วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการตัดไม้ทำลายป่า ในป่าสงวนแห่งชาติป่าสาละวิน


เช้าวันนี้ 3 พ.ค. 57 นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการตัดไม้ทำลายป่า ในป่าสงวนแห่งชาติป่าสาละวิน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยจุดแรกได้เดินทางไปยังพื้นที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง โดยมีนายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ นายสมชัย มาเสถียร รองอธิบดีกรมป่าไม้ พันเอกอภิเชฐ ซื่อสัตย์ รอง ผบ.กกล.นเราศวร พันเอกคชาชาต บุญดี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง พร้อมทหาร ตำรวจ ปกครอง ส่วนราชการกรมป่าไม้ กรมอุทธยานฯ กว่า 30 คนร่วมนำเสนอข้อมูลการดำเนินงาน การตัดไม้ทำลายป่า ในป่าสงวนแห่งชาติป่าสาละวิน

ภายหลังรับฟังการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี ได้เดินทางไปยังหน่วยป้องกันรักษาป่า มส 16 บ้านห้วยสิงห์ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียงเพื่อดูไม้แปรรูปที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดและนำมาเก็บรักษาไว้ จำนวน 1,198 แผ่น และไปดูไม้สักท่อน ซึ่งเป็นไม้ของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส 22 บ้านห้วยโผ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 188 ท่อน

จากนั้นนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี เดินทางต่อไปยังท่าเรือบ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ดูการใช้รถยนต์ชักลากไม้ของกลางจากลำน้ำสาละวินขึ้นสู่บกซึ่งมีไม้สักท่อนที่ยังตกค้างอยู่ในน้ำสาละวินจำนวน 60 ท่อน เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถยนต์ในการชักลากขึ้นมา และลงเรือดูการใช้เรือชักลากไม้ของกลางไปตามลำน้ำสาละวินจากจุดที่มีการตรวจยึดมายังท่าเรือบ้านแม่สามแลบเพื่อที่จะนำขึ้นบกและเก็บรักษาในที่ปลอดภัยต่อไป

สำหรับข้อมูลการการตรวจยึดไม้ในป่าสงวนแห่งชาติสาละวิน ตั้งแต่วันที่ 1-30 เม.ย.57 นายเล็ก วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า ที่1จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่าตรวจยึดไม้ทั้งหมดจำนวน 15 คดี ไม้สักท่อนและนำมาเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าบ้านห้วยโผ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 188 ท่อน ปริมาตร 72.69 ม.,ไม้สักแปรรูป 1,198 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 23.70 ม. ไม้สักท่อนที่ค้างอยู่ในป่าที่ยังไม่สามารถชักลากออกมาได้เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขสูงชันอีกจำนวน เกือบ 100 ท่อน และยังมีไม้ที่อยู่ระหว่างการชักลากค้างอยู่ที่ลำน้ำสาละวินท่าเรือบ้านแม่สามแลบ จำนวน 60 ท่อน



ข่าวโดย : นวรัตน์ ศรีแก้วเลิศ
    หน่วยงาน : สวท.แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตือนประชาชน ให้เตรียมการเฝ้าระวังพายุฤดูร้อน ระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2557


นายประพันธ์ ภักดีนิติ วิศวกรเครื่องกลชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปาง เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ติดตามตรวจสอบสภาวะอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ในช่วงนี้ ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง เกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2557 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในระยะนี้ได้ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจำนวน 53 จังหวัด ร่วมทั้งจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย

จึงขอให้ประชาชนเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหา วาตภัย อันเกิดจากสภาวะฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พืชผลทางการเกษตรของเกษตรกร ในระยะ 2-3 วันนี้ สำหรับประชาชนและผู้ขับขี่ยานพาหนะบริเวณที่เกิดฝนฟ้าคะนองให้ระมัดระวังอันตราย ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดและระมัดระวังใช้เครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือกลางที่โล่งแจ้งในขณะที่ฝนฟ้าคะนอง


ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

จังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี 2557


นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมจัดพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี 2557 ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ที่ศาลาประชาคม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ในการนี้ ได้ขอความร่วมมือแต่ละอำเภอให้งดเว้นการอนุญาตเล่นการพนัน การอนุญาตให้ฆ่าสัตว์ หรือกิจกรรมอื่นใดอันเป็นการทรมานสัตว์ งดเว้นเปิดสถานบริการหรือแหล่งอันเป็นที่มาแห่งอบายมุข และเชิญชวนประชาชนร่วมดำเนินกิจกรรมในการลด ละ เลิกอบายมุขต่างๆ

วันฉัตรมงคล หมายถึง พระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พระแสงประจำรัชกาล ทำในวันซึ่งตรงกับวันบรมราชาภิเษก เสวยราชสมบัติตามราชประเพณี และเป็นวันระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้าพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ขึ้นครองราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493


ข่าวโดย : เอกณรินทร์ ใจมะโน
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

เอกอัครราชทูตไทยกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แนะผู้ที่จะไปทำงานต่างประเทศควรศึกษาวัฒนธรรม ประเพณี สภาพอากาศของประเทศนั้นๆ ก่อนเดินทาง


นายจักร บุญ-หลง เอกอัครราชทูตไทยกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลเปิดเผยว่า ประเทศอิสราเอลมีคนไทยอาศัยอยู่ประมาณ 28,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานเกษตรจากภาคอีสาน ทำงานในไร่ อีกส่วนหนึ่งเป็นสตรีไทยที่แต่งงานกับชาวอิสราเอล

เอกอัครราชทูตไทยกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลกล่าวด้วยว่า ผู้ที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศควรจะต้องศึกษาวัฒนธรรม ประเพณี สภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศของประเทศนั้นๆ



ข่าวโดย : วาสนา ไข่แก้ว
    หน่วยงาน : สวท.แม่ฮ่องสอน

สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพะเยา จัดกิจกรรม "ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม"โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาพิเศษ

นายบุญรัตน์ บุ้นมัจฉา หัวหน้าสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้กำหนดจัดกิจกรรมการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ครั้งที่ 3 ภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ปี 2557 โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมค้าส่ง – ค้าปลีกไทย ผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย และร้านค้าส่งค้าปลีกทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของจังหวัดพะเยา กำหนดจัดกิจกรรม“ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” โดยได้รับความร่วมมือจากห้างเจริญภัณฑ์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จัดกิจกรรมดังกล่าวสองช่วงเวลา คือช่วงแรก ระหว่างวันที่ 2 – 5 พฤษภาคม 2557 และช่วงที่สอง ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน 2557 ณ ห้างเจริญภัณฑ์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ โดยได้นำสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าอื่นๆ จำหน่ายในราคาพิเศษ ต้อนรับเปิดเทอม เพื่อให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าในราคาถูกกว่าปกติ และเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพอีกทางหนึ่งด้วย

สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพะเยา จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจซื้อสินค้าในราคาที่พิเศษ ต้อนรับเปิดเทอมในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว




ข่าวโดย : ประมวล อุปกิจ
หน่วยงาน : สวท.พะเยา

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก สั่งทุกหน่วยงานระดมความช่วยเหลือให้ ลูกกตัญญู ชาวอำเภอนครไทย หลังทราบข่าวเป็นเด็กดีดูแลป่วยไตวายจนต้องหยุดเรียน

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2557 เวลา 14.00 น. ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก นางกัญญ์ฐญาณ์ ภู่สวาสดิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก พร้อมผู้แทนจากเหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดพิษณุโลก สถานสงเคราะห์วังทอง จังหวัดพิษณุโลก และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 หลังได้รับคำสั่งจาก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ให้เดินทางไปให้กำลังใจและหาแนวทางการช่วยเหลือ กับนางสาวประยม จันทร์หน่อ อายุ 57 ปี ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และเด็กชายชวน จันทร์หน่อ อายุ 14 ปี ลูกชาย พร้อมด้วยนาย ชัยยา นามกัลยา อายุ 42 ปี สามี ได้เข้มแข็งและยังคงรักษาความดีงามต่อไป หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้าน หมู่บ้านฟากน้ำ หมู่ 4 ตำบลบ้านพร้าว อำเภอนครไทย ว่า น้องชวน เป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ บิดามารดา และคอยดูแลแม่เป็นอย่างดีในช่วงเจ็บป่วย

โดยเฉพาะช่วงหลังที่แม่มีอาการแย่ลงเรื่อยๆ น้องชวนต้องหยุดเรียนและมาคอยอยู่ดูแลแม่ รับการรักษา ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ตามลำพัง เพื่อให้ พ่อออกตระเวน ทำงานรับจ้าง แลกกับเงินค่าจ้างวันละ 200 บาท มาดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางและหนี้สินที่เกิดขึ้นในช่วงระยะหลัง เนื่องจาก แม่น้องชวน ต้องฟอกไตเป็นประจำ เพื่อไม่ให้อาการทรุด แต่ด้วยฐานะที่ยากจน ทำให้ ไม่สามารถฟอกไต ได้ตามที่กำหนด จึงทำให้ แม่ของน้องชวนอาการแย่ลงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิต น้องชวนจึงตั้งใจไว้ว่าจะคอยอยู่ดูแลแม่ตลอดเวลา และใช้เวลาทุกนาทีอยู่กับแม่ให้ได้มากที่สุดจนเป็นที่ประทับใจของผู้ที่พบเห็น เมื่อน้องชวนจะหมั่นบอกแม่ทุกวันว่า รักแม่ และในช่วงนี้แม่น้องชวนเริ่มจะพูดโต้ตอบไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว แต่สิ่งที่น้องชวนได้รับคำตอบจากแม่ ในบางครั้งที่แม่จะสามารถ บอกว่า กับลูกได้สั้นๆคือ ลูกต้องรักพ่อด้วยนะ เบื้องต้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปที่บ้านของน้องชวน และระดมความช่วยเหลือ มอบข้าวสารอาหารแห้ง รวมทั้ง เงินสดจำนวนหนึ่ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

รวมถึงได้เตรียมประสานกับทางโรงพยาบาลพุทธชินราชและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าพอจะมีหนทางช่วยเหลือ แม่ของน้องชวนได้บ้างหรือไม่ ส่วนหนี้สินที่ก่อขึ้นและบ้านหลังเดียวที่มีอยู่ได้ขายไปพร้อมกับที่ดินใน ราคา 40,000 บาทนั้น ล่าสุด ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ได้จัดงบสนับสนุนเตรียมสร้างบ้านช่วยเหลือ ตามโครงการบ้านน้ำใจเฉลิมพระเกียรติ 43,900 บาท แต่ได้เพียงแค่เสาและพนังบ้านยังไม่มีหลังคา สำหรับผู้ใจบุญสามารถ ติดต่อสอบถามส่งมอบความช่วยเหลือ ครอบครัวน้องชวน ได้ที่นายชัยยา นามกัลยา โทรศัพท์หมายเลข 0932767401 หรือร่วมบริจาคช่วยเหลือได้ที่ บัญชีธนาคารออมสิน สาขานครไทย ชื่อผู้ฝาก ด.ช. ชวน จันทร์หน่อ บัญชี เลขที่ 020074974294

รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก อัญเชิญพวงมาลาพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ไปวางหน้าหีบศพพลทหารกล้าชาวอำเภอวังทอง

รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก อัญเชิญพวงมาลาพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ไปวางหน้าหีบศพพลทหารกล้าชาวอำเภอวังทองที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อค่ำวานนี้ ( 2 พ.ค.57) ที่ศาลาวัดปากยาง ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้อัญเชิญพวงหรีดพระราชทาน จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพวงหรีดพระราชทานจากพระบรมศานุวงศ์ มาวางไว้หน้าหีบศพพลทหารนิมิต วรวงศ์ ที่เสียชีวิตขณะปฎิบัติหน้าที่ จากเหตุรถยนต์เสียหลักชนต้นไม้เนื่องจากถูกตะปูเรือใบของผู้ก่อความไม่สงบ ขณะค้นหาและติดตามผู้ก่อเหตุวางระเบิดแสวงเครื่อง ในพื้นที่หมู่ 2 บ้านบูเกะบากง ตำบลตะปอเยาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา สำหรับประวัติของ พลทหาร นิมิต วรวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2534 เป็นพลทหารในตำแหน่งพลยิงลูกระเบิด หมู่ปืนเล็ก ในสังกัด ฉก.นราธิวาส 32 โดยศพของทหารกล้าตั้งศพสวดอภิธรรม ที่วัดปากยาง ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2557 นี้ เวลา 16.00 น.

กกพ.เห็นชอบปรับค่าเอฟที งวดเดือน พ.ค. –ส.ค.57 เพิ่มขึ้น 10.00 สตางค์ต่อหน่วยเป็น 69.00สตางค์ต่อหน่วย สาเหตุหลักราคาเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาผลการคำนวณค่าเอฟทีสำหรับเดือนพฤษภาคม ถึง สิงหาคม 2557 เท่ากับ72.94 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 13.94 สตางค์ต่อหน่วย แต่เพื่อเป็นการลดภาระต่อผู้ใช้ไฟฟ้า จึงมีมติให้เก็บเพิ่มเพียง 10.00สตางค์ต่อหน่วยทำให้ค่าเอฟทีงวดเดือนพฤษภาคม –สิงหาคม 2557 เท่ากับ 69.00สตางค์ต่อหน่วย และให้ กฟผ.รับภาระส่วนต่างเป็นการชั่วคราว ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้พิจารณาผลการคำนวณค่า Ftในงวดเดือนพฤษภาคม– สิงหาคม2557เท่ากับ72.94 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งหากจัดเก็บตามต้นทุนที่คำนวณได้เมื่อเปรียบเทียบกับค่า Ftที่ได้เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในงวดที่ผ่านมาจำนวน59สตางค์ต่อหน่วยค่า Ftจะเพิ่มขึ้น13.94สตางค์ต่อหน่วยโดยปัจจัยที่มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสำหรับค่า Ftในงวดนี้มาจากการคาดการณ์ความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้นร้อยละ 2.8 จากช่วงเดียวกันของปี 2556 ประกอบกับประมาณการราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในงวดเดือนพฤษภาคม– สิงหาคม 2557 เมื่อเทียบกับงวดเดือนมกราคม – เมษายน 2557 พบว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นยังมีการเตรียมสำรองน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลเพื่อรองรับเหตุการณ์หยุดจ่ายก๊าซฯ แหล่งผลิต ก๊าซ JDA - A 18ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2557 เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ทั้งนี้ปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อต้นทุนการคำนวณค่า Ft งวดนี้ ประกอบด้วย - อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอ่อนค่าลง 0.12 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยอ่อนค่าจาก 32.21บาทต่อเหรียญสหรัฐ (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556) มาเป็น 32.33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 10 เมษายน 2557 ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในช่วงเดือน พ.ค. –ส.ค. 57 - การผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้น 2,003.79 ล้านหน่วย จาก 38,652.91 ล้านหน่วย เป็น 40,656.70 ล้านหน่วย เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นประกอบกับราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9.11 บาทต่อล้านบีทียู จาก 316.88 บาท/ล้านบีทียู เป็น 325.99 บาท/ล้านบีทียู - การผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันเตา มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 246 ล้านบาท จาก 3,403.13 ล้านบาท เป็น 3,649.69 ล้านบาท เพื่อมิให้เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้ไฟ กกพ. จึงมีมติให้มีการจัดเก็บค่า Ftงวดเดือนพฤษภาคม– สิงหาคม2557เพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมาจำนวน10.00สตางค์ต่อหน่วย

ดังนั้นค่า Ftที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในงวดนี้จึงเท่ากับ 69.00สตางค์ต่อหน่วยโดยให้ กฟผ. ไปดำเนินการตรวจสอบในรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติในส่วนของท่อเส้นที่ 4 ที่ บมจ.ปตท. ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามแผน และค่าดำเนินการในการจัดหาน้ำมันเตา 0.5%S สำหรับใช้ที่โรงไฟฟ้ากระบี่ และให้ กฟผ. รับภาระต้นทุนส่วนที่เหลือ3.94 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,247 ล้านบาท เป็นการชั่วคราว จากมติ กกพ. ดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน กกพ. จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทางwww.erc.or.thเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน–7พฤษภาคม2557 ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่า Ftสำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป