วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชาวพรหมพิราม จ.พิษณุโลก หันมาปลูกดอกเบญจมาศขายสลับกับการทำนา ได้ผลผลิตดีกำไรงาม โดยเฉพาะในช่วงสภาพอากาศเย็นลง

เกษตรกรในพื้นที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก หันมาปลูกดอกเบญจมาศแทนการทำนา เนื่องจากได้ผลผลิตดีมีกำไรงาม ไม่ต่างจากการทำนา และไม่ต้องรอเงินจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยนายละมาย นาคคงคำ อายุ 63 ปี และนางมณี นาคคงคำ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 162 ม.2 บ้านพรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก สองสามีภรรยา เกษตรกรผู้ปลูกดอกเบญจมาศขาย กล่าวว่า แต่ก่อนครอบครัวของตนเองมีอาชีพทำนาเหมือนกับเกษตรกรคนอื่นๆ ใน อ.พรหมพิราม ซึ่งครอบครัวของตนทำนาทั้งหมด 24 ไร่ แต่เนื่องจากการทำนามีค่าใช้จ่ายสูง ในเรื่องของค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเครื่องจักร และค่าแรงคนเป็นจำนวนมาก ในหน้าแล้งต้องอาศัยน้ำในปริมาณที่เยอะสำหรับการเพาะปลูก และยังมีปัญหาการจ่ายเงินล่าช้า จากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จึงทดลองหันมาทำปลูกดอกเบญจมาศขาย ซึ่งปลูกสลับกับการทำนามาเป็นเวลาถึง 15 ปีแล้ว โดยใช้แค่เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งานเท่านั้น ส่วนการดูแลรักษาก็ง่าย เพียงแค่รดน้ำในตอนเช้าเท่านั้น และใส่ปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไป ที่หาได้ตามท้องตลาด เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะมีพ่อค้าจากในเมืองมารับซื้อถึงที่ โดยขายเป็นดอก ดอกละ 2-3 บาท และขายเป็นกิโลกรัม กิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งส่วนมากผู้ที่ซื้อไปจะนำไปใช้ในงานพิธีต่างๆ เช่น งานแต่ง งานศพ หรือใช้ไหว้พระทำบุญในโอกาสต่างๆ อีกด้วย สำหรับในปีนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา สภาพอากาศหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดอกเบญจมาศออกดอกดีมีสีสวยงาม และมีขนาดดอกที่โตกว่าปีก่อนๆ สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวของตนเองอย่างเป็นกอบเป็นกำ ถึงเดือนละ 1 แสนบาททีเดียว ซึ่งหากเกษตรกรชาวนาที่สนใจและมีพื้นที่เพาะปลูก จะหันมาปลูกดอกเบญจมาศสลับกับการทำนาในช่วงหน้าแล้ง ตนเองก็ยินดีให้คำปรึกษา เพราะขณะนี้ดอกเบญจมาศกำลังเป็นที่ต้องการของท้องตลาดเป็นอย่างมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น