เกษตรกรในพื้นที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก หันมาปลูกดอกเบญจมาศแทนการทำนา เนื่องจากได้ผลผลิตดีมีกำไรงาม ไม่ต่างจากการทำนา และไม่ต้องรอเงินจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยนายละมาย นาคคงคำ อายุ 63 ปี และนางมณี นาคคงคำ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 162 ม.2 บ้านพรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก สองสามีภรรยา เกษตรกรผู้ปลูกดอกเบญจมาศขาย กล่าวว่า แต่ก่อนครอบครัวของตนเองมีอาชีพทำนาเหมือนกับเกษตรกรคนอื่นๆ ใน อ.พรหมพิราม ซึ่งครอบครัวของตนทำนาทั้งหมด 24 ไร่ แต่เนื่องจากการทำนามีค่าใช้จ่ายสูง ในเรื่องของค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเครื่องจักร และค่าแรงคนเป็นจำนวนมาก ในหน้าแล้งต้องอาศัยน้ำในปริมาณที่เยอะสำหรับการเพาะปลูก และยังมีปัญหาการจ่ายเงินล่าช้า จากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จึงทดลองหันมาทำปลูกดอกเบญจมาศขาย ซึ่งปลูกสลับกับการทำนามาเป็นเวลาถึง 15 ปีแล้ว โดยใช้แค่เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งานเท่านั้น ส่วนการดูแลรักษาก็ง่าย เพียงแค่รดน้ำในตอนเช้าเท่านั้น และใส่ปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไป ที่หาได้ตามท้องตลาด เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะมีพ่อค้าจากในเมืองมารับซื้อถึงที่ โดยขายเป็นดอก ดอกละ 2-3 บาท และขายเป็นกิโลกรัม กิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งส่วนมากผู้ที่ซื้อไปจะนำไปใช้ในงานพิธีต่างๆ เช่น งานแต่ง งานศพ หรือใช้ไหว้พระทำบุญในโอกาสต่างๆ อีกด้วย สำหรับในปีนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา สภาพอากาศหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดอกเบญจมาศออกดอกดีมีสีสวยงาม และมีขนาดดอกที่โตกว่าปีก่อนๆ สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวของตนเองอย่างเป็นกอบเป็นกำ ถึงเดือนละ 1 แสนบาททีเดียว ซึ่งหากเกษตรกรชาวนาที่สนใจและมีพื้นที่เพาะปลูก จะหันมาปลูกดอกเบญจมาศสลับกับการทำนาในช่วงหน้าแล้ง ตนเองก็ยินดีให้คำปรึกษา เพราะขณะนี้ดอกเบญจมาศกำลังเป็นที่ต้องการของท้องตลาดเป็นอย่างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น