วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กรมควบคุมโรค จัดแถลงข่าวและจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ( MOU) บูรณาการนิคมโรคเรื้อน

เช้าวันนี้ ( 20 มิ.ย.57 ) ที่โรงแรมท๊อปแลนด์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก กรมควบคุมโรค ได้จัดแถลงข่าวสื่อมวลชนและจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ( MOU) บูรณาการนิคมโรคเรื้อนสู่ชุมชนทั่วไป โดยการบูรณาการนิคมโรคเรื้อนนิคมบ้านกร่าง จังหวัดพิษณุโลกและนิคมฝายแก้ว จังหวัดน่าน สู่ชุมชนทั่วไป โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงนาม ประกอบด้วย มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมควบคุมโรค กรมธนารักษ์ ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกร่าง จังหวัดพิษณุโลก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฝายแก้ว จังหวัดน่าน และสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ

สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ( MOU) บูรณาการนิคมโรคเรื้อนสู่ชุมชนทั่วไปดังกล่าวเพื่อให้ชาวบ้านของนิคมทั้งสองแห่งได้มีโอกาสเข้าถึงบริการของภาครัฐอย่างเท่าเทียม อาทิ ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ระบบบริการสาธารณสุข ทั้งนี้ การบูรณาการนิคมโรคเรื้อนสู่ชุมชนทั่วไป แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกคือ การสื่อสารทำความเข้าใจกับคนในนิคมและชุมชนโดยรอบ ขั้นตอนที่สอง จัดเวทีสาธารณะเพื่อให้ผู้อาศัยในนิคมมีส่วนร่วมและตัดสินใจด้วยตนเอง ขั้นตอนสุดท้ายคือ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการพัฒนาชุมชน โดยยึดหลักระบบปกตินอกชุมชนมีอะไร ในชุมชนต้องมีอย่างนั้นด้วย ซึ่งหากการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อาศัยในนิคมทั้งสองแห่งประสบความสำเร็จด้วยดีก็จะได้มีการประกาศยกเลิกการเป็นนิคมโรคเรื้อนในขั้นตอนต่อไป ด้านศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระ รามสูต ประธานมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ทางมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีการเร่งรัดและค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ เพื่อป้องกันความพิการ ลดการแพร่ติดต่อของโรคโดยประชาชนสามารมีส่วนร่วมในการนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ ซึ่งมูลนิธิฯจะมทอบเงินสนับสนุนจำนวน 2,000 บาท ในกรณีที่ผู้ป่วยมารับการรักษาด้วยตนเอง และในกรณีที่มีผู้พามา ทางมูลนิธิฯจะมอบเงินให้กับผู้นำผู้ป่วยมารักษา 1,000 บาท และมอบให้ผู้ป่วยอี 1,000 บาท มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมมือกันทำให้โรคเรื้อนหมดจากประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น