงกระบวนการเกิดของแผ่นดินไหวที่แท้จริง เพื่อเป็นแนวทางในการลดความเสียหายที่เกิดขึ้น

สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว การเกิดแผ่นดินไหวมีสาเหตุมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ สาเหตุแรกเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ได้แก่ การทดลองระเบิดปรมาณู การกักเก็บน้ำในเขื่อน และแรงระเบิดจากการทำเหมืองแร่ ส่วนสาเหตุที่สองเป็นสาเหตุหลักของการเกิดแผ่นดินไหว โดยเป็นการเกิดตามธรรมชาติอันเนื่องมาจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก ทั้งนี้ทฤษฎีกลไกการเกิดแผ่นดินไหวที่ยอมรับกันในปัจจุบันมี 2 ทฤษฎีคือ

ทฤษฎีว่าด้วยการขยายตัวของเปลือกโลก โดยแผ่นดินไหวเกิดจากการที่เปลือกโลกเกิดการคดโค้ง โก่งตัวอย่างฉับพลัน และเมื่อวัตถุขาดออกจากกันจึงปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปคลื่นแผ่นดินไหว

ทฤษฎีว่าด้วยการคืนตัวของวัตถุ โดยแผ่นดินไหวมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน กล่าวคือ เมื่อรอยเลื่อนเกิดการเคลื่อนตัวถึงจุดหนึ่งวัตถุจะขาดออกจากกันและเสียรูปอย่างมาก พร้อมทั้งปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาในรูปของคลื่นแผ่นดินไหว และหลังจากนั้นวัตถุจะคืนตัวกลับสู่รูปเดิม

สำหรับแผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงที่เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 นี้ เกิดจากทฤษฎีว่าด้วยการคืนตัวของวัตถุ การเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนหรือเปลือกโลก ในลักษณะรอยเลื่อนแนวราบ ชนิดเลื่อนไปทางซ้าย (ทวนเข็มนาฬิกา) เป็นกลุ่มรอยเลื่อนพะเยา นี่คือสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้ ประชาชนควรติดตามข้อมูลสาเหตุและผลกระทบหรือที่เรียกว่า อาฟเตอร์ชอค ของแผ่นดินไหวจากกรมทรัพยากรธรณีเป็นหลักเพื่อความถูกต้องของการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร




อ้างอิงจาก
กรมทรัพยากรธรณี 
และ ดร.สมบุญ โฆษิตานนท์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม

   

บทความ เรื่อง รู้จักความรุนแรงของแผ่นดินไหว

บทความ เรื่อง รู้จักความรุนแรงของแผ่นดินไหว นิสารัชต์ นิลสว่าง /เรียบเรียง

แผ่นดินไหวถือเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า และผลของแผ่นดินไหวยังส่งผลกระทบไปในบริเวณกว้าง ไม่เฉพาะพื้นที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของการสั่นไหวเท่านั้น การวัดความสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวซึ่งมีหน่วยวัดที่เราคุ้นชินคือหน่วยวัดเป็นมาตราริคเตอร์ซึ่งเป็นการวัดของระบบเครือข่ายมาตรฐานโลก Worldwide Standardized Seismograph Network: WWSSN) ความรุนแรงของการสั่นไหวหรือแรงสั่นสะเทือนนี้มีผลต่อมนุษย์รวมถึงสิ่งก่อสร้าง อาคาร บ้านเรือน สร้างความเสียหายมากน้อยตามขนาดของการสั่นไหว ก่อนที่จะรู้ถึงขนาดความรุนแรงมาทำความรู้จัก 2 คำนี้ จะช่วยให้เข้าใจระดับความรุนแรงและแรงสั่นสะเทือน คือ

ขนาด (Magnitude) เป็นปริมาณที่มีความสัมพันธ์กับพลังงานที่พื้นโลก ปลดปล่อยออกมาในรูปของการสั่นสะเทือน คำนวณได้จากการตรวจวัดค่าความสูงของคลื่นแผ่นดินไหวที่ตรวจวัด ได้ด้วยเครื่องมือตรวจแผ่นดินไหว โดยเป็นค่าปริมาณที่บ่งชี้ขนาด ณ บริเวณศูนย์กลางแผ่นดินไหว มีหน่วยเป็น " ริคเตอร์"

ความรุนแรงแผ่นดินไหว (Intensity) แสดงถึงความรุนแรงของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น วัด ได้จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเกิด และหลังเกิดแผ่นดินไหว เช่น ความรู้สึกของผู้คน ลักษณะที่วัตถุหรือ อาคารเสียหายหรือสภาพภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลง เป็นต้น ในกรณีของประเทศไทยใช้ มาตราเมอร์แคลลี่ สำหรับเปรียบเทียบอันดับ ซึ่งมีทั้งหมด 12 อันดับ เรียงลำดับความรุนแรงแผ่นดินไหวจากน้อยไปมาก มาตราริคเตอร์ ขนาดความสัมพันธ์ของขนาดโดยประมาณกับความสั่นสะเทือนใกล้ศูนย์กลาง
              1.0-2.9เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ผู้คนเริ่มมีความรู้สึกถึงการสั่นไหว บางครั้ง รู้สึกเวียนศีรษะ
              3.0-3.9เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ผู้คนที่อยู่ในอาคารรู้สึกเหมือนรถไฟวิ่งผ่าน
              4.0-4.9เกิดการสั่นไหวปานกลาง ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งภายในอาคาร และนอกอาคาร รู้สึกถึงการ สั่นสะเทือน วัตถุห้อยแขวนแกว่งไกว
              5.0-5.9เกิดการสั่นไหวรุนแรงเป็นบริเวณกว้าง เครื่องเรือน และวัตถุมีการเคลื่อนที่
              6.0-6.9เกิดการสั่นไหวรุนแรงมาก อาคารเริ่มเสียหาย พังทลาย
              7.0 ขึ้นไปเกิดการสั่นไหวร้ายแรง อาคาร สิ่งก่อสร้างมีความเสียหายอย่างมาก แผ่นดินแยก วัตถุที่อยู่บนพื้นถูกเหวี่ยงกระเด็น

    มาตราเมอร์แคลลี่ อันดับที่ ลักษณะความรุนแรงโดยเปรียบเทียบ
             Iเป็นอันดับที่อ่อนมาก ตรวจวัดโดยเครื่องมือ
             IIพอรู้สึกได้สำหรับผู้ที่อยู่นิ่ง ๆ ในอาคารสูง ๆ
             IIIพอรู้สึกได้สำหรับผู้อยู่ในบ้าน แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึก
             IVผู้อยู่ในบ้านรู้สึกว่าของในบ้านสั่นไหว
             Vรู้สึกเกือบทุกคน ของในบ้านเริ่มแกว่งไกว
             VIรู้สึกได้กับทุกคนของหนักในบ้านเริ่มเคลื่อนไหว
             VIIทุกคนต่างตกใจ สิ่งก่อสร้างเริ่มปรากฎความเสียหาย
             VIIIเสียหายค่อนข้างมากในอาคารธรรมดา
             IXสิ่งก่อสร้างที่ออกแบบไว้อย่างดี เสียหายมาก
             Xอาคารพัง รางรถไฟบิดงอ
             XIอาคารสิ่งก่อสร้างพังทลายเกือบทั้งหมด ผิวโลกปูดนูนและเลื่อนเป็นคลื่นบน พื้นดินอ่อน
             XIIทำลายหมดทุกอย่าง มองเห็นเป็นคลื่นบนแผ่นดิน

สิ่งสำคัญ คือ ประชาชนต้องพร้อมเรียนรู้เรื่องของการสั้นสะเทือนของแผ่นดินไหว และหาทางปฏิบัติตนเพื่อลดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากการเกิดแผ่นดินไหว




   
อ้างอิงจาก กรมทรัพยากรธรณี

เชิญชวนพุทธศาสนิกชนบรรพชาอุปสมบทและปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่ สมเด็จพระสังฆราช

จังหวัดน่าน เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมบรรพชาอุปสมบทและปฏิบัติธรรม โครงการบวชได้บวชดี บวชฟรีเข้าพรรษา เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

นายเกรียงศักดิ์ เจดีย์แปง ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน ได้รับแจ้งจาก สำนักงานพระพุทธ ศาสนาจังหวัดน่าน ว่า วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดน่าน ได้จัดทำโครงการ บวชได้บวชดี บวชฟรีเข้าพรรษา เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประจำปี 2557 ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาและทุกวันเสาร์แรกของเดือน ณ วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม บ้านผาตูบ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

 ผู้สนใจเข้าร่วมบรรพชาอุปสมบทและปฏิบัติธรรม โครงการบวชได้บวชดี บวชฟรีเข้าพรรษา เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มอำนวยการและกิจการพระพุทธศาสนา โทรศัพท์ 054-775586 หรือ วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม โทรศพัท์ 090-0563220 / 089 – 7110459 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป



รดา บุญยะกาญจน์ / ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

วันพืชมงคล


วันพืชมงคล หรือ ข้างขึ้น เดือน 6หรือวันที่กำหนดพระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีเก่ามาแต่โบราณที่มีความมุ่งหมายเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรของชาติ ระลึกถึงความสำคัญของเกษตรกร ให้เริ่มเพาะปลูกพืชผล โดยเฉพาะเป็นตัวอย่างแก่ราษฎรชักนำให้มีความมั่นใจทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทยมาแต่ช้านานสืบทอดมาจนปัจจุบัน อีกทั้งมีความสำคัญยิ่งแก่การดำรงชีพความเป็นอยู่และการเศรษฐกิจของประเทศไทยทุกยุคทุกสมัย

วันความสำคัญของวันพืชมงคล การเกษตรกรรมนับว่ามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมวลมนุษย์อย่างมาก เพราะธัญญาหารที่บรรดาเหล่าเกษตรกรปลูกได้ในแต่ละปี ถูกนำมาใช้เป็นอาหาร ดัดแปลงเป็นอุปโภคต่าง ๆ เช่น ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค วันพืชมงคล เป็นวันที่จัดขึ้นเพื่อเกี่ยวกับการเพาะปลูก เนื่องจากเห็นความสำคัญของการเมล็ดพืชพันธุ์อันเป็นปัจัจัยสำคัญต่อวิถีการผลิตแบบพึ่งพิงธรรมชาติ นอกเหนือจาการมีแผนดินที่อุดมสมบูรณ์ น้ำฝนที่มีปริมาณเพียงพอ และปัจจัยอื่น ๆ แล้ว หากได้เมล็ดพืชพันธุ์ที่ได้รับการเลือกสรร รวมทั้งเกษตรกรมีขวัญกำลังใจ มีความเชื่อมั่นในการลงทุนเพาะปลูก ทางราชการหรือผู้ปกครองตนให้การดูแลเอาใจใส่ การเกษตรของประเทศจะพัฒนามากยิ่งขิ้น

ด้วยเหตุนี้ ทุกปีทางราชการจึงจัดให้มีพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้น โดยกำหนดในเดือนพฤษภาคมของทุกปี เพราะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา จะได้เตรียมทำนา อันเป็นอาชีพหลักสำคัญของชาวไทยมาแต่โบราณ โดยมีการจัดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มีสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่งพระราชพิธีนี้จะกระทำที่ท้องสนามหลวง ประกอบด้วย 2 พระราชพิธีคือ พระราชพิธีพืชมงคล และพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

วันพระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีทางพุทธศาสนา มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เป็นพิธีสงฆ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎทรงกำหนดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรก เป็นพิธีทำขวัญเมล็ดพืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่ว งา เผือก มัน เป็นต้น ฯลฯ มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้น ปราศจากโรคภัยและให้อุดมสมบูรณ์เจริญงอกงามดี พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีทางศาสนาพราหมณ์ เป็นพิธีพราหมณ์มีมาแต่โบราณ เป็นพิธีเริ่มต้นการไถนาเพื่อหว่านเมล็ดข้าว มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เป็นอาณัติสัญญาณว่า บัดนี้ฤดูกาลแห่งการทำนาและเพาะปลูกได้เริ่มขึ้นแล้ว

วันพระราชพิธีทั้งสองนี้ ได้กระทำเต็มรูปแบบมาเรื่อย ๆ จนถึงปี พ.ศ. 2479 ได้เว้นไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ด้วยสถานการณ์โลกและบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่สมควรจะจัดงานใด ๆ จึงว่างเว้นไป 10 ปี ต่อมาทางราชการพิจารณาเห็นว่าประเทศไทย เป็นประเทศกสิกรรม โดยเฉพาะทำนาควรจะได้ฟื้นฟู ประเพณีเก่าอันเป็นมงคลแก่การเพาะปลูก ดังนั้น ใน พ.ศ. 2490 จึงกำหนดให้มีพิธีพีชมงคลขึ้นอีก แต่มีแค่พระราชพิธีพืชมงคลเท่านั้น (พิธีเต็มรูปแบบว่างเว้นไปถึง 23 ปี) ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2503 จึงจัดให้มีราชพิธีจรดพระนาคัลแรกนาขวัญร่วมกับพิธีพืชมงคลนับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้จึงจัดให้เป็นวันสำคัญของชาติ พิธีกรรมวันพืชมงคลในปัจจุบัน

วันพืชมงคล หรือ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปัจจุบันได้ดำเนินตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี เว้นแต่บางอย่างได้มีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับกาลสมัย อาทิ พิธีของพราหมณ์ก็มีการตัดทอนให้เหลือน้อยลง พระยาแรกนาขวัญก็ให้ตกเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรพระราชพิธีทุกปี มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทูตานุฑูต และประชาชนจำนวนมากมาชมการแรกนาขวัญ เมื่อเสร็จพิธี ประชาชนจะพากันแย่งเก็บเมล็ดข้าว นำไปผสมกับพันธุ์ข้าวที่ปลูกหรือเก็บไว้เป็นถุงเงินเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันพืชมงคล
    วัน๑. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ
    วัน ๒. จัดนิทรรศการ แสดงประวัติความเป็นมา และความสำคัญของวันพืชมงคล รวมทั้งพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ "

วันปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว คนส่วนใหญ่อาจละเลยพิธีกรรมจารีตประเพณีวัฒนธรรมที่สำคัญๆมาแต่สมัยโบราณ ดังนั้นเราประชาชนชาวไทยจึงควรช่วยกันสืบสานและให้กำลังใจเกษตรกรไทยหรือสันหลังของชาติ ที่ปลูกข้าวให้เราได้รับประทานกันอยู่ทุกวัน กำลังใจคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกษตรกรได้สู้ต่อไป จะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยต้นข้าวนั้นก็ยังสำคัญสำหรับคนไทย หากไม่มีเกษตรกรไทยต้นข้าวก็คงเกิดขึ้นมาเองไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรจากประเทศที่ไร้กระดูกสันหลังในการขับเคลื่อนพัฒนาให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าต่อไป"

วันต้นไม้ประจำปีแห่งชาติ

ป่าไม้ นับเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญในด้านสังคมและเศรษฐกิจ เมื่อจำนวนประชากรของประเทศเพิ่มขึ้น ความต้องการในด้านบริโภคย่อมขยายตัวตามไปด้วย แต่เนื่องจากทรัพยากรบางประเภทมีอยู่อย่างจำกัด เช่น ที่ดิน ป่าไม้ สินแร่ น้ำมัน ฯลฯ โดยเฉพาะทรัพยากรป่าไม้ เป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ได้โดยง่าย แต่การปลูกทดแทนต้องรอเวลาและใช้งบประมาณสูงในการดูแลรักษาทำนุบำรุง ดังนั้น ปลายปี 2528 รัฐบาลจึงได้ประกาศ "นโยบายป่าไม้แห่งชาติ” เพื่อให้การจัดการและการพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ สามารถกระทำได้อย่างต่อเนื่องเป็นแผนระยะยาว

คุณประโยชน์ป่าไม้ สำหรับมนุษย์และสัตว์ มีทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรง ได้แก่ การนำมาเป็นอาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย ทำเส้นใยเครื่องนุ่งห่ม ทำสิ่งปลูกสร้างอาศัย ใช้เป็นวัตถุเคมี ฯลฯ และ ทางอ้อม ป่าไม้เป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้ฝนตก และทำให้เกิดความชุ่มชื้น ช่วยบรรเทาความรุนแรงของพายุ ช่วยป้องกันการพังทลายของหน้าดิน เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ฯลฯ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ป่าไม้ได้ถูกทำลายอย่างรวดเร็วทั้งจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ การตัดไม้ทำลายป่า

สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 มกราคม2532 กำหนดให้วันวิสาขบูชาของทุกปี เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ และในปี 2557 วันวิสาขบูชา ตรงกับวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2557 ประกอบกับในวันที่ 2 เมษายน 2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา เพื่อให้ตระหนักถึงคุณค่าและประโยชน์ของทรัพยากรป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ในพื้นที่อนุรักษ์ต่าง ๆ สำหรับในพื้นที่จังหวัดน่าน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ได้จัดกิจกรรมโครงการฟื้นฟูป่าเนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ ประจำปี 2557 ขึ้น ในวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2557 เวลา 10.00 น. ณ บ้านดอนไชย หมู่ที่ 6 ตำบลสิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่าน ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน ดังนั้น จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมปลูกไม้ ในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ ประจำปี 2557 โดยทั่วกัน



พวงพยอม  คำมุง / ข่าว

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เตือนประชาชนเฝ้าระวังการเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อไปอีก 3 – 6 ชั่วโมง

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติแจ้งเตือนประชาชน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุดินเลื่อนไหล ดินถล่มหรือยุบตัว และเฝ้าระวังเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อไปอีก 3-6 ชั่วโมง

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แจ้งว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 6.3 ตามมาตรฐาน ริกเตอร์ บริเวณ อ.พาน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 57 เวลา 18.08 น. อาจส่งผลกระทบให้สภาพทางกายภาพของหน้าดินในพื้นที่ใกล้บริเวณประสบภัยเปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ในพื้นที่ประสบแผ่นดินไหว บริเวณจังหวัดลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ และจังหวัดน่าน สำหรับพยากรณ์อากาศ ในช่วงวันที่ 8 – 10 พฤษภาคม 2557 ภาคเหนือมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนและภาคตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 26 องศาเซลเซียล อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียล ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชั่วโมง ส่วนในช่วงวันที่ 11 -14 พฤษภาคม มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30 – 40 ของพื้นที่กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ดังนั้น จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอันตราย ที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุดินเลื่อนไหล ดินถล่ม หรือยุบตัว ที่ยังคงอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อเนื่องขึ้นอีก และขอให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ได้เฝ้าระวังและระมัดระวังเหตุดินเลื่อนไหล ดินถล่ม หรือยุบตัว โดยให้พักอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัยต่อไปอีก 3-6 ชั่วโมง หากมีข้อมูลเปลี่ยนแปลง ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จะแจ้งข้อมูลให้ทราบเป็นระยะต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ www.ndwc.go.th




รดา บุญยะกาญจน์ / ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน

จังหวัดน่าน ขับเคลื่อนโครงการห้องเรียนสุขภาพ ตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพ-รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สืบเนื่องจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน ได้ดำเนินงานโครงการสุขภาพภูฟ้า ด้วยความร่วมมือของเครือข่ายสุขภาพจังหวัดน่านทุกอำเภอ และได้กำหนดหมู่บ้านเพื่อสร้างแกนนำในการสื่อสาร ความรู้ ข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพ พร้อมสนับสนุนวัสดุครุภัณฑ์ในการสื่อสารไปแล้วนั้น

เพื่อให้เกิดประโยชน์และมีความต่อเนื่องของโครงการสุขภาพภูฟ้า ภาคีเครือข่าย ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน กองสุขศึกษา กระทรวงสาธารณสุข วิทยาลัยชุมชน สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดน่าน โรงพยาบาลน่าน และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน ได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการห้องเรียนสุขภาพ ตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการ หลักสูตร วิชาการ และคู่มือการเรียนการสอนโครงการห้องเรียนสุขภาพ โดยมุ่งเป้าหมายในการลดปัญหาสุขภาพที่สำคัญในพื้นที่ เช่น โรคพยาธิ แอลกอฮอล์ สิ่งแวดล้อม ในหมู่บ้านเป้าหมายให้มีการปรับเปลี่ยนปัจจัยแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (หมู่บ้านจัดการสุขภาพ) และพัฒนาศักยภาพแกนนำได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และมีการรับรองคุณวุฒิด้านการศึกษา ซึ่งต้องมีการศึกษาร่วมกันในเชิงวิจัย และพัฒนาควบคู่กันไป

ในความห่วงใยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อพระองค์เสด็จเยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่ศูนย์สุขภาพภูฟ้า ความว่า "...ปัญหาที่เจออีกอย่างนอกจากเข้าถึงบริการรักษา และการรักษาต่อเนื่องของผู้ป่วยแล้ว คือความไม่เข้าใจระบบการรักษาต่อเนื่อง หากมีการสร้างความเข้าใจให้รู้การรักษาได้และสอนให้รู้โทษสิ่งที่เป็นพิษภัยต่อสุขภาพ อย่างเช่น โรคพยาธิ หากเราสามารถพูดสร้างความเข้าใจ แล้วเขานำไปปฏิบัติ โรคพยาธิก็จะไม่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็สามารถตัดวงจรของโรคได้ เด็กนักเรียนก็ไม่จ๋อยลง (จ๋อย คือ ผอม)...” ดังนั้น ภาคีเครือข่าย จึงร่วมกันขับเคลื่อนโครงการห้องเรียนสุขภาพ ตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยการจัดหลักสูตรเพื่อสุขภาพ และจัดรายการเพื่อสุขภาพ เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพ การป้องโรคในชุมชน หากประชาชนมีความเข้าใจ สามารถนำไปปฏิบัติ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สุขภาพก็จะยั่งยืนต่อไปได้



พวงพยอม  คำมุง / ข่าว

กรมการปกครองจัดโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ประจำปี 2557


กรมการปกครองจัดฝึกอบรมปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย ตามโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ประจำปี 2557 รุ่นที่ 2 ณ ห้องประชุม โรงแรมเชียงใหม่ออคิด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

วานนี้ (7 พฤษภาคม 2557) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม โรงแรมเชียงใหม่ออคิด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายสถาพร ศิริภักดี รองอธิบดีกรมการปกครอง ได้เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย ตามโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ประจำปี 2557 ในการฝึกอบรมครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 2 ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2557 มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมประกอบด้วย ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 188 อำเภอๆ ละ 1 คน รวม 188 คน โดยมีปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายอำเภอในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

นายสถาพร ศิริภักดี รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่าการขับเคลื่อนแนวทางการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ถือเป็นภารกิจสำคัญของกรมการปกครอง ซึ่งเป็นการต่อยอดการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความรู้สู่ความเข้าใจในระดับหมู่บ้าน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกฝังแนวคิดและวิธีปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยมีหลักการเบื้องต้นที่สำคัญของวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย 4 ด้าน ได้แก่ 1. การยึดถือหลักกฎหมาย ความมีเหตุผล และสันติวิธี โดยแต่ละฝ่ายเคารพความเท่าเทียมและพยายามที่จะเรียนรู้การอยู่ร่วมกันด้วยการแบ่งปันกัน เอื้ออาทรต่อกัน และไม่ใช่ความรุนแรงเป็นทางเลือกเมื่อเกิดความขัดแย้ง 2. การปฏิบัติตามเสียงข้างมาก รับฟังเสียงข้างน้อย การตัดสินใจโดยสียงข้างมากมิได้หมายความว่าเสียงข้างมากนั้นจะถูกต้องเสมอไปแต่อาจจะถูกต้องและเหมาะสมในสถานการณ์หนึ่งก็ได้ เสียงข้างน้อยอาจจะเหมาะสมกับอีกสถานการณ์หนึ่ง อีกเวลาหนึ่ง ดังนั้นการยอมรับสิทธิของเสียงข้างน้อย จึงมีความสำคัญและที่สำคัญคือต้องอยู่ร่วมกันได้ระหว่างเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย 3. ความรับผิดชอบและเสียสละเพื่อส่วนรวม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง 4. การมีส่วนร่วมกิจกรรมทางสังคมและการเมือง โดยประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการปกครองตนเองในระดับต่างๆ อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ระดับ หมู่บ้าน/ชุมชนตำบล อำเภอ ไปจนถึงระดับจังหวัดและระดับประเทศ

รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เมื่อสังคมระดับรากฐานมีความเข้าใจและมีความเข้มแข็งทางความคิดและนำไปรับใช้ในวิถีชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริงแล้ว ก็จะสามารถขยายผลไปสู่สังคมในระดับที่ใหญ่ขึ้นต่อไป และจะทำให้สังคมระดับประเทศมีความเข้มแข็ง คนในชาติมีความปรองดองและสามัคคีกันอย่างยั่งยืน โดยมีความหวังว่าปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย ที่เข้ารับการฝึกอบรมในวันนี้จะได้รับความรู้และประสบการณ์จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปปรับใช้และขยายผลได้อย่างเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่สัมฤทธิผลที่สำคัญของโครงการคือ อาสาสมัครต้นแบบประชาธิปไตย สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยในระดับหมู่บ้านให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยในครั้งนี้มี หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย มาบรรยายพิเศษการปกครองใรระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย

กรมการปกครองได้จัดฝึกอบรมปลัดอำเภอฯ ตามโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ประจำปี 2557 จำนวน 878 อำเภอๆละ 1 คน รวม 878 คน โดยแบ่งการฝึกอบรมออกเป็น 4 รุ่น (4 ภาค) ระหว่างวันที่ 21 เมษายน- 21 พฤษภาคม 2557


ข่าวโดย : ไผท สุวรรณเสวตร/พรไพลิน นุชเครือ
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน 1st Domestic MICE Mart (DMM2014)


จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) จัดงาน 1st Domestic MICE Mart (DMM2014) เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข้อมูลข่าวสารด้านการบริการในอุตสาหกรรมไมซ์ ตลอดจนการสร้างกิจกรรมเจรจาธุรกิจให้กับผู้ซื้อผู้ขายได้พบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และการให้ความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมไมซ์ในประเทศ

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2557 เวลา 13.00 น. นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน งาน 1st Domestic MICE Mart (DMM2014) ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคเหนือกระตุ้นให้เกิดการจัดงานประชุมสัมมนา นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการได้ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมดีไมซ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะเมืองไมซ์ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา และภูเก็ต สร้างความพร้อมในการรองรับการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าที่ได้ระดับมาตรฐานสากล สำหรับปีนี้ทางองค์กรยังดำเนินการตามแผนแม่บท 5 ปี เชียงใหม่ไมซ์ซิตี้ เน้นการตลาดและการขายเชิงรุก เปิดตัวโครงการ 1st D-MICE Mart หรืองาน ไมซ์มาร์ทครั้งที่ 1 ณ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการไมซ์ได้นำเสนอสินค้าและบริการไมซ์ในประเทศ

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับปี 2557 จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ของจังหวัดโดยเน้นการส่งเสริมตลาดภูมิภาคผ่านกรอบความร่วมมือ GMS/BINSTEC และเมืองพี่เมืองน้องของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยกระดับเชียงใหม่ให้เป็นเมืองจุดหมายการประชุมระดับนานาชาติ Global MICE City โดยใน 2-3 ปีข้างหน้าจะมุ่งเน้นตลาดประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก โดยทางจังหวัดจะมีบทบาทให้การสนับสนุนใน 3 แนวทาง คือ จะดำเนินตามนโยบายของรัฐ กำหนดให้ MICE Destination เป็นนโยบายและกลยุทธ์หลักในการพัฒนาเมือง รวมทั้งการสนับสนุนการพัฒนาสาธารณูปโภค การปรับปรุงระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับโครงการอย่างจริงจัง จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนนโยบาย ประสานงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบเพื่อผลักดันให้เชียงใหม่เป็น MICE Destination อย่างแท้จริง และต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน สร้างพันธสัญญาในกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับผู้บริหาร ผู้กำหนดนโยบาย เพื่อให้ไมซ์ของจังหวัดเชียงใหม่มีการดำเนินการอย่างมีทิศทางและเป้าหมายร่วมกัน


ข่าวโดย : ไผท สุวรรณเสวตร/พัชรินทร์ คำนาศักดิ์/คริษฐ์ ศุกรภา
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เข้ายื่นหนังสือ เพื่อเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีที่ยังคงรักษาการที่เหลือเป็นผู้มีอำนาจ และดำเนินการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีรักษาการ


กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีที่ยังคงรักษาการที่เหลือเป็นผู้มีอำนาจ และดำเนินการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีรักษาการ เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน เพื่อความเหมาะสมในการบริหารงานราชการแผ่นดินต่อไป

วันนี้ (8 พ.ค. 57) เวลา 12.00 น. นายวรวุฒิ รุจนาภินันท์ แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยื่นหนังสือต่อ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ณ หน้าอาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

นายวรวุฒิ รุจนาภินันท์ เปิดเผยว่า จากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการอ่านคำวินิจฉัยที่ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก้าวก่ายแทรกแซงโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี ตามคำร้องโดยอ้างกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 266 มีผลให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวพร้อมกับคณะรัฐมนตรีอีก 9 คน ที่ร่วมประชุม และลงมติโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงไปด้วย ส่วนคณะรัฐมนตรีคนอื่นยังคงรักษาการจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นั้น ทางกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จึงได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
    1.ขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีที่ยังคงรักษาการที่เหลือเป็นผู้มีอำนาจ และดำเนินการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีรักษาการ เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน เพื่อความเหมาะสมในการบริหารงานราชการแผ่นดินต่อไป 2.ขอเรียกร้อง ให้อำนาจหน้าที่ในการขอพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง เป็นหน้าที่ของบุคคลใดก็ตามที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คณะรัฐมนตรีที่ยังคงรักษาการ ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจเด็ดขาดในการยื่นขอถวายพระราชกฤษฎีกา การเลือกตั้งโดยชอบด้วยอำนาจทั้งปวง 3.กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จะคัดค้านวิธีการหรือกระบวนการใด ก็ตามที่เกิดขึ้น ภายใต้บุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอิสระใดๆ ที่กระทำการก้าวล่วงใช้อำนาจของตนในทิศทางที่ไม่เหมาะสม และไม่ประพฤติตน ตามกรอบแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปและขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุม ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายตามระบอบประชาธิปไตย



ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

วันนี้ (8 พฤษภาคม 2557) เวลา 11.30 น. จังหวัดเชียงราย ได้เชิญสื่อมวลชนทุกสาขาร่วมรับฟังการแถลงข่าว สถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว


วันนี้ (8 พฤษภาคม 2557) เวลา 11.30 น. จังหวัดเชียงราย ได้เชิญสื่อมวลชนทุกสาขาร่วมรับฟังการแถลงข่าว สถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ณ ห้องอู่หลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าว คือ

     1. ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ)
     2. ตัวแทนจากกรมอุตุนิยมวิทยา
     3. ผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
     4. ผู้แทนจากสำนักงานโยธาธิการจังหวัดเชียงราย
     5. ผู้แทนจังหวัดทหารบกเชียงราย
      6. ผู้แทนศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย



นันทวรรณ กันคำ/ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดลำพูน แจงปัญหายาเสพติด คาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอีก 6 เดือนหน้า ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนสั่ง เร่งปราบปรามอย่างจริงจัง


ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.จ.ลพ.) จัดประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานถึงสภาพปัญหายาเสพติดในพื้นที่ คาดว่าแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช้าวันนี้ ( 8 พฤษภาคม 2557 ) ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม เพื่อติดตามผลการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม

สำหรับสถานการณ์ปัญหายาเสพติดของจังหวัดลำพูน ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูนได้จับกุมและดำเนินคดีประเภทยาเสพติด ตั้งแต่ เดือนตุลาคม 2556 – เมษายน 2557 สามารถจับกุมคดียาเสพติด 795 ราย ผู้ต้องหา 848 คน ได้ของกลางยาบ้า 1.3 ล้านเม็ดเศษ ยาไอซ์ , กัญชา , ฝิ่น และสารระเหยอีกจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมผู้จำหน่ายยาเสพติด 86 ราย ผู้ต้องหา 101 คน สำหรับที่อำเภอเมืองจับกุมคดียาเสพติดได้มากที่สุดสถานที่จับกุมส่วนใหญ่พบอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ มีคนงานพักอยู่อาศัยประมาณ 50,000 คน เมื่อเปรียบเทียบสถิติของปัญหายาเสพติดปัจจุบันเทียบกับปี 2556 พบว่า ปี 2557 มีจำนวนผู้กระทำผิดมากกว่า และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยเน้นย้ำในหมู่บ้านและชุมชน พื้นที่เสี่ยง ทุกแห่ง



ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

จังหวัดลำพูน เดินหน้าติดตั้งกล้อง CCTV เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม


เช้าวันนี้ ( 8 พฤษภาคม 2557 ) ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.จ.ลพ.) เพื่อเฝ้าระวังและติดตามปัญหาของยาเสพติดและอาชญากรรมที่เกิดขึ้น เพื่อร่วมกันหาวิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหา เพิ่มการควบคุมดูแลพื้นที่เสี่ยง สถานบันเทิง ย่านชุมชนหนาแน่ และการติดตั้งกล้อง CCTV

สำหรับการติดตั้งกล้อง CCTV จังหวัดลำพูนได้รับงินจัดสรรงบประมาณจาดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ให้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ตามพื้นที่ที่มีการประทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำซาก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สามารถตรวจสอบดูแล เฝ้าระวังความปลอดภัยของทรัพย์สิน ความสงบเรียบร้อยตรงจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง สามารถแจ้งความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ทันท่วงที

นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า จังหวัดลำพูนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบกล้องวงจรปิดที่ใช้รักษาความปลอดภัยที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกหน่วยงาน เพื่อที่จะนำระบบไปใช้ดูแลรักษาความปลอดภัยในเมืองลำพูน โดยมีศูนย์รวมเก็บข้อมูลชองระบบและเฝ้าระวังหรือที่เรียกว่าห้องวอลรูม ( war room ) ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมในการเฝ้าระวัง อุบัติเหตุและอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามจุดเสี่ยงต่างๆได้อย่างจริงจัง


ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ประกาศห้ามรถทุกชนิดเดินในถนนรอบเมือง ตั้งแต่แยกเชิงสะพานท่าขาม ถึงแยกร้านเพชรา ในวันที่ 12-13 พฤษภาคมนี้


พันตำรวจเอก จรัญฌิ์ เริงธรรม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนร่วมกับจังหวัดลำพูน วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร กำหนดจัดงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 6-13 พฤษภาคม 2557 ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เพื่อเป็นการอนุรักษ์และส่งเสริมประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัยให้สืบทอดต่อไป รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูน ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกและปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนในเส้นทางดังกล่าว ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูนจึงออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดลำพูน ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ว่าด้วย การห้ามรถทุกชนิดเดินในถนนรอบเมือง เป็นการชั่วคราว พ.ศ.2557 โดยห้ามรถทุกชนิดเดินในถนนรอบเมืองทั้ง 2 ช่องทางจราจร ตั้งแต่แยกเชิงสะพานท่าขาม ถึงแยกร้านเพชรา เป็นการชั่วคราว ในวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2557 เวลา 08.00-19.00 น.

ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูนขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนทราบและขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525565
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

สำนักงานสหกรณ์จังหวัดลำพูน เตรียมจัดงานวันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนแห่งชาติ 7 มิถุนายน 2557 เพื่อสนองต่อพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี


สำนักงานสหกรณ์จังหวัดลำพูน กำหนดจัดงานวันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนแห่งชาติ 2557 ในวันที่ 7 มิถุนายน นี้ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความความตะหนักเรื่องการสหกรณ์แก่นักเรียนและสนับสนุนการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านสหกรณ์

นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานแนวพระราชดำริให้โรงเรียนต่างๆ จัดการสอนการสหกรณ์เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้โดยเมื่อจบการศึกษาสามารถเป็นสมาชิกสหกรณ์ที่ดีกับสหกรณ์ เพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้แก่ครอบครัว และร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้ดีขึ้น กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงกำหนดให้วันที่ 7 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนแห่งชาติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงริเริ่มโครงการดังกล่าว

สำหรับจังหวัดลำพูน คณะอนุกรรมการกำกับและขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านสหกรณ์ ได้กำหนดจัดงาน “ 7 มิถุนายน วันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน ” เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมวาระแห่งชาติด้านสหกรณ์ให้แพร่หลาย ในงานมีการจัดนิทรรศการสื่อการสอนสหกรณ์ในโรงเรียน การประกวดเรียงความสหกรณ์ การจัดทำบัญชีสหกรณ์นักเรียน และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับรายละเอียดและสถานที่จัดงาน สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา เขต 1 ซึ่งเป็นหน่วยงานดำเนินการจัดกิจกรรมนี้ จะพิจารณาสถานที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง



ข่าวโดย : นศ.ฝึกประสบการณ์ นางสาวรุจิรา เสนานุช
    หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำพูน

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติเตือนประชาชน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุดินเลื่อนไหล ดินถล่มหรือยุบตัว


ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติแจ้งเตือนประชาชน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุดินเลื่อนไหล ดินถล่มหรือยุบตัว และเฝ้าระวังเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อไปอีก 3-6 ชั่วโมง

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แจ้งว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 6.3 ตามมาตรฐานริกเตอร์ บริเวณ อ.พาน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 57 เวลา 18.08 น. อาจส่งผลกระทบให้สภาพทางกายภาพของหน้าดินในพื้นที่ใกล้บริเวณประสบภัยเปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ในพื้นที่ประสบแผ่นดินไหว บริเวณจังหวัดลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ และจังหวัดน่าน ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุดินเลื่อนไหล ดินถล่มหรือยุบตัว ขณะนี้ (เวลา 12.00 น. วันที่ 8 พ.ค.57) ยังคงเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว โปรดระมัดระวังโดยยังคงให้พักอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัยต่อไปอีก 3-6 ชั่วโมง หากมีข้อมูลเปลี่ยนแปลง ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จะแจ้งข้อมูลให้ทราบเป็นระยะต่อไป

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ www.ndwc.go.th



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525565
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

ผู้ว่าฯ ลำพูน สั่งการทุกหน่วยงานตรวจสอบความเสียหายและการต้องการความช่วยเหลือจากสถานการณ์แผ่นดินไหว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวบนบกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 18.08 น. ขนาด 6.3 ตามมาตราวัดริกเตอร์ ที่ความลึก 10 กิโลเมตร ศูนย์กลางที่ละติจูด 19.84 องศา ลองจิจูด 99.66 องศาตะวันออก บริเวณ ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย พื้นที่จังหวัดลำพูน เป็นจังหวัดหนึ่งที่รับรู้ถึงความรู้สึกสั่นไหวจากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น และได้แจ้งประสานให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดลำพูน ทำการสำรวจตรวจสอบผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้น ในความรับผิดชอบ เช่น อาคารสถานที่ราชการ โบราณสถาน วัด สิ่งสาธารณประโยชน์ ถนน สะพาน อ่างเก็บน้ำ ฝายกักเก็บน้ำ ฯลฯ รวมทั้งแจ้งอำเภอทุกอำเภอให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทำการสำรวจตรวจสอบผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์แผ่นดินไหว การต้องการความช่วยเหลือ แล้วรายงานให้จังหวัดลำพูนทราบโดยเร็ว ทางโทรสารสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน หมายเลข 0-5356-2963 ตลอดจนประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ที่อยู่ในอาคารสูง หรือพื้นที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวของจังหวัด ระมัดระวังอันตรายจากการเกิดแผ่นดินไหว รวมทั้งแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ตรวจสอบอาคาร โรงงาน ป้ายโฆษณา ที่จะเสี่ยงต่อการเสียหาย ให้ดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันจังหวัดลำพูนยังไม่มีรายงานความเสียหายแต่อย่างใด

หากประชาชนพบเห็นอุบัติเหตุ ภัยพิบัติ หรือต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้บ้าน หรือสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน โทรศัพท์หมายเลข 0-5356-2963 หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง



ข่าวโดย : ชาลิสา วัฒนะโชติ 053525565
    หน่วยงาน : สวท.ลำพูน

อขส. ยืนยันความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหวที่ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

อขส. ยืนยันความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหวที่ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย นายสุเทพ เลิศศรีมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ (อขส.)จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๘ น. ขนาด ๖.๓ ริคเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ห่างจากเขื่อนสิริกิติ์ ๒๓๒ กิโลเมตร จากการตรวจสอบเขื่อนสิริกิติ์ ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว สภาพภายนอกของเขื่อนปกติดี เนื่องจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างไกลจากเขื่อนสิริกิติ์ ส่งผลให้แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นที่ศูนย์กลางแผ่นดินไหวส่งแรงมาที่เขื่อนมีค่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่ออกแบบมาก จึงไม่มีผลกระทบกับเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเขื่อนได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางที่เขื่อน ขนาด ๗.๐ ริคเตอร์ จึงขอให้ประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัยของเขื่อนและการทำงานของเจ้าหน้าที่ของ กฟผ. ที่มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเพื่อความปลอดภัยของเขื่อนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อการใช้งานและความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ ประชุม War Room เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรค ไข้หวัดใหญ่ พร้อมจัดการรณรงค์ใหญ่ในเขตการศึกษาให้ความรู้กับนักเรียนและผู้ปกครอง ในช่วงที่จะเปิดภาคเรียนนี้

นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในการประชุม war room เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่จังหวัดอุตรดิตถ์ มี นายแพทย์ภูรีวรรณ์ โชคเกิด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยนางอมรรัตน์ จันทร์สุข หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สสจ.อุตรดิตถ์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนถิ่น เข้าร่วมประชุมถึงแนวทางการวินิจัยและดูแลรักษาผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยไข้หวัดใหญ่ การติดตามอาการ เนื่องจากขณะนี้เกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในหลายพื้นที่ ซึ่งจะต้องร่วมดำเนินการตามมาตรการอย่างจริงจัง

สำหรับสถานการณ์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม – ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ได้รับการรายงานผู้ป่วยจำนวน ๖๙๐ ราย คิดเป็นอัตราป่วย ๑๔๙.๖๘ ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต เพศชาย ๓๒๙ ราย หญิง ๓๖๑ ราย กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ ๐ -๔ ปี จำนวนผู้ป่วยเท่ากับ ๑๒๕ ราย รองลงมาคือกลุ่มอายุ ๕ – ๙ ปี การดำเนินงานในปัจจุบันเน้นนโยบายการรักษาด้วยยา Tamiflu ภายใน ๔๘ ชั่งโมง และกลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ครบทุกราย ในส่วนของโรงพยาบาลศูนย์ได้เตรียมยา Tamiflu จำนวน ๕๐ ราย/สัปดาห์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.) เตรียมยา tamiflu ๑๐ ราย/สัปดาห์ โดยในวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จะจัดการรณรงค์ใหญ่ในเรื่องไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก ในส่วนของเขตการศึกษาได้เตรียมทำเรื่องรณรงค์ให้ความรู้กับนักเรียนและผู้ปกครอง ในช่วงที่จะเปิดภาคเรียนในปีศึกษาเดือนนี้ ทั้งนี้สำนักงานจังหวัดอุตรดิตถ์ได้เฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งการเตรียมรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่ไว้พร้อมแล้ว



ข่าว/สุรีย์ แสงทอง สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์

ศพส.จังหวัดอุตรดิตถ์ ใช้งบประมาณกว่า ๒ ล้านบาท จัดฝึกอบรมโครงการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพยาเสพติด ปี ๒๕๕๗ จำนวน ๓๐๐ คน โดยใช้กระบวนการชุมชนและหลักสูตร Fast Model อย่างย่อของกระทรวงสาธารณสุข ตามแผนพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ

เพื่อสนองนโยบายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลที่ให้ทุกหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทุกระดับปฏิบัติการในการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ทำให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในภาพรวมประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดอุตรดิตถ์ (ศพส.จ.อต.) ได้จัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติดโครงการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพติด (โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองฝ่ายปกครอง) โดยมอบภารกิจให้ที่ทำการปกครองจังหวัดดำเนินการบำบัดรักษา แก้ไขผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดระบบสมัครใจ โดยใช้กระบวนการชุมชนและหลักสูตร Fast Model อย่างย่อ ของกระทรวงสาธารณสุข ระยะเวลา ๑๕ วัน เพื่อรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย จิตใจ และฝึกอบรมอาชีพให้ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีของสังคมไม่หวนกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำอีก จำนวน ๕ รุ่นๆ ละ ๖๐ คน รวมทั้งสิ้น ๓๐๐ คน งบประมาณดำเนินการ ๒,๐๔๕,๓๐๐ บาท โดยในวันนี้ (๘ พ.ค.๕๗) เป็นการจัดฝึกอบรมฯ รุ่นแรก ดำเนินการระหว่างวันที่ ๕ – ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองฝ่ายปกครองจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้เข้าอบรมถือเป็นผู้ป่วยที่ต้องรักษาสมัครใจ มีนายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดอบรมฯ พร้อมให้กำลังใจผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนที่สมัครใจจะกลับมาเป็นคนดีของสังคมต่อไป

จังหวัดอุทัยธานี เชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชาโลก ในวันอังคารที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม อ.เมือง จ.อุทัยธานี

นายเสถียรพงศ์ มากศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า จังหวัดอุทัยธานี กำหนดจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชาได้กำหนดให้มีกิจกรรมการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ พิธีเจริญจิตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และ พิธีเวียนเทียน ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเวียนเทียน ขอเชิญร่วมกิจกรรม " เดิน – วิ่ง สมาธิ วิสาขะพุทธบูชา ถือศีลห้า ลด ละ อบายมุข ปี ๒๕๕๗ ” ด้วย

ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปแต่งกายชุดสีขาว หรือ ชุดปฏิบัติธรรมสีขาว ร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชาโลก ในวันอังคารที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (วัดทุ่งแก้ว) อ.เมือง จ.อุทัยธานี หรือ วัดใกล้บ้านท่านโดยพร้อมเพรียงกัน

"เมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เกษตรปลอดภัย สังคมอุทัยผาสุก”



ชลธิชา สุวรรณ ส.ปชส.อุทัยธานี ข่าว/พิมพ์/ทาน

จังหวัดอุทัยธานี เร่งแจกจ่ายพืชอาหารสัตว์ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ หลังจากที่ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน อาหารสัตว์เริ่มขาดแคลน

เมื่อวันที่ ( 8พ.ค.57) เวลา 09.00 น. นายบุญเลิศ พรหมจิรโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เป็นประธานในการมอบฟางอัดฟ่อนจำนวน 14,000 ฟ่อน และหญ้าเนเปียร์หมักอีกจำนวน 2,000 ถุง ที่ได้สำรองจัดเก็บไว้ที่โรงเก็บพัสดุ ศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยี ต.หนองแก อ.เมือง จ.อุทัยธานี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่เลี้ยงโค กระเบือ ในพื้นที่ของจังหวัดอุทัยธานี ที่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนพืชอาหารในช่วงหน้าแล้ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า จังหวัดอุทัยธานีประสบปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี และได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุทัยธานีดำเนินการจัดทำโครงการธนาคารเพื่ออาหารสัตว์ และโครงการปลูกพืชอาหารสัตว์ด้านสารอินทรีย์ จัดหาเสบียงอาหารสัตว์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้านปศุสัตว์ที่ประสพปัญหาภัยพิบัติต่าง ๆ สำรองใว้แจกจ่ายให้แก่เกษตรกรในช่วงที่ประสพภัยอย่างเพียงพอ ทั่วถึง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนใจเบื้องต้น คาดว่าอีกไม่นานภัยแล้งก็จะคลี่คลาย



ดำรง   โค่นถอน   ส.ปชส.อุทัยธานี   ภาพ/ข่าว
 
   
   
   
   
   


   

ททท.กำแพงเพชร จัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกีฬา จังหวัดกำแพงเพชร

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ที่ ห้องประชุมเยาวมาลย์ ชั้น 7 โรงแรมชากังราว ริเวอร์วิว อ.เมืองกำแพงเพชร นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกีฬา จังหวัดกำแพงเพชร โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้นำทางด้านกีฬาในแต่ละตำบลของจังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลงานด้านกีฬาและนันทนาการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 106 คน

กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกีฬา นั้น ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารด้านการกีฬา ให้มีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้หันมาเล่นกีฬา การเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพทางกายดีแล้ว สุขภาพจิตจะดีตามไปด้วย ช่วยให้รู้จักเคารพในกติกาของกีฬาแต่ละอย่าง รู้แพ้รู้ชนะ มีน้ำใจนักกีฬา และมักจะไม่หันเหไปมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

การดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกีฬา จังหวัดกำแพงเพชร ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชนในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นอย่างดี



นิพนธ์ รอดทรัพย์ / ข่าว 
ผู้ตรวจ นายรวีโรจน์ ส่องศรี 
ประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร

สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลก จะดำเนินการออกรับบริจาคโลหิต ประจำเดือน พฤษภาคม 2557 ตามแผนกำหนดการรับบริจาคโลหิต

นายระพี ผ่องบุพกิจ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลก จะดำเนินการออกรับบริจาคโลหิต ประจำเดือน พฤษภาคม 2557 ตามแผนกำหนดการรับบริจาคโลหิต

จึงขอเชิญชวนบุคคลที่สนใจร่วมบริจาคโลหิต ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว 

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก จัดพิธีบำเพ็ญกุศล เพื่อเป็นการบูชาองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช ในโอกาสครบ 657 ปี

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พระธรรมเสนานุวัตร รองเจ้าคณะภาค 5 เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ และ พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล และพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อเป็นการบูชาองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช เนื่องในโอกาสครบ 657 ปี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุธศาสนิกชนร่วมงานเป็นจำนวนมาก สำหรับพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท จัดเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทย และได้รับการขนานนามว่าเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดในโลกองค์หนึ่ง ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในปีใด แต่มีการสันนิษฐานโดยอ้างอิงตามพงศาวดารเหนือ คาดว่าน่าจะสร้างพร้อมกับพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ในรัชสมัย พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท)

จากนั้นจึงมีการลงรักปิดทององค์พระเป็นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการบูรณะ ลงรักปิดทองอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 และมีการบูรณะครั้งล่าสุดในรัชกาลที่ 9 พระพุทธชินราชนี้เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย ลักษณะขององค์พระเส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขโนงโก่ง พระเนตรประดุจตากวาง พระนาสิกโด่ง ชายผ้าสังฆาฏิแยกเป็นเขี้ยวตะขาบ นิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 ยาวเสมอกัน อยู่ในลักษณะปางมารวิชัย ด้านซ้ายและขวาขององค์พระมียักษ์ 2 ตน คอยปกปักรักษาองค์พระอยู่ อีกทั้งยังมีพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกอยู่ด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีซุ้มเรือนแก้วที่คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยอยุธยาลักษณะเป็นรูปตัวเหรา ถือเป็นศิลปะที่สวยงามมากอย่าหนึ่ง พระพุทธชินราชประดิษฐานในวิหารลักษณะเก้าห้อง ซึ่งมีการบูรณปฏิสังขรณ์มาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้องค์พระสวยงามบริบูรณ์อย่างในปัจจุบัน และในประวัติศาสตร์ยังพบว่ากษัตริย์ในทุกๆสมัยของไทยให้ความเคารพและศรัทธาต่อองค์พระพุทธชินราชมาอย่างต่อเนื่องทุกๆ พระองค์

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดการประชุมคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขตภาคเหนือและภาคกลางตอนบน

ที่ห้องประชุมโรงแรมเดอะปาร์ค อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายแพทย์ วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขตภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ประกอบด้วย เขต 1 เชียงใหม่ เขต 2 พิษณุโลก และเขต 3 นครสวรรค์ วาระพิเศษเพื่อแก้ปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่ ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการสนับสนุนนักจิตวิทยาเข้าสู่ระบบบริการปฐมภูมิ

ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการด้านสุขภาพกาย จิต สังคม ทั้งด้านป้องกัน ส่งเสริม รักษา บำบัด ฟื้นฟูสุขภาพจิต ซึ่งในพื้นที่เขต 2 พิษณุโลก ประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก สุโขทัย และอุตรดิตถ์ มีผู้ป่วยกลุ่มโรคจิตที่เข้าถึงบริการ 11,289 คน คิดเป็นร้อยละ 0.42 ของจำนวนประชากรผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งในข้อมูลทางวิชาการยังมีผู้ป่วยจิตเวชอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการ ซึ่งในสภาวะสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบันส่งผลให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต จึงได้มีการสนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยงานที่ยังขาดแคลนนักจิตวิทยาเพื่อจัดหานักจิตวิทยาปฏิบัติงานประจำเป็นเวลา 1 ปี และจัดให้มีบริการการดูแลสุขภาพด้านจิตใจที่ต้องการการส่งเสริม ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู โดยปีงบประมาณ 2556 นำร่องสนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ 10 แห่ง และในปีงบประมาณ 2557 สนับสนุนเพิ่มเติมอีก 5 แห่ง โดยจะพิจารณาคัดเลือกหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการจากสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด

หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดพิษณุโลกร่วมกันแถลงข่าวสื่อมวลชนสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรเพื่อเตรียมความพร้อมเกษตรไทย เริ่มต้นใหม่ฤดูกาลผลิต

ที่ห้องประชุมพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ชั้น 6 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายวิทูรัช ศรีนาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นประธานในการแถลงข่าวสื่อมวลชนในการสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรเพื่อเตรียมความพร้อมเกษตรไทย เริ่มต้นใหม่ฤดูกาลผลิต ของจังหวัดพิษณุโลก ในโอกาสวันพระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2557 โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดพิษณุโลก ประกอยด้วยเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก โครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เกษตรจังหวัดพิษณุโลก และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก ร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ โดยในวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2557 เป็นวันเริ่มต้นฤดูกาลผลิต

โดยความมุ่งหวังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ ทำอย่างไรให้เกษตรกรสามารถหลุดพ้นจากสภาพปัญหาเดิมๆ โดยปัญหาที่เกษตรกรประสบ อาทิเช่น ต้นทุนการผลิตสูง ผลผลิตตกต่ำ ผลิตแล้วจะขายที่ไหน ราคาสินค้าตกต่ำ ไม่มีแหล่งเงินทุน และ ภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นสารพัดปัญหาของเกษตรกรไทย โดยในส่วนของจังหวัดพิษณุโลกได้มีการวางแผนเพื่อที่จะส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวของจังหวัด ประกอบด้วย การวางแผนการผลิตข้าวในพื้นทีที่เหมาะสม การผลิตข้าวโดยเพิ่มมูลค่า เช่น การผลิตพันธ์เฉพาะถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ การผลิตเป็นเมล็ดพันธ์จำหน่ายเป็นต้น และ การปรับเปลี่ยนชนิดพืชในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมต่อการปลูกข้าว เช่น อ้อยโรงงาน ซึ่งถือว่าเป็นพืชที่มีตลาดรองรับแน่นอน นอกจากอ้อยโรงงานแล้วยังมี กล้วยและพืชใช้น้ำน้อยอื่นๆ ที่เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ตามพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมต่อการปลูกข้าว นอกจากนี้ ยังได้มีการรวบรวมแหล่งความรู้ทางวิชาการ เทคโนโลยี รวมไปถึงตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จในการผลิตข้าวในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่เกษตรกรได้รับทราบต่อไป

จังหวัดพิษณุโลก ประชุมคณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมกับเครือข่ายทางสังคม เพื่อร่วมกันพิจารณาในการจัดทำแผนปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ปี 2557

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านสองแคว ตำบลหนองกุลา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก นายวิทูรัช ศรีนาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมกับเครือข่ายทางสังคม เพื่อร่วมกันพิจารณาการจัดทำแผนปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ปี 2557 ตลอดจนแนวทางขยายผลการจับกุมและดำเนินคดี การให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ และกระบวนการคุ้มครองเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ สำหรับจังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของภาคเหนือตอนล่างที่มีความเชื่อมโยงกับจังหวัดในกลุ่มพื้นที่พัฒนาสี่แยกอินโดจีนที่มียุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเปิดประตูสู่ความมั่งคั่ง ภายใต้โครงการพัฒนา เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนแห่งสี่แยกอินโดจีน อีกทั้งเป็นศูนย์กลางทางด้านการศึกษา ทั้งในและนอกระบบ ทำให้เยาวชนหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในโรงงาน สวนยางพารา ไร่อ้อย ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร และคนรับใช้ภายในบ้าน ซึ่งพบว่าบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์มากที่สุด ได้แก่แรงงานต่างด้าว ชนกลุ่มน้อย และบุคคลไร้สัญชาติ ทั้งนี้บุคคลที่เข้ามาใช้แรงงานในพื้นที่ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของสิทธิของตนเอง จึงมีความเสี่ยงของการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ได้มากที่สุด ลักษณะการค้ามนุษย์ในจังหวัดพิษณุโลก แม้ว่าจะยังไม่มีคดี ที่ชี้ชัดว่าเป็นปัญหาการค้ามนุษย์ แต่ทางจังหวัดก็ได้เฝ้าระวังปัญหาสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จากสถานการณ์ผู้เข้ารับการคุ้มครองที่ตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ที่เข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพภายในสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านสองแคว จังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่ปี 2551 – 2556 ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ จำนวนทั้งสิ้น 151 คน มีสัญชาติไทย 44 คน พม่า 64 คน ลาว 39 คน จีน 1 คน กัมพูชา 1 คน ไต้หวัน 1 คนและไม่ทราบสัญชาติ 1 คน