วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จังหวัดเชียงใหม่ ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดและคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย

พบพื้นที่ปลูกฝิ่นในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 355 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 21.44 สูงสุดที่จังหวัดเชียงใหม่ 1,700 ไร่เศษ เร่งบูรณาการกำลังทหาร ตำรวจลงพื้นที่แก้ไขปัญหา ขณะที่คดีอาญา 5 กลุ่มมีสถิติลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

บ่ายวันนี้ (29 ก.ค 57) นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดและคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงใหม่ ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งที่ประชุมรับทราบการสำรวจและตัดทำลายไร่ฝิ่นในฤดูกาลผลิต 2556/2557 สามารถตัดทำลายได้ร้อยละ 99.34 และพบว่าในภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร น่าน เชียงราย แพร่ ลำปาง เพชรบูรณ์ มีพื้นที่ปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้น จากฤดูกาลผลิต 2555/2556 จำนวน 1,659.02 ไร่ เป็น 2,014.77 ไร่ เพิ่มขึ้น 355 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 21.44 สูงสุดที่จังหวัดเชียงใหม่ 1,716.68 ไร่ ในเขตอำเภออมก๋อย และเชียงดาว และมีพฤติการณ์ที่หลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่โดยปลูกลึกเข้าไปในป่า ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปบูรณาการกับกำลังทหารปราบปรามในพื้นที่

ด้านผลการจับกุมคดียาเสพติด ผู้แทนสำนักงานปราบปรามยาเสพติดภาค 5 รายงานว่า คดีการจับกุมยาเสพติดของจังหวัดเชียงใหม่เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกัน คือเดือนตุลาคม – มิถุนายน ปีนี้กับปี 2556 ที่ผ่านมาพบว่าสูงกว่าถึง 819 คดี โดยปี 2556 จับกุมได้ 5,048 คดี ส่วนปี 2557 จับได้ 5,867 คดี ผู้ต้องหา 6,012 ราย เป็นคดีเสพสูงสุด รองลงมาคือข้อหาครอบครอง และครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนอัตราผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดต่ออัตราประชากร 70 ต่อ 100,000 คน ช่วงเวลาเดียวกันพบว่าสถิติปีนี้ สูงกว่าปีที่ผ่านมาเช่นกัน คือจากร้อยละ 77.05 เป็นร้อยละ 77.87 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.72 เฉพาะเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาตัวยาเสพติดที่จับกุมได้ของจังหวัดเชียงใหม่อันดับหนึ่งคือยาบ้า รองลงมาเป็นยาบ้าร่วมกับเฮโรอีน เฮโรอีน และกัญชา ตามลำดับ รูปแบบการลำเลียงพบใช้รถโดยสารประจำทาง โดยซุกซ่อนในร่างกายผู้โดยสาร และการลำเลียงทางน้ำโดยใช้เรือเป็นพาหนะจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังฝั่งไทย และมีแนวโน้มการลำเลียงยาเสพติดจะซุกซ่อนมากับผู้รับจ้างหน้าใหม่โดยอาศัยรถโดยสารประจำทาง และซุกซ่อนมากับยานพาหนะส่วนบุคคล กลุ่มบุคคลที่ควรเฝ้าระวังเป็นชาวเขาที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ตอนใน อย่างไรก็ดีในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาไม่พบการจับกุมไอซ์ในปริมาณมาก อาจเป็นเพราะนโยบายจัดระเบียบสังคมและความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่

ด้านสถิติคดีอาญา 5 กลุ่ม ในช่วงเดือนมิถุนายน เปรียบเทียบปีนี้กับปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่มีสถิติลดลง พบเพิ่มขึ้นเพียงคดีที่รัฐเป็นผู้เสียหาย ด้าน พรบ.อาวุธปืน และการพนัน และคดีอาญายักยอกทรัพย์

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เน้นย้ำที่ประชุมให้รับทราบและดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจาก พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. ด้านติดตามผู้บำบัดฟื้นฟูผู้บำบัดยาเสพติดว่าอยู่ที่ไหนและจัดให้มีงานทำ ความรับผิดชอบหากมีการสั่งซื้อขายยาเสพติดจากเรือนจำ การตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินที่สูงผิดปกติบริเวณอำเภอชายแดน ตลอดจนพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้มีอิทธิพล โดยให้ดำเนินการอย่างจริงจังและเด็ดขาด


ข่าวโดย : วสันต์ มีจินดา
    หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น