วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เตือนประชาชนที่ชอบกินเนื้อหมูสุกๆดิบๆ เสี่ยงติดโรคไข้หูดับ หูหนวกถาวรทั้ง 2 ข้าง และอาจตายได้

นายแพทย์บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่าจากสภาพอากาศในฤดูฝน ทำให้มีความอับชื้นในฟาร์มหรือสถานเลี้ยง สัตว์ โดยเฉพาะสุกร ที่เป็นสัตว์นำเชื้อแบคทีเรีย ที่ชื่อว่า สเตร็บโตค็อกคัสซูอิส เชื้อนี้ทำให้เกิดโรคไข้หูดับสู่คน และทำให้เกิดความพิการหรือเสีย ชีวิตได้ ถือเป็นโรคติดต่อมาจากสัตว์ที่มีความรุนแรงโรคหนึ่ง หมูที่ติดเชื้อ มักจะไม่แสดงอาการป่วย โดยเชื้อจะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู โดยเฉพาะที่ต่อมทอนซิลหรือที่บริเวณคอหอยและ ในโพรงจมูกของหมู แต่หากหมูมี อาการป่วยร่วมด้วย ก็จะพบเชื้อนี้อยู่ในกระแสเลือดของหมูด้วย โรคนี้พบได้ ทั่วโลก ในประเทศไทยพบผู้ป่วยทุกปี โดยข้อมูลในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 พฤษภาคม 2557 พบผู้ป่วย 79 ราย (0.12 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต จาก 11 จังหวัด เสียชีวิต 8 ราย โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่จังหวัดอุตรดิตถ์ (3.02 ต่อแสนประชากร), นครสวรรค์ (2.61 ต่อแสนประชากร), ตาก (1.35 ต่อแสนประชากร), พะเยา (0.82 ต่อแสนประชากร), เพชรบูรณ์ (0.60 ต่อแสนประชากร)สำหรับจังหวัดพิษณุโลก (1 มกราคม ถึง 9 มิถุนายน 2557) ยังไม่พบรายงานพบผู้ป่วย ในปีนี้ และในปี 2556 พบผู้ป่วย 6 ราย ในพื้นที่อำเภอ เมือง 3 ราย บางกระทุ่ม, พรหมพิราม, วัดโบสถ์ อำเภอละ 1 ราย (ไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิต) ช่วงเวลาที่พบผู้ป่วยสูงสุดจำนวน 2 รายในเดือนเมษายน เชื้อสเตรปโตค็อคคัส ซูอิส เข้าสู่ร่างกายคน ทางบาดแผลตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา และจากการรับประทานเข้าไป

โดยจะพบในรายที่รับประทานเนื้อหมูที่ปรุงดิบ หรือปรุงดิบๆสุกๆ เช่น ลาบหมู หลู้ ส้าดิบ หลังจากเชื้อเข้าสู่รางกาย จะไปทำลายอวัยวะภายใน และระบบประสาท ทำให้เยื่อหุ้มสมอง เยื่อบุหัวใจ อักเสบ ที่สำคัญคือทำให้ประสาทหูทั้ง 2 ข้าง อักเสบ และเสื่อมอย่างรุนแรง หูหนวกตลอดชีวิต และยังพบอาการเลือดออกใต้ผิวหนัง โดย จะป่วยหลังติดเชื้อประมาณ 3-5 วัน อาการที่พบบ่อยดังนี้คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูดับ ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หายใจหอบ เสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด โดยมีอัตราเสียชีวิตร้อย ละ 5-20 ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอทุกแห่ง เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พบผู้ป่วย เพื่อป้องกัน การป่วยและเสียชีวิต ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้หูดับ คือผู้ที่สัมผัสกับสุกรที่ติดโรคโดยตรง เช่น ผู้เลี้ยงสุกร ผู้ที่ทำงานใน โรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อสุกร เป็นต้น กลุ่มที่เสี่ยงมีอาการป่วยรุนแรงถ้าติดเชื้อ ได้แก่ ผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ไต มะเร็ง หัวใจ ผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคอ่อนแออยู่แล้ว โรคนี้รักษาหายขาดได้ ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศมีศักยภาพในการรักษา จึงขอแนะนำประชาชนที่มีอาการ ป่วยดังที่กล่าวมา หลังรับประทานอาหารที่ปรุงมาจากเนื้อหมู เลือดดิบๆ หรือปรุงสุกๆดิบๆ ขอให้รีบพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ในการป้องกันการติดเชื้อไข้หูดับ มีคำแนะนำดังนี้ ในกลุ่มผู้บริโภค ควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากตลาดสด หรือในห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากโรงฆ่าสัตว์มาแล้ว ควรหลีกเลี่ยง 1. การซื้อเนื้อหมูที่จำหน่ายข้างทางหรือร้านของป่า 2. ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ หรือเนื้อยุบ 3. ให้ปรุงเนื้อหมูให้สุกด้วยความร้อน นานอย่างน้อย 10 นาที หรือต้มจนเนื้อไม่มีสีแดง ไม่รับประทานเนื้อและเลือดหมูดิบ หรือดิบๆสุกๆ ในกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร หรือผู้ที่ปฏิบัติงานในเล้าหมู ฟาร์มหมู ควรสวมรองเท้าบู๊ทยาง สวมถุงมือ สวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงานในเล้าหรือในฟาร์มหมู หลังปฏิบัติงานเสร็จให้ อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด ผู้ที่มีบาดแผลที่มือหรือที่เท้าควรหลีกเลียงการ สัมผัสหมู หากจำเป็นต้องใส่ถุงมือยางป้องกัน ประการสำคัญห้ามนำหมูที่ป่วยตายมาชำแหละ อย่างเด็ดขาด และดูแลความสะอาดฟาร์มเลี้ยงหรือเล้าให้สะอาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น