วันนี้ (19 มิ.ย. 57) เวลา 11.00 น. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพลตรีศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เป็นประธานในการประชุมโครงการการประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางการจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ระดับท้องถิ่น ณ โรงแรมเชียงใหม่ออคิด ระทรวงมหาดไทยได้แจ้งแนวปฏิบัติในห้วงประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และจากการประชุมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อหารือนโยบาย/แนวทางขับเคลื่อนภารกิจของคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในส่วนของฝ่ายความมั่นคง ระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2557 ซึ่งมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงเป็นประธานการประชุมซึ่งได้มอบหมายภารกิจสำคัญเร่งด่วนเกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทยให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ารักสามัคคีกัน ให้ความร่วมมือกับภาคราชการเพื่อเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งมุ่งเน้นให้ประชาชนมีระเบียบวินัย ร่วมกันนำประเทศไทยกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และทุจริตคอรัปชั่น รวมทั้งมุ่งเน้นให้ประชาชนไทยมีระเบียบวินัย รักษากฎหมายยิ่งขึ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายของคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นรูปธรรม จังหวัดเชียงใหม่จึงได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดเชียงใหม่ขึ้น โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นองค์กรในการขับเคลื่อนกิจกรรม สร้างความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง สมานฉันท์ สลายแนวคิดที่แตกต่างและป้องกันไม่ให้มีการปลุกระดมมวลชนที่จะนำไปสู่ความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างที่เป็นมาในอดีต ในช่วงของการยึดอำนาจการปกครองโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติถือเป็นโอกาสที่จะมีการบังคับใช้กฎหมาย สิ่งที่ประเทศไทยกำลังจะทำนั้นไม่ใช่เพียงการปฏิรูปการเมืองเท่านั้น แต่จะต้องปฏิรูปสังคมด้วย รวมถึงดูแลเรื่องปัญหายาเสพติด ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการใช้กฎหมาย และอื่น ๆ ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเพื่อจัดระเบียบสังคม เชื่อว่าเมื่อทุกอย่างลงตัว ประเทศไทยจะสามารถเดินไปพร้อมกันด้วยความสง่างาม มอบนโยบายและข้อราชการที่สำคัญ เน้นการแก้ไขปัญหาบุกรุกและทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดเชียงใหม่ได้ลดลงเกือบ 10% เมื่อเทียบจากปี พ.ศ.2552 จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ป่า คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 77% ล่าสุดปี พ.ศ.2556 พบว่า จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ป่า คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 68% ดังนั้นจังหวัดเชียงใหม่จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก รวมถึงแนวทางบริหารและการพัฒนาท้องถิ่นในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยมีผู้นำองค์กรปกครองท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุม
ข่าวโดย : ณัฏฐ์ สินันตา / พรไพลิน นุชเครือ
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่
หน่วยงาน : ส.ปชส.เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น